ข่าว
มาจริง! ผู้ชนะคำขวัญ 50 ปี ปชป. หอบรางวัลคืนถึงพรรค มอบสโลแกนใหม่แสบทรวง

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.เวลา 10.15 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวรา จันทร์มณี ผู้ชนะคำขวัญครบรอบ50ปีพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2538 นำโล่พร้อมเงินรางวัล จำนวน5,000บาท มาคืนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยวางคืนไว้ต่อหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม หลังพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่รักษาสัญญาประชาคม ละทิ้งอุดมการณ์พัฒนาประชาธิปไตย รับใช้ประชาชน โดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ที่เขียนไว้เมื่อก่อตั้งพรรคปี 2489

นายวรากล่าวว่า ตนไม่ได้มาด้วยความเกลียดชังพรรคประชาธิปัตย์ แต่มาในฐานะพลเมืองที่ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมือง และมีสิทธิท้วงติงให้พรรคการเมืองมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่เอาแต่ตักตวงช่วงชิง ต่อรองผลประโยชน์ ประดิษฐ์วาทกรรมอำพรางเพื่อฉกฉวยโอกาสเข้าสู่วงจรแห่งอำนาจพรรคการเมืองควรทุ่มเทกายใจแก้ปัญหาให้บ้านเมือง เพราะประชาชนต้องการนักการเมืองที่มีคุณภาพ มีมโนสำนึก มากกว่าพวกเล่นแร่แปรธาตุ ขายวิญญาณ เป็นทากเหลือบแร้งกาคอยสูบจิกรุมทึ้งบ้านเมือง

“ลักษณะของสังคมไทยวันนี้เข้าสู่ยุค แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน สะกดคำว่าละอายไม่เป็น แต่ก็ขอขอบคุณการแสดงความรับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค แม้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ที่ประกาศต่อประชนว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จะเพิกเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว และอ้างมติพรรค เพื่อสร้างความชอบธรรม ที่จะตระบัตสัตย์เพื่อชาติ

• ผู้ชนะคำขวัญ 50ปีประชาธิปัตย์ประกาศคืนรางวัลถ้าร่วมพปชร. แต่งให้ใหม่”ทรยศประชาชน”

• ผู้ชนะคำขวัญ ประชาธิปัตย์ จ่อบุกถามจุดยืนพรรค ถ้าหนุนสืบทอดอำนาจ ขอคืนรางวัล!

• ผู้ชนะคำขวัญ ประชาธิปัตย์ บุกชูป้ายหยุดสืบทอดอำนาจ ค้าน ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯ

ที่สำคัญคือการรักษาพันธะสัญญาที่มีต่อประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ควรรักประชาชนมากกว่ารักตัวเอง ไม่ควรละเลยดูถูกเหยียดหยามความรู้สึกและไม่ให้เกียรติประชาชน ผมขอมอบคำขวัญให้ใหม่ว่า

“73 ปีประชาธิปัตย์ กัดกร่อนประชาธิปไตย ทรยศประชาชน” นายวรา กล่าว

ทั้งนี้ นายวรา จันทร์มณี ได้เผยแพร่แถลงการณ์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

แถลงการณ์ คืนโล่และเงินรางวัลจากการประกวดคำขวัญ

เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ตระบัดสัตย์ต่อประชาชน

เรียน พี่น้องประชาชนไทย และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ผมรู้สึกเสียใจที่ต้องกลับมาพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง หลังจากที่วันก่อนได้มาขอให้พรรครักษาคำมั่นสัญญาต่อประชาชน กรณีจะไม่สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสืบทอดอำนาจ คสช.

บัดนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตระบัดสัตย์ต่อประชาชนโดยสมบูรณ์แล้ว ผมจึงต้องรักษาคำพูดด้วยการนำโล่รางวัลชนะเลิศการประกวดคำขวัญ 50 ปี พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพ.ศ. 2538 ที่ว่า “50 ปีประชาธิปัตย์พัฒนาประชาธิปไตยรับใช้ประชาชน” มาคืนพร้อมเงินรางวัล 5,000 บาท

ทำไมผมจึงต้องนำโล่และเงินรางวัลมาคืน? เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประชาคม ละทิ้งอุดมการณ์ โล่รางวัลที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอุดมการณ์ก็ไร้ความหมาย หากเปรียบอุดมการณ์ดั่งรัฐธรรมนูญ วาทกรรมที่พยายามประดิษฐ์ขึ้นเพื่ออธิบายบทละครเป็นเพียงแค่กฏหมายลูก กฎหมายลูกจะมาล้มล้างรัฐธรรมนูญมิได้

นี่เป็นการเปรียบเปรยที่อาจจะไม่ตรงนัก ความจริงแท้ๆ ตรงๆ คือพรรคประชาธิปัตย์ไม่รักษาพันธะสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ละทิ้งอุดมการณ์ พัฒนาประชาธิปไตย รับใช้ประชาชน มากกว่านั้นยังไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ข้อ 2, 3, 4 ที่เขียนไว้ครั้งก่อตั้งพรรคเมื่อปี 2489 ว่า พรรคจะดำเนินการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชน โดยอาศัยหลักกฏหมายและเหตุผลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลัง จะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ

พี่น้องประชาชนที่รัก เกิดเป็นคน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสัจจะ หากไร้ศักดิ์ศรี ไม่รักษาคำพูด ละทิ้งอุดมการณ์ ก็ไร้คุณค่า หมดราคา ยิ่งเป็นพรรคการเมืองด้วยแล้ว ก็ไร้ความน่าเชื่อถือ ยากที่ประชาชนจะไว้วางใจได้อีกต่อไป

การที่ผมมาในวันนี้ มิได้มาด้วยความเกลียดชังพรรคประชาธิปัตย์ แต่มาในฐานะพลเมืองที่ต้องมีส่วนร่วมทางการเมือง มีสิทธิ์ท้วงติงให้พรรคการเมืองมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน มิใช่เอาแต่ตักตวงช่วงชิง ต่อรองผลประโยชน์ ประดิษฐ์วาทกรรมอำพรางเพื่อฉกฉวยโอกาสเข้าสู่วงจรแห่งอำนาจ พรรคการเมืองควรที่จะมุ่งมั่นทุ่มเทกายใจแก้ปัญหาบ้านเมือง เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของราษฎร

ประชาชนต้องการนักการเมืองที่มีคุณภาพ มีมโนธรรมสำนึกและหิริโอตัปปะ มากกว่าพวกกำมะลอเล่นแร่แปรธาตุขายวิญญาณ เป็นทากเหลือบแร้งกาคอยสูบจิกรุมทึ้งบ้านเมือง

ลักษณาการของสังคมไทยวันนี้ หนักหนากว่าที่จะเอาศรีธนญชัยมาเปรียบ บ้านเมืองเราเข้าสู่ยุค“แหวนแม่นาฬิกาเพื่อน” สะกดคำว่าละอายไม่เป็น ชนชั้นนำทำอะไรก็ได้ที่จะฉกฉวยเอื้อประโยชน์ เฉไฉโกหกบิดเบือนชนิดด้านได้อายอด

ตลอด 5 ปีที่เผด็จการครองอำนาจ ประชาชนทุกทั่วหัวระแหงลำบากยากเข็ญ รัฐบาลคสช. ที่ไม่มีธรรมาภิบาลได้ทำให้ประเทศย่อยยับ มีการเอื้อประโยชน์และทุจริตจำนวนมหาศาล ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ย่อมรู้อยู่แก่ใจดี

อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณการแสดงความรับผิดชอบส่วนตัวของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และท่านอื่นๆ แม้ว่าคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคฯ ที่ได้ประกาศต่อประชาชนเช่นกันว่าจะไม่สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะเพิกเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด

ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่าสิ่งสำคัญกว่าการอ้างมติพรรคเพื่อสร้างความชอบธรรมที่จะ“ตระบัดสัตย์เพื่อชาติ” คือการรักษาพันธะสัญญาที่มีต่อประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ควรรักประชาชนมากกว่ารักตนเอง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรละเลย ดูถูกเหยียดหยามความรู้สึก ไม่ให้เกียรติประชาชน ประชาชนในที่นี้มิได้หมายความแต่ผู้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ แต่หมายถึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่รับรู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์พูดไว้เช่นไรและต่างมีพันธะสัญญาต่อคำพูดนั้น

อนึ่ง มีการให้เหตุผลว่าพรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องเลือกระหว่างพรรคคนดีอย่างพลังประชารัฐ กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการหลงประเด็น สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เลือกได้มีแค่ 2 ทาง คือเลือกที่จะเป็นสัตบุรุษด้วยการรักษาวาจาสัตย์ หรือเป็นโมฆะบุรุษด้วยการตระบัดสัตย์ ผมจะคอยดูว่าคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนที่ยังปลิวว่อนอยู่ในสื่อสาธารณะอย่างไร ท่านจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นที่หนึ่งในหัวใจของประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อแม้แต่คำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนก็ยังรักษาไว้ไม่ได้

ผมขอขอบคุณคุณูปการหลายอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กระทำในอดีต และขอไว้อาลัยต่ออัตวินิบาตกรรมที่พรรคประชาธิปัตย์กระทำแก่ตนเองในครั้งนี้ ผมขอรักษาคำพูดมอบคำขวัญ “73 ปีประชาธิปัตย์ กัดกร่อนประชาธิปไตย ทรยศประชาชน” แก่ท่านตามที่เคยประกาศไว้

พี่น้องประชาชนที่รัก ผมมิอาจนิ่งเฉยต่อการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ได้ เพราะการตัดสินใจของพรรคนั้น จะส่งผลถึงทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน และจริยธรรมทางการเมืองของประเทศ

ในเมื่อเราไม่สามารถเชื่อถือคนได้ ผมจึงขออนุญาตวางโล่พร้อมเงินรางวัลคืนแก่พรรค ณ เบื้องหน้าพระแม่ธรณี ขอพระแม่ธรณีได้โปรดรับรู้และเป็นสักขีพยาน

สัจจังเวอมตาวาจา

วรา จันทร์มณี

7 มิถุนายน 2562

"สมคิด" ส่อถอดใจ หากกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเออยู่กับพรรคร่วม

การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ลงตัว พรรคพลังประชารัฐยืนกรานล้มดีลแรก ทุบโควตารัฐมนตรีใหม่ โยน "บิ๊กตู่" ชี้ขาดถ้าเถียงไม่ลงตัว จับตา "สมคิด" คีย์แมนเศรษฐกิจคนสำคัญเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2562

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุด จากฝั่งพรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. จากดีลรอบแรกที่มีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทย หรือ ภท. จะได้เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รมว.คมนาคม รมว.สาธารณสุข และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ หรือ ปชป. จะได้ รมว.พาณิชย์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น แกนนำพรรคฯ ยืนยันเงื่อนไขเดิมจะใช้ระบบพรรคการเมืองมาหารือกันใหม่ โดยผู้บริหารพรรคฯ จะเป็นผู้เจรจาพูดคุย แล้วนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคฯ การพูดคุยผ่านผู้ใหญ่นอกพรรคฯ คนใดไม่ถือเป็นข้อสรุป

ทั้งนี้ หากการเจรจาไม่ลงตัว พรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันจะยึดดีลแรก พรรคพลังประชารัฐจะโยนสิทธิ์ขาดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรี พิจารณาความเหมาะสมด้วยตัวเอง เพราะได้เรียนรู้จากการสูญเสียเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับประชาธิปัตย์ ทำให้การประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกถล่มอย่างหนัก และหากยังเสียเปรียบโควตากระทรวงสำคัญๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ จะทำให้การทำงานของรัฐบาลลำบาก

ขณะที่มีรายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลปัจจุบัน มองว่าหากโควตายังเป็นแบบนี้ ไม่เหลือกระทรวงเกรดเอไว้เลย อาจทำงานไม่ได้ รวมถึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพ อาจเป็นเหตุผลทำให้นายสมคิดตัดสินใจไม่ไปต่อก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐจะมีการหารือเรื่องนี้กันในวันนี้ และยังมีเวลาในการพูดคุยกับพรรคร่วมถึงโควตาที่ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุต้องเป็นของพรรคหลักจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่เก้าอี้ไหนที่ลงตัวแล้ว อาจส่งให้นายกฯ พิจารณาไปก่อน โดยได้วางไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดไม่ให้เกินวันที่ 13 มิ.ย. เพื่อให้ทันสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย. ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ.


ด่าเจ็บ เหน็บแรง ตู่ ซัด ตู่ "ไปอยู่กับประยุทธ์ ผมก็เป็นหมาสิครับ"

จบไปแล้วขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ชนะขาดลอย มีคนโหวตสูงถึง 500 คะแนน ส่วนธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็แพ้ยับเยินอย่างที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ทีแรก

แต่สำหรับดาวเด่น โดดเด้งในสภา กล้าได้กล้าเสีย มากที่สุดคงต้องยกให้ "พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เพราะแต่ละคำพูดเรียกเสียงฮือฮา หัวเราะ โห่ร้อง ได้ใจฝ่ายประชาธิปไตย ด้วยวาทะแทงใจดำฝ่ายตรงข้าม เช่นประโยคที่พูดว่า "หลังเลือกตั้งได้กว่า 8 แสนคะแนน ต่อมามีส่งคนมาคุยกับผมขอให้ไปอยู่พรรคที่สนับสนุนคุณประยุทธ์ ผมบอกไปได้ไงอะ ในเมื่อผมไม่เห็นชอบกับการยึดอำนาจ ไม่เห็นชอบกับการกระทำของคุณประยุทธ์มาโดยตลอด ผมไปผมก็เสียหมาสิ ผมเป็นคนดีกว่า ดีกว่าจะเป็นหมานะครับ ไม่ได้ว่าใครนะครับ"

หูยยยย แรงส์มากเลย แต่เจ้าตัวดันรีบพูดตัดบทว่าไม่ได้ด่ากระทบกระเทียบใครว่า "หมา" นะ (อาจจะแค่เปรียบเปรยลอยๆ)

และอีกประโยคหนึ่งที่เหมือนดูถูกดูแคลนเหยียดหยามนายทหารกล้า กับวาทะที่ว่า "อย่าว่าแต่ว่า ผมจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย แม้แต่ยามที่บ้านผมก็ไม่เอา เดี๋ยวด่าคนมาหาผมกระเจิดกระเจิงหมด ผมไม่เอา" เพียงประโยคนี้ก็หัวเราะกันลั่น แต่คนที่หัวเราะไม่ออกเห็นจะเป็นผู้ที่ถูกพาดพิงถึง

เท่านั้นยังไม่พอ ยังหันมาซัดพี่ชายที่แสนดี ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะอยู่ดีๆ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็โดนเสรีพิศุทธ์ ขุดคุ้ยเรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อนออกมาพูดอีกจนได้ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มันเคลียร์จบไปแล้ว "อีกเรื่องที่หลายคนรู้ดี แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน 25 เรือน เป็นไงครับยุติแบบหน้าด้าน ๆ นะครับ แล้วทำไมทางวินัยไม่จัดการกัน" รวมไปถึงการพาดพิงบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบช.สตม. ที่อยู่ดีๆ ใช้ ม.44 ย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือนโดยไม่มีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ


ล้มดีล! ตั้งรัฐบาลบิ๊กตู่ วุ่น พลังประชารัฐ ทวงคืนกระทรวงใหญ่ หลังโหวตเสร็จ?

ยังเคลียร์ไม่ลงตัว!! พลังประชารัฐ เตรียมเกลี่ยกระทรวงใหม่ หลังปิดโหวตเลือกนายกฯ ตื้อขอคืน กระทรวงเกษตรฯ – พาณิชย์ – คมนาคม

หลังจากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จากสภาชิกรัฐสภา (ส.ส. และ ส.ว.สรรหา) ซึ่ง ผลปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ 500 เสียง นายธนาธรได้ 244 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล นำโดยพรรค พปชร. หลังจากแกนนำพรรคไปเจรจา พูดคุย กับพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล

โดยพรรค พปชร.ยืนยัน เงื่อนไขที่จะนำข้อเสนอของพรรค ที่จะมาร่วมรัฐบาล เข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ทั้งเรื่องนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี รวมไปถึงการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ตามที่พรรคการยื่นข้อเสนอมา

โดยจะนำข้อเสนอเหล่านี้ ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาในรายละเอียดให้เกิดความเหมาะสม และอาจต้องมีการเกลี่ยกระทรวงใหม่อีกครั้ง เพื่อ ขอคืนกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงคมนาคม หลังจากผู้ประสานเจรจาในรอบแรกเสนอให้กับพรรคร่วม จนแกนนำกลุ่มต่างๆภายในพรรคไม่พอใจ และเปลี่ยนผู้เจรจาให้มาเป็นแกนนำที่มาจากสายการเมืองในพรรคโดยตรงเพื่อป้องกันข้อครหาคนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมในพรรค

ขณะที่ยังมีแรงกดดันจากกลุ่มสามมิตร ที่พยายามจะขอคืน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือต่อรองให้พิจารณากระทรวงอื่นที่มีความสำคัญ เช่น กระทรวงคมนาคม เพื่อให้มีตัวแทนของกลุ่มเข้าไปบริหารแทน

อย่างไรก็ตามการจัดสรรเก้าอี้ยังไม่ลงตัว แม้จะมีการเสนอข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย จะได้ตำแหน่งรองนายก รมว.3 ตำแหน่ง และ รมช.4 ตำแหน่ง แต่ทั้งหมดยังต้องมาพิจารณากันใหม่โดยจะดูผลคะแนนที่แต่ละพรรคลงมติโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯมาประกอบการพิจารณาด้วย จึงเป็นการล้มเจรจาในรอบแรกโดยผู้ที่มีอำนาจบางคนมาเป็นบุคคลภายในพรรคดำเนินการแทน


ส.ส.พลังประชารัฐ ประกาศยึดเก้าอี้ รัฐมนตรี คืนจากพรรคร่วมรัฐบาล

วันที่ 6 มิ.ย. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงที่ประชุมรัฐสภาลงมติเสียงข้างมากเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ว่า ภาคภูมิใจที่สมาชิกรัฐสภาเคารพเสียงของประชาชน แต่ขณะนี้ภายในพรรคพลังประชารัฐ มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับกระแสข่าวแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบายที่พวกเราหาเสียงไว้กับประชาชนทั่วประเทศ

จึงอยากฝากไปยังนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ผู้ได้รับมอบหมายให้ประสานจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลว่า เราในฐานะแกนหลักของรัฐบาลต้องได้ดูแลกระทรวงสำคัญต่างๆ เพื่อสานงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งขับเคลื่อนงานนโยบายที่หาเสียงไว้

นายสิระ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐควรได้กระทรวงสำคัญที่ดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ซึ่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ริเริ่มไว้หลายโครงการ รวมทั้งการแก้ปัญหาพืชผลการเกษตรที่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน หากพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ดูแลกระทรวงที่สามารถทำงานเข้าถึงประชาชนได้อย่างแท้จริงจะเกิดปัญหาในระยะยาว เพราะเราจะไม่สามารถทำงานตามที่รับปากกับประชาชนได้ ผู้ใหญ่ในพรรคต้องให้ความสำคัญว่าเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ

หากจะทำการเมืองต่อไปต้องดูแลภาคเกษตร ไม่ว่าชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ พืชผลทางการเกษตร ส.ป.ก.4-01 ซึ่งส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย เพราะเราเคยหาเสียงไว้ หากเราไม่ได้ดูแลกระทรวงสำคัญ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ไม่สามารถผลักดันโครงการต่างๆ ได้เต็มที่

ดังนั้น อยากให้ผู้บริหารพรรคและกรรมการบริหารพรรคทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราเคยรับปากกับประชาชนในการหาเสียงไว้ด้วย เพราะนโยบายเหล่านี้ทำให้เราได้ส.ส.ถึง 116 ที่นั่ง อีกทั้งเป็นเพียงพรรคเดียวที่มีส.ส.จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เราไม่ควรโกหกประชาชน และควรปกป้องสิทธิในฐานะพรรคแกนหลักจัดตั้งรัฐบาล

นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรได้ปราศรัยและช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ ก่อนเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐได้สัมผัสและรับฟังปัญหาของเกษตรกรมาตลอด จึงเห็นว่านโยบายด้านการเกษตรถือเป็นภารกิจสำคัญ ของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องขับเคลื่อนเร่งด่วน เพื่อคลี่คลายวิกฤตความเดือดร้อนของประชาชน เราจึงควรมีคนของพรรคเข้ารับตำแหน่งรมว.เกษตรฯ ส่วนบุคคลใดเหมาะสมนั้น ถือเป็นอำนาจของนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีหลังจากการโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐจะเร่งหาหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติในเรื่องของการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ รวมถึงพิจารณารายชื่อผู้มีความเหมาะสมเป็นรัฐมนตรี

ทั้งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลและภายในพรรคพลังประชารัฐเอง เพื่อเตรียมนำรายชื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ดุลพินิจพิจารณาความเหมาะสม จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่ได้มีการหารือกันไว้กับพรรคที่จะร่วมรัฐบาล ขณะนี้ยังมีเวลาให้พรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยรายละเอียดในตำแหน่ง และระบุรายชื่อที่จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลให้เรียบร้อยก่อน ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ คาดว่าแกนนำพรรคจะหารือถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง


เกมรุก...จากพลังประชารัฐ ต่อประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย

คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมงที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนขึ้นขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุมรัฐสภา

สัญญาณแห่งการปรับเปลี่ยนทางการเมืองก็เริ่มส่งมาจาก พรรคพลังประชารัฐ

เป็นสัญญาณแห่งการ”ดีล”กันใหม่

ที่พรรคประชาธิปัตย์มาดหมายจะได้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้กระทรวงพาณิชย์ อาจไม่ใช่ ที่พรรคภูมิใจไทยมาดหมายจะได้กระทรวงคมนาคม อาจไม่ใช่

อำนาจมาอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อำนาจมาอยู่ในมือของ พรรคพลังประชารัฐ อย่างเต็มเปี่ยม

นี่คือกลเกมในแบบ”ยืมหอกสนองคืน”

เด่นชัดยิ่งว่ายุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามนำเอา”ประชาธิปไตยสุจริต”ที่อยู่ในมือเพื่อชำระล้าง “ประชาธิปไตยวิปริต” ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจกลายเป็นปัญหา

น่าสนใจก็ตรงที่พรรคพลังประชารัฐ อ้างเหตุผลเช่นเดียวกับของพรรคประชาธิปัตย์ในห้วงก่อนการเลือกตั้ง

นั่นก็คือ เห็นว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

เพราะเรื่องเร่งด่วนมากยิ่งกว่า คือปัญหาความเดือดร้อนในทางเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกร

จึงต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรอันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

ปัญหาของ”รัฐธรรมนูญ”จึงต้องชะลอเอาไว้ก่อน

จำได้หรือไม่ในทุกเวทีดีเบตเมื่อมีคำถามเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ล้วนเห็นว่ามีความจำเป็นต้องแก้แต่มิได้เป็นเรื่องด่วน

หอกของ 2 พรรคจึงถูกย้อนคืนโดยพรรคพลังประชารัฐ

ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย เคยรุกต่อพรรคพลัง ประชารัฐมาก่อนในห้วงแห่งการเจรจาก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิถุนายน

เป็นธรรมดาที่เมื่อพรรคพลังประชารัฐกำชัยเหนือกว่า

หลังวันที่ 5 มิถุนายน หลังจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตกอยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

การรุกจากพรรคพลังประชารัฐจึงได้เริ่มอย่างดุเดือดเข้มข้น


“ประวิตร” แทงกั๊กอยู่ต่อ บอกไม่รู้อะไรสักอย่าง เผยตอนนี้ “แย่แล้ว” ร่ายกายไม่แข็งแรง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการล้มดีลการจัดสรรตำแหน่งคณะรัฐมนตรีว่า ทุกอย่างกำลังดำเนินการไป ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้เป็นคนทำ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ไม่ได้มาปรึกษาอะไรในเรื่องดังกล่าว เพราะเขาทำคนเดียว

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าถ้าเกลี่ยตำแหน่งไม่ลงตัว อาจจะเกิดปัญหาเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลชุดหน้าได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นคนเกลี่ยตำแหน่ง ส่วนจะมีการเชิญตนไปนั่งหัวโต๊ะเพื่อพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยหรือไม่นั้น ตนก็ยังไม่ทราบ อีกทั้งยังไม่มีใครมาเชิญตน

เมื่อถามถึง กรณีที่มีข่าวว่ามีการแย่งชิงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามนักการเมือง ตนจะไปทราบได้อย่างไรถึงเรื่อวความเหมาะสมว่าใครควรจะได้รับตำแหน่ง ตนจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะไม่ได้ทำงานนี้ และตนไม่ได้เล่นการเมือง

เมื่อถามว่ามีเทียบเชิญให้พล.อ.ประวิตรดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ และตนแย่แล้ว คือไม่สบาย และไม่แข็งแรงเท่าที่ควร เมื่อถามย้ำว่าอาการที่ไม่สบายนั้นคือจะไม่รับตำแหน่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ยังไม่รู้”

เมื่อถามอีกว่าไม่สบายแต่ยังพร้อมทำงานใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า “ก็ยังไม่รู้” ต่อข้อถามว่าเนียมอายที่จะรับตำแหน่งใช่หรือไม่ หรือเป็นการสงวนท่าที พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ เมื่อถามอีกว่าจะเหลือเพียงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้”

เมื่อถามว่าการที่พล.อ.ประวิตรระบุว่าไม่สบายทำให้ทุกคนใจหายกันหมด พล.อ.ประวิตร ย้อนถามกลับว่า ทำไม เพราะยังไม่รู้เลย เมื่อถามต่อแสดงว่าในส่วนของกระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวจะต้องพบกับรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้

เมื่อถามว่ามีคนในใจที่จะมาสานงานต่อแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ซึ่งยังไม่มีใครเลย ผู้สื่อข่าวจึงย้อนถามว่า การที่ไม่มีใครในใจแสดงว่ายังเป็นพล.อ.ประวิตรเหมือนเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ แต่ยืนยันว่าเรื่องร่างกายที่ไม่แข็งแรงเท่าที่ควรนั้นเป็นเรื่องจริง ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์เคยระบุว่าจะให้อยู่ช่วยงานต่อนั้น ตนยังไม่ทราบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้มาพูดกับตน

เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังใจสู้ใช่อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้


ช้างร่วมกับลัคกี้ไรส์จัดเทศกาลอาหารใจกลางเมืองแอลเอ

เบียร์ช้างร่วมกับ Lucky Rice องค์กรที่สนับสนุนการโชว์เคสอาหารเอเชียมาเป็นเวลากว่า 10 ปี จัดเทศกาลอาหาร “Lucky Rice Night Market of The Future ขึ้นที่บริเวณ Underground ของตลาด Grand Central Market ในใจกลางนครลอสแองเจลิสขึ้นเมื่อวันพฤหัสที่ 30 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยมีร้านอาหารไทยชื่อดังในนครลอสแอนเจลิสเข้าร่วมด้วย 3 ร้านคือร้าน Noree Thai ร้าน Chao Krung และ ร้าน Sticky Rice พร้อมด้วยการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ “Som” ของเชฟอาหารไทยชื่อดัง แอนดี้ ริกเกอร์ จากร้าน “Pok Pok” มาร่วมงานด้วย

ทางไทยแอลเอได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณ วิเวียน เชน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและคุณเดเนียล ชาง ผู้ก่อตั้งองค์กร Lucky Rice ซึ่งก็เป็นผู้ดำเนินรายการ Lucky Chow ทางช่อง PBS ถึงแรงบันดาลใจในการก่อตั้งองค์กรนี้ ซึ่งพวกเธอกล่าวว่า “พวกเราต้องการให้อาหารเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงคนเข้าด้วยกัน” องค์กร Lucky Rice ได้เริ่มก่อตั้งมาเมื่อ 10 ปีก่อน โดยคุณเดเนียล ชาง จากการรวมตัวของผู้ประกอบการเกี่ยวกับอาหารในจุดเล็ก ๆ ใต้สะพานในมหานครนิวยอร์ค มาในวันนี้ Lucky Rice ได้จัดงานเทศกาลอาหารให้กับสาธารณชนมาเข้าร่วมไปแล้วมากกว่า 25 แห่งทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ รวมทั้งยังได้จัดกิจกรรมให้กับกลุ่มลูกค้าขององค์กรที่ต้องการนำเอาอาหารเอเชียมานำเสนออีกด้วย ซึ่งนับรวมได้ว่ากว่า 10 ปีที่ผ่านมา Lucky Rice ได้จัดงานให้มีผู้เข้ามาลิ้มรสอาหารเอเชียไปมากกว่า 6 หมื่นคนและมีคนเข้ามาชมข้อมูลทางโซเชี่ยลมีเดียมากกว่า 80 ล้านคนแล้ว

ในแต่ละปีทาง Lucky Rice จะมีการคัดเลือกร้านอาหารและผู้ที่จะเข้ามาร่วมงานด้วยตัวเอง “เราไม่ได้จำกัดว่าร้านอาหารนั้นจะต้องเป็นอาหารแบบดั้งเดิมหรือแบบฟิวชั่น” คุณวิเวียนกล่าว “เราเลือกร้านที่มีภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับสิ่งที่เราทำ และผู้ที่สนใจจะเข้ามาร่วมงานก็สามารถติดต่อเรามาได้โดยตรง” ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่เบียร์ช้างได้เข้าร่วมเป็นเบียร์หลักที่สนับสนุนงาน Lucky Rice Night Market of The Future โดย คุณ“ปิ๋ม” สฤณี สุทธิกุลพานิช ผู้จัดการแบรนด์ของบริษัทไทยเบฟอินเตอร์เนชันนัล ซึ่งเป็นตัวแทนของเบียร์ช้าง กล่าวว่า “ได้มีการคุยกับทางลัคกี้ไรส์มาสักพักแล้วเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน และเมื่อปีนี้มีการเชิญร้านอาหารไทยมาร่วมงานอยู่หลายร้าน ทางเบียร์ช้างก็เลยตัดสินใจเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย”

ต่อจากงานเทศกาลอาหารครั้งนี้ทาง Lucky Rice จะจัดงานเทศกาลอาหารในเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐอเมริกาอีกหลายเมือง อาทิเช่น ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ค และฮูสตัน ซึ่งเป็นเมืองที่มีคนไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับนครลอสแอนเจลิส โดยเบียร์ช้างก็จะร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในทุกเทศกาลที่จะจัดขึ้นในปีนี้

สำหรับคนไทยในซานฟรานซิสโกและเมืองใกล้เคียงสามารถเข้าร่วมงานเทศกาลอาหาร Lucky Rice Night Market of The Future ที่ Ferry Building ในวันพฤหัสที่ 25 กรกฏาคม 2562 รายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อบัตรเข้าร่วมงานและข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมครั้งต่อไปสามารถเข้าไปติดตามได้ที่เวบไซด์ https://www.luckyrice.com/


วลัยพรรณ เกษทอง

รายงานข่าว


สองพี่น้องหัสดีวิจิตรเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬาในนครลอสแอนเจลิส

สองพี่น้อง ดาราและนางแบบสาวชื่อดัง “เอ” อัญชลี และ “โย” ยสวดี หัสดีวิจิตร เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬา 2019 Herbalife24 Triathlon Los Angeles เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา

บริษัท Herbalife Nutrition บริษัทจำหน่ายอาหารเสริมซึ่งมีสาขาและตัวแทนทั่วโลกได้จัดงาน 2019 Herbalife24 Triathlon Los Angeles โดยมีนักกีฬาไตรกีฬาระดับอาชีพและสมัครเล่นจากทั่วโลกเข้าร่วมมากกว่า 2 พันคน ซึ่งสองสาว “เอ” และ “โย” หัสดีวิจิตร ก็เป็นนักกีฬาจากประเทศไทยที่เข้าร่วมงานนี้ด้วย

การแข่งขันไตรกีฬาครั้งนี้เริ่มต้นในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าที่ชายหาดเมืองซานตามอนิก้า โดยนักกีฬาจะต้องว่ายน้ำเป็นระยะทาง 1,500 เมตร จากนั้นจึงปั่นจักรยานตามเส้นทางเข้าสู่ใจกลางนครลอสแอนเจลิสเป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร และจบคอร์สสุดท้ายของการแข่งขันด้วยการวิ่ง 10 กิโลเมตรเข้าสู่เส้นชัยในบริเวณ LA Live โดยทางไทยแอลเอก็ได้รับเกียรติเป็นผู้สื่อข่าวเข้าไปร่วมทำข่าวและสัมภาษณ์นักกีฬาสาวไทยทั้งคู่ถึงเส้นชัยด้วย

“เอ” เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกหลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บกระดูกเชิงกรานหักจากอุบัติเหตุจักรยานล้มในระหว่างการแข่งขันไตรกีฬาเมื่อปีแล้ว เธอกล่าวว่า “ตื่นเต้นที่มาแข่งที่ลอสแอนเจลิสเป็นครั้งแรกในระยะสปริ้นหลังจากที่กระดูกหัก เอไม่เคยว่ายน้ำหนาวขนาดนี้เลย ได้ไปซ้อมว่ายในคลื่นเพียงวันเดียวก่อนการแข่งขัน เกือบจะเปลี่ยนใจไม่ลงแข่งแล้ว แต่โยก็บอกว่าไหน ๆ ก็มาถึงแล้วอย่าถอดใจเลย”

ส่วน “โย” ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ผันตัวเองจากนักกีฬาวิ่งมาราธอนมาเป็นนักกีฬาไตรกีฬาและเข้าร่วมแข่งขันในระดับนานาชาติทั่วโลกมาหลายครั้ง กล่าวว่า “โยเคยมาทำงานที่นี่ในสมัยที่เป็นนางแบบ แต่วันนี้แอลเอเปลี่ยนไปมาก ส่วนเรื่องการแข่งขันวิ่งมาราธอนเราควบคุมเวลาได้ง่ายกว่า การแข่งไตรกีฬามันมีหลายอย่าง ถ้าหากว่ายน้ำไม่ได้เวลาอย่างที่ตั้งใจ จักรยานและวิ่งก็จะต้องทดเวลาในส่วนนั้นด้วย โยเคยไปว่ายน้ำเย็นที่ประเทศยุโรป ออสเตรเลียและอีกหลายที่ แต่คราวนี้รู้สึกว่าน้ำมีความเย็นมาก ทำให้รู้สึกตกใจ ขณะอยู่ในน้ำช่วงแรกก็เกิดความกลัวขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถหยุดการแข่งขันได้ เพราะมีพี่สาวกำลังรอออกตัวอยู่ ถ้าหากยอมแพ้ตอนนี้คงดับฝันพี่สาวไปด้วย ยังไงต้องไปต่อให้ได้” เธอยอมรับว่า “งานเฮอร์บาไลฟ์นี้ทำให้โยได้ประสบการณ์ในการว่ายน้ำเย็นมากขึ้น รวมทั้งการปั่นจักรยานและการวิ่ง ครั้งนี้แม้จะปั่นจักรยานได้ช้ากว่ามาตรฐานมากเพราะเป็นตะคริวตั้งแต่อยู่ในน้ำและในการปั่นช่วงแรก แต่ก็ทำเวลาได้ดีในการว่ายน้ำและวิ่ง”

นอกจากนี้ “โย” ได้เล่าถึงความประทับใจจากการแข่งขันครั้งนี้ว่า “ตอนแรกก็แปลกใจว่าจะจัดงานอย่างไรให้มาสิ้นสุดที่ใจกลางเมือง แต่พอมาเห็นมีการปิดถนน การปั่นการวิ่งเป็นไปด้วยความปลอดภัย มีความร่วมมือกันดีมากก็ถือว่าจัดงานนี้ได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ”

ถึงแม้ครั้งนี้ทางสองสาวจะทำเวลาได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำมา เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและความไม่คุ้นเคยกับสภาพเส้นทาง แต่ทั้งสองก็สามารถเข้าสู่เส้นชัยได้โดยใช้เวลาช้ากว่าผู้ชนะไปด้วยเวลาไม่มากนัก หลังจากงานนี้ทั้งสองสาวมีแผนจะเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬาระดับนานาชาติต่อไปอีก โดย”โย”กล่าวว่า “ตอนแรกตั้งใจจะเข้าร่วมในงานที่เดนมาร์คในปีนี้ แต่คิดว่าคงจะเปลี่ยนไปเป็นปีหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องการว่ายน้ำเย็นให้มากขึ้น” ส่วนงานในวงการทั้งสองสาวก็ยังไม่ทิ้งงานในวงการเลยเสียทีเดียว “เอ” ซึ่งในวันนี้เป็นคุณแม่แล้ว “จะขอรับงานละครที่ใช้เวลาในการถ่ายทำไม่นาน” เพื่อจะได้ให้เวลากับครอบครัวและธุรกิจส่วนตัว รวมทั้งกีฬาไตรกีฬาที่เธอรัก และ “โย” ก็ยังรับงานอีเวนท์ที่เกี่ยวกับอาหารสุขภาพอยู่ประปรายโดยจะมุ่งให้ความสนใจกับกีฬาไตรกีฬาที่ถือเป็นจุดโฟกัสหลักของเธอในวันนี้

นอกจากแบรนด์ Herbalife Nutrition ที่เป็นสปอนเซอร์หลักให้ “โย” และ “เอ” มาแข่งในรายการนี้แล้ว “เอ” ก็อยากจะฝากขอบคุณทางบริษัท RPM มีเดีย โดย คุณสัณชัย เองตระตูล ซึ่งได้ช่วยเหลือในการเดินทางของเอมาด้วย ณ ที่นี้ และสองสาวก็ฝากไทยแอลเอว่า อยากจะชวนคนไทยมาเล่นกีฬากันเยอะ ๆ และหากหนหน้ามาแอลเออีก พวกเธอจะแจ้งให้เราทราบ เพื่อจะได้ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวไทยที่อยากจะมาเชียร์พวกเธอถึงขอบสนามทราบล่วงหน้าค่ะ


วลัยพรรณ เกษทอง

รายงานข่าว

เพื่อไทย จี้ ปชป. เปิดชื่อผู้มีอำนาจนอก พปชร.มา ชี้ ผิดจริงถึงยุบพรรค

เพื่อไทย จี้ ปชป.เปิดรายชื่อผู้มีอำนาจตัวจริงนอกพรรคพลังประชารัฐมา ชี้ หากมีจริงความผิดถึงขั้นยุบพรรค ไม่ลืมแขวะ อ้างเหตุผลต้องแก้รธน.ถึงเข้าร่วมแท้จริงแค่เกมต่อรองตำแหน่งใช่หรือไม่

วันที่ 7 มิ.ย. นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า มีการเจรจาต่อรองเอากระทรวงต่างๆ ไปกำกับดูแลระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ออกมาบอกว่า ทางฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจที่พรรคพลังประชารัฐ ยกเลิกดีลเดิม โดยเรียกกระทรวงสำคัญกลับคืน โดยกล่าวว่า ให้ไปหาคนที่มีอำนาจเต็มตัวจริง และมีอำนาจในการตัดสินใจ ของพรรคมาคุย โดยขู่ว่า มิเช่นนั้น จะเป็นฝ่ายค้าน จึงอยากถามว่า บุคคลนอกพรรคที่มีอำนาจเต็มตัวจริง และมีอำนาจในการตัดสินใจ ตามที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้างเป็นใคร? ขอให้ระบุชื่อมา เพราะถ้าเป็นความจริง ก็เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย หากมีการตรวจสอบพบ อาจมีการนำประเด็นดังกล่าวร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ที่มีพฤติการณ์เช่นนั้นได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ได้ตกลงยินยอมกับบุคคลนั้น ซึ่งต้องถือว่า เป็นบุคคลผู้มีอำนาจนอกพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน ดังนั้น จึงเป็นกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยกรรมการบริหารพรรคยินยอมให้บุคคลภายนอกพรรคเข้ามาก้าวก่าย แทรกแซงครอบงำพรรคจนขาดอิสระในการตัดสินใจ ซึ่งอาจถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ยุบพรรคได้เช่นกัน

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ในความเป็นจริงการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หากพิจารณาดูบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยถ่องแท้แล้วเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากมาก ดังนั้น การเอาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นเกมต่อรองกับพรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชนนั้น ไม่น่าจะใช่ เพราะความจริง คือ ต้องการกระทรวงที่มีผลประโยชน์มหาศาลมาดูแล ใช่หรือไม่