ข่าว
มีความหวังแล้ว จีนพบยา 3 ชนิด ออกฤทธิ์ต้านไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

คณะนักวิจัยจีนค้นพบยาที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน จำนวน 3 รายการ สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ในระดับเซลล์ได้ค่อนข้างดี

สำนักข่าวซินหัวรายงาน อ้างหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หูเป่ยเดลี (Hubei Daily) รายงานเมื่อวันพุธที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะนักวิจัยจีนค้นพบยาที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน จำนวน 3 รายการ สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ในระดับเซลล์ได้ค่อนข้างดี โดยยาทั้ง 3 รายการ ได้แก่ เรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) คลอโรควิน (Chloroquine) และริโทนาเวียร์ (Ritonavir) โดยปัจจุบันยาทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนสำคัญเพื่อรอการอนุมัติการใช้รักษาพยาบาล

ทั้งนี้ ยาเรมเดซิเวียร์เป็นยาต้านการรวมตัวของสารพันธุกรรมอาร์เอ็นเอ (RNA) ที่เคยใช้รักษาโรคอีโบลา ส่วนยาคลอโรควินเป็นยารักษาโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งมักใช้รักษาโรคมาลาเรีย โรคติดเชื้ออะมีบา และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ส่วนยาริโทนาเวียร์เป็นยาต้านไวรัสเอชไอวี (HIV)

การค้นพบครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากคณะนักวิจัยสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AMMS) และสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (WIV) สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS)

ก่อนหน้านี้ทีมนักวิจัยจีนจากสถาบันมาเทเรีย เมดิกาแห่งเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Institute of Materia Medica) สังกัดสถาบันบัณฑิตฯ และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เทค (ShanghaiTech University) ได้คัดเลือกยา ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ และยาตามแพทย์แผนจีน จำนวน 30 รายการ ซึ่งอาจมีฤทธิ์ทางการรักษาโรคจากไวรัสฯ

ตัวยาที่ผ่านการคัดเลือกประกอบด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี 12 รายการ อาทิ อินดินาเวียร์ (Indinavir) ซาควินาเวียร์ (Saquinavir) โลพินาเวียร์ (Lopinavir) คาร์ฟิลโซมิบ (Carfilzomib) ยาต้านไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus-RSV) หรือไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ จำนวน 2 รายการ ยาต้านโรคจิตเภท (Schizophrenia) ยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย (Immunosuppressant) และยาตามแพทย์แผนจีน อาทิ ดอกพิทูเนีย (Polygonum Cuspidatum)

นับตั้งแต่ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เริ่มแพร่ระบาด คณะนักวิจัยหลายกลุ่ม ซึ่งนำโดยสถาบันไวรัสวิทยาฯ ทำการวิจัยด้านต่างๆ 5 ด้าน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจหาโรคได้อย่างรวดเร็ว ยาหรือวัคซีนต้านไวรัส การวิจัยสอบทวนแหล่งที่มาจากสัตว์ สมมติฐานวิทยาหรือการศึกษาสาเหตุและต้นกำเนิดของโรค และการวิจัยด้านระบาดวิทยา

คณะวิจัยกลุ่มหนึ่ง นำโดยสื่อเจิ้งหลี่ นักไวรัสวิทยาผู้มีชื่อเสียงประจำสถาบันไวรัสวิทยาฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ 29 ม.ค.63 ว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่อาจมีแหล่งกำเนิดจากค้างคาว โดยได้อธิบายว่า ลำดับจีโนมหรือข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่มีความคล้ายคลึงกับไวรัสโคโรน่า ชนิดที่มาจากค้างคาวสูงถึงร้อยละ 96 อีกทั้งไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังมีตัวรับ (receptor) ที่ใช้เซลล์ลักษณะเดียวกับไวรัสโรคซาร์ส โดยการค้นพบล่าสุดปรากฏหลักฐานชิ้นสำคัญสำหรับศึกษาพยาธิวิทยาและแหล่งกำเนิดของไวรัสฯ ด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. คณะนักวิจัยจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ยืนยันลำดับจีโนมทั้งหมดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ และสามารถแยกสายของไวรัสได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ต่อมาวันที่ 11 ม.ค. สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นได้ มอบข้อมูลลำดับจีโนมของไวรัสฯ แก่องค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อแบ่งปันข้อมูลดังกล่าวไปทั่วโลก

นอกจากนี้คณะนักวิจัยของสถาบันฯ ยังพัฒนางานวิจัยการทดสอบแอนติบอดีหรือโปรตีนภูมิคุ้มกันสำหรับการวิจัยในอนาคต เพื่อต่อสู้กับไวรัสร้ายซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วถึง 213 ราย และส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 9,600 ราย จนถึงเช้าวันศุกร์ที่ 31 ม.ค.63

บิ๊กโจ๊ก งานเข้า! ศาลรับฟ้องเบิกความเท็จ-กล่าวหาตร.ภาค9 พาผู้ต้องหาหนีไปลาว

วันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญา นัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีหมายเลขดำที่ 2699/2562 พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ในความผิดฐาน ฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ปัจจุบันโจทก์เป็นตำรวจ ตำแหน่งผู้กำกับ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.จชต.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2554 จำเลยกระทำผิดอาญาโดยเจตนานำคดีอาญามาฟ้องโจทก์อันเป็นเท็จต่อศาลอาญา ในข้อหาหรือฐานความผิด ร่วมกันก่อ, ใช้ สั่งการ ก่อ ใช้ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีกล่าวหาโจทก์ว่าพา นายเขตสยาม เนาวรังสี เจ้าของร้านคาราโอเกะ จำเลยตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม หลบหนีคดีไปยังประเทศลาว โดยมีการพูดจาทำให้เกิดความเข้าใจผิด

โดยจำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้องต่อศาลอาญาตามคำให้การพยานของจำเลย ต่อมาเมื่อ 29 มี.ค. คดีอาญาหมายเลขดำ ที่อ.2826/2554 ศาลอาญาได้มีคำสั่งว่าฟ้องของโจทก์ในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ข้อหาความผิดข้อหาหรือฐานความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ และข้อหาหมิ่นประมาทจำเลยนั้นฟังไม่ได้ว่าโจทก์จะได้กระทำความผิดตามที่จำเลยระบุในฟ้อง ฟ้องโจทก์กรณีดังกล่าวจึงไม่มีมูล

หลังจากนั้น จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลอาญา ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2557 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์กับพวก และคดีถึงที่สุดแล้ว เหตุตามฟ้องคดีนี้เกิดขึ้นที่ศาลอาญา แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โจทก์ไม่ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย เนื่องจากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีเอง

โดยภายหลังไต่สวนมูลฟ้องเเล้ว ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง เเล้วนัดพร้อมสอบคำให้การในวันที่ 30 มี.ค.เวลา 13.30 น.


WHO ประกาศไวรัสโคโรน่า"ภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขโลก"-คร่าทะลุ 200

31 มกราคม 2563 - 07:22 น. องค์การอนามัยโลกยกเป็นภาวะฉุกเฉินโลกแล้ว ไวรัสโคโรน่าแพร่ระหว่างคนสู่คนในหลายประเทศ หู่เป่ยเสียชีวิตเพิ่ม 42 คนวันเดียว

องค์การอนามัยโลก ( WHO) ประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ" หลังการประชุมหารือในวันพฤหัสบดีที่ 30 ม.ค.ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก นายแพทย์เทดรอส อัธนอม เกเบรเยซุส (Dr. Tedros Adhanom Ghebreyesus) แถลงว่า เหตุผลสำคัญของการประกาศให้การระบาดของไวรัสโคโรน่าที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยเป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ" ไม่ใช่เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน แต่เป็นเพราะการพบผู้ติดเชื้อในประเทศอื่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความกังวลที่สุดขององค์การอนามัยโลก คือหากไวรัสชนิดนี้ระบาดไปในประเทศที่มีระบบป้องกันด้านสาธารณสุขไม่ดีพอ จะทำให้ยากต่อการรับมือ

การประกาศครั้งนี้จะช่วยให้ WHO รับมือกับการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสในระดับนานาประเทศได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่การโหวตไม่ไว้วางใจประเทศจีน และยกย่องมาตรการยอดเยี่ยมที่ทางการจีนได้ดำเนินการเพื่อป้องกันการระบาด

WHO ให้คำจำกัดความของ "ความฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ" ว่าเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติด้านการสาธารณสุขที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อประเทศอื่น ๆ ผ่านการแพร่กระจายของเชื้อโรคระหว่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในระดับนานาชาติเพื่อรับมือกับการระบาด

การประกาศ ถือเป็นการเปิดทางสำหรับออกคำแนะนำแก่ทุกประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกัน และลดการแพร่ระบาดข้ามพรมแดน แต่ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ย้ำว่า ไม่มีเหตุผลที่จะกำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทาง หรือการค้ากับจีน หลังจากสายการบินหลายแห่งประกาศระงับเที่ยวบินไปก่อนหน้านี้ และองค์การอนามัยโลก ไม่แนะนำและคัดค้านการกำหนดข้อจำกัดใดๆในด้านการเดินทางและการค้า

ยอดผู้เสียชีวิตจากมณฑลหูเป่ย เพิ่มมากที่สุดตั้งแต่มีการรายงานสถานการณ์ 42 คน จำนวนนี้ อยู่ในอู่ฮั่น 30 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสใหม่ทั่วประเทศจีนเพิ่มเป็น 213 คน ส่วนนอกประเทศจีนยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต จากผู้ติดเชื้อกว่า 100 คน ส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนเพิ่ม 1,220 คน ใน 17 เมืองและมณฑล ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อ 9,356 ราย

ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสูงกว่าผู้ติดเชื้อโรคซาร์สเมื่อ 17 ปีก่อน แต่ในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกราว 800 คน


เปิดชื่อ 6 รมต. ฝ่ายค้านจองกฐินซักฟอก ไร้ รมว.ปชป.-ภท.

31 มกราคม 2563 - 12:20 น. เผยรายชื่อ "6 รมต." ฝ่ายค้านจองกฐินไม่ไว้วางใจ ไร้ชื่อ รมว.ปชป.-ภท. "สมพงษ์" ปัดมีดีล ไม่ยื่นอภิปรายหวังผลรวมขั้วอนาคต บอกมีคนอภิปราย 20-30 คน รวม "มิ่งขวัญ" ด้วย แม้เศรษฐกิจใหม่ขอถอนตัวฝ่ายค้าน

ที่ รัฐสภา วันที่ 31 มกราคม 2563 เมื่อเวลา 11.00 น. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน อีก 5 พรรคฯ ได้แก่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนชาวไทย ยื่นญัตติเพื่อให้สภาฯ เปิดการประชุมเพื่ออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ

โดยนายสมพงษ์ แถลงว่า สำหรับรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำนวน 6 คนคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวิษณุ เครืองาม รองนายก, นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรายละเอียดว่ารัฐมนตรีแต่ละคนจะถูกอภิปรายในเรื่องใดบ้างนั้นขอให้ติดตามในการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งจะมีส.ส.ที่จะร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประมาณ 20 -30 คน ซึ่งรวมถึงนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ที่แสดงเจตจำนงจะอภิปรายด้วย แม้พรรคเศรษฐกิจใหม่ขอถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งการถอนตัวดังกล่าวตนได้รับหนังสือจากนายสุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แล้ว ซึ่งตนเข้าใจว่าหากส.ส.ในพรรคเศรษฐกิจใหม่ลงมติที่เป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่อาจลงมติไม่เห็นด้วยกับฝ่ายค้าน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอาจทำให้เกิดความสับสนในกลุ่มฝ่ายค้านได้ ตนจึงไม่ตำหนิอะไร

นายสมพงษ์ ยังกล่าวตอบคำถามในกรณีที่ไม่มีชื่อรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลขนาดใหญ่ เช่นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ว่าเป็นโอกาสที่จะพลิกขั้วร่วมกันได้ว่า ฝ่ายค้านไม่คิดเช่นนั้น กรณีที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่ถูกอภิปราย จะคิดอย่างไร เป็นสิทธิ์ที่คิดได้ แต่รายชื่อรัฐมนตรีที่ยื่นนั้น เป็นการพิจารณาข้อมูล อย่างรอบด้านครบถ้วนมีมีหลักฐานอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่พิจารณา คือสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาหลายปี

"ผมไม่คิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะคว่ำรัฐบาลได้ เพราะเสียงในสภาฯ ไม่พอ แต่สิ่งที่ฝ่ายค้านคำนึงถึงคือข้อมูลที่จะสื่อสารไปยังประชาชนและให้ประชาชนตัดสินใจคว่ำรัฐบาล อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่า การเลือกรัฐมนตรีที่อภิปรายจากข่าวที่ปรากฎและที่ยืนยันอย่างเป็นทางการ ที่ไม่ชื่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนนั้น ไม่ใช่เพราะมีดีลกันทางการเมือง ที่ผ่านมาผมคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพียงถามอาการถึงคุณพ่อของเขาเท่านั้น แต่ยังไม่ทันแสดงอะไร ท่านก็กลับบุรีรัมย์แล้ว" นายสมพงษ์ กล่าว

ขณะที่นายวันนอร์มูหะมัด แถลงยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลประชาชนจะไม่ผิดหวัง โดยประเด็นที่ฝ่ายค้านต้องชี้ให้สังคมเห็น คือ ความไม่ซื่อสัตย์ การบริหารงานที่ล้มเหลว และการเอื้อพวกพ้อง อย่างไรก็ตามการยื่นญัตติดังกล่าว ถือเป็นเรื่องของฝ่ายค้าน กับรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปราย ดังนั้นพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่จำเป็นต้องยื่นประท้วงให้เสียเวลา อย่างไรก็ตามพรรคฝ่ายค้านจะยึดระเบียบการประชุม ไม่มีพาดพิงบุคคลใดให้เกิดการประท้วง

"การอภิปรายครั้งนี้รุนแรงแน่นอน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล ดังนั้นกาารประท้วงอะไร หากฝ่ายค้านไม่ทำผิดข้อบังคับคงไม่มีปัญหา ดังนั้นรัฐบาลไม่ต้องส่งคนมาประท้วง แต่รัฐบาลควรคอยตอบคำถามให้ได้ก็แล้วกัน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสิน ขณะที่ข้อมูลที่จะอภิปรายยอมรับว่าหากมีเรื่องในอดีต ที่เกินกว่าการบริหารราชการ 6 เดือนที่ผ่านมาและเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงจะอภิปรายร่วมด้วย" นายวันนอร์มูหะมัด กล่าว

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิป ฝ่ายค้าน) กล่าวว่า สำหรับระยะเวลาที่จะอภิปรายเบื้องต้นที่หารือ ทราบว่าจะเร่ิมต้นอภิปรายวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จากนั้นจะปล่อยเวลา และลงมติวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ความเห็นของตนมองว่าวันเริ่มคือ 19 กุมภาพันธ์ นั้นตนเห็นด้วย แต่วันที่ปิดอภิปรายนั้นไม่อยากให้กำหนด เนื่องจากการอภิปรายดังกล่าวไม่ควรจำกัดเรื่องเวลา


เซ็น USMCA ทรัมป์โอ่ จบฝันร้าย NAFTA

31 ม.ค. 2563 09:15 น. เมื่อ 29 ม.ค. ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายกับข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือฉบับใหม่ (USMCA) แทนข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับเก่า ที่ทรัมป์จ้องจะแก้ไขมานานตั้งแต่ช่วงหาเสียงการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 พร้อมประกาศว่าเป็นอนาคตที่รุ่งเรืองของอุตสาหกรรมประเทศ และวันนี้ถือเป็นวันสิ้นสุดฝันร้ายของนาฟตา

เหล่านักเศรษฐศาสตร์มองว่า โดยภาพรวมของนาฟตาเดิมช่วยเพิ่มการเติบโตและยกมาตรฐานการดำรงชีวิตของอเมริกาเหนือ ผูกโยงสามประเทศในเรื่องกฎข้อบังคับและการให้บริการทางการค้า ส่วนข้อตกลงฉบับใหม่นี้มีการแก้ไขเนื้อหากฎข้อบังคับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะส่งเสริมการสร้างงานในสหรัฐฯ และการเรียกร้องเพิ่มเงินเดือนให้กับคนงานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นชาวเม็กซิกัน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงไปสู่อี-คอมเมิร์ซ หรือการดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ การปกป้องคุ้มครองลิขสิทธิ์ทางปัญญา การแก้ไขข้อขัดแย้งของกลุ่มนักลงทุน รวมถึงการออกระเบียบเข้มงวดด้านแรงงานที่จำเป็นต้องให้เม็กซิโกแก้ไขกฎหมายด้วยซึ่งทางเม็กซิโกลงสัตยาบันข้อตกลงนี้ไปแล้วเมื่อ ธ.ค.ปีกลาย ส่วนแคนาดาน่าจะมีการให้สัตยาบันเร็วๆนี้เช่นกัน.


ทีมฟุตบอลชื่อดังของบราซิล”ซานโตส” ร่วมมือกับ ททท.โปรโมทท่องเที่ยวไทย

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 เวลา 11.00 น. ณ สนามฟุตบอล Urbano Caldeira, Vila Belmira เมืองซานโตส ประเทศบราซิล ททท. สำนักงานลอสแอนเจลิส ร่วมกับทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส ซึ่งเป็นทีมสโมสรฟุตบอลชื่อดังของประเทศบราซิลที่มีนักฟุตบอลในตำนานอย่าง Pelé จัดงานแถลงข่าวการเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ของ ททท. เพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้กับชาวบราซิล โดย ททท. ได้รับเกียรติจากนางสาว นิธิวดี มานิตกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย นาย Jose Carlos Peres ประธานทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส นาย Marcelo Frazou ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส และนาย Kaio Jorge นักฟุตบอลทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส เข้าร่วมงานแถงข่าว

@นาย Jose Carlos Peres ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของประเทศไทยและประเทศบราซิล ซึ่งเขาถือเป็นโอกาสพิเศษที่หาได้ยากยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับประเทศไทย จึงทำให้ต้องเดินทางมาแถลงข่าวด้วยตัวเองพื่อกล่าวขอบคุณที่ ททท. เชื่อมั่นในทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส และยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับ ททท. ในทุกด้านเพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักและอยู่ในใจของชาวบราซิล

@นางสาว นิธิวดี มานิตกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศบราซิล และกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี โดยกล่าวขอบคุณ ททท. ที่ร่วมมือกับทีมสโมสรฟุตบอลซานโตสเพื่อเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และทำให้สองประเทศรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงโอกาสในการจัดกิจกรรมฟุตบอลร่วมกับทีมฟุตบอลเยาวชนของประเทศไทยในอนาคต

@นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลอส แอนเจลิส ได้กล่าวถึงความยินดีที่ได้ร่วมงานกับทีมซานโตส เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากบราซิลเดินทางไปประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจากบราซิลมาประเทศไทยจำนวน 69,803 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.76 และรายได้มากกว่า 4,742 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ ททท. ฉลองครบรอบ 60 ปี และการทำงานร่วมกับทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส ถือเป็นโอกาสสำคัญฉลองครบรอบ 60 ปีด้วย และหวังว่าการทำงานกับทีมซานโตสจะสร้างแรงบันดาลใจให้แฟนคลับของทีมสโมสรฟุตบอลซานโตสและชาวบราซิลตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย

@ทั้งนี้ ททท. จะดำเนินกิจกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส ตลอดปี 2563 โดยมีโลโก้ Amazing Thailand บนหัวไหล่ของเสื้อยูนิฟอร์ม และ Training ยูนิฟอร์มของทีมนักฟุตบอลที่ใส่ในการแข่งขัน (ทีม U 20) ในฐานะหนึ่งในสปอนเซอร์ การโฆษณาประเทศไทยผ่าน Social Media, Youtube/Santos TV และ Email Marketing ของทีมสโมสรฟุตบอลซานโตสเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจในการตัดสินใจเดินทางไปประเทศไทย รวมทั้งการฉายโฆษณาการท่องเที่ยวของประเทศไทยบนสกรีนในสนามฟุตบอลระหว่างเกมการแข่งขันของทีมสโมสรฟุตบอลซานโตส

คนไทยในอู่ฮั่นเฮ! 'บิ๊กป้อม'ยืนยัน1ก.พ. ส่งเครื่องบินไปรับกลับบ้าน

วันที่ 31 ม.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาว่า ขณะนี้รัฐบาลยังดำเนินการอยู่ และยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม แต่ยืนยันว่าไม่บานปลาย ไม่ต้องเป็นห่วง โดยขณะนี้รมว.สาธารณสุข ยังคงดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเทศไทยได้รับการประสานจากจีนหรือยังว่าได้คิวให้บินไปรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่น ได้เมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันที่ 1 ก.พ. เวลา 06.00 น.