ข่าว
โดนอีกแล้ว! รวบ'เบนซ์ เรซซิ่ง'ก๊วนเด็กแว้น คาถนนวิภาวดีฯฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันที่ 25 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี ได้จับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 7 คัน ซึ่งขับตามกันมาบริเวณโรงแรมรามาการ์เด้น ในช่องทางด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต โดยหนึ่งในนั้น มีนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง รวมอยู่ด้วย เบื้องต้นแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จึงได้ควบคุมตัว ไว้ที่ สน. ทุ่งสองห้อง

อย่างไรก็ตามนายอัครกิตติ์ หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ยังให้การปฏิเสธ

ทั้งนี้ ตำรวจได้ยึดรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นฟอร์ซ่า สีเทา ทะเบียน 8 กษ 985 กทม.ติดสติ๊กเกอร์ว่า “เบนซ์ เรสซิ่ง”,จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็ก สีดำคาดเทา ทะเบียน 9 กบ 2532 กทม.,จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น ทีแม็กซ์ สีขาวทะเบียน อฬบ 777 กทม.,จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น ทีแม็กซ์ สีดำ ทะเบียน 4 กม 51 กทม.,จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็ก สีขาวดำ ทะเบียน 9กต 51 กทม.และจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็ก สีบรอนซ์เทา ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน

‘หมอธีระ’ไม่ทน ถามตรงๆใครชงเปิดประเทศ นำเข้าผู้ป่วยโควิดต่างชาติ

25 มิถุนายน 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการ “เปิดประเทศ” ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศให้กับชาวต่างชาติบางกลุ่ม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศบค.จัดกลุ่ม-เปิดขั้นตอนไฟเขียวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ) มีเนื้อหาดังนี้

วันนี้ยอดทั่วโลกทะลุ 9.5 ล้านคนไปแล้ว

วันเดียวติดเชื้อเพิ่มสูงไปถึง 172,768 คน

อเมริกาติดเพิ่ม 36,210 คน รวม 2,457,726 คน

บราซิลติดเพิ่ม 42,725 คน รวม 1,188,631 คน

รัสเซียติดเพิ่ม 7,176 คน รวม 606,881 คน

อินเดียติดเพิ่ม 16,923 คน รวม 472,985 คน

ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็กำลังเจอระบาดซ้ำ

การชงมาตรการหาเงินเข้าประเทศด้วยการเอาผู้ป่วยต่างชาติเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Medical or Wellness Tourism นั้น...

ถามตรงๆ นะครับ "ใจคอทำด้วยอะไร?"

ด้วยสถานการณ์ที่เห็นทั่วโลกเช่นนี้ "คนหรือกลุ่มคนที่เป็นต้นตอเสนอมาตรการ" ที่อาจนำความเสี่ยงมาสู่คนไทยทั้งประเทศนั้น "หากแน่จริง และกล้าที่จะรับผิดชอบกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับคนทั้งประเทศในอนาคต" ขอให้แสดงตัวออกมาให้สาธารณะได้ทราบครับ


เตรียมฉีดวัคซีนโควิดเข็ม3ในลิงส.ค. ข่าวดีไม่มีอาการแพ้มั่นใจทดสอบในคน

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยความคืบหน้าการทดลอง ทดสอบวัคซีนโควิด-19 โดยใช้สารพันธุกรรมของเชื้อ “ชนิด mRNA” ในลิงว่า หลังจากได้ทดลองวัคซีนโควิด-19 ในลิง เข็มที่หนึ่ง พัฒนาโดยทีมนักวิจัยไทยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พบว่าลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีผลข้างเคียง และพบว่าลิงที่ได้รับวัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับที่น่าพอใจ จึงได้ฉีดกระตุ้นเป็นเข็มที่สอง เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.63 หากเป็นไปตามที่คาดไว้จะทำการทดสอบในมนุษย์ได้ประมาณเดือน ต.ค. - พ.ย.ตามแผน

รมว.อว.กล่าวว่า ตนได้มอบให้ นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับ นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ นำคณะผู้เชี่ยวชาญและสื่อมวลชน ไปติดตามความคืบหน้าของและตรวจสอบรายละเอียดของการทดสอบ เพื่อให้คำแนะนำและเตรียมรายละเอียดการดำเนินงานในขั้นต่อไป

ด้านนพ. สิริฤกษ์ กล่าวว่า หลังฉีดเข็มที่สองแล้วคาดว่าระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นในอีก 2 สัปดาห์นับจากนี้ และจะฉีดเข็มที่สามต่อไปในเดือน ส.ค. ขณะนี้การวิจัยและพัฒนาเป็นไปตามแผนงาน ซึ่งเมื่อประเมินผลการทดสอบในลิงทั้งด้านผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและด้านความปลอดภัยเสร็จแล้วก็จะเข้าสู่การทดสอบในมนุษย์ต่อไป โดย วช. ได้ตกลงให้ทุนวิจัยเพิ่มเติมอีกเพื่อให้จุฬาฯสามารถเริ่มสั่งผลิตวัคซีนชนิดนี้ให้พร้อมสำหรับทำการทดสอบในมนุษย์

“นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.ศูนย์วิจัยวัคซีน และ นางสุจินดา มาลัยวิจิตรนนท์ ผอ.ศูนย์วิจัยไพรเมทฯ จุฬาฯ แจ้งผลการวิจัยโดยละเอียดว่า หลังจากฉีดวัคซีนแล้วลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง เป็นปกติ ไม่มีไข้หรือการแพ้วัคซีน สภาพและอาการของระบบสมองและประสาท ระบบหัวใจ ระบบทางเดินหายใจ การกินอาหาร ตลอดจนด้านพฤติกรรมเป็นปกติ แสดงถึงความปลอดภัย ซึ่งเป็นกำลังใจว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีนสู่การใช้ในมนุษย์ และแสดงศักยภาพการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในประเทศไทยต่อไป” นพ.สิริฤกษ์ กล่าว


สาหัส! 'อินเดีย'ติดเชื้อโควิด-19เพิ่มวันเดียวสูงกว่า 1.7 หมื่นราย

25 มิ.ย.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อินเดียกำลังเผชิญวิกฤติจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าวิตก เมื่อกระทรวงสาธารณสุขอินเดียแถลงยืนยันในวันพฤหัสฯนี้ (25 มิ.ย.) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุด จำนวนมากถึงเกือบ 17,000 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่งทะยานขึ้นไปอยู่ที่กว่า 470,000 รายแล้ว ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มเป็น 14,984 ศพแล้ว

โดยกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียซึ่งมีจำนวนประชากรสูงกว่า 20 ล้านคน นับเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยในวันนี้มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่กว่า 3,900 รายภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลท้องถิ่นของกรุงนิวเดลีระบุว่ามีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ราว 13,400 เตียง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวถูกใช้งานราว 6,200 ในขณะนี้


เตือนปลายมิ.ย.-กลางก.ค.‘ฝน’น้อย น้ำต้นทุนเขื่อนเหลือ16% เตรียมรับมือ‘แล้ง’

25 มิถุนายน 2563 นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2563 ปริมาณฝนลดลง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 5-10 ช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม 2563 ทุกภาคยังคงมีฝนน้อย ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำน้อยตามไปด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันปริมาณน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้อย มีปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่าร้อยละ30 จำนวน 34 แห่ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ส่วนด้านการเกษตรยังต้องใช้น้ำฝนเป็นหลัก จึงขอเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ กำหนดมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำในช่วงดังกล่าวและวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยรวมปริมาตรน้ำทั้งประเทศ 34,213 ล้านลบ.ม.หรือ ร้อยละ42 ในแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ 30,871 ล้านลบ.ม.หรือร้อยละ43 เป็นปริมาตรน้ำใช้การได้ 7,389 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 16 น้อยกว่าปี 2562 จำนวน 5,320 ล้าน ลบ.ม. สำหรับ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา คือเขื่อนภูมิพล เหลือน้ำใช้การได้จริง ร้อยละ2 เขื่อนสิริกิติ์ ร้อยละ8 เขื่อนแควน้อย ร้อยละ16 เขื่อนป่าสักฯ ร้อยละ11 รวมน้ำใช้การ965 ล้านลบ.ม.หรือร้อยละ 5

ส่วนคุณภาพน้ำค่าความเค็ม แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี 0.23 กรัมต่อลิตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำท่าจีน บริเวณสถานีปากคลองจินดา จ.นครปฐม 0.33 กรัมต่อลิตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ และแม่น้ำแม่กลอง อยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนแม่น้ำบางปะกง บริเวณสถานีบางกระเจ็ด จ.ฉะเชิงเทรา 3.42 กรัมต่อลิตร อยู่ในเกณฑ์วิกฤติ

ด้านสำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ได้แจ้งเตือนเขื่อนที่มีน้ำใช้การได้ มีน้ำน้อยวิกฤติ เช่น เขื่อนอุบลรัตน์ -11% เขื่อนภูมิพล 2% เขื่อนคลองสียัด 3% เขื่อนประแสร์ 4%เขื่อนกระเสียว 4% เขื่อนบางพระ 4% เขื่อนจุฬาภรณ์ 5% เขื่อนสิริกิติ์ 5% เขื่อนสิรินธร8% เขื่อนทับเสลา 9% เขื่อนศรีนครินทร์ 10% เขื่อนวชิราลงกรณ 10% เขื่อนป่าสักฯ 11% เขื่อนลำแซะ 11% เขื่อนลำพระเพลิง 12% เขื่อนมูลบน 12% เขื่อนลำนางรอง12% เขื่อนแม่งัด 13% เขื่อนขุนด่านปราการชล 13% เขื่อนห้วยหลวง 14% เขื่อนแควน้อย16% เขื่อนน้ำพุง 17% เขื่อนนฤบดินทรจินดา 18% เขื่อนแก่งกระจาน 19% เขื่อนแม่กวง 19%


‘กรวัชร์’ฟิต!ลุยพบ‘มึนอ’ ยันไม่ทิ้ง‘คดีบิลลี่’ เตรียมพิจารณาความเห็นแย้งอัยการ

25 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 เป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 2547 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 โดยเป็นคดีพิเศษที่ 13/2562 ทางคดีมีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้นความเห็นแย้งนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 มิถุนายน 2563 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อให้กำลังใจนางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” ภรรยาของนายพอละจี ที่บ้านพักในตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

พ.ต.ท.กรวัชร์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาพบ “มึนอ” เพราะต้องการมาแจ้งความคืบหน้าของคดีให้ทราบว่าเมื่อตนเองกลับมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะกลับไปติดตามคดีนายบิลลี่หายอีกครั้ง โดยจะย้อนไปดูเรื่องรายละเอียดที่อัยการมีความเห็นแย้ง เพื่อพิจารณาว่าจะแย้งความเห็นพนักงานอัยการหรือไม่ นอกจากนี้ “มึนอ” เป็นพยานที่อยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ จึงเข้ามาเยี่ยมเยียน เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อมั่นในการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนกรณีตัวของผู้เสียหายคือ “มึนอ” และญาติอาจดำเนินการฟ้องเองตามกฎหมายเป็นสิทธิ์ส่วนตัว ตนไม่สามารถจะชี้นำได้

“สิ่งที่ DSI ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการ ถือว่าการดำเนินการสอบสวนของ DSI สิ้นสุดลง เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องบางข้อหา DSI สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ 2 ช่องทาง คือ แย้งความเห็นของพนักงานอัยการ และเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาตัดสิน หรือไม่แย้งความเห็นพนักงานอัยการซึ่งหากไม่แย้งความเห็น ก็จะเหลือเพียงข้อหาเดียวที่อัยการสั่งฟ้อง คือ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หรือ 157 เท่านั้น ทั้งนี้การพิจารณาแย้งหรือไม่แย้งนั้นขณะนี้ผมเพิ่งมารับตำแหน่ง ขอเวลาตรวจสอบ ดูรายละเอียดทั้งหมด เพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย” พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าว

ด้าน นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” กล่าวว่า เดิมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะให้ความเป็นธรรมกับตนเองและครอบครัว แต่เมื่อถูกตัดสินออกมาเช่นนี้ ก็รู้สึกเสียใจ เริ่มไม่เชื่อมั่นและเริ่มรู้สึกว่าความยุติธรรมไม่มีจริง แต่ลึกๆ ก็ยังหวังว่าความยุติธรรมจะมีจริง และจะมอบความเป็นธรรมให้ตนและครอบครัว

ไปต่อไม่ไหว! 'โอลิมปัส'ปิดตำนาน 84 ปี ประกาศขายกิจการกล้องถ่ายภาพ

25 มิ.ย.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทโอลิมปัสทำธุรกิจกล้องถ่ายภาพ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 โดยเริ่มจากการใช้เลนส์ “สึอิโกะ” และในช่วงหลังโอลิมปัสและหลายบริษัทคู่แข่งในอุตสาหกรรม ต้องดิ้นรนอย่างหนัก เมื่อความต้องการกล้องแบบดั้งเดิมลดลงเรื่อยๆ ขณะที่ผู้บริโภคหันไปใช้กล้องถ่ายภาพ จากสมาร์ทโฟนมากขึ้น

ทางด้านโอลิมปัสกล่าวว่า ธุรกิจกล้องดิจิตอลนั้นได้รับผลกระทบมากกว่าธุรกิจในภาคส่วนอื่นๆ ของบริษัท ยอดขายกล้องดิจิตอลลดลงอย่างต่อเนื่อง อันสืบเนื่องมาจากการพัฒนาที่ก้าวกระโดของสมาร์ทโฟน ซึ่งแม้ว่าภายหลังบริษัทจะพัฒนาเลนส์ระดับไฮเอนด์จนมียอดขายที่น่าพอใจแต่ก็ไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

ตามรายงานระบุว่า โอลิมปัส กำลังมุ่งเน้นการพัฒนาไปที่ในส่วนของสินค้าจำพวกอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทและมีสัดส่วนทางการตลาดมากถึง 70% ขณะที่ธุรกิจด้านกล้องถ่ายภาพนั้นต้องประสบกับการขาดทุนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2017-2019 ซึ่งการขายธุรกิจในส่วนนี้ไปจะทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น