ข่าว
แท็กซี่หื่นพานักร้องสาวเข้าม่านรูด อ้างไม่ได้จะข่มขืน แค่พาเข้าไปพัก

เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 24 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน ได้สืบสวนติดตามตัวโชเฟอร์รถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีส้ม หมายเลขทะเบียน ทห 6270 กรุงเทพมหานคร ที่ก่อเหตุพยายามก่อเหตุข่มขืน น.ส.อินทุอร ดีบุกคำ อายุ 22 ปี หรือน้องแอล นักร้องสาวประจำวงคิง ก่อนบ่ายก๊อปปี้วาไรตี้โชว์ ทราบชื่อนายอดิเรก หรือเอ เลิศลภ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 560/2561 ลงวันที่ 24 มี.ค. ข้อหากระทำการอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจับกุมตัวได้ที่ สน.พหลโยธิน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การภาคเสธว่า ไม่ได้พยายามข่มขืนผู้เสียหาย แค่ยอมรับว่าในคืนเกิดเหตุได้รับผู้เสียมาจากร้านอาหารย่านถนนราชพฤกษ์ เพื่อไปส่งย่านห้วยขวางจริง เมื่อใกล้ถึงที่หมายได้พยายามถามว่าจะให้ส่งที่ไหน แต่ผู้เสียหายนอนหลับไม่ได้สติ จึงเลี้ยวเข้าโรงแรมเพื่อให้ผู้เสียหายได้เข้าไปพักเท่านั้น

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการแถลงข่าวรายละเอียดอีกครั้งในเวลา 10.00 น.วันที่ 24 มี.ค.ที่ สน.พหลโยธิน

“จักรทิพย์” ไม่เปลี่ยน พงส.คดีหวย “ครูปรีชา” ไม่พอใจฟ้องตำรวจได้

(23 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ร้องขอความเป็นธรรมให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนและโอนสำนวนการสอบสวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดำเนินการว่า ที่ผ่านมาตำรวจดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน และขั้นตอนของกฎหมาย ขณะนี้สำนวนการสอบสวนมีความคืบหน้าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

ส่วนตัวเชื่อว่ากองปราบปรามเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนอยู่ในแล้ว และพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งฝ่าย ยืนยันว่าไม่เปลี่ยนพนักงานสอบสวน เนื่องจากยังไม่พบทุจริตหรือข้อพิรุธในคดี ส่วนของดีเอสไอก็ว่ากันไป เป็นสิทธิของนายปรีชา ส่วนจะมีการรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เป็นเรื่องของดีเอสไอ ตนไม่สามารถก้าวก่ายได้ ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นการดิสเครดิตการทำงานของตำรวจ ที่เจ้าตัวบอกว่าจะไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วยนั้นก็แล้วแต่นายปรีชาจะดำเนินการ เรื่องนี้ถ้าไม่ดีตำรวจก็โดนฟ้องเอง

เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้เดินสายร้องเรียนกับหน่วยงานต่างๆ ตนคงไม่ต้องตอบ ประชาชนทั่วไปก็สามารถตอบได้ แต่เราก็ไม่ได้ตัดสิทธิเขา ส่วนจะเป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายหรือไม่ ตนก็ไม่มีความเห็นตรงนี้ว่าจะดิ้นกี่เฮือก เพราะตำรวจทำตามพยานหลักฐาน สำนวนก็ใกล้สรุปแล้ว

ส่วนที่นายปรีชามีการตำหนิการทำงานของตำรวจว่าด่วนสรุปไปแล้วว่าลอตเตอรี่เป็นของใคร พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยพูดว่าลอตเตอรี่เป็นของใคร อย่างไรก็ตาม หากคู่กรณีหากไม่พอใจการทำงานของตำรวจก็สามารถฟ้องกลับตำรวจได้ ตรงนี้ไม่ได้ตัดสิทธิแต่อย่างใด


ผบช.ยัน ทัวร์มรณะ 18 ศพ เบรกไม่แตก คนขับเสพยาบ้า

จากอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยวสองชั้น ของบริษัทกันเองทัวร์ จากจังหวัดกาฬสินธุ์ เสียหลักชนเพิงข้างทางขณะเดินทางกลับจากไปท่องเที่ยวทะเลที่จังหวัดจันทบุรี บริเวณถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ราชสีมา ทางลงเขาวังน้ำเขียว ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บอีก 32 คน ส่วนคนขับรถบัสหลบหนีหายตัวไปหลังก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวไว้ได้ เบื้องต้นอ้างว่า รถเบรกแตกไม่ได้เมา

ล่าสุดพลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า ผลการตรวจฉี่ของนายกฤษณะคนขับรถบัสตีนผียืนยันแล้วว่า มีสารยาบ้าอยู่ในปัสสาวะ และจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่าคนขับเคยถูกจับกุมคดีเสพยาบ้ามาแล้วถึง 5 ครั้ง เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา 3 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่หยุดให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และเสพยาเสพติดขณะขับรถ

ขณะที่ผลการตรวจสอบสภาพตัวรถ ทางเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดนครราชสีมาตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า สภาพเบรกไม่ได้แตกหรือมีน้ำมันรั่วไหล จึงเป็นไปได้ว่าคนขับไม่ชำนาญเส้นทาง และขับรถเร็วเกินกว่าป้ายเตือน ห้ามวิ่งเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะจากการตรวจเช็กจีพีเอสพบว่าก่อนเกิดอุบัติเหตุรถคันดังกล่าววิ่งด้วยความเร็ว 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประกอบกับเส้นทางที่เกิดเหตุเป็นทางลงเขาลากยาว 6 กิโลเมตร จึงทำให้คนขับเหยียบเบรกต่อเนื่องจนลมในปั๊มเบรกหมด ทำให้รถเบรกไม่อยู่


ฉาว! ลูกชาย สนช.ถูกจับ “แอบถ่ายใต้กระโปรงสาว”

(22 มี.ค.) เว็บไซต์เดลีเมลของอังกฤษได้เผยแพร่ข่าวกรณี นายปรัชญายุทธ ทัพเจริญ บุตรชายวัย 27 ปี ของ นายยุทธนา ทัพเจริญ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยรีเจนท์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถูกจับได้ว่าใช้กล้องบันทึกภาพแอบถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิงในร้านท็อปช็อป ย่านอ็อกซฟอร์ด สตรีท

ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของร้านเสื้อผ้าแฟชั่นดัง ระบุว่า เห็นนายปรัชญายุทธ์อยู่ในส่วนของเสื้อผ้าสตรี เดินตามผู้หญิงหลายคน โดยในเป้ของเขามีเลนส์ขนาดยาวยื่นออกมาด้วย ขณะเดลีเมลระบุด้วยว่า หนุ่มไทยอ้างว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิดีโอในยูทูปที่มีคนถ่ายวิดีโอใต้กระโปรง (upskirting) ผู้หญิง

นายคีแรน โครนิน อัยการ เปิดเผยว่า “ประมาณ 14.00 น. ของวันเกิดเหตุ รปภ. สองคนของร้านท็อปช็อป บนถนนอ็อกซฟอร์ด เห็นว่า จำเลยมีพฤติกรรมแปลกๆ สิ่งที่พวกเขาเห็นในตอนแรก ก็คือ จำเลยเดินตามผู้หญิงหลายคนในรอบๆ โดยพวกเขาเห็นว่าน่าสงสัยก็เพราะเขาไม่ได้ให้สนใจในสินค้าแต่อย่างใดเลย”

“นอกจากนี้ รปภ. ยังสังเกตถึงปฏิกิริยาของเขากับผู้หญิงหลายคน โดยเขามักจะวางกระเป๋าเป้สีน้ำตาลไว้บนพื้น และ ยกมันขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งระหว่างนั้น นอกจากนี้ รปภ. ก็ยังสังเกตเห็นเลนส์กล้องยาวที่ใส่อยู่ในกระเป๋าอีกด้วย”

หลังจากนั้น รปภ. ก็เข้าพูดคุยนายปรัชญายุทธ ก่อนที่จะเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมายึดกล้อง และควบคุมตัวของเขาไป โดยหลักฐานจากกล้องที่ตำรวจยึดไว้ ศาลอังกฤษระบุว่า ปรากฏภาพวิดีโอที่เขาพยายามแอบถ่ายกระโปรงผู้หญิงภายนอกร้านด้วย

ปัจจุบันนายปรัชญายุทธศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรีเจนท์ วิทยาลัยเอกชนภายในรีเจนท์ พาร์ค ลอนดอน ซึ่งมีค่าเล่าเรียนเริ่มต้นที่ 17,000 ปอนด์ หรือราว 750,000 บาท

สื่ออังกฤษยังเปิดเผยถึงประวัติของบิดาและมารดาของนายปรัชญายุทธ โดยระบุว่า ทั้งพ่อและแม่ของเขาต่างเป็นนักกฎหมาย ขณะที่ นายยุทธนา ทัพเจริญ ดำรงตำแหน่ง สนช. และอดีตผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ซึ่งทั้งคู่ต่างบินตรงมาที่กรุงลอนดอนเมื่อเพื่อฟังคำพิพากษา

จากกรณีนี้ทำให้นายปรัชญายุทธต้องเลื่อนการเรียนในระดับปริญญาโทออกไป โดยโทษที่เขาได้รับก็คือ ถูกแบนจากเขตเมืองเวสต์มินส์เตอร์เป็นเวลา 4 เดือน และต้องใส่สายรัด นอกจากนี้ เขาต้องอยู่ในบริเวณบ้านระหว่าง 19.00 - 06.00 น. เป็นเวลา 12 สัปดาห์ และต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้ผู้เสียหายด้วย


หิ้วแบรนด์เนมเข้าไทย ใช้แล้ว เสียภาษีหรือไม่?

ทุกเดือน ทุกปี หลายที หลายหน คนไทยยังคงวนเวียนและมีปัญหาให้หงุดหงิดรำคาญใจกับเรื่อง “ฉันหิ้วของเข้าเมืองไทย อ้าว ฉันโดนศุลกากรเรียกเก็บภาษี!”

อันตัวเราไม่ได้โดนเข้าด้วยตัวเอง แต่ก็หัวร้อนแทนคนอื่นเขา “ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ศุลกากร บอกว่าไม่เก็บๆ แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ไปเรียกเก็บภาษีจากของที่เขาใช้แล้ว เขาคล้องกระเป๋าอยู่คาไหล่ด้วยซ้ำ ไปเรียกเก็บภาษีเขาได้ไง โอ้โห ฉันงง”

สรุปแล้ว จริงแท้อย่างไร? คนไปนอก ชอบช็อปปิ้ง หรือคนไม่ไปนอก ชอบฝากซื้อ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มองว่า ไม่ว่าอย่างไร คุณต้องรู้ไว้ เผื่อวันใดวันหนึ่งคุณอาจโดน!

- ฉันถือกระเป๋า(ใช้งานมาแล้ว) เข้าเมืองไทย ฉันต้องเสียภาษีหรือไม่ วานบอกที -

นายบุญเทียม โชควิวัฒน ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้ชัดๆ ย้ำถี่ๆ ทีมข่าวแปลเป็นภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า... สิ่งของส่วนตัวที่ใช้ระหว่างการเดินทาง หรือที่ชาวเราเข้าใจและเรียกกันว่า “ของใช้แล้ว” ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า หากสิ่งของเหล่านี้มีมูลค่าเกิน 2 หมื่นบาท และเป็นของใหม่เอี่ยมอ่อง ชนิดที่เพิ่งถอยจากร้านออกมาหมาดๆ นายบุญเทียม ย้ำว่า “ต้องชำระภาษี เพราะสิ่งของเหล่านี้มันมีภาระค่าภาษีในตัวของมัน”

ยกตัวอย่างเช่น : หากสินค้าเป็นกระเป๋า ผู้โดยสารจะต้องเสียภาษีศุลกากรร้อยละ 20 ของมูลค่าสินค้าที่ซื้อมา + ภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 7

กระเป๋าแบรนด์เนม ใบละ 50,000 บาท คิดภาษีศุลกากร ร้อยละ 20 = 10,000 บาท + ภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 7 = 4,200 บาท รวมเป็นเงิน(ภาษี)ท่ีต้องจ่ายเพิ่มเติมทั้งสิ้น 14,200 บาท

- ฉันเห็นข่าวสาวถือกระเป๋าใช้แล้ว มาใบเดียว แต่โดนเรียกเก็บภาษี ทำไมเป็นเช่นนั้น วานบอกที -

นายบุญเทียม กล่าวสั้นๆ ก่อนเข้าเรื่องว่า “เรื่องนี้ ข้อเท็จจริงพูดกันเพียงครึ่งเดียว” “กระเป๋าราคาเกิน 2 หมื่นที่หญิงสาวถือมา ไม่ได้มีแค่ใบเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากร พิจารณาแล้ว เล็งเห็นว่า หญิงสาวคนนี้ใช้วิธีการพรางกระเป๋ามา ด้วยการเอากระเป๋าแบรนด์เนมออกมาจากกล่อง จากนั้น ก็ทำทีเป็นสะพายไหล่ใช้งาน ทั้งๆ ที่ในกระเป๋าใบนั้น ไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่ในกระเป๋าเลย”

“เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้ว กระเป๋าของเธอไม่ได้ใช้อย่างปกติ เธอถือลงมาเฉยๆ จากเครื่อง ทั้งๆ ที่ข้างในไม่มีอะไรในกระเป๋า ซึ่งเป็นสิ่งผิดวิสัย ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวคนนี้จึงต้องชำระภาษี แต่เจ้าหน้าที่ให้หญิงสาวชำระภาษีเพียงแค่กระเป๋าใบเดียว ซึ่งเธอก็ยินดีและปฏิบัติตามโดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนที่เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออมไลน์ เป็นเพราะมีผู้ใดก็ไม่ทราบ แคปข้อความของเธอไปโพสต์โดยที่เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย”

“เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะเก็บภาษีใครได้ก็ต่อเมื่อเขายินยอมพร้อมใจ มีเงินพร้อมจ่ายก็จ่าย หรือจะรูดบัตรจ่ายก็ว่ากันไป” นายบุญเทียม กล่าว

- ฉันถือกระเป๋าใหม่(ใช้งานมาแล้ว) เข้าเมืองไทย ใหม่ขนาดไหน ถึงต้องเสียภาษี วานบอกที -

คำถามต่อมา คือ สิ่งของชิ้นนั้น มันต้องใหม่ขนาดไหน ถึงจะเข้าเกณฑ์ชำระภาษี?

นายบุญเทียม ไขข้อข้องใจในคำถามนี้ว่า “เราต้องมาดูกันว่า เขาซื้อของชิ้นนี้มาในราคาเท่าไร ใช้มาหรือยัง โดยพิจารณาจากสภาพของสิ่งของ ถ้าเป็นของใหม่เอี่ยมก็ต้องชำระภาษี โดยคิดจากราคาเต็มของสิ่งของ แต่ถ้ามีร่องรอยการใช้งานมาแล้ว 6-7 วัน และมีสภาพมอมแมม เลอะเทอะ มีรอยตำหนิ หรือใส่ข้าวของต่างๆ อยู่(ในกรณีกระเป๋า) หากเจ้าหน้าที่ศุลกากรพิจารณาดูแล้ว สามารถยกเว้นให้ได้ เราก็ยกเว้นให้อยู่แล้ว”

“ถ้าคุณถือสิ่งของเพียงชิ้นเดียวกลับเข้ามาประเทศไทย แล้วคุณก็ใช้งานมันจริงๆ แม้ราคาของมันจะเกิน 2 หมื่นบาทไปบ้าง เราก็ไม่ได้ไปเข้มงวดกับคุณหรอกครับ” นายบุญเทียม กล่าวแสดงความเข้าอกเข้าใจในความรู้สึกของประชาชน

- ฉันถือกระเป๋าใช้แล้ว ใช้เอง เข้าเมืองไทยหลายๆ ใบ ฉันต้องเสียภาษีหรือไม่ วานบอกที -

อีกคำถามที่ตามมาคือ ถ้าฉันซื้อสิ่งของราคาเกิน 2 หมื่นบาทจากเมืองนอกมาหลายชิ้นหลายอย่าง แต่ฉันใช้เองนะ และฉันใช้ไปแล้วด้วย ฉันต้องชำภาษีหรือไม่ อย่างไรเอ่ย...

นายบุญเทียม แจกแจงข้อสงสัยนี้โดยละเอียดว่า “ถ้าคุณถือสิ่งของใช้แล้ว สิ่งของใช้เอง (ที่มีราคาเกิน 2 หมื่นบาท) มาหลายชิ้น เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ต้องเรียกเก็บภาษีจากคุณ แม้ว่าสิ่งของนั้นๆ จะมีร่องรอยการใช้งานมาแล้ว 6-7 วัน หรือสิ่งของนั้นๆ จะมีสภาพมอมแมม เลอะเทอะ มีรอยตำหนิ เจ้าหน้าที่เขาก็ต้องเก็บภาษี โดยคิดราคาตามสภาพ ซึ่งมูลค่าอาจจะลดลงมาอยู่ที่ราวๆ 60-70% จากราคาจริง”

“ถ้าเราตรวจเจอว่า คุณมีสิ่งของจำนวนมากๆ เกินคำว่า จะเอามาใช้เป็นของใช้ส่วนตัว และมีท่าทีว่าจะเอาเข้ามาในลักษณะของการค้า เราก็จับกุม แต่ถ้าคุณมีสิ่งของที่นำมาใช้เองราคาเกิน 2 หมื่นบาทเพียง 1-2 ชิ้น และเมื่อนำมานับรวมดูแล้ว เป็นเงิน 2 หมื่นหรือ 2 หมื่นนิดๆ กรณีอย่างนี้เราก็ไม่ได้ไปเข้มงวด เพราะถ้าคุณถูกจับมันก็จะดูเกินควรไปหน่อย”

“ส่วนใหญ่คนไปต่างประเทศนะครับ เขามักจะซื้อของที่ราคาเกิน 2 หมื่นบาท กลับมาเมืองไทยอยู่แล้ว ซึ่งบางคนอาจจะซื้อสิ่งของราคาสูงติดไม้ติดมือกลับมา 3-4 อย่างขึ้นไป ผมจะบอกว่า ในฐานะประชาชน คุณควรเสียภาษีให้แก่รัฐ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐก็พิจารณาตามสมควร มิได้ใช้ดุลพินิจที่ไม่เหมาะสม”

- เมื่อมีคำว่า ดุลพินิจ เกิดขึ้น คำว่า ทุจริต ก็จะตามมาได้ง่ายหรือไม่? -

เมื่อมาถึงจุดนี้ หลายคนคงสงสัยอยู่ไม่น้อยว่า หากใช้คำว่า “ดุลพินิจ” ของเจ้าหน้าที่ “ดุลพินิจ” ในที่นี้ อาจนำมาสู่การใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นธรรม หรือนำมาสู่การรับสินบนหรือไม่?

นายบุญเทียม ยอมรับว่า “คำว่า ดุลพินิจ ฟังดูแล้วอาจจะเป็นภาษาราชการ ซึ่งดุลพินิจอาจให้ความรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกัน”

“การที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ดุลยพินิจนั้น ถือว่า น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ผู้โดยสารจะมีใบเสร็จอยู่แล้ว ฉะนั้น ราคาก็จะถูกกำหนดตายตัว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่” นายบุญเทียม ตอบอย่างกว้างๆ

“ถ้าจะมีปัญหาในเรื่องการใช้ดุลพินิจ ก็คงจะเป็นเรื่องของการต่อรองราคา ถ้าสิ่งของที่คุณซื้อมาใหม่เอี่ยม คุณจะให้เราลดราคาได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ต้องเก็บภาษีเข้าประเทศอยู่แล้ว มิใช่ว่า จะเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองเสียเมื่อไหร่” นายบุญเทียมกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

- ฉันใช้ของแบรนด์เนมทั้งร่างตั้งแต่เด็กจนโต เก็บภาษีทุกชิ้น มิอ่วมหรือ วานบอกที? -

นายบุญเทียม ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า “เรื่องปกติของบางคน คือ สิ่งของทุกชิ้นที่เขาใช้ เป็นของแบรนด์เนมทั้งหมด หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ เวลาเขาเดินทางกลับเข้าไทย มิต้องเก็บภาษีคนผู้นั้นทั้งหมดทุกชิ้นเลยหรือ คำตอบคือ โดยหลักแล้ว ศุลกากรจะเก็บภาษีเฉพาะของใหม่ ไม่ได้ไปเก็บของเก่า"

“ยกเว้นกรณีของคนที่ไปซื้อของมือสองกลับมาเป็นจำนวนมาก แม้ราคาจะไม่ถึง 2 หมื่นบาท ก็ต้องเสียภาษี เพราะถือว่าไม่ใช่ของใช้ส่วนตัว” นายบุญเทียม กล่าวถึงคนหัวการค้าบางราย

"ถ้าของสิ่งนั้น อยู่ในวงเงิน 2 หมื่นบาท และมีแค่ชิ้นเดียว ไม่มีใครเขาไปเก็บภาษีหรอก

แต่ถ้าเป็นแสน หรือหลายๆ แสน ซึ่งจำนวนเงินเกิน 2 หมื่นบาทไปมากๆ

คุณก็ต้องเสียภาษีเข้ารัฐ เพราะหลักการของศุลกากร คือ ของที่เข้ามาใหม่ต้องเสียภาษีทั้งสิ้น"

3 บรรทัดง่ายๆ ที่ ผอ.ศุลกากร ตรวจของผู้โดยสาร สุวรรณภูมิ อธิบายไว้ให้เข้าใจง่ายๆ

กราฟฟิตี้เสือดำ ขนาด 60 เมตร โผล่บนชั้นดาดฟ้าที่ออสเตรเลีย

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. เพจ “MUE BON” ได้โพสต์รูปภาพกราฟฟิตี้ เสือดำ ขนาด 60 เมตร บนดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่งในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพื่อสื่อถึงกรณีที่เสือดำถูกนักธุรกิจดังเข้าไปล่า ถลกหนัง ถึงในเขตคุ้มครองสัตว์ป่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะจับตัวได้และส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจัดการต่อไป พร้อมเรียกร้องให้มีการจัดการกับนักธุรกิจขั้นเด็ดขาด โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“เสียงที่ไม่เคยได้ยิน Animals don’t have a voice, but we do. Last Black Panthers from Thailand. Size 60 Metres on rooftop Melbourne City 2018”

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวได้ถูกแชร์แล้วกว่า 4,200 ครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์ของชาวเน็ตที่กระแซะเจ้าหน้าที่ว่า อยู่ไกลอย่างนี้จะตามไปลบอย่างไร บ้างก็แสดงความรู้สึกสะใจกับรูปภาพที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก