ข่าว
ผอ.เขตดินแดงแจ้งความผู้รับเหมา! รื้อถอนแฟลตดินแดงถล่ม

3 เม.ย. 62 จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันนี้ (2 เม.ย.) เกิดเหตุอาคารที่อยู่ระหว่างการรื้อถอนทรุดตัว บริเวณเคหะชุมชนดินแดง แฟลต 18-20 ถนนจตุรทิศ เศษซากอาคารความสูงขนาดตึก 4 ชั้น พังถล่มลงมา ทำให้รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 5 คัน ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย รวมถึงเสาไฟฟ้าอีก 2 ต้นหักจนไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง

นางจันทร์กานต์ สาสุภา รองประธานชุมชนริมคลองสามเสน ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นผู้รับเหมาใช้รถแบ็กโฮขนาดใหญ่พยายามเจาะทำลายเสาของอาคารด้านล่าง เพื่อหวังให้อาคาร พังถล่มลงมายังพื้นที่ด้านในเขตรื้อถอน แต่ตัวอาคารกลับพังถล่มลงมาอีกด้าน ก่อนหน้านี้พยายามจะเตือนผู้รับเหมาให้ใช้ความระมัดระวัง แต่กลับถูกเพิกเฉย เคราะห์ดีที่เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ด้าน น.ส.ปัญชพัฒน์ หลักดี ผู้อำนวยการเขตดินแดง เปิดเผยว่า บริเวณดังกล่าว สำนักงานเขตได้มีคำสั่งระงับการก่อสร้างกับการเคหะแห่งชาติไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่ารื้อถอนไม่เป็นไปตามแบบที่จะได้รับอนุญาต ไม่มีแนวรั้วป้องกันอันตราย ประกอบกับได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เรื่องฝุ่นและเศษวัสดุ อย่างไรก็ตาม ผู้รับเหมากลับฝ่าฝืนเข้าพื้นที่ รื้อถอนต่อเนื่องจนเกิดเหตุขึ้น จึงเตรียมให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับเหมาใน 2 ข้อหา คือ รื้อถอนผิดแบบจากที่รับอนุญาต และฝ่าฝืนคำสั่งระงับการรื้อถอนตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ต่อไป

ขณะที่นายวิวัฒน์ เชาวน์เทศ ผู้อำนวยการกองพัฒนาโครงการชุมชนดินแดงการเคหะแห่งชาติ ระบุว่า การเคหะฯ ขอเวลาตรวจสอบสาเหตุที่อาคารถล่ม เบื้องต้นเข้าใจว่าอาจเป็นการรื้อทำลายผิดแบบ หรือผิดจุด ส่วนเรื่องการฝ่าฝืนคำสั่งรื้อถอน เข้าใจว่าผู้รับเหมามีความพยายามในการปรับปรุงแก้ไขและยื่นเรื่องขอรื้อถอนต่อแล้ว สำหรับอาคารทั้ง 3 หลัง การเคหะฯ เปิดให้ผู้รับเหมาประมูลรื้อถอนร่วมกับอาคารอีก 2 หลัง ในราคาประมาณ 600,000 บาท เพื่อก่อสร้างอาคารใหม่

เปิดมูลเหตุหมายเรียก‘ธนาธร’กระด้างกระเดื่อง โยงรถตู้สีขาว-รังสิมันต์

3 เม.ย.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ออกหมายเรียก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีอาญาที่ 691/2558 ซึ่ง คสช.กล่าวหานายธนาธร ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(2) (3) ยุยงปลุกปั่นฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ 2.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ให้ที่พักพิงผู้ต้องหา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เหตุเกิดหน้า สน.ปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่24 มิถุนายน 2558 เวลา 22.00 น.

ทั้งนี้ พฤติการณ์แห่งคดี อันเป็นที่มาของหมายเรียกดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558 ที่ สน.ปทุมวัน ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก นายรังสิมันต์ โรม และพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อมาถึง สน.ปทุมวัน ผู้ต้องหากับพวกไม่ยอมเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยรออยู่บริเวณใกล้เคียง สน.ปทุมวัน หลังจากนั้นได้มีกลุ่มบุคคลให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหา

จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มที่ให้การช่วยเหลือนั้นได้นำรถตู้สีขาวพากลุ่มผู้ต้องหาหลบหนี จากการตรวจสอบทะเบียนรถทราบว่าเป็นรถของบริษัทฯ ที่มีนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธรเป็นกรรมการ

จากการตรวจสอบทราบว่า ในวันดังกล่าวนายธนาธรได้มาอยู่ที่ สน. ปทุมวัน กับนายรังสิมันต์ และพวกด้วย คณะ คสช. จึงมอบอำนาจให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายธนาธรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ 189 เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย

ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม ถูกออกหมายเรียกนั้นเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดยนายรังสิมันต์ ในพื้นที่ สน.ปทุมวันและพื้นที่อื่นๆอีกหลายแห่งช่วงปี 2558 และกลุ่มนักศึกษาที่เข้าร่วมการชุมนุมถูกออกหมายเรียกแล้วจำนวนหนึ่ง

ด้าน พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ทราบว่าที่มาของการออกหมายเรียกในคดีนี้เป็นเรื่องเก่าและยังไม่ทราบข้อมูลอะไร ทราบแต่เพียงว่าการออกหมายเรียกครั้งนี้มาจากคณะทำงานก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นของ ตร. หรือ บช.น.ซึ่งไม่เกี่ยวกับทาง สน.ปทุมวัน สำนวนคดีตัดจากโรงพักไป ทั้งหมดเป็นเรื่องของคณะทำงาน ยืนยันว่าตนยังไม่เห็นสำนวนการสอบสวนของคดีนี้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ฝ่ายกฎหมายของ คสช. ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ฝ่ายความมั่นคง กระทั่งมีหมายเรียกไปถึงนายธนาธร ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดังกล่าว


โดนด้วย! เรียกสอบ‘ปิยบุตร’เป็นพยานวันนี้ ปมอ่านแถลงการณ์‘ยุบ ทษช.’ เหน็บช่วงนี้สะสม‘หมายเรียก’

3 เม.ย.62 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล” ระบุว่า “วันนี้ก่อนออกไปทำงาน ผมเห็นกระดาษเสียบอยู่ในตู้จดหมาย หยิบมาดูปรากฏว่าเป็น “หมายเรียกพยาน” กรณีแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งผมเป็นผู้อ่านในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 โดยเจ้าหน้าที่ให้ผมไปพบ ปอท. ในวันนี้คือวันที่ 3 เมษายน เวลา 13.00 น.”

“ผมเพิ่งได้รับหมายเรียกพยานก่อนเที่ยงวันนี้เอง ให้ผมไปพบพนักงานสอบสวนตอนบ่ายโมงวันนี้ แต่ในหมายเรียกเขียนว่าออกหมายวันที่ 27 มีนาคม ผมจึงต้องมอบหมายให้ทนายความไปแจ้งพนักงานสอบสวนขอเลื่อนนัดไปก่อน”

“คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เพิ่งจะได้รับหมายเรียกเช่นกัน”

“หลังการเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน 6.2 ล้านเสียง และตลอดสัปดาห์นี้ เราพยายามเรียกร้องให้ กกต. เปิดคะแนนเสียงเลือกตั้งรายหน่วย”

“แต่ทำไปทำมา ช่วงนี้เรากลับได้ของสะสมที่ระลึกเป็น “หมายเรียก” แทน”


'รัชนก'ฟอร์มสด! ชนะสาวอินโดนีเซียทะลุเข้ารอบ 2

การแข่งขันแบดมินตันอาชีพของสหพันธ์แบดมินตันโลก รายการเซลคอมเอเซียต้ามาเลเซียโอเพ่น 2019 ระดับซูเปอร์ 700 ชิงรางวัล 700,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 22.4 ล้านบาท ที่สนามในร่มเอเซียต้าอารีน่ากัวลาลัมเปอร์สปอร์ตซิตี้บูกิตจาลิลรอบแรกเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา มีผลการแข่งขันของนักแบดมินตันไทย ดังนี้

ชายเดี่ยว“เพชร” โฆสิต เพชรประดับชนะลีดองกึน เกาหลีใต้ 21-15 21-13 สิทธิคม ธรรมศิลป์ ชนะปรานอย ซิงห์ อินเดีย 12-21 21-16 21-14 สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ ชนะหลี่ ซีเจี่ย มาเลเซีย 21-17 19-21 21-15

หญิงเดี่ยว“เมย์” รัชนก อินทนนท์มืออันดับ 7 ของโลก ชนะเกรกอเรีย มาริสก้า ตันจอง อินโดนีเซีย21-12 21-16 พรปวีร์ ช่อชูวงศ์ ดาวรุ่งของไทยชนะมือ 8 ของโลกไซน่า เนห์วัล อินเดีย 20-22 21-15 21-10 โกะ จินไหว มาเลเซียชนะณิชชาอร จินดาพล 21-13 21-12

คู่ผสม มือ 4 เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ชนะทาคูรุ โอกิ กับวากานะ นากาฮาระ ญี่ปุ่น 21-12 21-6

นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร กับสาวิตรี อมิตต พ่ายชนะยูกิ เคนเนโกะ กับมิซากิ มัตซึโตโม่ ญี่ปุ่น 21-19 21-15

หญิงคู่ จงกลพรรณ กิตติธารากุลกับรวินดา ประจงใจ ชนะโชว เหม่ยกวน กับหลี่เหม็งเหยียน มาเลเซีย 12-21 21-1021-15

ชายคู่ อ้องหยิวซินกับเตียวอื้อหยี มาเลเซียชนะกิตติพงษ์ เกตุเรน กับเดชาพล พัววรานุเคราะห์ 21-17 21-19


'ครูณัฐ' ใจหล่อชวน 'พี่ตูน' ฮีไร่ในดวงใจมาวิ่งเคียงข้างสัก 10 กม.ก็ยังดี

3 เม.ย.62 นายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือ 'ครูณัฐ' ใจหล่อ ครูสอนวิชาศิลปะ โรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพฯ นักวิ่งย้อนรอยโครงการ "โครงการล้านเก้า เพื่อโรงพยาบาลทองผาภูมิ และโรงพยาบาลสังขละบุรี" เพื่อระดมทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลนให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิ และสังขละบุรี สำหรับเงินทุนที่ต้องนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์รวมกันประมาณ 13,118,000 บาท ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวระหว่างได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา หลังจากออกวิ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

โดยครูณัฐ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "เมื่อวานเพื่อนผมทักเข้ามาว่ายอดบริจาคเท่าไรแล้ว ผมบอกว่าตอนนี้ประมาณ 3 ล้านกว่า เขาถามว่าอยากได้ยอดเท่าไร ผมตอบว่าความต้องการของยอดตอนนี้บอกไม่ได้ แต่ที่อยากได้ที่สุดคือ ผมอยากได้พี่ ตูน บอดี้สแลม ฮีโร่ในดวงใจของผม มาร่วมวิ่งเคียงข้างกับผมด้วยสักวัน แค่ 10 กิโลเมตรก็ยังดีได้ครับ ผมฝากถึงพี่ตูน ด้วยครับ ....."


ผับดังเมืองผู้ดีห้ามลูกค้าเล่นมือถือในร้าน เหตุไม่ต้องการเห็น'สังคมก้มหน้า'

1 เม.ย. 2562 เว็บไซต์ นสพ. The Independent ของอังกฤษ เสนอข่าว “SAMUEL SMITH'S PUBS BAN PHONES TO PROTECT SOCIAL CONVERSATION” เมื่อ 30 มี.ค. 2562 โดยระบุว่า Samuel Smith’s Pub ซึ่งเป็นผับชื่อดังและมีหลายสาขาในประเทศอังกฤษ ออกกฎห้ามลูกค้าเล่นโทรศัพท์มือถือ รวมถึงแท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คในร้าน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อส่งเสริมการพบปะกันจริงๆ ในสังคม

รายงานข่าวระบุว่า หากลูกค้าต้องการใช้โทรศัพท์ต้องออกไปด้านนอกร้าน คล้ายกับกฎห้ามสูบบุหรี่ในผับ กฎนี้ไม่เว้นแม้แต่การใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อดาวน์โหลดภาพหรือฟังเพลงด้วย และเริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในขณะนี้ โดยแหล่งข่าวที่เป็นผู้จัดการผับรายหนึ่งระบุว่า ในระยะแรกอาจมีการอะลุ้มอล่วยบ้างก่อนจะเข้มงวดในอนาคต ส่วนพนักงานในผับอื่นๆ กล่าวว่าไม่ทราบเรื่องกฎนี้ และเมื่อผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามกับสำนักงานใหญ่ของ Samuel Smith’s Pub ก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงใดๆ

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการผับอีกราย ให้ความเห็นว่า แม้การที่คนหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์มือถือจะเป็นอันตราย แต่ควรได้รับการดูแลด้วยมาตรการที่ไม่เป็นทางการมากกว่าจะเป็นกฎระเบียบเข้มงวด เช่นเดียวกับ Heather Griffin ผู้จัดการผับ Rutland Arms ในเมืองเชฟฟิลด์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในเครือของ Samuel Smith’s Pub ที่มองว่า มันเป็นเรื่องไม่เป็นธรรมเพราะในบางสถานการณ์ผู้คนอาจต้องการโทรศัพท์มือถือเพื่อความสะดวกสบาย และยังกล่าวด้วยว่าผู้ที่คิดนโยบายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในผับคงมองตนเองว่าดีกว่าคนที่สนุกกับการใช้โทรศัพท์มือถือหรือเปล่า

บุกจับ‘ดร.เซปิง เฟซออฟ’คาบ้านพักหรูฐานฉ้อโกง ทำศัลยกรรมเสียโฉม

3 เม.ย.62 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวยืนยันว่า ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้นำหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าจับกุมตัว ดร.เซปิง ไชยศาส์น ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ ตามหมายจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนในคดีทำศัลยกรรมเสียโฉม ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนรายหลายเข้าแจ้งความ โดยจับกุมตัวได้ที่หมู่บ้านหรูย่านรัตนาธิเบศร์ นนทบุรี เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาของวันนี้ โดยในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.62) ตนจะแถลงรายละเอียดในเรื่องนี้ด้วยตนเองที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.00 น. และจะมีผู้เสียหายบางรายที่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จะเดินทางกลับมาร่วมแถลงข่าวและชี้ตัวผู้กระทำผิดด้วย

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.62 กลุ่มผู้เสียหายจำนวน 7 คน เดินทางมาร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เซปิง ไชยศาส์น กับพวก ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดอาญาใดๆ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับคดีดังกล่าวก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียหายได้เปิดดูรายการโทรทัศน์ ซึ่งมีเนื้อหารายการเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมของโครงการเฟซออฟ บายด็อกเตอร์เซปิง และตัดสินใจใช้บริการ

ต่อมาหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว ผลที่ได้รับกลับไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ บางคนใบหน้าบวมและปวดมาก และจะมีอาการดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน หรือมีอาการชาบริเวณศีรษะ และหลังจากที่อาการบวมหายไปแล้วปรากฏว่าใบหน้าของผู้เสียหายกลับไม่สวย ยังคงมีริ้วรอยไม่ได้อ่อนวัยลง และกลับมีรอยแผลเป็นเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่มีการโฆษณาไว้แต่อย่างใด ทำให้สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลได้อนุมัติหมายจับที่จ.108/ 2562 และจ.109 / 2562 ลงวันที่ 1 เมษายน 2562

จากนั้นชุดปฏิบัติการที่ 14โดย พ.ต.อ.กำพล รัตนประทีป ผกก.สน.ลุมพินี ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ 14 ศปอส.ตร. พร้อมกำลัง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 สส. ภ.1 ร่วมสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาอาศัยอยู่ที่บ้านพักหรูย่านนนทบุรี จึงได้ขอหมายค้นเพื่อเข้าบ้านหลังดังกล่าว พบผู้ต้องหาตามหมายจับ และเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาและนำส่ง สภ.บางศรีเมือง เพื่อดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับต่อไป