ข่าว
ปอดของโลก! เพลิงโหมป่าอเมซอนครั้งใหญ่-ควันไฟเห็นได้จากนอกโลก

22 ส.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ป่าอเมซอนในประเทศบราซิล ซึ่งเป็นป่าดิบชื้นและป่าฝนเขตร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเจอกับไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล เปิดเผยข้อมูลสำรวจจากดาวเทียมล่าสุดพบว่า เกิดไฟไหม้ป่ามากกว่า 72,000 จุด ช่วงระหว่างเดือน ม.ค. - ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 83 นับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติเมื่อปี พศ. 2556

จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ยังพบว่าระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 15 - 21 สิงหาคมที่ผ่านมา พื้นที่ป่าดังกล่าวเกิดไฟไหม้ป่าไปแล้วมากกว่า 9,500 ครั้ง

รายงานข่าวท้องถิ่นระบุว่า นอกจากเมืองเซาเปาโลแล้ว บางส่วนของรัฐมาตูโกรสซู และปารานาก็ถูกปกคลุมด้วยควันจากไฟป่าด้วย รวมถึงมีแฮชแท็ก #PrayforAmazonia และพูดถึงเหตุการณ์นี้มากในโซเชียลมีเดียด้วย

นอกจากนี้ ภาพจากดาวเทียมที่ถูกเผยแพร่โดยองค์การนาซาของสหรัฐฯ ยังเผยให้เห็นพื้นที่ป่าในเขตของรัฐโรมาในบราซิล ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันขาวหนาทึบ ไฟยังคงลุกลามกินพื้นที่เป็นวงกว้างติดต่อกันมานานกว่า 16 วันแล้ว และ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้เลยว่าไฟป่าจะดับลงเมื่อใด เบื้องต้นทางการบราซิลได้มีคำสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

ฟังจากปาก'ซัดดัม อีสาน'เล่าเรื่องจริงทำไมข้าวเหนียวแพง แต่ชาวนาไม่ได้อะไรอีกตามเคย

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 นายสุชาติ ศรีสังข์ เจ้าของฉายา“ซัดดัมอีสาน" อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก"สุชาติ ศรีสังข์ ซัดดัมอีสาน" ในประเด็นข้าวเหนียวแพง ชาวนาไม่ได้อะไร แล้วทำไมถึงแพง เพราะอะไร? โดยมีเนื้อหาระบุว่า ผมทำนาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ จนถึงทุกวันนี้ก็ทำ เคยเรียกร้อง ช่วงเป็น สจ.มหาสารคามปี 2533 ภัยแล้งอย่างหนักปีนั้นจนฝนหลวงให้ขึ้นบินสำรวจ กับพี่ สจ. มีฤทธิ์ บรบือ

ช่วงเป็น สส.เป็นคนนำรวงข้าวที่เกี่ยวแต่ยังไม่นวดเข้าไปในห้องประชุม สภาผู้แทนราษฏร ร่วมลงชื่อแจ้งดำเนินคดีกับ ผอ.คลังสินค้า ร่วมกับ สส.อดิศร เพียงเกษ สุรพร ร้อยเอ็ด หมอภูมินทร์ สีเกษ วิทยา กาฬสินธิ์เข้าชื่อจะไปแจ้งความดำเนินคดีที่กองปราบ

วันไปจริง คุณอดิศร ลบชื่อตัวเองออก นอกนั้นไม่มา มีสส.วิทยา ภูมิเหล่าแจ้งมาคนเดียว คนขับรถคือคนของ สส.ศักดา คงเพชร ร้อยเอ็ด ถึงกลางทาง วิทยาลงจากรถ เหลือผมคนเดียวไปแจ้งที่กองปราบท่ามกลาง กองทัพสื่อฯ นี่คือ สส.อิสาน เอาจริงไหมกับคนเลือกเขามา ปวดใจไม่เคยลืม

ข้าวเหนียวแพงเพราะ

1. ชาวนาอิสานทำข้าวจ้าวไว้ขาย เชื่อมาตลอดข้าวจ้าวราคาแพงกว่าข้าวเหนียว ทำเพียงเก็บไว้ เอาไว้กิน เช่นนี้มาตลอด ปีที่แล้วน้ำท่วมข้าภาคคกลางเสียหายมาก ขณะอิสานต้องตัดต้นข้าวทิ้งให้วัวควายเพราะแล้งมากๆ อิสานกลาง อิสานล่างเป็นหมด

2. ฉะนั้นชาวนาจึงไม่มีข้าวกิน ไม่มีข้าวจะขาย ได้เยียวยาค่าเกี่ยวบ้างก็ใช้อย่างอื่น ฝนแล้งก็โกหกเกือบทั้งภาคว่าไม่แล้งเพราะถ้าบอกแล้งได้ไร่ละ 1,140 บาท ถ้าแจ้งเท็จว่าไม่แล้งจะได้ค่าเกี่ยวไร่ละ 1,500 บาทเลยแจ้งเท็จ เกือบทั้งหมด เชิญพิสูจน์ได้ว่าจริงไม่จริงหรือใครจะเถียง รถเกี่ยวข้าวยิ่งทราบดีเดือดร้อนตามๆกัน

3. วาปีปทุม สารคาม ตำบลหนองไฮบ้านเกิดผม มีโรงสีมากที่สุดในภาคอิสาน ต่างก็อยู่ภาวะลำบากสุดๆ ช่วงที่ผ่านมาเพราะหาซื้อข้าวมาสีไม่ได้(ข้าวอึด) ได้บ้างก็ขายให้คนพื้นที่ เพราะคนซื้อข้าวเหนียวกินเพิ่มขึ้นเกือบ 80% ในพื้นที่ แบบไม่เคยมีมาก่อน เคยไปส่งข้าวสารให้ทั่วประเทศแม้แต่ต่างประเทศ เช่น ลาวก็ไปส่ง แค่จุดนี้จุดเดียว เป็นเช่นนี้ที่จังหวัดอื่นๆก็เหมือนกัน

4. สื่อหลายช่องหลายฉบับเข้าใจว่าดี ชาวนาจะได้ขายแพง แม้แต่รัฐบาลหรือ สส.ที่พูดในสภาแบบไม่เต็มปากเพราะกลัวคนบริโภคเกลียดเพราะต้องซื้อข้าวกินราคาสูง เรื่องระบายข้าวเน่าออกไม่เกี่ยวเลย อย่าแถต่อ

ความจริงชาวนาไม่ได้อะไรเพราะข้าวไม่มีขาย จากท่วม จากแล้ง เข้าใจตรงกันไหมครับ ไม่รู้จริงแก้ปัญหาก็ไม่ตรงเป้า เอาเงินหว่านลงมาเท่าไหร่ก็ลลาย คนจน คนซื้อข้าวกิน ใครที่ไหนจะไปเที่ยว เพื่อได้ส่วนลด15% ยกเว้นพวกจะลงนายกฯองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะโดยสารโครงการนี้เพื่อหาเสียง อย่ามโน ของจริงคือของจริง


'เชาว์'กระตุกรัฐ! อย่าแจกเงินเพลิน ดู'ไข่ไก่'ด้วยหลังราคาหน้าฟาร์มพุ่ง3.10บาท/ฟอง

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 นายเชาว์ มีขวด ทนายอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "Chao Meekhuad" เรื่อง "ไข่ไก่" แพง ปัญหาปากท้องที่รัฐบาลควรดูแล โดยมีเนื้อหาระบุว่า ในยามนี้ทุกคนบ่นกันแต่เรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ย่ำแย่ลงทุกวัน แม้รัฐบาลเพิ่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 316,813 ล้านบาท อัดฉีดเข้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 20,000 ล้านบาท แต่ก็เป็นวิธีการเดิม ๆ ที่ทำมาแล้วหลายครั้ง อาจได้ผลในการเพิ่มอัตราการเติบโตของจีดีพี แต่ในแง่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไม่ได้เติบโตตามตัวเลขของจีดีพีแต่อย่างใด

สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งทำจึงไม่ใช่แค่การแจกเงิน แต่เป็นการลดค่าครองชีพ ทำให้เงินในกระเป๋าของประชาชนแม้จะมีเท่าเดิมแต่สามารถนำมาใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น วันนี้สินค้าที่รัฐบาลควรเข้าไปดูแลอย่างเร่งด่วนคือ "ไข่ไก่" อาหารยามยากของคนจน หลังจากที่ผมทำโครงการ "ไข่ไก่ครัวเรือนละ 30 ฟองเพื่อปากท้องชาวชุมชน" ซึ่งเริ่มทยอยแจกตามชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ห้วยขวางไปแล้ว ก็พบความจริงว่า ราคาไข่ไก่ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยราคาไข่คละหน้าฟาร์ม ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 3 บาท/ฟอง(90 บาท/แผง) ตามประกาศสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออก แต่ในขณะนี้ราคาเพิ่มเป็น 3.10 บาท เท่ากับ 93 บาทต่อแผง ซึ่งในส่วนของผู้บริโภคที่ซื้อตามตลาด ร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินคา ต้องจ่ายเงินมากขึ้นไปตามลำดับด้วย

จากการศึกษาพบว่าปริมาณผลผลิตไข่ไก่ ต่อวันอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านฟอง/ วัน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอดีและเพียงพอกับการบริโภคภายในประเทศ ประกอบกับการเข้มงวดของกรมปศุสัตว์ที่ให้มีการปลดแม่ไก่ยืนกรงที่ 78 สัปดาห์ เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด ปรับสมดุลไข่ไก่ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาไข่ไก่ขยับขึ้นตามลำดับจนไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 3.10 บาทในปัจจุบัน ดังนั้นภาครัฐจึงควรกลับมาทบทวนมาตรการที่ใช้อยู่ขณะนี้ว่าการเข้มงวดปลดแม่ไก่ยืนกรง ควรคำนึงถึงผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยด้วย ว่าจะมีแม่ไก่ไข่เพียงพอต่อการให้ผู้เลี้ยงรายย่อย ได้มีเลี้ยงหรือไม่ด้วย ควรมีการขยายเวลาการปลดแม่ไก่ยืนกรงซึ่งปกติจะปลดกันที่ 90 สัปดาห์ โดยพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตในประเทศให้มากขึ้น ไม่ให้ราคาไข่ไก่สูงจนเกินไป นอกจากนี้ทราบมาว่ายังมีแผนที่จะส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศในช่วงเทศกาลกินเจอีกประมาณวันละ 1 ล้านฟอง จากเดิมที่มีการส่งออกเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว นั่นหมายถึงว่า ปริมาณไข่ไก่จะมีจำนวนลดน้อยลง ส่งผลให้ราคาไข่ไก่มีราคาสูงขึ้นไปอีก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นการซ้ำเติมผู้บริโภคที่ต้องควักเงินเพิ่ม ในขณะที่กำลังซื้อถดถอยลงทุกวัน

รัฐบาลจึงควรหันมาให้ความสำคัญกับการลดค่าครองชีพประชาชน เริ่มจากการเข้าไปดูแลราคาไข่ไก่ไม่ให้สูงจนเกินไป ด้วยการทบทวนมาตรการที่ใช้ให้เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ ให้ไข่ไก่อยู่ในราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ ประชาชนอยู่รอด ไม่ใช่เดินหน้าตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยไม่ดูความเป็นจริงว่าราคาไข่ไก่ที่แพงเกินไปจะกระทบกับประชาชนทั้งประเทศ


สื่อสหรัฐฯตีข่าวยธ.ไทยผลักดัน‘ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต’ รับรองสิทธิคู่รักเพศเดียวกัน

23 สิงหาคม 2562 สำนักข่าว Voice of America(VOA) สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว “Thailand's New Government Revives Proposal for Same-Sex Unions” กล่าวถึงการที่รัฐบาลชุดใหม่ของไทย กำลังผลักดันร่างกฎหมายรับรองการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกัน ที่เรียกว่า “ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต” ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือน ธ.ค. 2561 รัฐบาลทหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับรองหลักการไว้ แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้หมดวาระลงเสียก่อนเนื่องจากมีการจัดการเลือกตั้งในเดือน มี.ค. 2562

สมศักดิ์ เทพสุทิน (Somsak Thepsutin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ของไทย กล่าวว่า ชะตากรรมของร่างกฎหมายฉบับนี้อยู่ที่ความรู้สึกของสาธารณชน ซึ่งในเดือน ก.พ. 2562 มีการสำรวจโดย YouGov กลุ่มตัวอย่างประมาณ 1,000 คน ร้อยละ 63 ระบุว่าเห็นด้วยหากจะมีกฎหมายดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 11 ที่ระบุว่าไม่เห็นด้วย ส่วนที่เหลือไม่แน่ใจหรือไม่มีความเห็น

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค. 2562 มี ส.ส. ที่เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) เข้าไปในสภาถึง 4 คน โดยทั้งหมดมาจากกลุ่มการเมืองหัวก้าวหน้าอย่าง พรรคอนาคตใหม่ (Future Forward Party) อาทิ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ (Tunyawaj Kamolwongwat) กล่าวว่า ในอดีตหลายคนเชื่อว่ามนุษย์มีแค่ 2 เพศคือชายกับหญิงเท่านั้น แต่ปัจจุบันสื่อมวลชนไม่ว่าสื่อหลักหรือสื่อออนไลน์ต่างพูดถึงประเด็นความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ดังนั้นตนเชื่อว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

ธัญวัจน์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนฝูงที่เป็นคนรักเพศเดียวกันนั้นเล่าว่าเคยถูกพ่อแม่และนักบำบัด “หาทางทำให้กลับเป็นปกติ (หมายถึงกลับเป็นคนรักต่างเพศ)” แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับ เพราะการเป็นคนรักเพศเดียวกันไม่ถือเป็นอาการเจ็บป่วยอีกต่อไป อย่างไรก็ตามภายใต้นิยาม “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม (The Land of Smiles)” ที่ประเทศไทยถูกเรียนขานนั้น ก็มีบางอย่างซ่อนอยู่ลึกลงไป

พงษ์พร ชาญเลิน (Pongphorn Chanlearn) ชายหนุ่มที่ยอมรับว่าตนเองเป็นชายรักชาย (Gay) กล่าวว่า หลายคนมองเห็นประเทศไทยเป็นสวรรค์สำหรับคนรักเพศเดียวกัน แต่สำหรับตนนั้นยังเป็นคำถาม เพราะเห็นว่าในสังคมไทยยังมีการเลือกปฏิบัติต่อคนรักเพศเดียวกัน เพียงแต่ไม่ค่อยปรากฏอย่างกว้างขวางในทางสาธารณะ ซึ่งทั้ง พงษ์พร และ ธัญวัจน์ ยกตัวอย่างเรื่องการหางานทำและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

แม้ร่างกฎหมายที่รัฐบาลชุดใหม่เสนอขึ้นมาจะรับรองสิทธิการจัดการทรัพย์สิน หนี้สิน การรับมรดก รวมถึงการรับเป็นผู้คุ้มครองกรณีอีกฝ่ายเป็นผู้ไร้ความสามารถ แต่ธัญวัจน์และอีกหลายคน มองว่ายังไม่ใช่การรับรองสิทธิการแต่งงานอย่างสมบูรณ์ รวมถึงการรับบุตรบุญธรรม พงษ์พร ระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับปัจจุบันดูจะเป็นการควบคุมเสียมากกว่าเปิดเสรีในการแต่งงาน โดยแยกคนรักเพศเดียวกันออกจากกระแสหลักและไม่สนับสนุนอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งที่ต้องการที่การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเปลี่ยนนิยามการแต่งงานจากชายกับหญิงเป็นบุคคล

แต่อีกด้านหนึ่ง ระพีพันธ์ จอมมะเริง (Rapeepun Jommaroeng) ที่ปรึกษาสมาคมฟ้าสีรุ้ง (Rainbow Sky Association of Thailand) มองว่า ร่างกฎหมายคู่ชีวิต (Life Partnership Bill) ในหลายประเทศคือก้าวแรกของการเดินไปสู่การแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการแต่งงานในที่สุด ซึ่งเราสามารถศึกษาทั้งข้อจำกัดและโอกาส เช่น วันหนึ่งหากคนรักเพศเดียวกันมีลูกอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นมันจึงให้โอกาสในการที่เราจะได้เดินไปข้างหน้า ทั้งนี้ ระพีพันธ์ กล่าวอีกว่า ร่างกฎหมายคู่ชีวิตได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสต์และอิสลาม แต่คัดค้านกรณีการแต่งงาน

เช่นเดียวกับ นรีลักษณ์ แพชัยภูมิ (Nareeluc Pairchayapoom) ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะหัวหอกหลักผู้ผลักดันร่างกฎหมายคู่ชีวิต ที่กล่าวว่า การค่อยๆ เคลื่อนที่ไปนั้นจะลดเสียงคัดค้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม เราต้องการเวลาในการทำให้ผู้คนตระหนักถึงสิทธิของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ เพราะต้องยอมรับความจริงด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต น่าจะได้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในช่วงปลายปี 2562

ผู้นำบราซิลเฉ่งเอ็นจีโอเผาป่าแอมะซอน

บราซิเลีย/เซาเปาโล (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโรของบราซิลกล่าวหาองค์กรนอกภาครัฐ หรือเอ็นจีโอจุดไฟเผาป่าแอมะซอน หลังจากในปีนี้บราซิลเกิดไฟป่าแล้วกว่า 72,000 ครั้งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 84

ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ซึ่งพยายามหลบเลี่ยงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของนานาชาติเรื่องความล้มเหลวในการปกป้องผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวหาเอ็นจีโอว่าเป็นฝ่ายเผาป่าแอมะซอน โดยระบุว่า เอ็นจีโอที่ขาดเงินอุดหนุนเหล่านั้นต้องการสร้างความอับอายให้รัฐบาลของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกรุกไล่ว่ามีหลักฐานหรือพอจะยกชื่อหน่วยงานเอ็นจีโอที่เขาอ้างว่าเป็นผู้เผาป่าได้หรือไม่ ผู้นำบราซิลกลับบอกว่า เขาเพียงแค่รู้สึกว่าเท่านั้น ไม่มีหลักฐานใดๆ

ปีนี้บราซิลเกิดไฟป่าแล้วกว่า 74,000 ครั้ง มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 84 สูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ ซึ่งจากการสำรวจของสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติก็พบว่า กว่าครึ่งของไฟป่าที่เกิดขึ้นเกิดในป่าแอมะซอน ควันจากไฟป่าที่ลอยมาบวกกับสภาพอากาศที่กำลังหนาวเย็นทำให้ ท้องฟ้าเหนือนครเซาเปาโลดูมืดลงราวกับเป็นช่วงโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ทั้งๆ ที่ยังเป็นเวลากลางวัน อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโบลโซนาโร ไม่เชื่อข้อมูลดังกล่าวพร้อมสั่งปลดผู้อำนวยการสถาบันออกจากตำแหน่ง

ป่าดิบแอมะซอนถูกขนานนามว่าเป็นปอดของโลก เพราะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าถูกทำลายลงมาก เพราะเกิดไฟป่าต่อเนื่องรวมถึงการตัดไม้ทำลายป่า เป็นปัญหาเรื้อรังจนทำให้นอรเวย์และเยอรมนียุติการบริจาคเงินให้กองทุนแอมะซอน ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนการดำเนินงานของเอ็นจีโอและหน่วยงานรัฐบาลบราซิลในการรักษาป่า ขณะเดียวกันก็มีกระแสเรียกร้องจากยุโรปให้ยกเลิกข้อตกลงการค้ากับบราซิลและประเทศแถบอเมริกาใต้ที่มีปัญหาการทำลายป่า ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่รัฐบาลบราซิลพยายามแก้ แต่ยิ่งแย่ลงนับตั้งแต่นายโบลโซนาโร ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี นโยบายสิ่งแวดล้อมของเขาจุดกระแสวิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า