ข่าว
เพลย์บอย “ฮิวจ์ เฮฟเนอร์ ”ลาโลก บุรุษเจ้าสำราญ.

ฮิวจ์ เอ็ม.เฮฟเนอร์ ผู้ก่อตั้งนิตยสารปลุกใจเสือป่าชื่อดัง “เพลย์บอย” บุรุษเจ้าสำราญผู้จุดกระแสการปฏิวัติทางเพศในช่วงทศวรรษ 1950 และสร้างอาณาจักรมัลติมีเดีย ซึ่งมีทั้งคลับ, แมนชั่น, ภาพยนตร์ และ ทีวี อำลาโลกไปอย่างสงบด้วยวัย 91 ปี เมื่อคืนวันพุธ (27 ก.ย.)

เพลย์บอยออกคำแถลงว่า เฮฟเนอร์เสียชีวิตด้วยสาเหตุธรรมชาติ ในคฤหาสน์ส่วนตัวโดยแวดล้อมไปด้วยสมาชิกครอบครัว

เฮฟเนอร์เป็นผู้ที่มีส่วนอย่างมากมายในการทำให้คนอเมริกันและทั่วโลกกล้าพูดเรื่องเซ็กซ์อย่างเปิดเผย โดยที่ในปี 1963 ตอนที่หลายๆ รัฐในสหรัฐฯยังคงสามารถห้ามการใช้ยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และซิตคอมยอดนิยมของทีวีอเมริกันถูกห้ามไม่ให้ใช้คำว่า “ท้อง” เขาตีพิมพ์นิตยสารเพลย์บอยฉบับปฐมฤกษ์ ประเดิมด้วยภาพเปลือย มาริลีน มอนโร ที่ถ่ายไว้ก่อนหน้านั้นหลายปี และบทบรรณาธิการที่ให้สัญญาว่า จะนำเสนออารมณ์ขัน ข้อมูลทันสมัย และความเร้าใจแก่ผู้อ่าน

ไม่นานเพลย์บอยกลายเป็นผลไม้ต้องห้ามสำหรับหนุ่มวัยกระเตาะ และไบเบิลสำหรับชายชาตรีที่มีทั้งเงินและเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสังสรรค์ท่ามกลางแสงไฟสลัว เหล้ายา เพลงแจ๊ซนุ่มๆ และความปรารถนาที่ลึกล้ำ

ภายในปีเดียว เพลย์บอยมียอดตีพิมพ์เฉียด 200,000 ฉบับ และแตะหลักล้านฉบับใน 5 ปี

ทศวรรษ 1970 นิตยสารปลุกใจเสือป่าฉบับนี้มีผู้อ่านมากกว่า 7 ล้านคน และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้มีการลอกเลียนแบบที่ขายความวาบหวิวเหมือนกันแต่ดูเหมือนมีรสนิยมต่ำกว่า อย่างเช่น เพนต์เฮาส์ และ ฮัสต์เลอร์

ต่อมาในศตวรรษที่ 21 การแข่งขันดุเดือดและอินเทอร์เน็ต ทำให้ยอดตีพิมพ์ของเพลย์บอยลดลงต่ำกว่า 3 ล้านฉบับ ทว่า เฮฟเนอร์และเพลย์บอยยังคงเป็นแบรนด์เนมที่ติดตลาดทั่วโลก

ครั้งหนึ่งเมื่อปี 1992 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เคยตั้งคำถามว่า เขาภูมิใจอะไรมากที่สุด เฮฟเนอร์ตอบว่า “การที่ผมสามารถเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนที่มีต่อเรื่องเซ็กซ์ การที่คนดีๆ อยู่ร่วมกันได้ และการที่ผมสามารถล้มล้างความคิดแง่ลบของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานคือสิ่งที่ผมพอใจมากที่สุด”

แม้ได้รับความชื่นชมอย่างกว้างขวาง แต่เฮฟเนอร์ไม่ใช่บุคคลอันเป็นที่รักของคนทั้งโลก นักสิทธิสตรีและผู้นำศาสนามากมายตราหน้าว่า เขาเป็นแค่คนทำหนังสือโป๊ที่โด่งดังขึ้นมา และสามารถเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและทำให้ผู้หญิงกลายเป็นวัตถุทางเพศโดยปราศจากความผิดใดๆ

เฮฟเนอร์เกิดที่เมืองชิคาโกวันที่ 9 เมษายน 1926 ในครอบครัวซึ่งพ่อแม่เป็นชาวคริสต์นิกายเมโธดิสต์ที่เคร่งครัดมาก โดยที่เขาเคยเล่าว่า พ่อแม่ของเขาไม่เคยแสดง “ความรักด้วยวิธีทางกายภาพหรือทางอารมณ์เลย”

เผ่นจากดูไบแล้ว ‘ปู’ เตลิด ซุกอังกฤษ

“บิ๊กตู่” เฉลย “ปู-ยิ่งลักษณ์” อดีตนายกฯหญิง หนีไปดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ท่ามกลางเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวการเมืองไทยอีกเด็ดขาด แต่สื่อนอก “รอยเตอร์” ระบุบินต่อจากดูไบ ไปอยู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ 11 ก.ย. ด้าน “ศรีวราห์” ขอหมายค้นจากศาลอาญาไปหาหลักฐานเพิ่มที่บ้านพักของอดีตนายกฯ ได้ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวไปเก็บดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบกับที่พบในรถเก๋งคัมรี่ มี “ผกก.หนุ่ย” อดีต รปภ.ทีมคุ้มกันเปิดบ้านนำค้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้งขจัดขั้วตรงข้าม โฆษกศาลยุติธรรมเผย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับปี 60 ประกาศและเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. จำเลย อุทธรณ์คดีได้แต่ต้องมาแสดงตัวกับศาล

ยังเป็นที่สนใจของประชาชนทั้งประเทศ ภายหลังศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลังในความผิดฐานปล่อยปละ ละเลยให้เกิดการทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี สั่งจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญากับ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่เจ้าตัวตกอยู่ในฐานะจำเลยยังหายตัวไร้วี่แวว ทำให้ตำรวจต้องรอหมายบังคับคดีเพื่อนำเข้าระบบประกาศสืบจับโดยกองทะเบียนประวัติอาชญากรพร้อมประสานขอความร่วมมือตำรวจสากล 192 ประเทศช่วยตามตัว ท่ามกลางกระแสข่าวผู้ใหญ่ในรัฐบาลทราบข้อมูลแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปกบดานที่ประเทศใด

นายกฯย้ำต้องใช้กฎหมายเดียวกัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 28 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ต้องโทษจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ว่าไม่รู้สึกอะไร ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังการตัดสิน เพราะไม่ใช่เรื่องของตนเป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล รู้สึกเหมือนกับทุกคดีคือการตัดสินของศาลที่ใช้กฎหมาย เคยบอกว่ากฎหมายคือสิ่งที่อำนวยความเท่าเทียม ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่านักการเมือง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ กฎกระทรวง เมื่อตัดสินแล้วก็จบ ต้องเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ผู้ต้องหา ผู้ถูกกล่าวหา หรือใครไปต่อสู้คดีเอา

สื่อนอกระบุบินไปลอนดอนแล้ว

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางเข้าดูไบจริง แต่เดินทางออกจากดูไบไปกรุงลอนดอนแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. ทั้งนี้แหล่งข่าวดังกล่าวออกมาแสดงท่าทีภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีคดีละเลยแก้ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวไปดูไบตั้งแต่ช่วงเดือนที่แล้ว ทั้งระบุทางการไทยอยู่ระหว่างดำเนินการทางการทูตและขอความร่วมมือจากตำรวจสากลช่วยตามจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย


"บิ๊กตู่" บินถก "ทรัมป์" 2 - 4 ต.ต.นี้ คุยความมั่นคง ศก.สถานการณ์

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกำหนดการ เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีกำหนด เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 2 – 4 ตุลาคม 2560 ตามคำเชิญของ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้บริหารระดับสูงของไทยร่วมเดินทาง อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงกลาโหม เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ เป็นการตอบรับตาม คำเชิญของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งได้กล่าวเชิญ นายกรัฐมนตรี ระหว่างการหารือทาง โทรศัพท์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำทั้งสองจะได้มีการหารือ ในประเด็นความร่วมมือ ทั้งด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนแล้ว ยังจะได้มีการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นถึงสถานการณ์ในระดับภูมิภาคด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติภารกิจสำคัญ ประกอบด้วย การพบหารือกับ ผู้แทนภาค เอกชนไทยการหารือข้อราชการกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา การประชุมเต็มคณะ และร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งคณะนักธุรกิจจากหอการค้าสหรัฐอเมริกาและสภาธุรกิจอาเซียน – สหรัฐอเมริกา ได้ร่วม กันจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ

การพบปะของผู้นำทั้งสองประเทศครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้หารือเพื่อมุ่งผลักดันความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐ ฯ เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ของทั้งสองประเทศ อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน

อนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2376 จากที่ทั้งสองฝ่ายมีสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ (TREATY OF AMITY AND COMMERCE) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ และประธานาธิบดี ANDREW JACKSON ของสหรัฐฯ และได้มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ ฯ ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคงและการทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาธารณสุขภาคเอกชนและประชาชนรวมทั้งความสัมพันธ์ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งสหประชาชาติ เอเปค และอาเซียน เป็นต้น ซึ่งในปี 2561 ทั้งสองประเทศ จะได้มีการ จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี ของการติดต่อสัมพันธ์ ในระดับประชาชน ระหว่างไทย-สหรัฐ ฯ ด้วย


คิดให้ดีก่อนทำ! ขโมยหวย 12 ล้าน กลับใจคืนเงิน ยังผิดกฎหมายหรือไม่

เป็นข่าวที่คนให้ความสนใจมากที่สุด ณ ตอนนี้ จากเหตุที่นายพันธุ์ศักดิ์ เสือชุมแสง ชาวบ้านวังกะโดน ต.หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ถูกคนใกล้ชิดที่เข้าออกบ้านเป็นประจำขโมยสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 16 ส.ค.2560 จากเลขที่ออก 715431 จำนวน 2 ใบ สามารถขึ้นเงินได้ 12 ล้านบาท และเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2560

ล่าสุดคนที่นำหวยไปขึ้นเงินได้เข้าพบตำรวจแล้ว ด้านนายพันธุ์ศักดิ์เจ้าของหวยตัวจริงนั้นมีคนขายเป็นพยานบุคคลยืนยันว่าตนถูกหวยจริงๆ และกำลังลุ้นว่าผลสุดท้ายจะได้เงิน 12 ล้านคืนหรือไม่ ขณะที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดังให้ความเห็นกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่าคำให้การของคนที่ขายหวยให้นายพันธุ์ศักดิ์ เป็นหลักฐานพยานบุคคลได้ลำดับหนึ่ง แต่ต้องบอกให้ชัดเจน จำได้แม่นยำว่าขายให้จริงก็มีโอกาสได้เงินถูกหวยคืน

สำหรับความผิดของคนที่ขโมยและนำหวยไปขึ้นเงินรางวัลนั้น ถือว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และมีความผิดพ่วงมาอีกหนึ่ง คือ เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น ซึ่งมีบทลงโทษหนักกว่าความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หากคนที่ขโมยหวย หรือคนที่นำหวยไปขึ้นเงิน กลับใจเอาเงินมาคืนนายพันธุ์ศักดิ์ ถือว่ายังมีความผิดหรือไม่?... ทนายความอนันต์ชัยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“ไม่ได้ เพราะถือว่าความผิดเกิดแล้ว ยังไงก็ต้องถูกดำเนินคดี แม้เจ้าของลอตเตอรี่ไม่ติดใจเอาความก็ยังถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย เป็นความผิดอาญาแผ่นดินทั้งคู่และยอมความไม่ได้

หากใครโชคดีถูกหวยรางวัลที่ 1 หรือรางวัลอะไรก็ตามที่มีมูลค่าเงินเยอะๆ ควรแจ้งไว้แรกที่ต้องรีบทำคือ ไปแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ว่าวันนี้ถูกหวย เลขอะไร เพื่อใช้อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในกรณีที่หวยหายหรือถูกขโมย นี่คือวิธีป้องกันที่ดีที่สุด หรือไม่ก็ถ่ายรูปหวยเก็บเป็นหลักฐานเบื้องต้น”


วิวาห์ล่ม! เจ้าบ่าววัย 17 อ้างไร้สินสอด ถึงวันแต่งชิ่งหนี ปล่อยเจ้าสาวรอเก้อ

(29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 230 ม.7 ต.สินปุน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ได้มีการจัดงานมงคลสมรสอย่างยิ่งใหญ่ มีการตั้งเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ และจัดอาหารไว้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน จำนวนเกือบ 100 ชุด แต่สุดท้ายรอจนกระทั่งถึงเที่ยงวัน ฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ได้เดินทางมาร่วมพิธีแต่อย่างใด จนสร้างความผิดหวังให้แก่เจ้าสาว และญาติพี่น้องเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ นายสมพงศ์ อินศิริ อายุ 68 ปี และนางสมหมาย อินศิริ อายุ 56 ปี พ่อและแม่ของเจ้าสาวยืนรอรับแขกอยู่ แต่บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ท่ามกลางญาติพี่น้องที่มาคอยให้กำลังใจ

จากการสอบถามนายสมพงศ์ พ่อของเจ้าสาว ทราบว่า ก่อนที่จะมีการจัดเตรียมงานมงคลสมรสในครั้งนี้ ได้มีการเตรียมงานอยู่ประมาณ 1 เดือน ภายหลังจากญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวได้มาพูดคุยสู่ขอลูกสาวคือ นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ตอนแรกได้มีการตั้งค่าสินสอดเป็นเงิน 3 แสนบาท เพราะตนและภรรยามีลูกสาวเพียงคนเดียว และเพิ่งมีลูกตอนอายุมากแล้ว แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวขอลดค่าสินสอดอีก จึงลดลงมาเหลือ 150,000 บาท และได้มีการดูฤกษ์วันแต่งในวันนี้ (29 ก.ย.) แต่ก่อนจะถึงวันงาน ทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็ได้ขอลดลงมาอีก แต่ตนก็ยังยืนยันคำเดิม

หลังจากนั้นได้มีการเตรียมจัดงานขึ้นที่บ้าน โดยได้มีการเช่าเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ เวทีร้องเพลง รวมทั้งอาหารไว้เรียบร้อย รวมเงินลงทุนไปกว่า 3 แสนบาท จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ทางฝ่ายเจ้าบ่าวได้โทรศัพท์มาบอกว่า ไม่สามารถมาในพิธีงานมงคลสมรสได้ เนื่องจากไม่มีเงินค่าสินสอด ตนและญาติๆ จึงปรึกษากันแล้วว่าจะต้องเดินหน้าจัดงานต่อไป ตามที่ได้แจกการ์ดเชิญไว้ และลงทุนไปหลายแสนบาท โดยจะรอจนกระทั่งถึงตอนเที่ยง หากทางฝ่ายเจ้าบ่าวไม่มาก็จะยุติการจัดงาน และหลังจากนี้จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่ายเจ้าบ่าว ที่เบี้ยวงานแต่งงานในครั้งนี้ เพื่อให้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น

ด้าน น.ส.เอ เจ้าสาว กล่าวทั้งน้ำตาว่า เรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ชั้น ม.4 ส่วนเจ้าบ่าว อายุ 17 ปี บ้านอยู่รอยต่อ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รู้จักกับฝ่ายเจ้าบ่าวผ่านทางเฟซบุ๊กได้ประมาณ 1 เดือน จากนั้นก็ตกลงปลงใจคบหากันได้ประมาณ 1 ปี และเคยไปที่บ้านของฝ่ายเจ้าบ่าวหลายครั้ง จนกระทั่งตนตั้งท้องได้ประมาณ 5 เดือน ก่อนที่จะมีการจัดงานมงคลสมรสในวันนี้ และตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมาทำกันแบบนี้

คิม จอง อึนสั่งติดป้ายทั่วประเทศ ชาวโสมแดง พร้อมเข้าสู่สงคราม

เมื่อ 29 ก.ย.60 สื่อต่างประเทศรายงาน คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายตามสถานที่ต่างๆ แจ้งบอกชาวเกาหลีเหนือทั้งประเทศ เตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามกับสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกแล้ว หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศถ้อยแถลงในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก เตือนสหรัฐฯ จะโจมตีเกาหลีเหนือให้ราบคาบ หากถูกบีบบังคับให้จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องมาตุภูมิสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร

ข่าวแจ้งว่าทางการเกาหลีเหนือได้มีการติดป้ายโฆษณาชวนเชื่อปลุกเร้าประชาชนเกาหลีเหนือให้เตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามทั่วประเทศ เป็นครั้งแรก โดยมีการติดตามบริเวณสี่แยกที่มียวดยานพาหนะคับคั่ง และบริเวณทางแยกทั้งในกรุงเปียงยางและทั่วเกาหลีเหนือ นอกจากนั้น ยังมีติดบนด้านท้ายของขบวนรถไฟด้วย เขียนข้อความว่า ‘กำจัดจักรวรรดินิยมอเมริกัน’ นอกจากนั้น ยังมีการติดป้ายตามอพาร์ตเมนต์ที่พักอาศัยด้วย หลังจากที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ใช้การปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่อแก่ประชาชนในเรื่องต่างๆ ตลอดมา.