ข่าว
พีท ภูมิใจกับตำแหน่งใหม่ LAPD Bomb Dectection K-9

พีรพงศ์ หรือ พีท เพิ่มแสงงาม วัย 47 ปี นายตำรวจสายเลือดไทยแท้ จัดเลี้ยงฉลองการเข้ารับตำแหน่งใหม่ใน LAPD Bomb Dectection K-9 เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะสอบเข้าในสังกัดอันทรงเกียรติแห่งนี้ หลังจากที่เขาสังกัด ในหน่วยตำรวจ LAPD มานานกว่า 20 ปี งานเลี้ยงจัดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 ที่ห้องจัดเลี้ยงของ ทาวน์แอนด์คันทรีย์คลับ เมืองอัลทาดีน่า ในงานเลี้ยงมีคนสำคัญต่างๆ ในชีวิตของเขามาร่วมงานมากมาย อาทิเช่น อดีตผู้บังคับบัญชา จิม แมคดอแนล ปัจจุบันเป็นหัวหน้าตำรวจอยู่ลองบีช (LBPD), เกลน แอแลน อดีตกัปตัน ผู้เกษียณบินมาจากอริโซนา, กงสุลใหญ่ เจษฎา กตเวทิน, ทีมประเทศไทยอาทิเช่น สุดเศวต เศวตะโศภน ผู้จัดการการบินไทยประจำภาคพื้นอเมริกา, ประเสริฐเชาวน์ ธุวะนุติ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาแอล.เอ. เจ้าหน้าที่จากการบินไทย สื่อมวลชนจากหลายแขนง และญาติสนิทมิตรสหาย

งานจัดสไลต์ค็อกเทลเลาจน์ เริ่มด้วยการบรรเลงดนตรีไทย รำไทย จากโรงเรียนวัดป่าธรรมชาติ และฉายวิดีโอประวัติของพีท เขาเริ่มเข้ารับราชการในหน่วยตำรวจจากเมืองเรดแลนด์ ก่อนที่จะมาร่วมกับ LAPD ตั้งแต่ปี 1988 ทำงานมาหลากหลายหน้าที่ จนกระทั่งมาเป็นครูฝึกยุทธวิธีให้กับตำรวจใหม่ เคยร่วมกับเพื่อนตำรวจใน LAPD ไปช่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติฝึกยุทธวิธีแก่ตำรวจไทย

สำหรับตำแหน่งที่เขาได้รับมาหมาดๆ ด้วยความมานะพยายามของเขาจากผู้เข้าแข่งขันเรือนหมื่น นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย งานนี้ไม่ง่ายต้องสอบผ่านทั้งขอเขียนและปฎิบัติ โดยต้องรับการอบรม 10 สัปดาห์ในหลักสูตร National Explosives Detection Cannine Team Program ของสำนักงานความปลอดภัยด้านคมนาคม (TSA) ฝึกที่สนามบิน Lackland เมืองซานแอนโทนิโอ รัฐเท็กซัส เสียก่อน ก่อนที่จะมาประจำการ

ความรับผิดชอบของหน่วยงานนี้คือ ต้องรับมือกับระเบิดทุกรูปแบบ โดยมีสุนัข (Canine) ที่จะต้องนำติดตัวไปเมื่อต้องปฏิบัติหน้าที่ ส่วนใหญ่จะเป็นการดูแลในระบบการขนส่ง และในเขตแอล.เอ.ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ของหน่วยนี้จะประจำการอยู่ที่สนามบิน สถานีรถไฟ สถานีขนส่งมวลชน ท่าเรือ และรวมถึงเรือสินค้าต่างๆ

ภายในงานมีการเชิญผู้ที่พีทนับถือขึ้นไปกล่าว จากนั้นเขาขึ้นไปกล่าวถึงคุณแม่ของเขาที่ไม่ได้มาร่วมงานฉลองในครั้งนี้ด้วยเนื่องจากท่านสุขภาพไม่แข็งแรงนัก ส่วนคุณพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว พีทกล่าวถึงคุณหมอทวี ตันติวงศ์ กล่าวขอบคุณที่ช่วยรักษาเขาเมื่ออายุ 9 เดือนให้พ้นจากการเป็นโปลีโอ

โดยเพื่อนๆ ของพีทชอบเรียกเขาว่า Pete Twelve มาจากตัวหนังสือทั้ง 12 ตัวของนามสกุลเขาที่ชาวฝรั่งไม่สามารถออกเสียงได้นั่นเอง

พีท กล่าวเพิ่มเติมว่าการที่เขาได้รับตำแหน่งใหม่นี้จะต้องไปสัมพันธ์กับงานระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ไม่สะดวกต่อการช่วยเหลืองานต่างๆ ของชุมชนไทยได้อย่างเช่นเคย แต่ถึงอย่างนั้น ใน LAPD เองก็มีตำรวจไทยกว่า 15 คน ที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้

พีท แต่งงานกับ สตพร (แซนดี้) มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คนโต ด.ญ.พีรพร และคนเล็ก ด.ญ. พีรัตน์ ซึ่งร่วมแสดงในงานฉลองครั้งนี้ทำให้คุณพ่อได้ภูมิใจกับลูกสาวทั้งสองด้วย

ศาลสั่งถอนประกัน"ก่อแก้ว" ชี้เจตนาข่มขู่กดดันตุลาการ

"ก่อแก้ว" ซีด ศาลสั่งถอนประกัน ชี้ เจตนาข่มขู่ กดดันตุลาการรัฐธรรมนูญ ยั่วยุปลุกปั่น ปลุกระดมให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง ส่วน เก่ง -ณัฐวุฒิ -หมอเหวง- วิภูแถลง -ภูมกิติ รอดคุกหวุดหวิด แต่กำหนดเงื่อนไขประกันใหม่ ห้ามออกนอกประเทศ ห้ามพูดจายั่วยุ

วันนี้ (30 พ.ย.)ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่ง กรณีเพิกถอนคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.จำเลยคดีก่อการร้ายรวม 6 คน ประกอบด้วย นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 นพ. เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4 , นาย ก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 ,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย จำเลยที่ 10 ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย , นาย การุณ หรือเก่ง โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 9 และนายภูมิกิติหรือ พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 11 โดยเฉพาะนายก่อแก้ว ถูกนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้อง และส่งพยานวัตถุแผ่นซีดีการให้สัมภาษณ์สื่อต่าง ๆต่อศาลว่า นายก่อแก้วมีพฤติการณ์ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 และตัดงบประมาณ ศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่ากระทำผิดเงื่อนไขการประกัน

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 มีพฤติการณ์ ไม่นำพาต่อเงื่อนไขที่ศาลกำหนดเงื่อนไขไว้ ทั้งไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้บทบัญญัติของ กฎหมาย เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง จำเลยที่ 5 มีเจตนา ข่มขู่ คุกคาม กดดัน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการวินิจฉัยคำสั่งของศาลเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง ถึงขนาดทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ถือว่าเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขของศาลที่กำหนดไว้ กรณีมีเหตุสมควรที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 หมายขังไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

สำหรับจำเลยที่ 3,4,9 , 10 และ 11 แม้จะได้ความว่าจำเลยทั้งห้า ได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชน และร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองหรือแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดที่แสดงว่าจำเลยทั้งห้า ได้กระทำการใด ๆ อันถือได้ว่า เป็นการกระทำผิดเงื่อนไขที่ศาลได้กำหนดไว้ในการปล่อยชั่วคราว จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งห้า อย่างไรก็ตามศาลเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งห้าเสียใหม่ โดยให้มีเงื่อนไขเดียวกัน โดยห้ามจำเลยทั้งห้า กระทำการใด ๆ อันมีลักษณะการดูหมิ่นผู้อื่น หรือยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดอันตราย กระทบต่อเกียรติยศชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำใด ๆ ให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย และห้ามจำเลยทั้งห้าเดินทางออกนแกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฟังคำสั่งนายก่อแก้วมีสีหน้าสลดชั่วครู่ โดยนายก่อแก้วสวมชุดสูทสีหน้ายิ้มแย้ม ชู 2 นิ้ว ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายก่อแก้วขึ้นรถตู้ เดินขึ้นรถตู้ของเรือนจำ ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ทันที

ภายหลังนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช.กล่าวว่า เป็นสิ่งที่แกนนำคนเสื้อแดงต้องประสบคือศาล และคุก หวังว่าแกนนำคนอื่นคงไม่ต้องประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกับนายก่อแก้ว และขอให้คนเสื้อแดงยอมรับในคำสั่งศาล

ส่วนบรรยากาศภายหลังศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวนายก่อแก้ว กลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่มารอให้กำลังใจแกนนำ นปช. อยู่บริเวณรั่วหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความเสียใจ ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ บางคนถึงกับกล่าวว่า “ทำไมต้องทำกับคนเสื้อแดงด้วย” โดยคนเสื้อแดงบางคนถึงกับร้องไห้ลงไปนอนกับพื้นทางเดินเท้า แต่ไม่ได้เกิดความวุ่นวาย หรือความรุนแรงใดๆ

"เสธ.อ้าย" ร้องลั่น.”ผมโง่’ ประเมินสถานการณ์ไม่ออก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) พร้อมด้วย พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ได้เข้ายื่นเรื่องต่อ นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบ กรณีการประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง และการกระทำของรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 เพื่อผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการต่อไป

พล.อ. บุญเลิศ กล่าวว่า เรามาร้องผู้ตรวจการแผ่นดินว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะได้ออกฎหมายซ้อน โดยที่มีศักดิ์ทางกฎหมายน้อยกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะเราทำการชุมนุมโดยเปิดเผยและปราศจากอาวุธ เพื่อให้ท่านผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการต่อไป

ด้าน นายศรีราชา กล่าวว่า ต้องเรียนว่าภารกิจของผู้ตรวจการแผ่นดินค่อนข้างเยอะ เรื่องร้องเรียนต่างๆ เยอะมาก ผู้ตรวจการฯไม่ได้เลือกปฏิบัติในการออกมารับหนังสือร้องเรียน ส่วนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวคงต้องระยะเวลาสักระยะหนึ่ง เพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง จึงต้องหาข้อมูลให้รอบด้านในการประกอบการพิจารณา

ภายหลังจากมอบหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.บุญเลิศ ให้สัมภาษณ์ ว่า ก่อนการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ได้ส่งหนังสือชี้แจงถึง นายรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าอย่าให้มีการขัดขวาง และขอยืนว่าการชุมนุมของเราเป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ จนกระทั่งวันที่ 22 พ.ย. ครม.มีมติประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่ชุมนุมทำให้พื้นที่ถูกตัดขาดเป็น 2 ท่อน คนต่างจังหวัดถูกตั้งด่านสกัด ทำให้ผู้ร่วมชุมนุมมาไม่ถึงล้านคน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังปฏิบัติค่อนข้างรุนแรงใช้แก๊สน้ำตา 2-3 ครั้ง ปล่อยงูพิษในที่ชุมนุม

จากนั้นผู้สื่อข่าวขอให้ พล.อ.บุญเลิศ ประเมินสถานการณ์ ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า "ผมยุติบทบาทแล้ว ดังที่ได้เคยบอกว่า พล.อ.บุญเลิศ ตายแล้ว แต่องค์การพิทักษ์สยามยังอยู่ต่อไป โดยจะทำหน้าที่ประสานงานช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องผู้ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา ผมเป็นคนโง่ประเมินสถานการณ์อะไรไม่ออก หากอยากทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ต้องถามทางโฆษก หรือคณะทำงาน กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม