ข่าว
นักศึกษาสาวไทยโคตรเฮง! ถูกแจ็กพอตกว่า 50 ล้าน

นักศึกษาสาวไทย กลายเป็นเศรษฐีในพริบตา ถูกแจ็กพอต จากการแทงพนันเล่นเกม 49’s คว้าเงินรางวัลมหาศาล กว่า 50 ล้าน เจ้าตัวเผย นอนไม่หลับทั้งคืน และไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง...

เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ เดอะ มิร์เรอร์ ในอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ว่า น.ส. จิรัชญา คลองจารย์ นักศึกษาสาวไทย วัย 29 ปี สุดโชคดี ถูกแจ็กพอต แทงพนันเล่นเกม ‘โฟร์ตี้ไนน์ส’ (49’s) ของบริษัท แลดโบรกส์ บริษัทรับแทงพนันชื่อดังของอังกฤษ คว้าเงินรางวัลถึง 1 ล้านปอนด์ หรือราว 52 ล้านบาท

นักศึกษาสาวไทยดวงเฮงรายนี้ เปิดเผยหลังทราบข่าวดี กลายเป็นเศรษฐีในพริบตา ว่า เธอรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก เมื่อรู้ว่าถูกแจ็กพอตยกชุด (เลข 6 ตัว) หลังจากได้เลือกแทงเลขท้าย 8 และ 12 เนื่องจากเป็นเลขวันเกิดของเธอ คือ เกิดวันที่ 12 เดือนสิงหาคม และได้เสียเงินแทงพนันในครั้งนี้ไปเพียง 2 ปอนด์ (104 บาท) เท่านั้น

‘ฉันยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเลย ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ก่อนหน้านี้ฉันเคยโชคร้ายมาตลอดปี’ สาวไทยผู้โชคดีกล่าว หลังจากเธอได้เริ่มแทงพนัน โฟร์ตี้ไนน์สมาแล้ว 4 เดือน และเคยถูกเลขท้าย ได้เงินรางวัล 601 ปอนด์ (30,000 บาท) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

นอกจากนั้น น.ส. จิรัชญา ซึ่งกำลังศึกษาระดับปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยเชสเตอร์ ในอังกฤษ ยังบอกว่าเธอจะแบ่งเงินที่ได้จากการชนะพนันให้แก่แม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในประเทศไทย

ด้าน นายอเล็กซ์ โดโนฮู จากบริษัทรับแทงพนัน แลดโบรกส์ กล่าวว่า พวกตนรู้สึกดีใจกับการทำลายสถิติของผู้ชนะเป็นอย่างมาก โดยจิรัชญา ได้เลือกกสุ่มตัวเลขอย่างมีสไตล์ มากกว่าจะคิดขึ้นมาเอง และขณะนี้ เธอยังได้กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในสมาคมผู้คว้าเงินพนันหนึ่งล้านปอนด์ในร้านแทงพนันท้องถิ่น

ทั้งนี้ เดอะ มิร์เรอร์ ยังรายงานด้วยว่า การถูกแจ็กพอตของจิรัชญา นักศึกษาสาวไทย ถือเป็นการชนะได้รับเงินล้านปอนด์ครั้งที่ 2 ในรอบปีจากแลดโบรกส์ หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือน ธ.ค.2556 ชาวอังกฤษในเมืองบอร์นมัธ เป็นคนแทงแจ็กพอตแตก

'สมยศ'เผยระเบิดบ้านร้าง ยันไม่มีจับแพะชายชุดดำ

วันที่ 12 ก.ย.57 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบวัตถุระเบิดจำนวนมากที่บ้านร้างแห่งหนึ่งใน อ.วังม่วง จ.สระบุรี ว่า อาวุธสงครามต่างๆ ที่ยึดและเคยจับได้มีความเชื่อมโยงการเมือง เพียงแต่จะเชื่อมโยงกับส่วนไหนและคดีไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะคดีที่มีและอาวุธที่จับได้มีจำนวนมาก บางครั้งอาจเชื่อมโยงกัน แต่บางครั้งอาจไม่เชื่อมโยงกันก็ได้

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณีแกนนำ นปช.ออกมาปฏิเสธว่าในกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เคยมีชายชุดดำ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ที่สี่แยกคอกวัวจน พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิตว่า ตนไม่ขอโต้แย้งว่ามีหรือไม่มี แต่การจับกุมมาจากการรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ เมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับจึงจับกุม อีกทั้งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือกระทำ และอธิบายว่ากระทำอย่างไร ตรงนี้เป็นเครื่องยืนยัน ตนจะไม่โต้แย้งกับใคร ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ตนจะพยายามจับกุมให้เร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าผู้ต้องหาที่จับได้เป็นแพะหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ถ้าเป็นแพะหรือเป็นผู้ต้องหาที่ไม่ใช่ผู้ที่กระทำความผิดจริงคงไม่มีพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลอนุมัติหมายจับได้ และการที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพหรือพูดด้วยความสมัครใจต่อหน้าสื่อ ตนเชื่อว่าคงไม่มีแพะ แล้วตนก็ไม่เคยรู้จักกับพวกแพะ

เมื่อถามว่า คดีที่เกี่ยวกับการเมืองทั้งหมดจะมีการไปรื้อมาดูอีกหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนเพิ่งเข้ามาทำงานเพียง 3 – 4 เดือน สามารถรื้อฟื้นหรือติดตามจับกุมคดีต่างๆ ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็จับถ้ามีพยานหลักฐานถึง หรือมีข้อมูลที่สามารถจับกุมได้ตนจับหมด ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้นโยบายมาตลอดว่าการทำงานต้องทำอยู่บนความยุติธรรม ไม่กลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีใคร ทำอยู่บนหลักฐานแห่งความเป็นจริง จะเห็นว่าการจับกุมผู้ต้องหาทุกครั้งจะได้รับการอนุมัติจากศาลทั้งสิ้น ตรงนี้ถือว่าเป็นเครื่องการันตี เพราะศาลเป็นผู้อยู่เหนือความขัดแย้ง และมีความยุติธรรม เมื่อท่านพิจารณาข้อมูลที่เรานำเสนอว่าน่าเชื่อถือจึงอนุมัติหมายจับ เชื่อว่าทุกอย่างรอบคอบ ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้


"นายกฯ"เผยถูกป้ายสีมี2หมื่นล้าน วิงวอนฝ่ายต่อต้านหยุดเคลื่อนไหว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เผยโดนมือดีปลอมเอกสารป้ายสีว่าตัวเองและน้องชายมีเงิน 2 หมื่นล้านบาท วอนฝ่ายต่อต้านหยุดเคลื่อนไหว

เมื่อเวลา 20.15น. วันที่ 12ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ”ซึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า ขณะนี้มีข่าวการเริ่มต่อต้านกันแบบเปิดเผยและแบบลับทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับอีกทั้งมีการให้ร้ายกันทางโซเชียลมีเดียกันจำนวนมากซึ่งตนก็ถูกบิดเบือนด้วยการปลอมเอกสารและลายเซ็นของตนและมีข้อความที่ไม่จริง ซึ่งธนาคารได้ชี้แจงแล้วว่าตนไม่เคยมีบัญชีเงินฝากเหล่านั้นและมีการแอบอ้างว่าตนสั่งการให้ปกปิดเงินของตนและน้องชายของตนจำนวน 2หมื่นกว่าล้านบาทซึ่งคงไม่มีใครบ้าไปทำอย่างนั้นและตนยังไม่รวยขนาดนั้นตนจึงขอร้องให้ช่วยกันลืมตาให้กว้างไตร่ตรอง ใคร่ครวญว่าแต่ละคนมีหน้าที่อย่างไรและต้องทำอย่างไรเพื่อร่วมกันทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้แต่ถ้าทุกคนจะรออย่างเดียวว่าเมื่อไหร่จะยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกหรือกฎหมายพิเศษ เพื่อจะได้มีการเคลื่อนไหวต่อไปตนคิดว่าเราปฏิรูปประเทศไม่ได้อย่างแน่นอนทั้งนี้เป็นหน้าที่ของตนและรัฐบาลในการพิจารณากันอีกครั้งโดยเราเข้าใจดีถึงปัญหาในเรื่องนี้ซึ่งถ้าอยากให้เราดำเนินการต่อไปได้ด้วยดีก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหว การต่อต้าน หรือแสดงความคิดเห็นที่สร้างความขัดแย้งอย่านำเรื่องเก่ามาจับผิดแต่ต้องแก้กันไปด้วยกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้กระทำเขียนข้อความเท็จโจมตีคสช.หรือตนบางคนตอบว่าทำแล้วสนุกซึ่งตนเข้าใจว่าคนเหล่านี้อาจป่วยทางจิตที่เขียนให้คนทะเลาะเบาะแว้งกันโดยไม่มีข้อเท็จจริง ถ้าใครสงสัยอะไรก็สอบถามมาได้ที่ คสช.รัฐบาลหรือตน สำหรับบางคนไปเคลื่อนไหวที่ต่างประเทศนั้นถ้าเขาคิดว่าไม่ได้ผิดอะไรก็ขอให้กลับประเทศและสามารถขอให้ตนส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลแล้วมาก็ต่อสู้กันในศาลนอกจากนี้เราเข้าใจดีถึงสิทธิมนุษยชนและโลกสากลแต่ขอให้เห็นใจเราบ้างว่ามีหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศจึงอย่าทำลายความตั้งใจของพวกเราเพราะเราไม่ได้ต้องการอำนาจและผลประโยชน์แต่ขอให้ร่วมกันตรวจสอบด้วยกฎหมายพร้อมกับการเดินหน้าประเทศไปด้วยสำหรับข้อมูลที่เกี่ยวกับการใช้อาวุธสงครามทั้งในปี2553, 2556 และ 2557นั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับกุมได้หลายคนและกำลังสอบสวน ซึ่งมีความก้าวหน้าไปมากโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสอบสวนสืบสวนให้ชัดเจนและให้ความเป็นธรรมเราคงไม่ไปยัดข้อหาหรือสร้างพยานเท็จส่วนคนที่หนีไปต่างประเทศถ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิดก็ขอให้กลับมามอบตัวเผื่อจะได้ความกรุณาจากศาลบ้าง.


ชูวิทย์ เหน็บ ไมค์ทองคำ ถ้าไม่ฉาวคงแฮปปี้เอนดิ้ง

(11 ก.ย.) จากประเด็นการสั่งซื้อไมโครโฟนในราคาหลักแสนบาท เพื่อใช้ในห้องประชุมของครม.ในตึกบัญชาการ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นเหตุให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาที่แท้จริง จนกระทั่งวานนี้ (10 ก.ย.) อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ออกมชี้แจงกรณีการปรับปรุงทำเนียบทุกขั้นตอนไร้ทุจริต ยืนยันโปร่งใสตรวจสอบได้ ส่วนไมโครโฟนได้สวนลด 35% เหลือราคาตัวละ 94,250 บาท

ทั้งนี้ ในประเด็นดังกล่าว นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ภาพเหน็บเหนมการสั่งซื้อไมค์ โดยภาพที่ นายชูวิทย์ โพสต์นั้นมีการเขียน "นี่คงจะคิดออกตอนมีเรื่องต่อรองขอลดราคา(คอมมิชชั่น) ถ้าเรื่องไม่ฉาวโฉ่ป่านนี้คงแฮปปี้เอนดิ้ง อิ่มหมีพีมันฉลองไมค์ทองคำในห้องสูทแถวรัชดา"

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ ได้โพสต์เรื่อง "ไมค์ทองคำ" พร้อมระบุว่า "สมัยก่อนเมื่อผมอยู่ในสภาก็เคยพูดเรื่องนาฬิกาเรือนละเจ็ดหมื่นห้า ตู้น้ำราคาเกือบแสน เก้าอี้หลุยส์ราคาเป็นล้าน เหตุผลเพราะการจัดซื้อจัดจ้างของระบบราชการไทยต้องมีเปอร์เซ็นต์ ค่าน้ำชา เบี้ยบ้ายรายทาง

วิธีการที่ใช้กันโดยทั่วไปคือ

1.ล็อคเสปคให้กับบริษัทเอกชนที่เจรจาต้าอ่วยกันมาแล้ว จากสิบเจ้าเหลืออยู่ไม่ถึงสามเจ้า คู่แข่งโนเนมเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาอย่าหวังจะได้เกิด

2.บริษัทเอกชนต้องมีเส้นสายคอนเน็คชั่น เข้าหาผู้ใหญ่ที่มีอำนาจอนุมัติ ของไม่ดีกลายเป็นของดี ของดีกลายเป็นของแพง

3.ระเบียบหยุมหยิมตามประสาราชการที่จะต้องเรียนรู้ บริษัทยักษ์ใหญ่อาจตกม้าตาย แพ้บริษัทตึกแถว ที่พวกหัวใสไปจัดตั้งไว้ล่วงหน้า

4.เรื่องซ่อมบำรุง ประกัน จะต้องมี เพราะบางหน่วยงานซื้อมาแล้วของยังไม่ทันใช้ หมดเงินเป็นพันๆล้านก็เคยเห็นมาแล้ว เช่น มอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ของตำรวจ หรือ รถดับเพลิงของกทม.

ไม่รู้ว่าไมค์ราคาแสนสี่มันจะเสียงดีสักแค่ไหน? พูดออกมาแล้วเสียงทุ้มเหมือนกลั้วฟองเบียร์ เอาไปร้องเพลงในรายการเดอะวอยซ์กรรมการต้องแย่งกันกดปุ่มหรือเปล่า? สรุปจะพูดเอาเนื้อหาสาระหรือจะเอาเสียงใส?

ถึงขนาดนี้ควรจะดูตัวเองแล้วเปรียบเทียบถึงความเดือนร้อนของชาวบ้าน คงไม่ต้องใช้ไมค์ถึงตัวละแสนสี่ เพราะเสียงที่ดีคือเสียงที่สะท้อนปัญหาของประชาชน ไม่ได้อยู่ที่มูลค่าไมค์โครโฟน

ใช้เงินแบบนี้เดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็น "สามล้อถูกหวย"

เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยยังยึดติดกับวิธีการเดิมๆ แค่เริ่มต้นก็เจอปัญหาเดิมๆเสียแล้ว นี่สิครับควรปฏิรูป เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นและสัมผัสได้

ส่วน หม่อมหลวงปนัดดา แรก ๆ พูดออกไมค์เสียงนุ่มทุ้มว่าไมค์ตัวนี้แจ๋ว เสียงดี มาตรฐานโอบาม่าใช้ หลัง ๆ กลายเป็นเสียงอ้อมแอ้ม โยนไปโยนมาว่ายังไม่ได้จัดซื้อ สงสัยบริษัทนำมาให้ใช้ก่อน

สักพักคงกลายเป็นเสียงเงียบ คราวนี้ต่อให้เอาไมค์ราคาเป็นล้านมาจ่อปาก เสียงคงไม่ดัง

ไอ้ผมก็ขอเป็นฝ่ายค้านนอกสภาแล้วกัน ติเพื่อก่อ บางคนบอกให้ผมเงียบ ผมจะเงียบทำไมล่ะครับ? เมื่อผมมีปากไว้พูด และที่ผมพูดไป หากไม่ใช่เรื่องจริง ก็ช่วยบอกผมหน่อย

สิ้นแล้วอดีตพระนิกร เส้นเลือดในสมองแตก

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 12 ก.ย.57 ได้มีคณะชาวบ้าน จากอ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เดินทางมาร่วมรับศพ นายธรรมรัตน์ ยศคำจู อายุ 61 ปี หรืออดีต"พระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที" แห่งวัดสันปง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ โดยนายธรรมรัตน์ นั้นเข้ารับการรักษาตัว รพ.นครพิงค์ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.57 ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ทางแพทย์รักษาเยียวยา แต่ก็มาสิ้นลมอย่างสงบเมื่อเวลา 23.05 น.วันที่ 11 ก.ย.57 โดยทางคณะชาวบ้านจะได้นำศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักที่บ้านสังปง อ.พร้าว โดยอาจจะตั้งศพไว้นาน 7 วัน

ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. ทางญาติของอดีตพระนิกร เปิดเผยว่า นำศพอดีตพระนิกร หรือ นายธรรมรัตน์ ยศคำจู อายุ 61 ปี หรือ อดีต พระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที มาไว้ที่บ้านบ้านสันปง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ก่อน เนื่องจากที่วัดสันปงนั้นมีการจัดงานสมโภชน์ และงานตานก๋วยฉลาก ประจำปี พอดี ทางญาติต้องนำศพมาไว้ที่บ้านก่อนและในช่วงเย็นของวันที่ 16 ก.ย. ก็จะเคลื่อนย้ายศพของอดีตพระนิกร มาไว้ที่วัดสันปง ต่อไป เพื่อทำพิธี

โดยทางญาติของอดีตพระนิกร เปิดเผยว่า เรื่องราวทุกอย่างก็ได้จบไปนานแล้ว และคิดว่าหลายฝ่ายที่เคยเป็นอริ กับอดีตพระนิกร มา ก็คงจะอโหสิกรรมให้แก่กันและกัน เพราะท่านก็ได้จากไปแล้ว เหลือไว้แค่ตำนานทั้งดีและร้ายที่ผ่านมา ท่านถูกใส่ร้ายทั้งชีวิต และต่อสู้มาตลอด จนกระทั่งมาถึงวาระสุดท้าย ท่านจากไปด้วยอาการสงบ และทางเราได้ประสานกับทางวัดสันปง ขอนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัด หลังจากงานสมโภชน์ของวัดเสร็จ ซึ่งงทางวัดก็ได้อนุญาต

สำหรับนายธรรมรัตน์ หรือพระนิกร ถือเป็นอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง แต่กลับปฏิบัติตนไม่เหมาะสม จนมีความสัมพันธ์กับสีกาอร จนกระทั่งมีลูกด้วยกัน โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายหลายรูป จนกระทั่งถูกตัดสินว่าต้องอาบัติปาราชิก และต้องพ้นจากการเป็นสงฆ์ในที่สุด


'พิงกี้-เพชร' วิวาห์สุดหวาน ขออยู่เคียงข้างกันตลอดไป

เข้าพิธีมงคลสมรสไปเรียบร้อยแล้ว ในช่วงเช้าวันที่ 12 ก.ย.+ เวลา 09.09 น. สำหรับนางเอกสาวนัยน์ตาคม พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช กับหนุ่ม เพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง ซึ่ง ได้เข้าพิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานตามหลักศาสนาอิสลาม ที่ เดอะโคฟ คอนโด พัทยาเหนือ (The Cove Pattaya) โดยมีคุณอิมรอน มะลูลีม เป็นผู้ทำพิธีท่ามกลางผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัว และเพื่อนสนิทที่มาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่ โดยเจ้าสาวพิงกี้อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสวมฮิญาบตามแบบอิสลาม ส่วนเรื่องสินสอดนั้นตามหลักศาสนาแล้วจะได้ค่าตัว (สินสอด) 125 บาท และในช่วงบ่ายทั้งคู่ได้จัดงานฉลองแต่งงานที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา ในรูปแบบธีมของมูแลงรูจ และจัดสวนแบบออสเตรเลีย

ซึ่งพิงกี้ได้เผยว่า ในช่วงเช้าได้เข้าพิธีนิกะห์แล้วที่คอนโดฯ โดยตามหลักศาสนาค่าตัว (สินสอด) 125 บาท ส่วนรายละเอียดเรื่องสินสอดไม่ทราบเพราะญาติจัดให้ ด้านเพชรได้บอกว่า มีเงินสดจำนวนนึง ไม่อยากบอกว่าเท่าไหร่เพราะกลัวถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น ซึ่งพิงกี้ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร ในวันนี้กี้ตื่นเต้นได้ใส่ชุดเจ้าสาว ดีใจได้เจอสื่อมวลชนที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่ยังเด็ก เพชรบอกให้ความรักความเอาใจใส่ มีคำว่าครอบครัวกลับมาในชีวิตอีกครั้ง และพร้อมจะมีลูกทันที ฮันนีมูนไปฝรั่งเศสด้วยกันและถ่าย post wedding คาดอีกไม่เกิน 45 วัน ไปหนึ่งเดือน ขอพักงานไว้ชั่วคราว ส่วนงานในวงการก็ยังไม่แน่ใจว่าถ้าแต่งแล้วตั้งครรภ์จะรับงานได้ไหม แต่ตัวเพชรไม่อยากให้ทำแล้ว เพราะไม่อยากให้คนมองภรรยาเป็นสินค้าอีกต่อไป อยากให้มีลูกก่อนแล้วถ้าอยากกลับมาก็ตามใจ ด้านพิงกี้บอกว่าก็แล้วแต่สามี ตนเองก็ขอเลี้ยงลูกก่อน พร้อมยืนยันไม่ได้ท้องก่อนแต่งแน่นอน

ส่วนงานฉลองที่ฝรั่งเศสแขกไม่เกิน 40 คน พิงกี้ได้เผยว่า รู้จักคำว่าเราคืออะไรหลังแต่งงาน ชีวิตหลังจากนี้อยู่ที่ กทม.เป็นหลัก เรื่องเรือนหอนั้น หนุ่มเพชรก็ได้บอกว่า ตนเองมีเรือนหอหลายที่ พร้อมหยอดคำหวานว่ามีภรรยาคือ พิงกี้แค่คนเดียว แหวนหมั้นเป็นแหวนเพชร 7 กะรัตกว่า เป็นเพชรสีเหลืองรูปหัวใจ ที่เลือกเพชรหัวใจเพราะต่อไปนี้พิงกี้ต้องดูแลหัวใจของเพชรด้วย และมีแหวนเพชรสีชมพูใส่คู่กัน

ด้านพิงกี้บอกอีกว่างานวันนี้อยากให้ทุกคนมีความสุขไปกับเราสองคน ขอบคุณเพชรที่จัดงาน ลงมือเองทุกอย่าง เป็นงานที่ทุกคนจะสนุกมากแน่นอน ก่อนที่พิงกี้จะน้ำตาคลอได้บอกว่า ตนเองรู้สึกว่าได้รับสิ่งดีๆ มากกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อได้อยู่ด้วยกัน ถ้าตายแทนก็คงตายแทนเขาได้ ส่วนเพชรขอบคุณที่รู้ว่าทุกสิ่งทำไปเพื่อเขา อยากบอกว่านับตั้งแต่วันนี้และตลอดไป ความรู้สึกและสิ่งที่ทำให้จะมากขึ้น และหวังว่าความรักของเราจะแข็งแรง ส่วนเรื่องขอแต่งงานคำตอบนี้จะให้ตอน 3 โมง โดยเป็นวิดีโอพรีเซนเทชั่นที่เพชรลงมือทำเอง ส่วนมูลค่าการจัดงานไม่อยากให้มองเป็นเรื่องของเงิน สาเหตุที่จัดงานฉลองที่ฝรั่งเศสเพราะพิงกี้ชอบชาร์โต เลยอยากไปถ่ายรูปที่นั่น ด้านพิงกี้ฝากถึงแฟนๆ ว่าไม่ได้หายไปไหน ปลายปีนี้ยังมีผลงานอยู่ แต่อาจจะเห็นผลงานน้อยลง และติดตามตนในไอจีได้.