ข่าว
‘แก้วขวัญ วัชโรทัย’ ถึงแก่อสัญกรรม

เมื่อวันที่ 15 กันยายน นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวังถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 10.02 น. วันเดียวกันนี้ ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุรวม 88 ปี

ทั้งนี้นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2471 เป็นบุตรของพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (กาด วัชโรทัย) และท่านผู้หญิงอนุรักษ์ราชมณเฑียร (พัว วัชโรทัย) มีศักดิ์เป็นหลานน้าในสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ชื่อ แก้วขวัญ-ขวัญแก้ว เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมรสกับ ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย (หม่อมหลวงเพ็ญศรี ศรีธวัช) มีบุตร-ธิดา 3 คน ชื่อ ดังนี้ นางรัตนาภา เทวกุล ณ อยุธยา (สมรสกับ หม่อมหลวงทศนวอมร เทวกุล) นายรัตนาวุธ วัชโรทัย และนายวัชรกิตติ วัชโรทัย

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โดยได้มีการผ่าตัดและอยู่ในความดูแลของแพทย์มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นผู้สูงอายุ มีอาการสำลัก และปอดติดเชื้อร่วมด้วย ซึ่งท่านมีภาวะนี้เป็นครั้งคราว ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหัวใจได้หยุดเต้นเฉียบพลัน และอสัญกรรมเมื่อเวลา 10.02 น.

ทั้งนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพที่บ้านถนนเพชรบุรี ของนายแก้วขวัญ วันที่ 16 กันยายน เวลา 17.00 น.

'บิ๊กตู่' อ้อนชาวภูเก็ต เห็นใจ รบ. 'คนดีไม่มีวันตาย จากความทรงจำ'

นายกฯ ขอเห็นใจรัฐบาล กำลังรื้อขยะออกจากทุกมุมห้อง ลั่นพร้อมเป็นตัวประกันให้ ปชช.วอนคนไทยทำดีเพื่อแผ่นดิน

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.59 ที่ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้พบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกอบอุ่นใจที่ได้มาเยือนภูเก็ตอีกครั้ง ตนเคยมาแก้ปัญหาหลายอย่าง ครั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบก แต่เพิ่งจะมาเห็นผลในวันนี้ ซึ่งคนไทยต้องเป็นคนใจเย็น มีการวางแผนและมองไปข้างหน้าว่าต้องการอะไรในอนาคต ทั้งนี้มีหลายคนถามว่า พอหรือยัง และที่บอกว่าจะขอเวลาอีกไม่นานแล้วเมื่อไรจะไป ตนจึงขอถามกลับว่าวันนี้มีความสงบเรียบร้อยแล้วหรือยัง ยืนยันว่าจะอยู่ตามโรดแม็ป แม้วันนี้ทุกอย่างประดังประเดมาที่รัฐบาลทั้งหมด แต่เราพยายามทำเต็มที่ จึงขอความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบตนก็ต้องมองถึงประเทศชาติ ให้เป็นแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและไม่มีการทุจริตอีกต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทุกประเทศชื่นชมประเทศไทย และอยากมาร่วมมือในรัฐบาลนี้ แต่ก็ยังถามว่าสถานการณ์ในประเทศจบหรือยัง แล้วจะจบแบบนี้อีกนานแค่ไหน วันนี้เราจึงต้องมองประเทศเป็นที่ตั้ง ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่กับประเทศไปนานแสนนาน ซึ่งเชื่อว่าเรายังมีเวลาแก้ปัญหาประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและที่ทำไปกว่า 2 ปีที่ผ่านมา หากทุกคนเชื่อมั่นและรักตนก็ขอให้รักคนที่ทำงานให้ตนด้วย นอกจากนี้ขอให้มีการเตรียมการรองรับภัยพิบัติและเตรียมรับความเสี่ยงในอนาคต ที่ไม่มีใครทำนายได้แม้แต่หมอดู แต่เชื่อว่าถ้าทำดี แผ่นดินนี้ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่หากทำไม่ดีแผ่นดินก็จะต่ำลงเรื่อยๆ เพราะคนหนักแผ่นดินยังยืนอยู่ และที่ผ่านมามีความสับสนอลหม่าน จึงต้องเห็นใจรัฐบาลที่กำลังทำหลายอย่าง รื้อขยะออกมาจากทุกมุมห้อง เพราะจังหวะนี้รอไม่ได้อีกแล้ว และสิ่งที่อันตรายที่สุด คือ การสร้างความเกลียดชังผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะไม่สามารถหาคนรับผิดชอบได้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนยุติธรรม อย่างไรก็ตามคนไทยไม่ใช่คนโง่ ไม่มีใครมาปลุกปั่นได้อยู่แล้ว และหากไม่ร่วมกันปฏิรูปในวันนี้ ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้วทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

"ผมพร้อมเป็นตัวประกันให้ทุกคน โดยร่วมมือกับทุกคน ยังไงก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว เพราะต้องอยู่กับท่าน แต่จะอยู่เท่าไหร่ก็เท่านั้น ทั้งนี้หากยังขัดแย้ง ต่อต้านรัฐบาลในทุกเรื่องก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ขออย่าเอาอดีตมาทำให้ไม่ไว้วางใจ ที่ผ่านมาอาจมีประโยชน์กับคนแค่บางกลุ่ม แต่วันนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอให้จำคำพูดผมไว้ว่า คนดีไม่มีวันตาย ไม่มีวันตายจากความทรงจำของทุกคน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวตอนหนึ่งด้วยว่า ในเรื่องราคาข้าวจะขายในราคาเกวียนละ 15,000 บาท คงเป็นไปไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาก็มีคนทำมาแล้ว ซึ่งหากทำต่อไปก็จะเสียหายต่อวงจรเศรษฐกิจและต้องหาเงินมาใช้แก้ปัญหานี้มากมาย ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ขอพรหลวงพ่อแช่มที่ชาวภูเก็ตให้ความนับถือ ดลบันดาลให้ชาวภูเก็ตมีความสุขความเจริญ และร่วมมือกันเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป


ตร.สหรัฐบุกจับ 2 ฆาตกร สังหารหนุ่มไทยในจอร์เจีย

ตำรวจสหรัฐฯรวบ 2 คนร้ายฆ่าโหดชิงทรัพย์ หนุ่มไทยเจ้าของร้านอาหารในรัฐจอร์เจีย เป็นพนักงานสาวผิวสี ลูกจ้างในร้านอาหารของผู้ตาย วางแผนร่วมกับแฟนหนุ่ม พบหลักฐานมัดแน่นทั้งจากภาพวงจรปิด พยานบุคคล เตรียมส่งตัวขึ้นศาล 16 ก.ย. ขณะที่ชุมชนไทยร่วมจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ตั้งกองทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายส่งศพกลับไทย แม่เหยื่อโหดทำใจยอมอโหสิกรรมให้ รอวันรับศพลูกชายกลับบ้านเพื่อประกอบพิธี ทั้งขอบคุณไทยรัฐทีวีและหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ช่วยติดตามคดีจนจับคนร้ายสำเร็จ

จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญ คนร้ายโหดบุกยิงนายสมโภชน์ หรือบอย อารมสุข อายุ 34 ปี เจ้าของร้านอาหาร “ไหมไทย” เมืองทัคเกอร์ รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ทั้งยังชิงรถเก๋งส่วนตัวหลบหนีไป ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ก.ย. นายสมิทธิ์ ทรัพย์วิบูลย์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อเช้าวันที่ 14 ก.ย. ตำรวจเขตเดแคล์บ เคาน์ตี้ สามารถรวบ 2 ผู้ต้องหาว่าจะเป็นคนร้ายสังหารโหดเจ้าของร้านอาหารไทยได้แล้ว ชื่อนายจาร์วิส สแตนฟอร์ด อายุ 23 ปี เป็นคนผิวสี และ น.ส.ไอมานี เบิร์นส์ อายุ 23 ปี แฟนสาว ซึ่งทำงานเป็นพนักงานของร้านไหมไทย ทั้ง 2 คนถูกตั้งข้อหาร่วมกันฆาตกรรมและชิงทรัพย์ สอบเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ไอมานีเป็นผู้นัดแนะแฟนหนุ่มมาชิงทรัพย์เจ้านายตัวเอง แต่แฟนหนุ่มเป็นผู้ใช้ปืนยิงนายสมโภชน์เสียชีวิตแล้วชิงรถยนต์ไปด้วย

การสืบสวนของตำรวจ จนนำมาสู่การจับกุมครั้งนี้ เริ่มจากการตั้งรางวัลนำจับ ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด จนถึงการสอบปากคำ รปภ.พยานในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังมีประชาชนท้องถิ่นผู้เห็นเหตุการณ์โทรศัพท์แจ้งเบาะแส ทำให้สามารถติดตามตัวคนร้าย ในย่านคนผิวสี ใกล้สนามบิน โดย น.ส.ไอมานีถูกจับได้เป็นรายแรก ที่ย่านคอเลค–พาร์ค ก่อนจะตามจับนายจาร์วิส แฟนหนุ่มในเวลาต่อมา เบื้องต้นทั้งคู่อยู่ในห้องควบคุมของตำรวจเขตเดแคล์บ เคาน์ตี้ โดยตำรวจเค้นสอบสวนอย่างละเอียดว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ หรือมีสาเหตุอื่นอีกหรือไม่ จากนั้นก็จะนำตัวส่งไปควบคุมที่เรือนจำ ในวันที่ 15 ก.ย. เวลา 08.00 น.

ขณะเดียวกัน ที่วัดพุทธบูชา เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย. เวลา 19.00 น. พระเทพกิตติวิมล หัวหน้าคณะสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ฝ่ายธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดพุทธบูชา ร่วมกับสมาคมไทยแห่งรัฐจอร์เจีย ชุมชนในเมืองทัคเกอร์-เมืองแอตแลนตา จัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพให้นายสมโภชน์ หรือบอย ท่ามกลางชาวไทย ชาวลาว และชาวอเมริกัน ที่รู้จักกว่า 80 คน เดินทางมาร่วมงาน ในจำนวนนี้มี นางกาญจนา โตวิวัธ เดวิด เจ้าของร้านแรกที่นายสมโภชน์ ไปทำงานเป็นเชฟที่เมืองเอเธน มาร่วมงานด้วย

ในช่วงพิธีไว้อาลัย นางวิเวียน ฮีเด็น มารดาของนายแมค พนักงานชาวต่างชาติ ประจำร้านอาหารไหมไทยของนายสมโภชน์ ได้ขอขึ้นกล่าวไว้อาลัยและอ่านจดหมายที่เขียนถึง น.ส.ตุ่ย อารมสุข มารดาของนายสมโภชน์ ใจความว่า “แมคลูกดิฉัน อายุ 17 ปี ทำงานที่ร้าน บอยชอบให้อาหารกลับมากินที่บ้านเยอะกว่าปกติ เพราะว่าบอยรู้ว่าอาหารกลางวันที่โรงเรียนไม่อร่อย บอยสอนให้แมคสนุกสนานกับการเรียน แล้วสอนให้โปรยยิ้มบ่อยๆ ไม่มีใครเป็นตัวอย่างดีเท่ากับบอย แมคจะไม่ลืมครูบอยคนนี้เลย และจะชอบอาหารไทยไปชั่วชีวิตเลย ลูกของคุณช่วยให้หลายๆคนเข้าใจถึงชีวิตการเป็นคนดี ลูกของดิฉันจะจดจำความอร่อยของอาหารมื้อสุดท้ายที่ลูกคุณทำให้ ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ ถึงแม้เราจะไม่เคยพบกันเลย แต่เราก็แชร์ความเจ็บปวด และน้ำตา ของเมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้ขอให้คุณมีความสุข”

ด้านนางสุนิสา สุวรรณทัต นายกสมาคมไทยแห่งรัฐจอร์เจีย กล่าวว่า ทุกคนมาร่วมอาลัยให้แก่นายสมโภชน์ หรือบอย เพราะเป็นคนมีน้ำใจช่วยเหลือคนในชุมชน จึงมีคนรักทั้งชาวไทย ชาวลาวและชาวอเมริกัน พร้อมกันนี้ ชาวไทยได้ร่วมกันจัดตั้ง “กองทุนส่งบอยกลับบ้าน” เพื่อรวบรวมเงินเป็นค่าดำเนินการส่งศพบอยกลับประเทศไทย โดยให้เจ้าอาวาสวัดพุทธบูชา เก็บรวบรวมเงินไว้และส่งมอบต่อไป มียอดบริจาคคืนแรก 2,649 เหรียญสหรัฐฯ และร้านฟาสต์ฟู้ด ที่อยู่ช็อปปิ้งมอลล์เดียวกัน แจ้งความประสงค์จะช่วยระดมทุน คาดว่าน่าจะพอค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่งศพกลับกว่า 9,000 เหรียญสหรัฐฯ

ส่วนที่ประเทศไทย นางตุ่ย อารมสุข มารดาของนายสมโภชน์ เปิดเผยภายหลังทราบจากผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจจับกุมคนร้ายที่ยิงนายสมโภชน์บุตรชายได้แล้ว โดยระบุว่าลูกชายตายแล้ว ก็อยากจะตายตามไปด้วย ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เพราะไม่ได้ทำให้ลูกชายฟื้นคืนขึ้นมา ตนสวดมนต์ไหว้พระมาตลอด รู้ว่าคงต้องอโหสิกรรมให้กัน ส่วนเรื่องคดีเป็นเรื่องของทางตำรวจทางสหรัฐฯที่ดำเนินการตามกฎหมาย สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือนำร่างของลูกชายกลับมาเมืองไทยให้เร็วที่สุด

“ขอขอบคุณไทยรัฐทีวี หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กองคุ้มครองฯ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รวมทั้งพระและชาวไทยในจอร์เจียที่ช่วยเหลือเต็มที่ พร้อมทั้งขอบคุณตำรวจสหรัฐฯ ที่ติดตามจับกุมคนร้ายมาได้ ซาบซึ้งในความช่วยเหลือทุกๆอย่าง” นางตุ่ยกล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้รับทราบจากตำรวจเจ้าของคดี ว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย หนึ่งในนั้นเคยเป็นลูกจ้างอยู่ในร้านอาหารของผู้เสียชีวิต ผู้ต้องสงสัยทั้งสองได้ให้การสารภาพ ส่วนการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี เรื่องการส่งศพกลับมาบำเพ็ญกุศลเมืองไทย สถานทูตอยู่ระหว่างการดำเนินการ ด้านเอกสารกับทางการสหรัฐฯ เมื่อเสร็จสิ้นก็จะสามารถนำศพของนายสมโภชน์ กลับประเทศไทยได้ โดยมีการประสานงานกับสายการบินไว้แล้ว


ยิ่งลักษณ์ระทึก! จ่อปิดสำนวนผิดจำนำข้าว 1-2 วันนี้

เมื่อเวลา 14.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง เข้าใจว่าจะปิดสำนวนภายใน 1-2 วันนี้ จากนั้นคณะกรรมการฯจะส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อส่งเรื่องต่อมายังนายกฯ ขออนุมัติให้มีการลงนามในคำสั่งปกครองเพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิด เมื่อนายกฯให้ดำเนินการต่อ จะส่งไปที่ผู้มีอำนาจลงนามคำสั่ง โดยกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มี 2 คนคือ นายกฯ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งในส่วนของนายกฯนั้นสามารถมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามแทนได้ เหมือนกับกรณีการเรียกค่าเสียหายการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามแทน ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามแทนนายกฯแล้ว จะลงนามในส่วนของตนเองอีกได้ หรือมอบหมายให้คนอื่นลงนามแทนตนเองก็ได้ แล้วส่งไปให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ดำเนินการอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนด จะดำเนินการยึดทรัพย์ได้เลย แต่หากมีการร้องศาลปกครองจะต้องมาดูว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอให้คุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ ถ้าศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว การยึดทรัพย์จะยังไม่เกิดขึ้น โดยขั้นตอนการยึดทรัพย์จะเป็นของกรมบังคับคดี โดยอาจจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะคณะกรรมการฯยังไม่ได้ชี้ขาด

เมื่อถามถึงกรณีการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ที่เพิ่งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวข้องกับการเรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มีการเตรียมการมา 3-4 ปีแล้ว เพื่อให้เรื่องนี้ไปถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย เพราะ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ครอบคลุมไปถึงแล้ว แต่ตัวระเบียบยังไม่ถึง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งตนไม่ยอมให้แก้อะไรแล้วมากระทบคดีความเป็นอันขาด เพราะหากทำให้หนักขึ้นจะกลายเป็นแกล้งเขา ถ้าเบาลงจะกลายเป็นช่วยเขา จึงไม่ควรทำอะไรทั้งนั้น เรายึดตามระเบียบเดิมที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2539

เมื่อถามถึงสาเหตุที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ได้ลงนามคำสั่งปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก เป็นเพราะอะไร รองนายกฯกล่าวว่า “อย่าไปถามถึงสาเหตุเลย ผมว่าภายใน 1-2 วันนี้ กว่าผู้สื่อข่าวจะพาดหัวมันอาจจะเสร็จไปแล้วก็ได้”


นรต.ตบเท้ายื่นหนังสือ”ไทยรัฐ” ไม่พอใจคอลัมน์นิสต์เขียนหมิ่น

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ก.ย. ที่สำนักพิมพ์ไทยรัฐ พล.ต.ท.ศักดา เตชะเกรียงไกร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พร้อมผู้บริหารหลักสูตรคณะกรรมการการสภาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และนักเรียนนายร้อยตำรวจปี 3 จำนวน 20 นาย ปี 1 จำนวน 10 นาย เดินทางเข้ายื่นหนังสือเปิดผนึก”ขอให้พิจารณาแสดงความรับผิดชอบต่อบทความเรื่อง”การปฏิรูปตำรวจสร้างค่านิยมใหม่” กับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยบริเวณพื้นที่ดังกล่าวมีเจ้าหน้าตำรวจจากสน.บางซื่ออำนวยความสะดวก

พล.ต.ท.ศักดา กล่าวว่าตามที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 14 กันยายน 2559 หน้าที่ 6 คอลัมน์กล้าได้กล้าเสีย ลงบทความเรื่อง “ปฏิรูปตำรวจค่านิยมใหม่” โดยสายล่อฟ้า มีบทความปรากฎตอนหนึ่งว่า”ว่ากันว่าโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจนั้นสั่งสอนตำรวจให้ออกมาแบบไม่รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ แต่กลับไปสร้างค่านิยมที่ไม่ถูกทิศทาง กลายเป็นว่าตำรวจไทยนั้นรอบรู้ทุกอย่างแต่ไม่รู้จักหน้าที่และภารกิจ จึงไม่แปลกที่มีการผลิดตำรวจที่ทำให้ตำรวจไทยกลายเป็นตำรวจโจรเข้าไปทุกที เพราะเรียนรู้เรื่องชั่วๆมสกกว่าเรื่องดีๆ” นั้น ตนขอชี้แจ้งว่าทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจมุ่งสร้างตำรวจมืออาชีพ ทั้งมีความรู้และการประพฤติปฏิบัติให้เป็นตำรวจที่ดีรับใช้ประชาชนโดยตลอด ไม่มีวิชาใดหรือการฝึกใดที่สร้างให้เป็นตำรวจโจรหรือมีลักษณะดังใจความที่ปรากฏในบทความดังกล่าว

พล.ต.ท.ศักดา กล่าวต่อว่า วันนี้ได้นำหลักสูตรของโรงเรียนนายร้อยตำรวจมามอบให้และช่วยตรวจสอบว่าหลักสูตรใดที่เป็นหลักสูตรชั่ว หลักสูตรใดที่สอนให้เป็นโจร ตนอยากให้ทางคอลัมนิสต์ดังกล่าวออกมาแสดงความรับผิดชอบการกระทำดังกล่าวทำให้โรงเรียนนายร้อยเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก ดูหมิ่นเกียรติภูมิของสภาบันมันหมายถึงจิตและวิญญาณของตำรวจ โดยปีนี้โรงเรียนนายร้อยตำรวจก่อตั้งมาเป็นเวลา 114 ปี ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและผลิตตำรวจออกมาให้ดีที่สุด จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมายื่นหนังเปิดผนึกแสดงเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้แสดงจรรยาบรรณของสื่อมวลชน นักเขียนคอลัมนิสต์นี้

ด้านตัวแทนผู้บริหารและทีมกฎหมายได้ออกมารับหนังสือปิดผนึกดังกล่าว พร้อมกล่าวสั้นๆว่า” ยินดีและไม่รู้สึกโกรธ หรือแค้นในสิ่งที่โรงเรียนนักเรียนนาย คนเราสามารถเห็นต่างได้และพวกรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำ”

รายงานข่าวแจ้งว่าฝ่ายกฎหมายและคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ในระหวางพิจารณาว่าจะดำเนินคดีในข้อหาใดบ้างกับคอลัมน์นิสต์นี้

แพทย์มั่นใจรักษานร.หญิง โดนครูปาแก้วหายปากเบี้ยว

จากกรณี น.ส.เอ(นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 ถูกนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก ครูพละ ปาแก้วกาแฟใส่บริเวณกกหูซ้าย ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป ปากเบี้ยว และเข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายน เวลา 14.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา น.ส.นฤดี จอดสันเที๊ยะ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี ที่ถูกครูพละปาแก้วใส่จนบาดเจ็บใบหน้าเสียรูป ปากเบี้ยว พร้อมครอบครัว เดินทางมาที่โรงพยาบาลยันฮี เพื่อเข้ารับการตรวจหาสาเหตุจากการที่กล้ามเนื้อใบหน้าไม่ซีกซ้ายไม่ทำงาน โดยนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน เบื้องต้นแพทย์ตรวจสุขภาพ วัดความดัน ก่อนส่งไปตรวจสแกนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง(MRI) ต่อไป

นพ.สุพจน์ สมัฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า การหาสาเหตุที่ใบหน้าซีกซ้ายไม่ทำงานต้องเริ่มจากการทำเอ็มอาร์ไอ เพื่อตรวจกล้ามเนื้อที่ใบด้านซ้ายเพื่อหาจุดผิดปกติว่ากล้ามเนื้อไปกดทับเส้นประสาทหรือไม่ จากนั้นจะต่อด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG) เป็นการตรวจเส้นประสาทและกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า โดยเราจะให้คนไข้นอนและแทงเข็มจิ้มเข้าไป ส่งคลื่นไฟฟ้าเข้าไปเช็คเส้นประสาทขาดหรือไม่ แต่ในระหว่างการหาสาเหตุจะให้ยาบำรุงเส้นประสาทไว้ก่อน

“กรณีที่กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาท การรักษาเราจะใช้การกายภาพบำบัด กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยการฝังเข็ม หรือใช้ออกซิเจนกระตุ้น หากเป็นกรณีเส้นประสาทขาด ก็ผ่าตัดเชื่อมต่อเส้นประสาท แต่ที่แพทย์กังวลคือถ้าเส้นประสาทขาดมาระยะเวลาเป็นเดือนแล้ว การจะเชื่อมต่อกันมีโอกาส 50/50 ดังนั้น ถ้าต่อเส้นประสาทไม่ได้ก็จะใช้วิธีย้ายเส้นประสาทไปเชื่อมกับเส้นประสาทคู่ที่5 ทำหน้าที่ควบคุมคิ้วและหน้าผาก ถ้าเชื่อมกันแล้ว คนไข้จะยักคิ้วไม่ได้ อย่างไรก็ดี ต้องรอหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน ถ้ารู้ต้นตอก็เริ่มรักษาต่อเลย ไม่ต้องกังวล ยืนยันจะทำให้ใบหน้าของน้องทรายกลับมาเป็นเหมือนเดิม” นพ.สุพจน์ กล่าว

น.ส.นฤดี จอดสันเที๊ยะ กล่าวว่า กรณีที่มีเพื่อนในห้องเดียวกับตนโพสต์เฟซบุ๊กว่าพูดความจริงไม่หมดนั้น ยังยืนยันคำเดิมว่าทุกสิ่งที่เคยพูดไปเป็นเรื่องจริง และเมื่อวันมี่ 15 กันยายน ตนได้เข้าพบกับอัยการเพื่อสอบปากคำ โดยมีเพื่อนในห้อง 2 คนจะมาเป็นพยานให้ เจ้าหน้าที่โทรไปที่โรงเรียนเพื่อขอให้ทั้ง 2 คนมาเป็นพยาน ปรากฏว่าโรงเรียนไม่อนุญาตให้เพื่อนตนมาเป็นพยาน เป็นเรื่องที่นรู้สึกแปลกใจ

ด้าน น.ส.ปรียาพร จันทร์หอม อาของน.ส.เอ กล่าวว่า พอทราบข่าวผลสอบของครูพละที่ออกมาเป็นผิดวินัยไม่ร้ายแรง ทางครอบครัวรู้สึกเสียใจและผิดหวัง ต้องรอให้หลานพิการหรือเสียชีวิตอย่างนั้นหรือ ถึงเรียกว่าผิดวินัยร้ายแรง

ขณะที่นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า ทราบว่าในช่วงนี้น้องเอจะมีการสอบปลายภาคของที่โรงเรียน ตนเลยประสานกระทรวงศึกษาธิการขอให้น้องรักษาตัวให้หายก่อนแล้วค่อยมาสอบที่หลัง ส่วนที่เจ้าตัวร้องขอย้ายโรงเรียน ก็รอทางครอบครัวแจ้งมาตนก็พร้อมประสานให้ได้