ข่าว
3 ตำรวจรุมโทรมตร.หญิง เหยื่อเป็นลูกสาวพล.ต.อ.

1 พ.ย. คดีอื้อฉาวที่เขย่าวงการตำรวจรัสเซีย เมื่อตำรวจชาย 3 นาย รุมโทรมตำรวจหญิงวัย 23 ปี ในเมืองอูฟา สาธารณรัฐบัชคอร์โตสถาน เหตุเกิดภายในสำนักงานแผนกตรวจเข้าคนเข้าเมืองอูฟา เมื่อค่ำคืนที่ 30 ต.ค. ตำรวจผู้ต้องสงสัยทั้งสามนายถูกควบคุมตัวและสอบปากคำ ส่วนตำรวจหญิงผู้เสียหายยื่นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนประจำเมืองอูฟาแล้ว

กระทรวงกิจการภายใน (เทียบเท่ามหาดไทย) ของรัสเซีย ซึ่งกำกับดูแลตำรวจรัสเซีย มีคำสั่งส่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของกระทรวงกิจการภายใน จากส่วนกลางของกรุงมอสโก ไปยังเมืองอูฟาแล้ว เพื่อสืบสวนราวเรื่องอื้อฉาวที่มีตำรวจหญิงเป็นผู้เสียหาย โดยตำรวจผู้กระทำผิดจะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสูงสุดถึงขั้นไล่ออกจากการทำงานเป็นตำรวจ

เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจหญิงผู้เสียหายเพิ่งจบการศึกษาจากสถาบันกฎหมายแห่งกระทรวงกิจการภายในรัสเซียประจำเมืองอูฟา และเริ่มทำงานเป็น พนักงานสอบสวนหญิงประจำเมืองอูฟา เธอเป็นบุตรสาวของ พลตำรวจเอก ของ หน่วยตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (ОМОН) ของรัสเซีย ภายใต้ กองกำลังแห่งชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงและมีอิทธิพลอย่างสูง

ตำรวจผู้ต้องสงสัยทั้งสามนายเป็น พันตำรวจโท 2 นาย และ พันตำรวจตรี 1 นาย ประกอบด้วย เอดูอาร์ด มัตเวเยฟ ผกก.เมืองอูฟา อายุ 51 ปี, ซาลาวัต กาลีเยฟ ผกก.เมืองคาร์มัสคาลินสกี อายุ 50 ปี และ ปาเวล ยารอมชุค หัวหน้าแผนกตรวจคนเข้าเมืองอูฟา อายุ 34 ปี เอดูอาร์ด มัตเวเยฟ เป็น ผู้บังคับบัญชา ของพนักงานสอบสวนหญิงรายนี้

ทั้งสามคนดื่มสุราด้วยกันจากนั้นลงมือข่มขืนพนักงานสอบสวนหญิงประจำเมืองอูฟา ต่อมาตอนเช้า ตำรวจหญิงเข้าแจ้งความกับคณะกรรมการสอบสวนแห่งชาติรัสเซีย ซึ่งพิจารณาความอาญาในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเรา” และ “ล่วงละเมิดทางเพศเป็นกลุ่ม” และดำเนินการสอบปากคำ

ล่าสุด ตำรวจทั้งสามนายถูกนำตัวไปยังศาลเขตคีรอฟสกี เมืองอูฟา แล้ว ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะฝากขังตำรวจทั้งสามนายระหว่างการพิจารณาคดีหรือไม่

สื่อมะกันประโคมข่าว ไทยแลนด์ประชันแร็พ

2 พ.ย.61 สำนักข่าว Voice of America (VOA) ของสหรัฐอเมริกา นำเสนอข่าว "Thai Government, Knocked by Rappers, Responds with Own Tune" เนื้อหาว่า ด้วยจากความแรงของเพลงแร็พ (Rap) "ประเทศกูมี" ของกลุ่มศิลปิน Rap Against Dictatorship (RAD) ทำให้แม้แต่รัฐบาลทหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของไทยยังต้องปรับเปลี่ยนมาสื่อสารกับประชาชนผ่านเพลงแร็พบ้าง

รายงานของ VOA ระบุว่า ในขณะที่ยอดการเข้าชมเพลง "ประเทศกูมี" บนเว็บไซต์ยูทูป (Youtube) ทะลุ 25 ล้านไปแล้ว นับตั้งแต่ที่มีการเผยแพร่เพลงดังกล่าวเมื่อ 22 ต.ค.61 ล่าสุดในวันที่ 1 พ.ย.ปีเดียวกัน รัฐบาลไทยมีการเผยแพร่เพลง "Thailand 4.0" ในงานที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พบปะกับผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพ (Start Up) จำนวน 500 คน ซึ่งก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าแต่งขึ้นมาเพื่อประชันกับเพลงประเทศกูมีหรือไม่

สำหรับเนื้อหาของเพลง Thailand 4.0 นั้น ว่าด้วยคนไทยไม่ว่าวัยไหนๆ ก็สามารถร่วมพาประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นได้หากมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกมีความสุขที่ได้ฟังเพลงแร็พเนื้อหาดีๆ อย่างไรก็ตาม อาจต้องแก้ไขบางส่วนของเพลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ภาครัฐของไทยค่อนข้างไม่สบายใจกับเพลงประเทศกูมี ที่ถูกปล่อยออกมาในห้วงเวลาที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจต่อรัฐบาลทหาร

รายงานของ VOA กล่าวต่อไปว่า มิวสิควีดีโอเพลงประเทศกูมีนั้นเลือกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นำภาพการสังหารหมู่นักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย โดยตำรวจและทหารมาเป็นฉากหลัง ตัดกับเสียงของนักร้องที่บอกเล่าว่าที่ประเทศแห่งนี้ที่อ้างว่ามีเสรีภาพ แต่จริงๆ แล้วไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะผู้คนถูกปืนจ่อลำคออยู่ และต้องเลือกเอาระหว่างลูกปืนหรือความจริง

ในช่วงแรกๆ ที่เพลงดังกล่าวเริ่มเป็นกระแส นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้บทเพลงจะมีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล แต่ผลที่เกิดขึ้นคือความเสียหายต่อประเทศ ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกมาเตือนว่าอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ออกมาบอกว่าหลังตรวจสอบแล้วยังไม่พบว่าเพลงประเทศกูมีเข้าข่ายผิดกฎหมาย

ด้าน นายเดชาธร บำรุงเมือง หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม RAD ที่ทำเพลงแร็พประเทศกูมี ให้ความเห็นว่า เหตุที่เพลงของพวกตนกลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นเพราะวันนี้เพลงแนวแร็พ หรือฮิปฮอป (Hip Hop) กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยผลตอบรับต่อเพลงประเทศกูมีนั้นมีทั้งบวกและลบ นั่นเหมือนกับว่าศิลปินได้สื่อสารกับผู้คนโดยใช้เพลงเป็นสื่อ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรที่ล้ำเส้นกฎหมาย


“นิโคลีน” นุ่งโจงห่มตะเบงมาน ก่อนบินประกวด “มิสเวิลด์ 2018”

สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สตาร์ดอม เอเชีย จำกัด จัดแถลงข่าวการเตรียมความพร้อม “นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 สำหรับการทำหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมประกวดเวทีระดับโลก “มิสเวิลด์ 2018” ณ เมืองซานย่า ประเทศจีน โดยจะออกเดินทางวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน นี้ เวลา 03.20 น. ด้วยสายการบินฮ่องกง แอร์ไลน์ เที่ยวบิน HX 762 กรุงเทพฯ - ฮ่องกง ก่อนต่อเครื่องด้วยเที่ยวบิน HX 169 ฮ่องกง - ซานย่า ตามลำดับ

บรรยากาศการแถลงข่าว “เฟร้นฟราย ธันยชนก มูลนิลตา” รุ่นพี่มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2015 รับหน้าที่พิธีกร ก่อนเปิดตัวนิโคลีนด้วยความฮึกเหิมในโชว์ “สุโขศิลป์ถิ่นมวยสยาม” ที่จะใช้ออดิชั่นรอบ Dance Of The World โดยเลือกใช้เพลง “ฮุยเลฮุย” โชว์เปิดรอบตัดสิน ออกแบบและตัดเย็บโดย “เอ็กซ์ อยุทธกาน จันทโชติ” ห้องเสื้อเมอร์เรียดแกรนมอนด์ ได้แนวคิดมาจากสตรีสยามในอดีต ที่ไม่เพียงอ่อนหวานนุ่งซิ่นห่มสไบ หากในยามศึกสงครามก็พร้อมที่จะแสดงความเข้มแข็ง นุ่งโจงห่มตะเบงมาน ออกศึกเคียงคู่กับผู้ชาย ที่สำคัญศิลปการต่อสู้มือเปล่าแบบมวยไทยก็แข็งแรงไม่แพ้ผู้ชาย และเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดรวมประดับไปกับชุดนี้มาจากเครื่องทองสุโขทัยในยุคก่อน ซึ่งนิยมลงยางดงามด้วยสีแดงและเขียว เมื่อประดับลงบนตะเบ็งมานสีแดงก่ำ ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงความเป็นชาติไทย ทำให้ชุดนี้งดงามอ่อนหวาน ผสมผสานความทะมัดทะแมงอย่างลงตัว

สำหรับชุดที่เตรียมเข้าร่วมการประกวด ประกอบไปด้วย ชุดประจำชาติ เป็นชุดไทยดุสิต หนึ่งในชุดไทยพระราชนิยม ได้รับการออกแบบและตัดเย็บโดย “ครูบิ๊ก พีรมณฑ์ ชมธวัช” อาภรณ์งามสตูดิโอ ด้านบนเป็นเสื้อแขนกุดเข้ารูป ใส่กับผ้านุ่งสำเร็จรูปมีจีบหน้านางและชายพก ตัดเย็บจากผ้าไหมยกทองสีงาช้างลายดอกพิกุล ปักประดับด้วยไหมทอง ลูกปัด และแก้วคริสตัล ได้รับแรงบันดาลใจจากการชมและศึกษา ชุดไทยพระราชนิยมฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ฯ

ชุดดีไซเนอร์ อีกหนึ่งชุดที่มีสำคัญในการประกวด Miss World ซึ่งเป็นชุดราตรีสำหรับสวมใส่ในรอบการประกวด Best Design Award ชุดนี้เป็นผลงานร่วมกันระหว่าง ดีไซเนอร์ชื่อดัง “ประภากาศ อังศุสิงห์” ผู้ออกแบบตัดเย็บ และน้องๆกลุ่ม Art story มูลนิธิออทิสติกไทย ที่ช่วยกันเพ้นท์ลายภาพในหัวข้อ Love หรือความรักลงบนผืนผ้าก่อนที่จะถูกนำไปตัดเย็บเป็นชุดราตรีสีขาวงดงาม ภายใต้แนวความคิดที่ต่อยอดมาจากโครงการ Love for All ของนิโคลีน ที่ต้องการส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของเด็กออทิสติกให้ออกสู่ระดับสากล

ชุดราตรีรอบตัดสิน ออกแบบและตัดเย็บโดย “อธิษฐ์ ฐีรกิตติวัฒน์” ดีไซเนอร์ จากห้องเสื้อ Surface จากการใช้เวลาศึกษาและวิเคราะห์การประกวดมิสเวิลด์ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จนตกผลึก ออกมาเป็นชุดราตรีที่งดงาม ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความงามแบบคลาสสิก และกลิ่นไอความเป็นโมเดิร์นไชนิส โดยใช้ผ้าตาข่ายจากฝรั่งเศสเป็นวัสดุหลัก ปักเย็บด้วยเพชรเป็นลายเส้นตลอดทั้งชุด เพิ่มความละมุนกลมกล่อมด้วยขนนกกระจอกเทศ ส่งเสริมให้ความโดดเด่นของนิโคลีนงดงามจับใจบนเวที

นอกจากนี้ “อธิษฐ์ ฐีรกิตติวัฒน์” ยังเป็นผู้ดูแลภาพรวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของตัวแทนสาวไทย ตลอดการเก็บตัวที่ประเทศจีน ร่วมกับ “ธรธรรม พงษ์พาณิช” สไตลิสต์

โดยรางวัลพิเศษ ที่เข้ารอบแบบอัตโนมัติ 5 รางวัล ได้แก่ Miss World Beauty with a Purpose, Miss World fashion- Top Model, Miss World Multimedia Award, Miss World Top Sports และ Miss World Talent

สำหรับรอบตัดสิน “มิสเวิลด์ 2018” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2561 ณ เมืองซานย่า ประเทศจีน ผู้ชมในประเทศไทยสามารถร่วมติดตาม ชม แชร์ และให้กำลังใจตัวแทนประเทศไทย ได้ทางแฟนเพจ เฟสบุ๊ค: Miss World - Thailand และดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น MOBSTAR เพื่อเข้าไปกดโหวตกดไลก์ด้วยการพิมพ์ชื่อ Nicolene แล้วกดเข้าไปชมภาพสุด Exclusive แล้วสไลด์ภาพทุกภาพไปทางขวาเพื่อให้ขึ้นว่า Yes เป็นการโหวต โดยสามารถเข้าไปโหวตได้ทุกวัน

ทั้งนี้ สามารถร่วมส่งและให้กำลังใจ “นิโคลีน” มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 ในวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายนนี้ เวลา 20.00 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาร์เตอร์สายการบินฮ่องกง แอร์ไลน์ เพื่อบินสู่เมืองซานย่า ประเทศจีนต่อไป


บิ๊กตู่ เตือนอย่าให้วุ่นวาย วอนการเมืองหยุดให้ร้าย

2 พ.ย.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตอนหนึ่ง ว่า ช่วงนี้อีกเรื่องหนึ่งก็อยากจะขอความร่วมมือ จะเห็นได้ว่าการเมือง-การเลือกตั้ง ก็กำลังจะใกล้เข้ามาแล้ว อย่าให้มันวุ่นวายสับสนอีกเลย ประชาชนอาจจะมี “ภูมิคุ้มกัน” ที่ไม่มากพอ

หลายคนอาจจะพูดเพื่อไปสู่การเลือกตั้ง ให้ได้รับเลือกอะไรต่างๆเหล่านี้ มีการติติง ว่ากันไปมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนบางคนก็ชอบดู ชอบฟัง แล้วก็พูดต่อ โพสต่อ บางทีก็ไม่ได้รู้ว่าถูกหรือไม่ถูก บางทีก็สนุกดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ประเทศจะเป็นผู้ที่ได้หรือเสีย ประชาชนก็จะตามมา you get what you do เพราะฉะนั้นที่สุดนี้เราก็ต้องเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งอยู่แล้ว ก็ต้องหาคนที่ทำงานจริง ทำงานเป็น ทำงานได้ ไม่ใช่เพียงแต่ว่าได้ทำ แล้วทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ

หลายคน ก็เคยอยู่ในระบบการบริหารราชการแผ่นดินมาแล้ว วันนี้ออกมาพูด ตำหนิ ติติง สื่อก็นำมาขยายความให้ โซเชียลมีเดียขยายให้ ก็ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด สับสนอลหม่านไปหมดในสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็เสียหายไป ก็กลับไปสู่ที่เดิม เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ เสียเวลาวันข้างหน้าไปอีกกี่รัฐบาลล่ะ เพราะฉะนั้นการเป็นประชาธิปไตยนั้น เราไม่จำเป็นต้องให้ร้าย หรือสร้างความเกลียดชัง นี่คือการปฏิรูปทางการเมืองอันดับหนึ่งเลย

กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมต้องได้รับการยอมรับ เมื่อผู้ตัดสินถูก-ผิด ตามหลักฐานแล้ว ก็ต้องไม่มีใครก้าวล่วง หากผู้ทำความผิด ไม่ไปให้ผลประโยชน์ แลกเปลี่ยนกับคนที่ไม่ดี ก็อาจจะมีอยู่บ้าง น่าอับอายแทนคนเหล่านั้น ทุกคนรู้ตัวดี ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร ศาล อัยการ ขอร้องอย่าให้มีอีกต่อไป


‘หญิงหน่อย’เหน็บ‘บิ๊กป้อม-สมคิด’ ปชช.ตัดสินหน้าตานายกฯคนใหม่

เมื่อเวลา 16.50 น.วันที่ 2 พ.ย.61 ที่ตลาดวงศกร เขตสายไหม กรุงเทพฯ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย , น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร , นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.กทม. , ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง หรือ “หมวดเจี๊ยบ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรคเพื่อไทย เดินทางมารับสมัครสมาชิกพรรค พร้อมรับฟังปัญหาของประชาชนเขตสายไหม โดยมีพ่อค้า แม่ค้า ประชาชน มารอให้การต้อนรับกว่า 300 คน

จากนั้นเวลา 17.50 น. คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทำนายว่านายกฯคนต่อไปหน้าตาคล้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ตนไม่ขอทำนายอะไร เพราะไม่ใช่หมอดู เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับประชาชน ใครจะพูดอะไรก็ตาม แต่ตนขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในฐานะนักการเมือง เรามั่นใจในสิ่งที่ทำ เราเคารพประชาชน

“เราเชื่อว่าประชาชนจะร่วมมือกับเราหาทางออกจากความทุกข์ สิ่งที่รองนายกฯทำนายนั้น คิดว่าไม่ใช่การทำนาย แต่เป็นเป้าหมายมากกว่า ที่ผู้มีอำนาจอยากมีอำนาจต่อไป” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ลูกศิษย์อาลัย 'หลวงปู่แขก' เกจิดังพิษณุโลก มรณภาพ

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 พ.ย. 61 นายพิพัฒน์ เอภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ท่านเจ้าคุณพระมงคลสุธี (หลวงปู่แขก ปภาโส) เจ้าอาวาสวัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง แล้วหมดสติ โดยทางวัดได้นำท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพิษณุเวช และส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ในแผนกหอผู้ป่วยหนักระบบประสาท (ICU ศป) ชั้น 4 อาคารเอกซเรย์และผ่าตัด

ทางด้าน นายแพทย์วิสิทธิ์ เสถียรวันทนีย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทของโรงพยาบาลพุทธชินราช ได้วินิจฉัยอาการ พบว่า อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงเกิดจากเส้นโลหิตโป่งพองในสมองแตก (Ruptured Cerebral Aneurysm)

จากนั้น จึงได้ทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หลังผ่าตัดอาการท่านยังไม่ดีขึ้น ไม่รู้สึกตัวมาตลอดตั้งแต่มาโรงพยาบาล คณะแพทย์ได้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอดมา ซึ่งล่าสุดในวันนี้ หลวงปู่แขก มีอาการทรุดลงและได้มรณภาพ เมื่อเวลา 15.25 น. สิริรวมอายุ 94 ปี

ทั้งนี้ ภายหลังจาก 'หลวงปู่แขก' ได้ละสังขารอย่างสงบ สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ใกล้ชิด เหล่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจ รวมถึงพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลก ที่ทราบข่าว และติดตามอาการอาพาธของหลวงปู่แขกมาโดยตลอด และจะมีพิธีการเตรียมเคลื่อนศพกลับวัดสุนทรประดิษฐ์ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.