ข่าว
"โจ๊ก" ดอดรายงานตัว สปน. เริ่มงานหน้าที่บริการปชช.

วันนี้ (2พ.ค.) เวลา 17.00น.ทำเนียบรัฐบาล นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามารายงานตัวแล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากับกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)และเจ้าหน้าที่กองงานธุรการ เพื่อรับมอบหมายงานทางด้านที่ปรึกษา ด้านการให้บริการกับประชาชนและการพัฒนาระบบงานพัฒนาประชาชน ที่ตนได้มีการลงนามในคำสั่ง เพื่อมอบหมายงานไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา

นางพัชราภรณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ รายงานตัวแล้วในวันนี้ ( 2 พ.ค.)ก็สามารถเริ่มงานได้เลยทันที โดยห้องทำงานจะอยู่ที่กองการเจ้าหน้าที่ สปน. ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ อย่างไรก็ตาม หลังจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำงานไปได้สักพัก ตนก็จะดูว่าตรงไหนหรือส่วนไหนที่ต้องการคำปรึกษาจากพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็จะเชิญมาให้คำปรึกษาเพิ่มเติม รวมถึงอาจจะมอบหมายงานให้ดูแลเพิ่มเติมต่อไปด้วย

ปีติ! 'สมเด็จพระราชินี'ทรงกราบ'สมเด็จพระเทพฯ

3 พ.ค. 62 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เฝ้ารับเสด็จ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถาร กับพระบรมวงศานุวงศ์ การนี้ สมเด็จพระราชินี ทรงกราบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี และ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ด้วย


"บิ๊กตู่"ขอคนไทยทำชาติสงบสุข ประเทศเตรียมส่งต่อรัฐบาลใหม่

"บิ๊กตู่" ลั่นทำเต็มที่ส่งต่อรัฐบาลเลือกตั้ง ก่อนมีรัฐบาลใหม่ เดือน มิ.ย. วอนขอคนไทยร่วมกันทำชาติสงบสุข เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เลิกเกลียดชัง อย่าให้ใครทำร้ายกัดกร่อนประเทศลงไป ก่อนลุกแดนซ์เพลง "คนบ้านเดียวกัน" แล้วทักทายแรงงาน...

เมื่อเวลา 10.45 น.วันที่ 1 พ.ค.62 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2562 พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน กล่าวรายงาน พร้อมกันนี้นายกฯ ได้รับ 10 ข้อเรียกร้องจาก นายทวี เตชะธีราวัฒน์ ประธานสภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย ก่อนขึ้นเวทีกล่าวว่า แรงงานถือเป็นหัวใจสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เจริญเติบโตอย่างมั่นคง ปัจจุบันประเทศไทยถือว่ามีผู้ว่างงานน้อยที่สุด เป็นอันดับ 4 ของโลก หลายประเทศก็ชื่นชม และขอรับข้อเรียกร้อง 10 ข้อปีนี้ไปดำเนินการ ขณะที่เราต้องปรับตัวพัฒนา พัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ดูเรื่องสิทธิประโยชน์ เพื่อไม่ให้เกิดการย้ายฐานการผลิตในอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ส่งเสริมการศึกษาตรงความต้องการของประเทศ ไม่ปลูกพืชพื้นที่บุกรุก

ทั้งนี้ 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อประเทศและคนไทย เพื่อเกิดความมั่นคงยั่งยืน ไม่ให้มันล้ม และรัฐบาลนี้มีเวลาทำงานอยู่อีกประมาณ 1 เดือน จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ในเดือน มิ.ย. ช่วงนี้เตรียมเอากฎหมายทำเสร็จแล้วออกกฎหมายลูก และกฎหมายที่พิจารณายังไม่เสร็จต้องพิจารณาต่อไปในรัฐสภาที่มีรัฐบาลใหม่ ยืนยันทุกอย่างที่ทำมา 5 ปี จะสืบสานต่อในรัฐบาลใหม่ ทำเต็มที่เปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ไปสู่การยอมรับจากเวทีต่างชาติ

นายกฯ กล่าวว่า ตนอยากให้กลับไปทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ขณะนี้เราอยู่ในรัชกาลที่ 10 เป็นรัชกาลปัจจุบัน เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านรัชกาล เหลือแต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะมาถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราต้องทำให้บ้านเมืองปลอดภัย สงบสุขเรียบร้อย มีเสถียรภาพ เหมือน 5 ปีที่ผ่านมา ด้วยความมั่นคง ด้วยความเข้าใจ เดินหน้าประเทศไทยไปพร้อมกันด้วยการปฏิรูปประเทศ ตนทำคนเดียวไม่ได้ทั้งนายก รัฐบาล ข้าราชการซึ่งดีๆ มีเยอะเกิน 90% ถ้าไม่ดีร้องมาตรวจสอบแล้วเอาออกไป ถ้าเราสมยอมกัน จ่ายค่าทำผิดกฎหมาย แล้วด่ากันไปกันมา มันไม่เกิดประโยชน์ ต้องสร้างความยั่งยืนให้ได้ ไม่ล้มลุกคลุกคลานอีกต่อไป บนหลักคิดที่ถูกต้อง เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เป็นประชาธิปไตยที่คนไทยอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ อย่าเกลียดชังกันอีกต่อไป เฮทสปีชมีมากมายในโทรศัพท์ อย่าไปให้ความสำคัญมากนัก ต้องดูแลประเทศ ตนสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเต็มที่ส่งต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต่อไป 5 ปีรัฐบาลมีผลงานออกมามากพอสมควร แต่ยังไม่จบ ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไปด้วยหลักชัยประเทศ คือ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้ตนได้หรือไม่

นายกฯ กล่าวว่า ต้องเพิ่มความรัก ความสามัคคีให้มากยิ่งขึ้น อย่าให้ใครมาทำให้กร่อนลงไป ถ้าเมื่อใดที่เราขาดความรัก ความสามัคคี เราก็จะเสมือนกิ่งไผ่เล็กๆ กิ่งเดียวแล้วเขาก็หัก แต่เมื่อไหร่ที่เรารวมไม้ไผ่เป็นกำจะทำให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ช่วยกันทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่าทำอะไรที่นอกกฎหมายเท่านั้นเอง จะไม่มีใครได้รับผลกระทบจากกฎหมายทั้งสิ้น นั่นคือความเป็นธรรมของกฎหมาย ประเทศไทยต้องอดทนให้ได้ ถ้าทุกคนพบกันด้วยรอยยิ้ม ตนก็มีกำลังใจ ขาไม่อ่อน ทุกคนมีความหวัง ตนก็มีความหวัง และยืนยันว่าจะทำต่อไป จะต้องทำให้รัฐบาลใหม่ทำได้แบบนี้ด้วย ซึ่งอยู่ที่พวกเราทุกคนที่เลือกมาทั้งสิ้น ส.ส.ต่างๆทั้งหมด หวังอย่างยิ่ง งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่างประเทศชื่นชมความสงบเรียบร้อยของประเทศไทย อย่าให้ใครมาทำร้ายประเทศไทยโดยเด็ดขาด

จากนั้น ในงานได้เล่นเพลง "คนบ้านเดียวกัน" ของ ไผ่ พงศธร โดยนายกฯอารมณ์ดีเต้นตามจังหวะเพลง ก่อนเดินทักทายแรงงาน ชมนิทรรศการและเดินทางกลับ.


5 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นอิสระ หลังมี พ.ร.ฎ.อภัยโทษผู้ต้องขัง

วันนี้ (3 พ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า หลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2562 สำหรับคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2551 ศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี, นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี, นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์

โดยมี 5 ราย เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษปล่อยตัว ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสุริยะใส กตะศิลา เนื่องจากศาลตัดสินลงโทษจำคุก เป็นเวลา 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ตั้งแต่วันที่ 13 กพ. 2561 ยกเว้น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งถูกพิพากษาจำคุก 2 คดี ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว แต่ได้รับการลดโทษตามเกณฑ์

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษตามเกณฑ์ ที่ปรากฏในพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2562 โดยอาศัยมาตรา 6 มีผลบังคับใช้พรุ่งนี้ ( 4 พ.ค. เป็นต้นไป


“กรณ์” ฟันธง ปชป. มี 2 ทางเลือก ร่วมพปชร.หรือเป็นฝ่ายค้านอิสระ

วันนี้ (1 พ.ค.) นายกรณ์ จาติกวนิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ Suthichai live ว่า ได้ตัดสินใจลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทันทีในคืนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้า ลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นหลังวันเลือกตั้งก็ไปแสดงเจตจำนงต่อผู้ใหญ่ในพรรคเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายอภิสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ตนได้ติดต่อทาบทามนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ว่าที่ส.ส.ตากให้เป็นเลขาธิการพรรคจริง

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า อยากพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของตนและนายชัยวุฒิซึ่งอาจแตกต่างหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคของประชาธิปัตย์ในอดีต โดยตนมีประสบการณ์การทำงานในภาคเอกชนมา 20 ปีก่อนเข้าทำงานการเมือง ถ้านับจำนวนปีก็เป็นนักธุรกิจมากกว่าเป็นนักการเมือง อีกทั้งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนนายชัยวุฒิ เป็นวิศวกร และเคยเป็นทั้งรมว.อุตสาหกรรม และรมช.ศึกษาธิการ ดังนั้นจึงเป็นทีมที่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมาที่สังคมมองว่าเราเป็นนักกฏหมาย เป็นนักการเมือง แต่ตอนนี้เราเหมือนเป็นทีมเศรษฐกิจการเงินบวกวิศวกร ซึ่งคิดว่าน่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประชาชนต้องการ

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับจุดยืนของพรรคจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคตัดสินใจ ไม่มีใครไม่คิด ไม่ชั่งใจ แต่ควรเป็นเรื่องที่คุยกันในพรรค เป็นเรื่องที่เราต้องปรึกษากันกับคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่ ที่สำคัญเรื่องนี้จะมีความหมายต่อเมื่อมีความชัดเจนว่าแต่ละพรรคได้ส.ส.จำนวนเท่าไหร่

“แม้เราตัดสินใจร่วม ถามเขาจะตั้งได้หรือเปล่า แต่ที่ชัดเจนคือไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย เท่ากับตอนนี้มีสองทางเลือกคือร่วมกับพลังประชารัฐ หรือไม่ร่วมเลย ประเด็นในส่วนของพปชร.ตอนนี้ แม้พรรคภูมิใจไทยไปร่วมแล้ว และเราร่วมด้วย เสียงก็ไม่ถึง 250 เสียง ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นประเด็นในส่วนของเรา พูดง่ายๆ คือ เงื่อนไขไม่ได้บีบว่าเราเป็นตัวแปรในระดับนั้น” นายกรณ์ กล่าว

ผญบ.พนัสนิคม เจอ “อ้วกหมู” คล้ายใยไหมสีทองในจีน

อือฮายิ่งกว่าถูกรางวัลที่ 1 ผญบ.อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เจอ “อ้วกหมู” ซึ่งเป็นเศษขนหมูจับตัวเป็นก้อนลักษณะคล้ายใยไหมสีทองในถุงน้ำดีหมูตายที่นำมาบดเลี้ยงปลา เผยเป็นแบบเดียวกับที่เป็นข่าวดังในจีน รอพิสูจน์ว่าใช่หรือไม่

วันนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาเริก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ว่า มีผู้พบ “อ้วกหมู” ซึ่งเป็นเศษขนหมูจับตัวเป็นก้อนลักษณะคล้ายใยไหมสีทอง ในหมูตายน้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ที่นำมาบดเป็นอาหารเลี้ยงปลา และเมื่อตรวจสอบจากอินเทอร์เน็ตยังพบว่า มีลักษณะคล้ายอ้วกหมู ที่เป็นข่าวฮือฮาในประเทศจีนที่มีมูลค่าสูงถึง 19 ล้านบาท โดยผู้ที่เป็นเจ้าของอ้วกหมูดังกล่าว คือ นายอนุชา อินทมาพลอย อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.นาเริก หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ

นายอนุชา เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ซื้อหมูตายที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 200 กิโลกรัม เพื่อนำมาให้คนงานใช้เครื่องยนต์บดละเอียดสำหรับเป็นอาหารเลี้ยงปลาในบ่อ แต่ปรากฏว่า มีอยู่ 2 ส่วนที่เครื่องยนต์ไม่สามารถบดละเอียดได้ซึ่งเมื่อคนงานนำมาให้ดูพบว่าเป็นก้อนกลม 2 ก้อน ซึ่งเมื่อนำไปล้างน้ำพบว่าเป็นก้อนที่มีลักษณะคล้ายใยไหมสีทองอมเขียว ทำให้บรรดาญาติๆ ต้องทำการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

กระทั่งพบภาพข่าวที่ปรากฏเป็นข่าวฮือฮาในประเทศจีน ว่าที่ประเทศจีนก็มีผู้พบก้อนดังกล่าวจากสุกรเช่นกัน โดยมีมูลค่าการซื้อขายถึง 19 ล้านบาท

“ขณะนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็น อ้วกหมู แบบที่เป็นข่าวดังในประเทศจีนหรือไม่ และจะต้องรอให้ผู้ที่รู้จริงมาพิสูจน์และยืนยันถึงประโยชน์ก่อน แต่ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบก้อนลักษณะแบบนี้มาก่อน ซึ่งสุดท้ายหากเป็นก้อนที่มีราคาและมีคนซื้อจริงก็คงดีใจ แต่คงจะต้องคิดหนักว่าจะเก็บไว้หรือจะขายดี” นายอนุชา กล่าว