ข่าว
'มาร์ค'ฉุน!รูปDSIพิมพ์ลายนิ้วมือหลุด

เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 13 ธันวาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล" กรณีลงนามในคำสั่งสลายการชุมนุมปี 2553 จนทำให้นายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่เสียชีวิต โดยมีทีมกฎหมายเเละ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่ง อาทิ นายชวน หลีกภัย นายถาวร เสนเนียม นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นายศิริโชค โสภา ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในห้องสอบสวนในการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เป็นไปอย่างเคร่งเครียด เนื่องจากทั้งพนักงานสอบสวนกับผู้ต้องหาและทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ต่างเผชิญหน้ากัน โดยเมื่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาเหตุการณ์เสียชีวิตของประชาชนในปี 2553 รวม 10 หน้ากระดาษ ทำให้นายอภิสิทธิ์มีสีหน้าเคร่งเครียด มีการซักถามและโต้แย้งข้อกล่าวหาเป็นระยะๆ ทั้งนี้ เมื่อพนักงานสอบสวนได้แจ้งเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ต่างไม่ยอมเซ็นชื่อ ทำให้พนักงานสอบสวนงัดข้อกฎหมายขึ้นมาขู่ว่า ถ้าไม่ยอมเซ็นรับเงื่อนไข จะต้องนำตัวไปฝากขังที่ศาล เพื่อให้ศาลพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ต้องออกโรงไกล่เกลี่ยว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง พนักงานสอบสวนต้องให้เกียรติ และยินยอมปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ

อย่างไรตาม แม้ว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดในทุกข้อกล่าวหา แต่ต้องยอมพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นผู้ต้องหา ทำประวัติ และเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพแล้ว ปรากฏว่ามีภาพขณะนายอภิสิทธิ์พิมพ์ลายนิ้วมือเป็นผู้ต้องหา เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต พร้อมระบุข้อความว่า "เป็นภาพประวัติศาสตร์" ทำให้นายอภิสิทธิ์โทรศัพท์มาต่อว่าพร้อมกับสอบถามไปยังดีเอสไอว่า ภาพดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์

ล่าสุด นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้มีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

เดิมพัน10ล.!'สมรักษ์'ขอแก้มือ'จอมโหด'

หลังจากที่ "โม้อมตะ" สมรักษ์ ท.เทพสุทิน (คำสิงห์) ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์คนแรกของไทยวัย 39 ปี ต้องพ่ายคะแนนต่อ จอมโหด เกียรติอดิศักดิ์ อดีตแชมป์รุ่นใหญ่เวทีลุมพินีและราชดำเนิน วัย 42 ปี พร้อมกับเสียเงินรางวัลพิเศษอีก 3 ล้านบาท ในการชกศึกวันสถาปนาเวทีลุมพินีปีที่ 56 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่เวทีมวยลุมพินี

ล่าสุด สมรักษ์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องยอมรับว่าจอมโหดมาดีเกินคาดและเป็นมวยที่แข็งแรงมาก อย่างไรก็ตาม ต้องบอกแฟนมวยทุกท่านว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาตนขึ้นชกด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม โดยเฉพาะก่อนหน้านั้น 10 วันมีอาการไม่สบาย เตะเป้าและซ้อมปล้ำไม่ได้เต็มที่ อีกทั้งยังมีฝีขึ้นที่ด้านหลังและใต้รักแร้ มีอาการเจ็บปวดอยู่ตลอด สิ่งเหล่านี้เป็นผลให้ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด

"ผมไม่ได้ออกมาแก้ตัวนะ เพราะเป็นความจริง ก่อนนั้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ก็ได้คุยปรึกษากับท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน ผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งท่านก็ถามว่าเหลืออีก 2 วันจะขึ้นชกไหวหรือ ถ้าไม่ไหวก็ให้ถอนชกดีกว่า ให้ฝ่ายตรงข้ามเขากินเงินมัดจำไป 3 แสนบาท ก็ไม่มีปัญหา แต่ผมตอบไปว่ายังไหว อีกทั้งเป็นการชกศึกใหญ่วันเกิดสนามจึงไม่อยากถอนให้เสียรายการ รวมถึงในใจนึกอยู่ตลอดว่าน่าจะสู้ได้ โดยเฉพาะ ลูกศอก จอมโหดจะแพ้ลูกนี้ แต่ในที่สุดแล้วก็ไม่ไหวจริงๆ"

นอกจากนั้นฮีโร่จากเมืองขอนแก่น กล่าวต่อว่า ถ้าเป็นไปได้ในการชกครั้งต่อไปจะขอแก้มือกับจอมโหด คู่ปรับเก่าอีกครั้งหนึ่ง โดยมีเงินเดิมพันอีกเหมือนเดิม ส่วนจะมากกว่าเก่าเป็น 5 ล้านบาท หรือ 10 ล้านบาท พรรคพวกผมยินดี มั่นใจว่าถ้าร่างกายพร้อม คิดว่าแก้มือได้ไม่ยาก

ด้านจอมโหด นักชกจากแดนใต้ เผยว่า อาวุธสมรักษ์อันตรายมาก โดยเฉพาะศอก แต่อย่างอื่นไม่หนักเท่าไหร่ มวยย้อนยุคแบบนี้แพ้ชนะอยู่ที่ร่างกาย ซึ่งตนก็มั่นใจตั้งแต่ยก 2 ว่าชนะแน่ ส่วนที่สมรักษ์จะแก้มือนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้ไปชกที่ภูเก็ตบ้าง เนื่องจากแฟนมวยย่านนั้นและชาวต่างชาติอยากจะดูสมรักษ์ชกมาก แต่หากจะขอแก้มือในกรุงเทพฯ ต้องขอปรึกษากับทีมงานอีกที เพราะใจจริงแล้วตนไม่อยากชกมวยแล้ว อายุเยอะ และต่อยมวยมานาน อย่างไฟท์นี้ถ้าคู่ชกเป็นคนอื่นจะไม่ชกด้วยแน่นอน

ขณะที่โปรโมเตอร์ "มิตร นคร" สุเมธ ซื่อสัตตบงกช เจ้าของสัญญา ที่สมรักษ์เซ็นว่าจะต้องชกภายใต้สังกัดทั้งหมด 6 นัด กล่าวว่า เรื่องที่สมรักษ์อยากแก้มือนั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะสมรักษ์ก็มาบอกว่า หนที่ผ่านมาเขาไม่พร้อม และมีแฟนมวยหลายคนเรียกร้องอยากจะชมอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องให้เวลานักชกทั้งสองพักร่างกายก่อน ดูว่าร่างกายทั้งคู่เป็นอย่างไร เพราะเป็นนักมวยที่มีอายุมาก โดยเฉพาะสมรักษ์ ซึ่งถ้าแก้มือกันจะลงที่เวทีมวยลุมพินีอีกครั้งหนึ่ง โดยมี เสี่ยเน้า เพชรยินดี เป็นโปรโมเตอร์จัดเหมือนเดิม


ฮือฮาช่างแต่งหน้าเมืองกาญจน์ ยังกับแฝด‘ไซ-กังนัมสไตล์’

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า มีชายอาชีพแต่งหน้า หน้าตาคล้ายกับ ไซ กังนัมสไตล์ ศิลปินชื่อดังชาวเกาหลีใต้ โดยชายคนดังกล่าวเปิดร้านเสริมสวย อยู่ริมถนนสายพัฒนากาญจน์ หมู่ 10 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จึงเดินทางไปตรวจ เมื่อไปถึงพบชายคนดังกล่าวอยู่ในร้าน แต่งกายสวมกางเกงยีนส์ ใส่สูทน้ำเงิน ใบหน้าละม้ายคล้ายกับ ‘ไซ กังนัมสไตล์’ จึงได้พูดคุยสอบถา ทราบชื่อคือ นายพิษณุวัฒน์ หรือแอ๊ด พวงเงิน อายุ 29 ปี เป็นเจ้าของร้านแอ๊ด เซ็นเตอร์

นายพิษณุวัฒน์ เปิดเผยว่า เรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยหอการค้า สาขาการค้าระหว่างประเทศ จากนั้นเข้าทำงานที่ธนาคารทหารไทย สาขากาญจนบุรีได้ 6 ปี เพิ่งลาออกจากงานได้ 1 ปี เพื่อมาทำธุรกิจส่วนตัวเปิดร้านเสริมสวยและตัดผม รวมทั้งรับแต่งหน้านอกสถานที่ทั่วไป โดยเฉพาะงานพิธีแต่งงานของบ่าวสาวเป็นงานที่ตนชอบมาก

เรือเหาะ300ล.ดูแล'ปู'ลงใต้ประสบเหตุ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2555 ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี ปรากฏว่าเรือเหาะมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งตลอดทั้งวันได้บินอยู่บนท้องฟ้าเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับคณะนายกรัฐมนตรี

และเมื่อนายกรัฐมนตรีเสร็จภาระกิจเดินทางออกจากจังหวัดปัตตานีเพื่อไปยังจังหวัดยะลาแล้ว เจ้าหน้าที่ที่บังคับเรือเหาะได้นำลงจอดที่ค่ายทหารกองพบทหารราบที่ 15 ข้างสนามบินบ่อทอง ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อจะเก็บในที่ๆเก็บเรือเหาะปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุก่อนลงพื้นดิน ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่วนผู้บังคับเรือเหาะปลอดภัย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเก็บกู้ และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป ทั้งนี้เกิดจากลมกรรโชกแรงทำให้เรือเหาะเสียการทรงตัว

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่บังคับเรือเหาะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยมีเพียงแผลถลอกตามร่างกายเท่านั้น ส่วนความเสียหายนั้นยังไม่สามารถยืนยันได้ทั้งนี้อาจต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเรือตรวจการณ์ หรือเรือเหาะ มีมูลค่าสูงถึง 350 ล้านบาท ทำการบังคับควบคุมโดยนักบิน ซึ่งในการปฏิบัติงานตามปกติจะกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่รวมเป็น 4 นาย ประกอบด้วยนักบินจำนวน 2 นาย ช่างประจำกล้องตรวจการณ์ จำนวน 1 นาย และ ผบ.หน่วยภาคพื้น หรือช่างประจำเครื่อง หรือเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆ อีกจำนวน 1 นาย นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์กล้องตรวจการณ์ที่มีขีดความสามารถถ่ายภาพ และบันทึกภาพได้ สามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน ด้วยเสียงที่เบาและเงียบ จึงเหมาะแก่การปฏิบัติงานด้านการข่าว และการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อเสริมการปฏิบัติให้กับงานด้านยุทธการอื่นๆ โดยสามารถทำการบินลาดตระเวนตามวงรอบ หรือทำการบินลอย ตัวเหนือที่หมายตามที่มีข้อมูล