ข่าว
"มาริโอ้"เสียท่าโดนมอมรูดทรัพย์

ครูชาวออสเตรียชื่อ "มาริโอ้" สุดเซ็งจิต บินมาเที่ยวพัทยาครั้งแรก หลังได้ยินชื่อเสียงมานาน นึกว่าโชคดีพบสองสาวสวยเข้ามาตีสนิทพุดคุยแบบกันเอง สุดท้ายเผลอเจอมอมยารูดทรัพย์เกลี้ยง เพ้อต้องระวังสาวไทยมากขึ้น

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ขณะที่ ร.ต.อ.กฤษฐา ประทุมแก้ว ร้อยเวร สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กำลังปฏิบัติหน้าที่บนโรงพัก นายมาริโอ้ ซิตต้า อายุ 46 ปี นักท่องเที่ยวชาวออสเตรีย ได้เดินเข้าแจ้งความด้วยสภาพสะลึมละลือ ก่อนแจ้งว่าถูก 2 สาวขายบริการทางเพศมอมยารูดทรัพย์ไปจนหมดตัว

โดย นายมาริโอ้ ให้การว่า ตนมีอาชีพเป็นครูอยู่ที่ประเทศออสเตรีย ได้ยินชื่อเสียงประเทศไทยมานานว่าพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก ชาวต่างชาติมักนิยมมา จึงขึ้นเครื่องบินมาลองเที่ยวดูบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มาพัทยา โดยคืนแรกได้เข้าพักในห้องเช่าแห่งหนึ่งย่าน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง หลังจัดวางสัมภาระเสร็จได้ออกมาเดินเที่ยวตามถนนพัทยาสายสอง กระทั่งโชคดีได้พบกับ 2 สาวชาวไทย ลักษณะรูปร่างหน้าตาสวยเข้ามาตีสนิทและพูดคุย จากนั้นตนได้ชวน 2 สาว ไปกินพิซซ่าที่ร้านแห่งหนึ่ง พร้อมสั่งเบียร์มาดื่มด้วย

ครูสัญชาติออสเตรีย เล่าอีกว่า จากนั้นได้ดื่มกินสักพักก็รู้สึกปวดปัสสาวะเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำไม่ถึง 3 นาที และกลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง ต่อมาหลังดื่มเบียร์อีกประมาณ 10 นาที จู่ๆก็รู้สึกง่วงซึม จึงเรียก จยย.รับจ้าง ให้ขี่มาส่งที่พัก โดย 2 สาวก็มาด้วย แต่พอมาถึงตนควบคุมร่างกายไม่อยู่ ไม่มีเรี่ยวแรง วิงเวียนศีรษะมาก ไม่นานก็หมดสติไป พอตื่นมาพบว่าข้าวของโดนรื้อค้นเละเทะ ที่สำคัญเงินยูดรส่วนตัว 550 ยูโร หรือประมาณ 2 แสนบาท ก็ถูกขดมยไปเกลี้ยงและเข้าแจ้งความดังกล่าว ซึ่งตนไม่คาดฝันว่ามาครั้งแรกจะเจอเรื่องแบบนี้ ต่อไปนี้จะระมัดระวังสาวไทยให้มากขึ้น

ร.ต.อ.กฤษฐา กล่าวว่า ผู้เสียหายน่าจะถูกมอมยารูดทรัพย์ โดยถูกก่อเหตุช่วงลุกไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งคนร้ายที่แฝงตัวเป็นสาวขายบริการทางเพศแอบใส่ยานอนหลับชนิดรุนแรงเอาไว้ ซึ่งจะประสานฝ่ายสืบสวนออกติดตามตัวมาดำเนินคดีก่อนมีนักท่องเที่ยวตกเป็นเหยื่ออีก

ผบ.สส.นำซ้อมใหญ่เทิดพระเกียรติฯในหลวง

ผบ.สส. นำทหารรักษาพระองค์กว่า 2 พันนาย ซ้อมใหญ่พิธีเทิดพระเกียรติฯ ในหลวง เฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวา ปชช.-นักท่องเที่ยว ร่วมชมคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่มณฑลท้องพิธีสนามหลวง พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นประธานซ้อมใหญ่พิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามลำดับพิธีและใช้เส้นทางเสมือนจริง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะมีพิธีจริงในวันที่ 2 ธ.ค. นี้ โดยมีผู้แทน ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารระดับสูง ผู้บังคับหน่วย เข้าร่วมซ้อมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

สำหรับกำลังพลที่เข้ากระทำพิธี ประกอบด้วย บก.กองผสม, 4 บก.กรมสวนสนาม,12 กองพันสวนสนาม และ 1 กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ รวมทั้งสิ้น 2,197 นาย และม้า จำนวน 90 ม้า รวมพลบริเวณแยกหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน จากนั้นได้เดิน

ขบวนเข้าประจำที่บริเวณท้องสนามหลวง และกระทำพิธีเชิญธงชัยเฉลิมพล 12 หมู่ธงเข้าประจำที่บนเวที ต่อมาพล.อ.วรพงษ์ และผู้แทน ผบ.เหล่าทัพ ได้เข้าประจำที่บริเวณด้านหน้า บก.กองผสม จากนั้น ผบ.สส.ได้ถวายพานพุ่มต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ บนเวที พร้อมกล่าวถวายราชสดุดี และนำถวายสัตย์ปฏิญาณตน พร้อมกับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และปล่อยลูกโป่งหลากสี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจร่วมชมเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซ้อมพิธีดังกล่าวได้มีการปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 15.30-16.30 น. บริเวณ ถ.สนามไชย ถ.เจริญกรุง ถ.ท้ายวัง ถ.พระพิพิธ ถ.หน้าพระลาน ถ.ราชดำเนินใน และถ.หน้าพระธาตุ จากนั้นในเวลา 16.30 – 17.30 น. ในระหว่างการประกอบพิธีในท้องสนามหลวง จะปิดการจราจรใน ถ.หน้าพระลาน ถ.ราชดำเนินใน และ ถ.หน้าพระธาตุ และในเวลา 17.30 – 18.00 น. เป็นการเคลื่อนกำลังทหารออกจากสนามหลวงเพื่อกลับที่ตั้งหน่วยโดยปิดการจราจร ถ.หน้าพระธาตุ ถ.พระอาทิตย์ และถ.สนามไชย และในวันที่ 2 ธ.ค. จะมีการปิดถนนในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยเช่นกัน


“พงศ์พัฒน์” นอนคุกคืนแรกไร้ปัญหา

ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผย “เดอะกิ๊ก” นอนคุกคืนแรกไร้ปัญหาเพื่อนผู้ต้องขังอื่น พร้อมเปิดโอกาสญาติเยี่ยมตามปกติ ขณะแพทย์เข้าเช็คสุขภาพพรุ่งนี้

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครกล่าวถึงการควบคุมผู้ต้องขังเครือข่ายกระทำผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพวกว่า หลังทยอยรับตัวผู้ต้องขังมาฝากขังผัดแรก ไม่พบว่ามีปัญหาในการดูแล หรือการปรับสภาพอยู่ในเรือนจำ โดยเรือนจำให้การดูแลตามระเบียบเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป ที่ถูกส่งเข้าคุมขังตามคำสั่งศาล ซึ่งในส่วนของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เรือนจำเพิ่งรับตัวเข้ามาวานนี้ (29 พ.ย.) มีการทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ตามขั้นตอนปกติ พร้อมส่งตัวไปอยู่แดนแรกรับ โดยให้อยู่รวมกับผู้ต้องขังทั้งตำรวจและพลเรือนในคดีเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในห้องที่มีกล้องวงจรปิดติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงในช่วงวันหยุดก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์และไม่พบว่ามีปัญหากับเพื่อนผู้ต้องขังอื่น อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จะเข้ารับการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ตามระเบียบของเรือนจำที่ต้องตรวจสุขภาพผู้ต้องขังใหม่ เพื่อบันทึกในประวัติว่ามีโรคประจำตัวหรือมีอาการเจ็บป่วยหรือไม่ หากเจ็บป่วยเรือนจำมีสถานพยาบาลให้การรักษาตามสิทธิ

เมื่อสอบถามถึงสภาพจิตใจผู้ต้องขัง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า โดยรวมยังเป็นปรกติ ไม่น่ากังวล รวมถึงเรื่องอาหารการกินผู้ต้องขังก็มีร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขัง และเปิดโอกาสให้ญาติติดต่อเข้าเยี่ยมได้ตามปรกติโดยทั้งหมดจะยังไม่มีการจำแนกไปยังแดนอื่น


“ชัชวาลย์”ปัดไม่รู้เห็นข้อมูลส่วยน้ำมัน

“ชัชวาลย์” ปัดไม่เคยรู้เห็นข้อมูลรับส่วยค้าน้ำมัน ด้าน “สุวณา” เผยทีมสอบข้อเท็จจริงกล่าวหาเป็นดีเอสไอรับส่วยนัดประชุมสัปดาห์หน้า เร่งแกะรอยชื่อเล่นหาชื่อ-สกุลจริง

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีบัญชีสินบนของ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นักธุรกิจภาคใต้ที่พัวพันกับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ว่า ดีเอสไอเข้าไปสอบสวนคดีค้าน้ำมันเถื่อนเฉพาะประเด็นหลบเลี่ยงภาษีเท่านั้น ในขณะที่ตนเป็นอธิบดีดีเอสไอไม่เคยได้รับข้อมูลหรือนำเสนอสำนวนเกี่ยวกับคดีดังกล่าว

ด้าน นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับสินบนแล้ว แต่ไม่ได้ระบุกรอบเวลา ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ซึ่งเบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ถูกระบุชื่อเล่นอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปรับสินบนจำนวน 3 คน คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะประชุมร่วมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อพิสูจน์ว่าบุคคลที่ถูกอ้างชื่อมีชื่อและนามสกุลจริงว่าอะไร และเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอหรือไม่ เนื่องจากการกล่าวหามีเพียงชื่อเล่น อย่างไรก็ตามดีเอสไอต้องสอบให้ได้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ก่อนเพื่อเอาผิดทางวินัย


ถอดสกุล 'อัครพงศ์ปรีชา' โฆษกตร.ยันของจริง

แพร่หนังสือ ส่งถึงปลัด มท. ให้ยกเลิกนามสกุล "อัครพงศ์ปรีชา" ด้าน โฆษก ตร.เผยได้รับหนังสือแจ้งจากกองกิจการในสมเด็จพระบรมฯ แล้ว พร้อมจะให้ผู้ต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเผยแพร่เอกสารเลขที่ พว 000๕.๑/ จากกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ฯ พระที่นั่งอัมพรสถาน วันที่ ๒๘ พฤจิกายน ๒๕๕๗ เรื่องยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน "อัครพงศ์ปรีชา" เรียน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้วยกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ขอยกเลิกชื่อ สกุล พระราชทาน "อัครพงศ์ปรีชา" โดยให้ผู้ที่ใช้ชื่อ สกุล พระราชทานนี้ ในปัจจุบัน กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิม จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และดำเนินการต่อไป ลงชื่อ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ฯ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าว ได้โทรศัพท์ สอบถามไปยังนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงหนังสือดังกล่าว ซึ่งนายวิบูลย์ เปิดเผยว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่๋่๋ผ่านมา ตนก็นั่งทำงานที่กระทรวงมหาดไทยจนดึก ก็ยังไม่เห็นเอกสารฉบับนี้ส่งมาแต่อย่างใด มีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักโทรศัพท์มาสอบถามเรื่องนี้เหมือนกัน จนถึงขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูวันจันทร์ที่ 1 ธ.ค.อีกครั้ง

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังสำนักงานทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง ก็ปฏิเสธเช่นเดียวกันว่า ยังไม่ได้รับเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นามสกุลพระราชทาน “ อัครพงศ์ปรีชา” นั้นได้มีการพระราชทานให้นายอภิรุจ และนางวันทนีย์ อัครพงศ์ปรีชา พื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดสมุทรสงคราม มีบุตร 4 คน และหนึ่งในนั้นคือ นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ผู้ต้องหาในคดีเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)

ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และโฆษกตร. ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีหนังสือประกาศคำสั่งยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน "อัครพงษ์ปรีชา" ออกมาจากกองกิจการในพระองศ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ว่า เบื้องต้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะต้องให้กลับไปใช้นามสกุล "เกิดอำแพง" ซึ่งเป็นนามสกุลเดิม ก่อนที่จะได้พระราชทาน หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยในการดำเนินการยกเลิกนามสกุลต่อไป

ฝรั่งสอนเพื่อน สาวไทยบอก'ไม่...แปลว่า ใช่'

หนุ่มฝรั่งโพสต์สอนเพื่อนต่างชาติ หญิงไทยเป็นอีกหนึ่ง Thailand Only “ไม่แปลว่าใช่” เธอกำลังทำแบบทดสอบกับหนุ่มๆอยู่

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟสบุ๊กแห่แชร์คลิป 2 หนุ่มตาน้ำข้าวที่โพสต์ข้อความถาม-ตอบเกี่ยวกับวิธีทำความเข้าใจแฟนสาวซึ่งเป็นผู้หญิงไทย ที่มีลักษณะนิสัยแตกต่างจากหญิงชาติอื่น โดยคลิปแรกนาย Peter Brooks ได้โพสต์คลิป “นายปีเตอร์ ฝรั่งฝากคำถามถึงผู้หญิง” ความยาว 1.51 นาที บรรยายถึงปัญหาการสื่อสารและการทำความเข้าใจแฟนสาว หลังไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อด้วยกัน เมื่อถามว่าต้องการอะไร แฟนสาวกลับบอกว่าไม่ต้องการ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน แฟนสาวกลับถามหาของซึ่งคาดว่านายปีเตอร์จะหยิบมาเผื่อ และหลังจากทราบว่าไม่ได้ซื้อมาให้ จึงเกิดอาการงอนกัน

จากนั้นไม่นาน นายคริส หนุ่มชาวต่างชาติอีกคน ได้โพสต์คลิป “ฝากถึงคุณ #ปีเตอร์เซเว่น” โดยได้สอนมวยว่า “ผู้หญิงไทยเป็นอีกหนึ่ง Thailand Only ไม่เหมือนหญิงชาติอื่น ถ้าเธอบอกว่า "ไม่" แปลว่า "ใช่" เธอกำลังทำแบบทดสอบกับหนุ่มๆอยู่ว่า พวกคุณจะรู้ใจเธอมากแค่ไหน จงจำไว้ว่า สิ่งไหนที่เธอชอบ ให้คุณรีบซื้อมา แม้เธอจะบอกว่าไม่ก็ตาม และเมื่อคุณซื้อมาแล้ว ถ้าเธอถามว่าซื้อมาทำไม คุณอย่าไปสนใจให้นำของเหล่านั้นไปเก็บไว้ในตู้เย็น ไม่เกินคืนหนึ่งรับรองว่าเธอ “แดกเรียบ” โดยคลิปวิดีโอทั้ง 2 คลิปเป็นบทสนทนาภาษาไทย โดยหนุ่มต่างชาติที่มาพบรักกับหญิงไทยสร้างความขบขำและถูกใจหนุ่มไทยเป็นอย่างมาก

ล่าสุดภรรยาของนาย Peter Brooks ได้โพสต์ข้อความขอบคุณทุกข้อความและกำลังใจ พร้อมชี้แจงว่า เป็นการงอนกันในครอบครัวแบบน่ารัก ไม่ได้ร้ายแรง ออกแนวขำๆมากกว่า “ฝากขอบคุณเพื่อนๆและทุกคนที่เข้าใจ และเข้ามาคอมเม้นให้กำลังใจและกลุ่มคนที่โพสตลก เราชอบมาก อ่านทีไรขำทุกที อยากแจ้งนิดนึงว่า เราไม่ได้งอลกันจริงๆนะคะ แค่งอลแบบเล่นกันแหย่กันตามประสาสามี-ภรรยาคะ แฟนเราเลยทำวีดีโอมาขำๆ เพราะเขาคิดว่าต้องมีอีกหลายคนที่เจอแบบนี้ และผู้หญิงอีกหลายคนที่เป็นเหมือนกัน ขอบคุณจริงๆ สำหรับทุกคอมเม้นเราอ่านให้แฟนเราฟังหมดเลย แฟนเราหัวเราะใหญ่เลย แฟนเราฝากขอบคุณทุกคนมาด้วยนะคะ”