ที่อาคารรัฐสภา วันที่ 14 ก.พ. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงข่าว กรณีทุจริตการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ถึงความผิดปกติในการขยายสัญญาก่อสร้างโรงพักทดแทนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายชูวิทย์กล่าวว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากกระทรวงการคลังเสนอหลักเกณฑ์พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างอันเนื่องมาจากปัญหาอุกภัย 10 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ลงนามโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เสนอเข้าคณะรัฐมนตรีและมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2555 ให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างโดยการขยายสัญญาก่อสร้าง ซึ่งมีเงื่อนไขทั้งหมด 9 ข้อ เงื่อนไขที่สำคัญคือ ในข้อ 4.1 ของมติคณะรัฐมนตรี ระบุว่า ให้การขยายสัญญาเฉพาะโครงการก่อสร้างในพื้นที่ภาคใต้ 10 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา กระบี่ ชุมพร พังงา นราธิวาส และสตูล
ซึ่งนายชูวิทย์ตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจาก โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนทำเป็นสัญญาฉบับเดียว จึงฉวยโอกาสขยายเวลาให้ทุกโครงการทั่วประเทศ ซึ่งไม่สามารถทำได้ และตั้งแต่ข้อที่ 4.5 ถึงข้อที่ 4.9 เป็นเงื่อนไขที่ทำให้บริษัทผู้รับเหมาเสียประโยชน์
สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งในขณะนั้น พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตัดเงื่อนทั้งหมดไขดังกล่าวไปในหนังสือขยายสัญญา โดยเฉพาะข้อ 4.7 ที่ระบุว่า ให้มีคณะกรรมการว่าด้วยพัสดุตรวจสอบและพิจารณาอนุมัติการขยายสัญญา และคงเหลือไว้เพียงข้อ 4.1 ถึง 4.4 ซึ่งทำให้บริษัทพีซีซีได้ประโยชน์
นอกจากนี้ยังได้อ้างระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ 139 ซึ่งระบุให้การงดหรือลดค่าปรับให้แก่บริษัทพีซีซีฯ ซึ่งเป็นเงินวันละ 5.8 ล้านบาท แต่ไม่อ้างข้อ 137 ที่ระบุให้ ไม่ขยายหรือยกเลิกสัญญา ในกรณีที่มีเหตุอันเชื่อได้ว่า ผู้รับจ้างไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันเวลาที่กำหนด
นายชูวิทย์ตั้งข้อสังเกตว่า โรงพักแต่ละแห่งที่อยู่ในโครงการก่อสร้างมีสภาพที่ไม่น่าเชื่อได้ว่าจะแล้วเสร็จตามสัญญาที่กำหนด เพราะบางแห่งยังมีแต่เสา หรือบางแห่งยังปรากฎเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอยู่ เหตุอันใดที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงยังใช้ระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ อ้างให้บริษัทพีซีซีฯ ขยายสัญญาโครงการต่อไปได้อีก 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึง 14 มิถุนายน 2555
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ตนจะทำป้ายขนาดใหญ่ประจานการทุจริตในครั้งนี้บริเวณทางด่วนย่านมักกะสัน และป้ายขนาดเล็กซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งไปแล้ว 2,000 ป้าย การทุจริตครั้งมโหฬารครั้งนี้ถือเป็นเรื่องอัปยศ และตนจะติดป้ายประจานจนกว่าจะหาคนรับผิดชอบได้
จากกรณีที่มีผู้ใช้ชื่อคลิป "คราวหน้า..พับเล็กๆนะครับ" โพสต์ลงใน YouLike (คลิปเด็ด) ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกตรวจรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันหนึ่ง พร้อมกับบอกคนขับรถว่า "คุณโทรศัพท์ขณะขับรถ" ก่อนจะขอดูใบขับขี่ เพื่อจะเขียนใบสั่ง แต่คนขับรถคันดังกล่าว ได้ยื่นสำเนาใบขับขี่ให้แทน เพราะไม่ได้เอาใบขับขี่ตัวจริงมา และถามตำรวจจราจรว่าจะให้ทำอย่างไร เอายังไงดี เมื่อตำรวจจราจรสอบถามว่าจะไปไหนครับ คนขับรถคันดังกล่าวระบุว่า “ต้องรีบไปตรวจคนไข้ค่ะ” จะให้ทำอย่างไรดีโดยสอบถามไปพร้อมๆกับยื่นธนบัตรใบละ 100 บาท จำนวนหนึ่ง ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกเจ้าของรถยนต์ บันทึกภาพเอาไว้มี ความยาว 1.18 นาที โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้ตัว ทำให้เป็นที่สนใจในโลกโซเชียลมีเดีย และมีคนเข้าไปในกดไลท์ใน YouLike (คลิปเด็ด) จำนวนมาก
วันนี้ 14 ก.พ.56 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง บช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงาน และดูคลิปดังกล่าวแล้ว ได้กำชับไปยัง พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. รับผิดชอบงานด้านจราจร ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและหามาตรการเข้มงวด ไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวอีก พร้อมทั้งเรียกตัว พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.จร. มาพบ เพื่อรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปรากฏในคลิป เป็นดาบตำรวจ สังกัด ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางนา ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน และให้ต้นสังกัดส่งตัวนายตำรวจคนดังกล่าว ไปช่วยราชการที่ บก.น.5
มีรายงานข่าวว่า ขณะนี้ทางสน.บางนา ได้ตรวจสอบทราบแล้วว่า ตำรวจจราจรคนดังกล่าวที่ปรากฏอยู่ในคลิปวีดิโอเป็นใคร และดำเนินการตามลงโทษตามขั้นตอนที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการแล้ว แต่ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบคลิปวีดิโอที่ถูกเผยแพร่ใน YouLike (คลิปเด็ด) และเว็บไซต์ยูทูบพบว่า ผู้ขับรถคันดังกล่าวคล้ายกับสาวประเภทสองและน่าจะประกอบอาชีพอยู่ในสถานเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีผู้วิจารณ์โต้แย้งด้วยว่า เป็นการตั้งใจที่จะแอบถ่ายขณะที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวมา ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจจะผิดทั้งผู้ให้และผู้รับด้วย เพราะลักษณะพฤติการณ์ที่ปรากฏในคลิปนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พูดจาไม่สุภาพหรือเรียกร้องที่จะเอาเงินจากผู้ขับขี่แต่อย่างใด ผู้ขับขี่ถามตำรวจจราจรตลอดเวลาว่าจะให้ทำอย่างไรพร้อมๆกับหยิบเงินไปด้วย อย่างไรก็ตามทางต้นสังกัดจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ที่รัฐสภา วันที่ 14 ก.พ. นายศิริโชค โสภา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามสดร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุงรองนายกรัฐมนตรี ถึงโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง งบประมาณ 5,848 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยหรือแฟลตตำรวจ 163 หลัง งบประมาณ 3,700 ล้านบาท โดยระบุว่าการประมูลแบบรวมภาคจะทำให้มีการแข่งขัน ซึ่งบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น ซึ่งชนะการประมูลก็ยื่นราคาต่ำสุดและที่ผ่านมาเคยรับงานโครงการใหญ่ๆเป็นจำนวนมากจึงต้องการทราบว่ามีการฮั้วประมูลหรือไม่
ร้อยตำรวจเอกเฉลิมจึงชี้แจงว่า การอ้างว่าบริษัทพีซีซี เคยรับงานใหญ่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่ใครหรือพรรคการเมืองใดที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ขอให้... หายนะ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการทุจริตเพราะประเด็นสำคัญคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้อนุมัติจากการประมูลแยกรายภาค 9 ภาคเป็นการรวมเป็นภาคเดียว
นายศิริโชคจึงถามต่อว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้นเกี่ยวข้องหรือไม่ พร้อมแสดงหลักฐานที่พลตำรวจเอกพงศพัศลงนามเสนอให้เห็นชอบโครงการที่มีการรวมสัญญาต่อ ผบ.ตร. ร้อยตำรวจเอกเฉลิมจึงชี้แจงว่า ในช่วงแรกพลตำรวจเอกพงศพัศเป็นประธานประธานทีโออาร์ก็ได้ให้สร้างเป็นรายภาคแต่ต่อมามีนักการเมืองไปบังคับฝ่ายตำรวจให้รวมสัญญาเป็นรายเดียว ขณะที่ต่อมาที่มีการลงนามเสนอเห็นชอบนั้นเป็นแค่การลงนามผ่านหนังสือซึ่งเรียกว่างานรูทีนเท่านั้น
นายศิริโชคจึงโต้แย้งโดยกล่าวว่าการลงนามดังกล่าวเป็นการกลั่นกรองและให้การเห็นชอบ พร้อมถามต่อว่าหากสัญญาดังกล่าวมีปัญหาจริงทำไมรัฐบาลชุดปัจจุบันจึงไม่ยกเลิกร้อยตำรวจเอกเฉลิมจึงกล่าวว่าหากมีการยกสัญญาจะถูกฟ้องและจะกลายเป็นจำเลยทันที และอาจเกิดประเด็นในการยกเลิกสัญญาเร็วเกินไปเพราะ สตช. ก็ส่งมอบที่ดินในการก่อสร้างล่าช้าเช่นกัน ทั้งนี้จะแจ้งความจับบริษัทรับเหมาด้วยฐานฉ้อโกง
หลังจากนั้นนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยได้ตั้งกระทู้ถามสดต่อว่ากรณีใดกล่าวใครต้องผู้รับผิดชอบ ร้อยตำรวจเอกเฉลิมจึงตอบว่าฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง และหากมีการฉ้อโกงจะมีการดำเนินคดีกับบริษัทที่รับเหมาด้วย