ข่าว
วัดพระธาตุดอยสุเทพUSA ได้รับกฐินพระราชทานปีแรก

วัดพระธาตุดอยสุเทพ USA เมืองชิโนฮิลส์ ในปีนี้ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน เป็นปีแรก ยังความ ปราบปลื้ม ยินดีมาสู่พุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกา ชาววัดพระธาตุดอยสุเทพ USA จนหาที่สุดมิได้ เมื่อทราบข่าวก็ดีใจกันถ้วนหน้า พร้อมที่จะจัดงานทอดผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้

หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดงานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สมัยวิสามัญ (ประชุมเจ้าอาวาส) ประจำปี 2557 และจัดงานวันมหารำลึก ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่อดีตพระธรรมทูตที่มรณภาพในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 - 21 กันยายน ที่ผ่านมา วัดพระธาตุดอยสุเทพ USA ซึ่งทางสมัชชาสงฆ์มีมติให้จัดงานนี้ขึ้น และประสบความสำเร็จมากมายต่างๆ ในหลายๆ ด้าน วัดต่างๆที่เข้าประชุมก็ให้การช่วยเหลือทั้งกำลังกาย กำลังใจและกำลังทรัพย์ วัดหลายวัด ที่มาเข้าประชุมก็ได้เชิญชวนญาติโยม อุบาสก อุบาสิกา มาด้วย ทางวัดพระธาตุดอยสุเทพ USA ขอขอบพระคุณเจ้าอาวาส/หัวหน้าสงฆ์ ตัวแทนวัด ทุกวัดในสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยพระสงฆ์ที่ให้ความร่วมมือ และญาติโยมทุกท่านที่ได้มาร่วมงาน และช่วยเหลืองานจนกระทั่งจบงาน

พูดถึงงานกฐินพระราชทานครั้งนี้ จะมีขึ้นที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ USA เมืองชิโนฮิลส์ ในวันอาทิตย์ที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเพล ถวายมหาสังฆทาน ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ถวายผ้าป่าสามัคคีบริวารกฐิน นอกจากนี้ยังมีคณะญาติโยม อุบาสก อุบาสิกา ที่เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ โดยการนำของพระครูไพบูลย์ เจติยานุรักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร พระครูสิริ เจติยานุกูล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ก็จะเดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ประมาณ 50-60 ท่าน สำหรับประธานทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน ได้แก่-ปิยะพัชรี - เชนวริทธิ์ ศิลปี

ทางวัดพระธาตุดอยสุเทพ USA เมืองชิโนฮิลส์ จึงใคร่ขอเชิญชวน ญาติโยม อุบาสก อุบาสิกา มาร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเพล ถวายมหาสังฆทาน ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ถวายผ้าป่าสามัคคีบริวารกฐิน และขอเชิญร่วมบริจาคเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ติดต่อสอบถามได้ที่ Tel: 909-606-9502 www.watdoisuthepusa.org E-mail: watchino18@gmail.com

ขอบคุณนักกีฬาไทย ทำให้คนทั้งชาติมีสุข

3 ต.ค.2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่า สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพรักทุกท่าน ก่อนอื่นในฐานะตัวแทนประชาชนชาวไทยจากทุกภาคส่วน ตนขอแสดงความขอบคุณนักกีฬาไทยทุกท่านที่ได้ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศชาติได้อย่างสมเกียรติ ในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 17 ที่จะสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ (4 ต.ค.) ตลอดห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราทุกคนต่างเฝ้าติดตามคอยเป็นกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาไทยทุกท่าน ในกีฬาหลายประเภทเราทำได้ดีกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ จากสรุปเหรียญรางวัล ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2557 ได้ 9 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 26 เหรียญทองแดง อยู่ในลำดับที่ 7 ซึ่งก็มีความคาดหวังว่าจะดีขึ้นอีกกว่านี้

"เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่นำความสุข นำรอยยิ้ม และความภาคภูมิใจมาให้กับประชาชนคนไทยทุกคน สำหรับบางประเภทกีฬา ซึ่งเราอาจจะทำไม่ได้ตามที่คาดหมาย เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันกีฬาที่ก็ต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะ ก็อยากให้ถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้นำบทเรียนต่างๆ ประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เหมือนกับที่ผมเคยได้กล่าวไปแล้วว่า เหรียญรางวัลก็เสมือนเป็นเครื่องหมายของชัยชนะ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น การชนะใจตนเอง การได้แสดงความมีน้ำใจนักกีฬา การรู้แพ้รู้ชนะ การให้เกียรติยกย่องให้กำลังใจผู้ที่เราแข่งขันด้วย และการเคารพกฎกติกาเปรียบเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่กว่า ที่เราจะชนะใจคนทั้งโลก ทั้งในฐานะนักกีฬาและในฐานะตัวแทนประเทศไทย ซึ่งนักกีฬาไทยทุกคนก็ได้แสดงให้เห็นสิ่งเหล่านี้ และนำความภาคภูมิใจมาสู่ประเทศชาติ " นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณนักกีฬาทุกคน ผู้ควบคุม ผู้ฝึกสอน ที่ได้นำความสุขและรอยยิ้มมาให้กับพวกเราทุกคน ในส่วนของการหลังจากการแข่งขันมาแล้วนี้ รัฐบาลก็จะดูแลในเรื่องของรางวัล เรื่องของกำลังใจต่อไป ตลอดจนพัฒนาให้มีความก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน โดยรวดเร็วด้วย

หนุนปชช.ขี้จักรยานออกกำลังกาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยาน ว่า ตนเห็นพี่น้องมีความสุขขี่จักรยานออกกำลังกาย ตนดีใจอยากให้ประชาชนนั้น ให้ความสนใจกับการขี่จักรยานให้มากขึ้น เป็นการออกกำลังกายที่ดี ดีมากไม่ว่าจะเป็นการเดินทางประจำวันหรือเพียงแค่ออกกำลังกาย รัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้ วันนี้ก็เห็นมีการจัดการแข่งขันจัดการรวมกลุ่มกันมากมายหลายพื้นที่ เราก็จะเร่งส่งเสริมให้มีเส้นทางจักรยานที่ปลอดภัย ให้ผู้ขับขี่มากขึ้นให้ทั่วถึงทุกภูมิภาค ซึ่งเราก็อาจจะสามารถเชื่อมโยงให้เกิดเส้นทางจักรยานเพื่อการสัญจรและการท่องเที่ยว ออกกำลังกายอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อผจญภัยอย่าง Mountain Bike หรือ การขี่จักรยานเพื่อชมเมือง หรือเชิงอนุรักษ์ ไม่ทำลายธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และก็จะช่วยประเทศลดการใช้พลังงาน ลดมลพิษและรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่งด้วย อันนี้ขอให้มีในพื้นที่ทุกจังหวัดและทุกพื้นที่ ฝากท่านผู้ว่าราชการ ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ช่วยกันไปจัด กระทรวงมหาดไทยยังคงเป็นหลักในเรื่องนี้

วอนสื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอข่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการทำงานนักข่าวสื่อมวลชน ว่า ตนไม่เคยไปปิดกั้นอะไรท่านอยู่แล้ว เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นการบริโภคข้อมูลข่าวสาร ในเรื่องการติดตามข่าว สถานการณ์บ้านเมือง ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ ทั้งกระแสประชาธิปไตย แล้วก็ท่านเป็นผู้ที่มีบทบาทในการนำข้อเท็จจริงมาสู่สายตา แล้วก็ให้ประชาชนนั้นมีความเข้าใจก็คือ พวกท่านนั้นเองคือ สื่อมวลชน เพราะฉะนั้นตนคิดว่า ท่านเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยพัฒนาสังคมด้วย สังคมจะเป็นปกติได้ เพราะฉะนั้นท่านก็ต้องดำรงเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความเป็นกลาง เสนอข่าวข้อเท็จจริง ที่มีการตรวจสอบมาพอสมควร ปราศจาก “ข้อคิดเห็น” เป็นอคติ ถ้าดีก็ว่าดี ไม่ดีท่านก็บอกมา เราก็จะแก้ไข เพราะฉะนั้นหากไปชี้นำก็เกิดความเข้าใจผิดอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการเสนอลักษณะเสนอด้านเดียว เพราะว่าปัจจุบันเทคโนโลยีทางการสื่อสารกว้างขวาง รวดเร็ว ในเรื่องของโซเชียลมีเดียเช่นกัน ก็มีปัญหามาโดยตลอด วันนี้ก็ไม่ทราบใครบ้างเขียนเข้ามา ทำให้สังคมเกิดความวุ่นวายเกลียดชังกันอยู่ ยังมีอยู่ เราก็ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้กฎหมายต่าง ๆ ซึ่งเราไม่อยากทำ ในส่วนของสื่อ

"ฉะนั้นสื่อจะต้องสื่อสารข้อมูลหลัก ๆ เข้ามาในสังคมให้ทราบในส่วนที่ดี ส่วนที่ไม่ดีก็จะแนะนำมาจะให้เราแก้ไขอะไร ส่วนที่ดีอยู่แล้วก็ให้ดีต่อไป ส่วนที่กำลังแก้ไขให้ดี ท่านก็นำเสนอมาว่า ได้ทำแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ใครจะรักษาได้ต้องหลายช่วงที่ต้องต่อกันไป เพราะฉะนั้นจะต้องมีสติ ทั้งผู้ทำ สื่อ และผู้เสพ ผู้อ่าน 2 ประการ คือ (1) การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร จากหลากหลายแหล่งที่มา ต่างคนต่างไปนำมา แล้วก็ไม่ตรงกัน เสร็จแล้วก็สร้างความรู้ผิด ๆ ไปไม่ได้ และ (2) เรื่องการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ที่ให้ข่าวมา ผู้นำเสนอ จะต้องมีความเป็นกลางและตรวจสอบจนมั่นใจแล้ว ก็จึงจะเผยแพร่ข้อมูลต่อไป อาจจะต้องใช้เวลาจำกัด รวดเร็ว ต้องทันกับการเพื่อการพาณิชย์ของท่านด้วย ท่านต้องระมัดระวัง เพื่อเป็นประโยชน์และสร้างความรู้สร้าง ความสงบเรียบร้อยให้กับสังคมต่อไป เพราะว่าบางครั้งข้อมูลที่ท่านได้มาจากไปหาแหล่งข่าวระดับล่างมา หรือในหน่วยนั้น หน่วยนี้มา บางทีเป็นข้อมูลของระดับเด็ก ๆ ระดับผู้ปฏิบัติ บางทีเขาไม่ทราบว่า ภาพใหญ่คืออะไรที่เราทำ ทั้งภาพเป็นภาพที่ต้องต่อเนื่องเชื่อมโยงกันเป็นยุทธศาสตร์ บางทีเด็ก ๆ ไม่เข้าใจ เพราะถ้าไปถามเชิงปฏิบัติเขาก็จะรู้ในส่วนของเขาเอง นี้เป็นระบบการทำงานอยู่แล้ว ขอให้ตรวจสอบผู้บังคับบัญชา ผมไม่เคยปิด ทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็ไม่ปิด เพราะเราไม่มีการหวังผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นทำไมต้องปิด เรื่องอะไร อยากรู้อะไรให้ถามมา เราก็จะมีเจ้าหน้าที่ มีคนชี้แจงที่รู้ดีพูดไป ผมเองก็จะพูดในรายละเอียดให้น้อยลง เพราะว่าในส่วนของการปฏิบัติ การขับเคลื่อนนั้น เป็นเรื่องของกระทรวง ทบวง กรม รัฐมนตรีต่าง ๆ ปลัดกระทรวง อะไรเขาทำกันต่อเนื่องกันไปหมด เพราะฉะนั้นต้องเป็นทอด ๆ ออกไป ถามให้ถูกจุดด้วย " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


'วุฒิชัย' โค่นเจ้าภาพ 2-1 ซิวทองมวยเอเชียนเกมส์

"เจ้าเอ็ม" วุฒิชัย มาสุข เอาชนะ ลิม ฮยอน ซอล นักชกจากเกาหลีใต้ ไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 2-1 เสียง คว้าเหรียญทองที่ 12 ให้กับทัพนักกีฬาไทยได้สำเร็จ...

วันที่ 3 ต.ค. การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 "อินชอนเกมส์" ที่ซอนฮัค ยิมเนเซียม เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เป็นการแข่งขันในรุ่นไลต์เวลเตอร์เวต 64 กก. รอบชิงเหรียญทอง "เอ็ม" วุฒิชัย มาสุข กำปั้นความหวังสุดท้ายของทัพกำปั้นไทย พบกับ ลิม ฮยอน ซอล นักชกจากเกาหลีใต้ เจ้าภาพ

เริ่มยกแรกทั้งคู่ชกได้อย่างสูสี โดยเป็น วุฒิชัย ที่ออกอาวุธเข้าเป้ามากกว่า โดยเฉพาะหมัดซ้าย จนมาถึงยกที่ 2 กำปั้นไทยมั่นใจมากขึ้น แต่ทั้งคู่ก็ยังเปิดหน้าแลกหมัดเข้าใส่กัน และนักชกเกาหลีก็ต่อยเข้าเป้าเหมือนกัน

ในยกสุดท้าย กำปั้นเกาหลีหันมาบุกเดินแลกหมัดมากขึ้น ขณะที่ วุฒิชัย โยกหลอกและดักต่อยเป็นระยะ จบครบยก ซึ่งผลปรากฏว่า กรรมการยกมือให้ "เจ้าเอ็ม" เอาชนะไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 2-1 เสียง จากผลการชกดังกล่าว ทำให้ วุฒิชัย คว้าเหรียญทองที่ 12 ให้กับทัพนักกีฬาไทยในอินชอนเกมส์ ได้สำเร็จ


หลักฐานมัดแน่นคดีฆ่าฝรั่ง คุม 2 ผู้ต้องหาทำแผนแล้ว

วันที่ 3 ต.ค.เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.ต.วิทยา พิทักษ์ รอง สวป.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว นายเวพิว หรือ วิน อายุ 22 ปี แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุข่มขืนฆ่า น.ส.ฮานนาห์ และฆ่านายเดวิด ออกจากห้องควบคุม สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ในสภาพใช้ผ้าคลุมศีรษะปิดบังใบหน้า และใช้กำลังตำรวจล้อมตัวขึ้นรถยนต์สายตรวจนำตัวไป ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี อ.พุนพิน หลังจากตำรวจพบอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยมีพิรุธออกเดินทางจากเกาะเต่า เมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค.57 ถูกตำรวจควบคุมตัวได้เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 2 ต.ค.57 ที่ท่าเทียบเรือนอนเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี นำไปสอบปากคำจนให้การรับสารภาพ

หลังจากนั้นเวลา 09.15 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.ภาค 8 พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผบก.สส.ภาค 8 และ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เดินทางมายังท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี และได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปพร้อมนายเวพิว หรือ วิน เดินทางไปยัง ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน เพื่อนำ นายเวพิว หรือ วิน เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและแถลงข่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ว่า เมื่อคืนใกล้เที่ยงคืน ได้รับรายงานจากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอของชาวเมียนมาร์ 2 รายตรงกันกับดีเอ็นเอ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บได้จากที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่ได้รายงานผลอย่างเป็นทางการให้สถานทูตอังกฤษทราบ แต่คาดว่า ท่านทูตคงได้รับทราบจากสื่อแล้ว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า คดีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งกำชับให้ได้ตัวผู้ต้องหาโดยเร็ว จึงมอบให้ตำรวจท้องที่ ตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนเกาะ ซึ่งต้องใช้เวลาโดยไม่มีการหยุดทำด้วยความรอบคอบไม่เน้นความไวในการทำคดีเน้นรายละเอียดถูกต้องประกอบการดูกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน มีส่วนในการกระทำผิดและเก็บดีเอ็นเอไปตรวจสอบที่กรุงเทพฯ ที่กระบวนการต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมง

“จนผลดีเอ็นเอ ที่ปรากฏในตัวผู้ตาย (น.ส.ฮานนาห์) ตรงกับ 2 คน คือ เวพิว หรือ วิน และนายซอวิน หรือ โซเชน ส่วนนายเมาไม่มีดีเอ็นเอในตัวผู้ตาย ซึ่งสอบนายเมาไม่มีส่วนร่วมกระทำผิด (ข่มขืน) ซึ่งดีเอ็นเอเป็น 1 ในพยานหลักฐานจับคนร้าย และเมื่อคืนตำรวจบนเกาะเต่า ได้ค้นบ้านพักนายวิน ได้พบโทรศัพท์มือถือผู้ตายถูกทิ้งไว้ใกล้เคียง ที่จะเป็นหลักฐานใช้มัดตัวผู้ต้องหาให้ได้หลังจากทราบว่า โทรศัพท์มือถือของผู้ตายหายไป” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวและว่า กล้องวงจรปิดบนเกาะเต่ามี 366 ตัว ใช้เวลาตรวจสอบตัวละ 6-10 ชั่วโมง และต้องใช้ผู้ชำนาญในการตรวจสอบจึงต้องใช้เวลามาก ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลจะอนุมัติ ซึ่งจากนั้นจะนำไปชี้ที่เกิดเหตุและหาหลักฐานที่นำไปทิ้งหรือนำไปเก็บไว้

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายเวพิว หรือ วิน ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้จอบทุบตีนายเดวิดเสียชีวิตและร่วมกับนายซอ ข่มขืน น.ส.ฮานนาห์ แล้วใช้จอบทุบตีจนเสียชีวิต ซึ่งนายวิน เป็นลูกจ้างร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะเต่า ส่วนนายซอวิน หรือ โซเชน และนายเมา ทำงานอยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งของผู้นำท้องถิ่น บนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน

ล่าสุด เมื่อช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา มีรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.อ.สมยศ พร้อมคณะนำตัว 2 ผู้ต้องหาไปทำแผนตามจุดต่างๆ ท่ามกลางการดูแลเข้มงวดเนื่องจากเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์ โดยมีประชาชนติดตามดูการทำแผนจำนวนมาก

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผลตรวจดีเอ็นเอ 3 ชาวพม่าผู้ต้องสงสัยพบว่า ดีเอ็นเอของ 2 ราย ตรงกับดีเอ็นเอคราบอสุจิในศพนักท่องเที่ยวหญิง ส่วนอีก 1 ราย ดีเอ็นเอตรงกับมวนบุหรี่ในที่เกิดเหตุ.


ม็อบฮ่องกงยังตรึง ผู้นำยันไม่ลาออก

2 ต.ค. สถานการณ์เผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยกับตำรวจปราบจลาจลผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังพ้นกำหนดเส้นตายที่ผู้ชุมนุมขอให้นายเหลียง ชุนอิง หัวหน้าคณะบริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงลาออกภายในเที่ยงคืนวันพฤหัสฯ แม้นายเหลียงประกาศก่อนถึงช่วงเที่ยงคืนว่าจะไม่ลาออก แต่ยอมถอยหนึ่งก้าวที่จะเปิดเจรจากับกลุ่มนักศึกษา

"คืนนี้สหพันธ์นักศึกษาส่งจดหมายเปิดผนึกขอพบกับผู้แทนรัฐบาลฮ่องกงเพื่อหารือในประเด็นรัฐธรรมนูญ ผมจึงแต่งตั้งให้หัวหน้าเลขาธิการคณะบริหารเป็นผู้เจรจา ผมจะไม่ลาออก เพราะผมจะทำงานสำหรับการเลือกตั้งต่อไป" นายเหลียงกล่าว พร้อมเตือนผู้ชุมนุมอย่าได้ยึดอาคารรัฐบาล หากทำจะถือเป็นกรณีร้ายแรง

หลังคำแถลงของนายเหลียง ปฏิกิริยาของผู้ชุมนุมแตกต่างกันออกไป บ้างยังค้างอยู่บนถนน บ้างถอยจากบริเวณที่ล้อมอาคารรัฐบาล นายฮาร์โรลด์ หลี่ ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีว่า รู้สึกดีขึ้น แต่ยังต้องจับตารัฐบาลต่อไป จึงจะยังชุมนุมต่อ ด้านอาลี มัวร์ นักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายเหลียงปลดชนวนตึงเครียดในช่วงเส้นตายนี้ได้ไปช่วงหนึ่ง

ก่อนหน้าคำแถลงของนายเหลียง สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเพราะตำรวจเริ่มลำเลียงอาวุธสำหรับการสลายการชุมนุม ไม่ว่า กล่องบรรจุแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ฯลฯ เข้ามายังอาคารใกล้สำนักงานรัฐบาล ในขณะที่รัฐบาลฮ่องกงสั่งผู้ชุมนุมสลายตัวให้เร็วที่สุด เพราะการชุมนุมนี้ก่อให้เกิดความเดือดร้อน

ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากผู้ชุมนุมยึดถนนย่านธุรกิจใจกลางเมืองรวมถึงหน้าอาคารสมาชิกนิติบัญญัติ แต่รัฐบาลจีนแถลงปกป้องคณะบริหารของฮ่องกงอย่างเต็มกำลัง

ทะเบียนสวยค่า 25 ล้าน นำไปติดรถราคา 6 แสน!

(30 ก.ย.) นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานในพิธีส่งมอบป้ายทะเบียนรถเลขสวยของกรุงเทพมหานคร หมวด 1 กก 1111 ให้แก่ นายธนภัทร ตันติเสเวกุล อายุ 19 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ประมูลได้ในราคาสูงถึง 25 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยป้ายทะเบียนดังกล่าวนับเป็นราคาป้ายทะเบียนรถที่สูงที่สุดในประเทศไทยนับตั้งแต่มีการเปิดประมูลมาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้เปิดโอกาสให้ผู้ประมูลได้สามารถออกแบบลายแผ่นกราฟิกเองได้ด้วยภายใต้การเห็นชอบของกรมการขนส่งทางบก โดยครั้งนี้ผู้ประมูลได้ออกแบบป้ายกราฟิกในชื่อม้า 8 ตัววิ่งบนสายน้ำแห่งอัญมณีทั้ง 9 ซึ่งมีความหมายเป็นมงคล คือ โชคดี มีลาภ พร้อมความมั่งคั่ง และมั่นคงด้วย

นายธนภัทร กล่าวว่า ครอบครัวของตนสนใจเข้าร่วมการประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวยของกรมการขนส่งทางบกมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ประมูลในราคาแพงที่สุด ด้วยความชื่นชอบตัวเลขนี้เป็นพิเศษ เพราะ เลข “11กก 1111” นับเป็นเลข 1 เจ็ดตัว สวยมากหาไม่ได้อีกแล้ว ถือว่ามีความหมายตรงกับความเป็นที่ 1 ตลอดกาล และเชื่อว่าจะเป็นมงคลสำหรับตัวเอง พร้อมกับยอมรับว่า หลังจากประมูลได้แล้วก็มีคนพยายามติดต่อขอซื้อต่อในราคาถึง 33 ล้านบาท แต่ตนไม่คิดที่จะขาย โดยทะเบียนดังกล่าวตนนำไปติดรถยนต์นิสสัน อัลเมร่า สีขาว ซึ่งมีราคาเพียงประมาณ 5-6 แสนบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการประมูลกรมการขนส่งทางบกจะนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อจะนำไปใช้ในกิจกรรมความปลอดภัยบนท้องถนน เช่น ใช้ในการช่วยเหลือด้านอุปกรณ์แก่ผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถยนต์ เป็นต้น


นศ.หญิงมหา’ลัยโอเรกอน ร้อยละ 10 เคยถูกข่มขืน

วันที่ 2 ต.ค. ผลสำรวจการล่วงละเมิดทางเพศในมหาวิทยาลัยโอเรกอนในสหรัฐพบว่า นักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยโอเรกอนราวร้อยละ 10 เคยถูกข่มขืนขณะอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยและส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยทราบ

การสำรวจดังกล่าวเป็นของเจนนิเฟอร์ เฟรยด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ทำขึ้นหลังจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีนักกีฬาบาสเกตบอล 3 คนของมหาวิทยาลัยถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุข่มขืนซึ่งเป็นเรื่องอื้อฉาวจนทำให้นายไมเคิล กอตเฟรดสัน อธิการบดีต้องลาออก และเกิดขึ้นท่ามกลางการผลักดันจากสังคมให้ปราบปรามการละเมิดทางเพศในสถาบันการศึกษาที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย

นักวิจัยเรื่องนี้ยังระบุว่า นักศึกษาร้อยละ 35 และนักศึกษาชายร้อยละ 14 เคยมีเพศสัมพันธ์โดยใช้กำลังบังคับอย่างน้อย 1 ครั้ง และนักศึกษาที่เคยถูกกระทำร้อยละ 90 ไม่เคยปริปากบอกเรื่องความรุนแรงดังกล่าว

นายสกอต โคลเทรน รักษาการอธิการบดี กล่าวว่า ผลที่พบเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากและสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจากทั่วประเทศซึ่งไม่ได้ทำให้แปลกใจแต่เป็นสัญญาณเตือน

ทำเนียบขาวระบุว่าอาชญากรรมทางเพศเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในรั้วมหาวิทยาลัยของสหรัฐ มีนักศึกษา 1 ใน 5 ตกเป็นเหยื่อระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ โดยกระทรวงศึกษาฯสหรัฐเปิดเผยรายชื่อมหาวิทยาลัย 55 แห่งที่ถูกตรวจสอบกรณีการรับมือการละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นภายในสถาบันเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า การสำรวจซึ่งทำในนักศึกษา 982 คน เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ยังไม่อาจสรุปได้ว่าสถานการณ์การละเมิดทางเพศภ่ายในรั้วมหาวิทยาลัยโอเรกอนเลวร้ายเนื่องจากผู้ตอบแบบสำรวจเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยบางส่วน มีคนขาวมากกว่าและมีผู้หญิงมากกว่า