13 มิ.ย. 2568 รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า ชายชาวสหรัฐฯ ปลอมตัวเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนานถึง 6 ปี ขึ้นเครื่องฟรีกว่า 120 ไฟลต์ ล่าสุดถูกตัดสินลงโทษแล้ว
นาย ไทรอน อเล็กซานเดอร์ (Tiron Alexander) หนุ่มอเมริกัน วัย 35 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิด หลังแอบอ้างเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินโดยมิชอบ และใช้วิธีดังกล่าวในการขึ้นเครื่องบินฟรีมากกว่า 120 เที่ยวบิน ตลอดระยะเวลาระหว่างปี พ.ศ. 2561 – 2567
ตามรายงานจากสำนักงานอัยการรัฐฟลอริดา “ชายรายนี้ได้เดินทางโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายกับสายการบินหลักหลายแห่งในสหรัฐฯ โดยเขาอ้างว่า ตนเป็นพนักงานของสายการบิน และใช้ช่องทางภายในที่สงวนไว้สำหรับลูกเรือในการจองเที่ยวบินเหล่านั้นมาโดยตลอด”
มีการเปิดเผยว่า ไทรอน สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่สงวนไว้สำหรับลูกเรือของสายการบิน ซึ่งมีไว้สำหรับการจอง “เที่ยวบินฟรี” ในลักษณะของสวัสดิการพนักงาน
สำหรับสิทธิการเดินทางโดยไม่เสียค่าโดยสารนี้ (เรียกว่า non-revenue travel) เป็นสิทธิประโยชน์ที่มีมายาวนานในอุตสาหกรรมการบินสำหรับพนักงาน เช่น “พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน” และ “นักบิน”
อย่างไรก็ตาม คำฟ้องระบุว่า “แม้ ไทรอน อเล็กซานเดอร์ จะเคยทำงานกับสายการบินแห่งหนึ่ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2015 (พ.ศ. 2558) แต่เขาไม่เคยมีสถานะเป็น ‘พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน’ หรือ ‘เป็นนักบิน’ แต่อย่างใด”
ล่าสุด เขากำลังถูกตั้งข้อหา “ฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร” (wire fraud) และ “บุกรุกเขตปลอดภัยของสนามบิน” โดยอาศัยข้อมูลเท็จ
ในเอกสารของศาล ยังได้ระบุอีกว่า “ชื่อสายการบินหลายแห่งที่ตกเป็นเหยื่อของแผนการนี้ ได้แก่ American Airlines, Spirit Airlines, United Airlines, Delta Air Lines และ Southwest Airlines”
โดยสายการบินแห่งหนึ่ง มีการเปิดเผยว่า “เขาสามารถขึ้นเครื่องได้ถึง 34 ไฟลต์ ด้วยการปลอมตัวเป็นสจ๊วต โดยใช้หมายเลขบัตรพนักงาน และวันที่เริ่มงานปลอมกว่า 30 ชุด เพื่อหลอกจองเที่ยวบินฟรีเหล่านั้น”
สำหรับความผิดฐาน ฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud) มีโทษสูงสุดคือ “จำคุกไม่เกิน 20 ปี” ขณะที่ความผิดฐานบุกรุกพื้นที่ควบคุมของสนามบินโดยอาศัยข้อมูลเท็จมีโทษ “จำคุกสูงสุด 10 ปี”
จากทั้งสองข้อหานี้ ยังสามารถมีโทษเพิ่มเติมอีกคือ “การถูกควบคุมความประพฤติภายใต้การดูแล (supervised release) นานสูงสุด 3 ปี” รวมไปถึง “ค่าปรับสูงสุด 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว ๆ 8 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม แม้ ไทรอน อเล็กซานเดอร์ จะไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายทางกายภาพต่อผู้โดยสาร หรือเที่ยวบินใด ๆ แต่การกระทำของเขาก็ถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางการบินอย่างร้ายแรง และสะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ในการใช้สิทธิประโยชน์ของบุคลากรสายการบิน
โดยขณะนี้ยังไม่มีการประกาศวันตัดสินโทษอย่างเป็นทางการ แต่คดีนี้ได้กลายเป็นกรณีตัวอย่างที่ได้รับความสนใจในวงการการบิน และสาธารณชนในสหรัฐฯ ถึงประเด็นความปลอดภัย และการตรวจสอบบุคลากรในอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูงเช่นนี้...
วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568 : จากเหตุการณ์เครื่องบินแอร์อินเดีย Boeing 787-8 Dreamliner เที่ยวบิน AI171 ซึ่งบินจากอาห์เมดาบัดไปยังสนามบินเกตวิคในกรุงลอนดอน ตกลงหลังจากที่ขึ้นจากพื้นไม่นานในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) เครื่องบินลำดังกล่าวมีผู้โดยสาร 232 คน และลูกเรือ 10 คน ขณะบินได้ความเร็วสูงสุดที่ 174 น็อต (322 กม./ชม.)
- เหตุการณ์เครื่องบินตกเกิดขึ้นระหว่าง เวลา 13.00 - 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีรายงานว่าเครื่องบินได้ลดระดับความสูงลงอย่างรวดเร็วหลังจากทะยานขึ้นจากสนามบิน ผู้โดยสารที่นั่งหมายเลข 11A รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้อย่างปาฏิหาริย์ ขณะที่อีก 241 คนเสียชีวิต ผู้รอดชีวิตรายดังกล่าวถูกพบเห็นว่าเดินออกมาจากจุดเกิดเหตุเครื่องบินตก
พบแล้วกล่องดำที่จุดเกิดเหตุเครื่องบินตกในอินเดีย
เจ้าหน้าที่สืบสวนพบกล่องดำในจุดเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารพุ่งชนพื้นที่อยู่อาศัยในเมืองอัห์มดาบาดของอินเดีย ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งบนเครื่องและบนพื้นดินอย่างน้อย 265 ราย
ทีมสอบสวนกำลังตรวจสอบซากเครื่องบินแอร์อินเดียที่ตกในย่านพักอาศัยใกล้กับสนามบินในเมืองอัห์มดาบาด เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน (Photo by Sam PANTHAKY / AFP)
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย (ยืน) เข้าเยี่ยมวิชวาช กุมาร์ ราเมช ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ที่โรงพยาบาลในเมืองอัห์มดาบาด เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน (Photo by NARENDRA MODI YOUTUBE CHANNEL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ เที่ยวบินที่ 171 ของแอร์อินเดียซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแกตวิคของลอนดอน ตกในเวลาไม่นานหลังจากเครื่องขึ้นบิน โดยเครื่องบินได้พุ่งชนอาคารซึ่งเป็นที่พักของแพทย์และครอบครัว จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งบนเครื่องและบนพื้นดินอย่างน้อย 265 ราย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สืบสวนพบกล่องดำที่จุดเกิดเหตุในเมืองอัห์มดาบาดแล้วเครื่องบินโบอิ้งลำดังกล่าวได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหลังจากลอยขึ้นจากพื้นเพียง 100 เมตร (330 ฟุต) ก่อนประสบเหตุตกในช่วงเที่ยงของวันพฤหัสบดี
ชายคนหนึ่งบนเครื่องบินซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 242 คน รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกอย่างน่าอัศจรรย์
วิชวาช กุมาร์ ราเมช วัย 40 ปี ผู้รอดชีวิตสัญชาติอังกฤษกล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ DD News ขณะอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลว่า "ตอนแรกผมก็คิดเหมือนกันว่าผมกำลังจะตาย แต่แล้วผมก็ลืมตาขึ้นมาและรู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่"
ตำรวจอินเดียเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้สามารถนับศพได้แล้ว 265 ศพ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีผู้เสียชีวิตบนพื้นดินอย่างน้อย 24 รายในจำนวนดังกล่าวที่รวมกับยอดผู้โดยสารบนเครื่อง
"จะมีการประกาศจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการหลังจากทำการทดสอบดีเอ็นเอเสร็จสิ้น" อามิต ชาห์ รัฐมนตรีมหาดไทยอินเดียกล่าวในแถลงการณ์ โดยจะมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากสมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศของบรรดาผู้เสียชีวิต
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เดินทางลงพื้นที่ประสบภัยเมื่อวันศุกร์ และได้ไปเยี่ยมผู้รอดชีวิตที่โรงพยาบาล
ราเมชซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟไหม้และอีกหลายจุดตามร่างกายกล่าวว่า "ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผม และแม้แต่ผมเองยังไม่เชื่อเลยว่าผมสามารถรอดชีวิตออกมาได้อย่างไร"
"ภายในหนึ่งนาทีหลังจากเครื่องขึ้นบิน ทันใดนั้นผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น จากนั้นไฟสีเขียวและสีขาวของเครื่องบินก็ติดขึ้นอย่างกะทันหัน" เขากล่าว
ราม โมฮัน ไนดู กินจาราปู รัฐมนตรีกระทรวงการบินยืนยันการพบเครื่องบันทึกข้อมูลการบินหรือกล่องดำแล้ว และกล่าวว่ากล่องดำจะช่วยในการสืบสวนสอบสวนได้อย่างมาก
ในเมืองอัห์มดาบาด ญาติและครอบครัวที่สิ้นหวังได้รวมตัวกันที่ศูนย์ฉุกเฉินเพื่อให้ตัวอย่างดีเอ็นเอในการระบุตัวบุคคลของผู้เสียชีวิต
ขณะที่เจ้าหน้าที่การบินของอินเดียได้สั่งให้แอร์อินเดียเร่งดำเนินการซ่อมบำรุงเพิ่มเติมให้กับฝูงบินโบอิ้ง 787-8 และ 9 ดรีมไลเนอร์ ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ GEnx ลำอื่นๆที่มีอยู่
สายการบินแห่งนี้มีเครื่องบินดรีมไลเนอร์ 34 ลำ แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีกี่ลำที่ใช้เครื่องยนต์ GEnx ขั้นสูง
สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางพุ่งถึงขีดสุด หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านทางอากาศ ดับแล้ว 78 ศพ บาดเจ็บกว่า 300 ราย ขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่หากอิหร่านไม่ยอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ การโจมตีครั้งต่อไปจะโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม
วันที่ 13 มิถุนายน 2568 สำนักข่าวฟาร์ส ที่ใกล้ชิดกับกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน รายงานว่า สถานการณ์ระหว่างอิหร่านและอิสราเอลปะทุรุนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่ออิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายในหลายเมืองของอิหร่านเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 70 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 300 ราย
รายงานข่าวระบุว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ ได้แก่ พลเอกโฮเซน ซาลามี ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน และพลเอกโมฮัมหมัด บาเกรี เสนาธิการทหารสูงสุดของอิหร่าน เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชื่อดังสองราย ได้แก่ โมฮัมหมัด เมห์ดี เตหะรานชี และ เฟเรย์ดูน อับบาซี
ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า มีเครื่องบินรบกว่า 200 ลำ เข้าร่วมภารกิจโจมตีเป้าหมายกว่า 100 จุดทั่วอิหร่าน โดยเฉพาะที่เมืองนาทานซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ซึ่งถูกระบุว่าเป็นหัวใจของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันว่า ปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ยังจำเป็นโดยอิหร่านให้คำมั่นว่าจะตอบโต้อย่างสาสม ต่อการโจมตีครั้งนี้ พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ จะต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมา แม้นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะออกมาแถลงว่าสหรัฐฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการโจมตี และเรียกร้องให้อิหร่านอย่าตอบโต้ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่าน Truth Social โซเชียลมีเดียของตนเอง เตือนอิหร่านให้ยอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป โดยเขาเขียนว่า อิหร่านต้องยอมรับข้อตกลง ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่มีอะไรหลงเหลือ แค่ทำซะ ก่อนจะสายไป พร้อมย้ำว่าการโจมตีครั้งถัดไปถูกวางแผนไว้แล้วและมีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม.
โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวว่าอิหร่านได้ยิงโดรนประมาณ 100 ลำไปยังดินแดนของอิสราเอลเพื่อตอบโต้ ซึ่งอิสราเอลกำลังดำเนินการสกัดอยู่ หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านในวงกว้าง ด้านอิหร่านเตือนอิสราเอลและสหรัฐฯ จะต้องได้รับผลกรรม และจะต้องได้รับการโจมตีอย่างรุนแรง
พลจัตวาเอฟฟี เดฟริน โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวว่าอิหร่านได้ยิงโดรนประมาณ 100 ลำไปยังดินแดนของอิสราเอลเพื่อตอบโต้ ซึ่งอิสราเอลกำลังดำเนินการสกัดกั้นอยู่ หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านในวงกว้าง โดยระบุว่าได้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ โรงงานขีปนาวุธพิสัยไกล และผู้บัญชาการทหาร
สื่ออิหร่านและผู้เห็นเหตุการณ์รายงานเหตุระเบิด รวมทั้งที่โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมหลักของประเทศที่เมืองนาตันซ์ ขณะที่อิสราเอลประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนตอบโต้
กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านกล่าวว่า ฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการระดับสูงของหน่วย ถูกสังหาร รวมถึงนายโกแลม-อาลี ราชิด ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางกาตัม อัล-อันบียา ของอิหร่าน และนายโมฮัมหมัด ฮอสเซน บาเกรี เสนาธิการทหารสูงสุดของกองทัพอิหร่านได้เสียชีวิตจากการถูกสังหารในระหว่างที่กองทัพอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิหร่านในช่วงเช้าวันนี้ (13 มิ.ย.)
นอกจากนั้น นายเฟเรย์ดอน อับบาซี-ดาวาดี และนายโมฮัมหมัด เมห์ดี เตห์รานชี สองนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ระดับสูงก็เสียชีวิตด้วย สื่อของรัฐยังรายงานว่าสำนักงานใหญ่ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านในกรุงเตหะรานถูกโจมตี เด็กหลายคนเสียชีวิตจากการโจมตีที่พื้นที่อยู่อาศัย
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวในข้อความวิดีโอที่บันทึกไว้ว่า "เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล" "เมื่อไม่นานนี้ อิสราเอลได้เปิดฉากปฏิบัติการไรซิ่งไลออน ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางทหารแบบกำหนดเป้าหมายเพื่อย้อนกลับการคุกคามของอิหร่านต่อการอยู่รอดของอิสราเอล ปฏิบัติการนี้จะดำเนินต่อไปอีกหลายวันจนกว่าจะกำจัดภัยคุกคามนี้ได้"
พลจัตวาเดฟรินกล่าวว่า เครื่องบินรบอิสราเอล 200 ลำเข้าร่วมในการโจมตีครั้งนี้ โดยโจมตีเป้าหมายมากกว่า 100 แห่งในอิหร่าน
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี กล่าวในแถลงการณ์ว่า อิสราเอลได้ "ใช้มือที่ชั่วร้ายและเลือดเย็นของตนในการก่ออาชญากรรมต่ออิหร่าน" และว่าอิสราเอลจะต้อง "เผชิญชะตากรรมอันขมขื่นสำหรับตัวเอง"
พลจัตวาอับโบลฟาซล์ เชคารี โฆษกกองทัพอิหร่านเตือนว่าเตหะรานจะตอบโต้หลังการโจมตีของอิสราเอล โดยกล่าวว่าทั้งสหรัฐและอิสราเอลจะต้องได้รับผลกรรม แม้ว่าสหรัฐฯ จะยืนกรานว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม "สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะตอบโต้แน่นอน และศัตรูจะต้องได้รับผลของการกระทำ อิสราเอลและสหรัฐฯ จะต้องได้รับผลกรรม และจะต้องได้รับการโจมตีอย่างรุนแรง"
ในวันพุธ ก่อนการโจมตี สหรัฐได้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ที่ไม่จำเป็นจำนวนมากและครอบครัวของพวกเขาออกจากสถานที่ต่างๆ ทั่วตะวันออกกลาง เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกล่าวว่ากองบัญชาการกลางของสหรัฐกำลังเฝ้าติดตามความตึงเครียดที่พัฒนาขึ้นในตะวันออกกลาง
แหล่งข่าว 2 รายที่ทราบเรื่องดังกล่าวเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวรับทราบข้อมูลว่าการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านจะเกิดขึ้นในคืนวันพฤหัสบดี หลังจากการโจมตี นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้ความช่วยเหลือในการโจมตีครั้งนี้.
ที่มา Reuters CNN
สภาเวียดนามฉลุย – วันที่ 13 มิ.ย. สเตรตส์ไทมส์ รายงานว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติเวียดนามอนุมัติแผนรวมจังหวัดและเมืองเข้าด้วยกันเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. และจะทำให้ต้องลดตำแหน่งงานเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเกือบ 80,000 ตำแหน่ง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารครั้งสำคัญนับตั้งแต่การก่อตั้งเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามในปี 2488 โดยสมาชิกสภาลงมติลดฝ่ายบริหารจังหวัดและเมืองจาก 63 แห่งเหลือเพียง 34 แห่ง เพราะรัฐบาลต้องการลดรายจ่ายมหาศาล
ก่อนหน้านี้มีมาตรการปรับลดกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ จาก 30 แห่งเหลือ 22 แห่งเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่ประมาณ 23,000 คน ด้านนายโต เลิม เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม กล่าวว่าจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการบริหารประเทศครั้งใหญ่หากต้องการบรรลุการพัฒนาที่รวดเร็ว มั่นคง และยั่งยืน
ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. สมาชิกสภานิติบัญญัติของเวียดนามลงคะแนนเห็นชอบกับแผนรวมจังหวัดที่ 461 เสียงต่อ 1 เสียง โดยมีผู้งดออกเสียง 3 เสียง และมีเพียง 11 จังหวัดหรือเมืองเท่านั้นที่ไม่ถูกเปลี่ยนแปลงจากการปฏิรูปครั้งนี้ ส่วนที่เหลือทั้งหมดถูกรวมเข้าด้วยกัน
นางฝ่าม ถิ ทัญ จ่า รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อสภาว่า “เจ้าหน้าที่ 79,339 คนจะต้องถูกปรับตามกระบวนการ ให้ออกจากงาน หรือเกษียณอายุก่อนกำหนด” นางฝ่ายกล่าว พร้อมเสริมว่าจังหวัดและเมืองทั้งหมดจะประกาศผู้นำฝ่ายบริหารใหม่ในวันที่ 30 มิ.ย. และเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบช่วงต้นเดือนก.ค.
ขณะที่เว็บไซต์ข่าวในเวียดนามระบุว่า 34 เมืองและจังหวัด ประกอบด้วยกรุงฮานอย เมืองเว้ กวางนิญ กาวบาง หล่างซอน ไหลเจา เดียนเบียน ซอนลา ทานห์ฮัว เหงะอาน ห่าติ๋ญ เตวียนกวาง (รวมจังหวัดห่าซางและจังหวัดเตวียนกวาง) หล่าวกาย (รวมจังหวัดหล่าวกายและจังหวัดเอียนบ๊าย) ท้ายเงวียน (รวมจังหวัดท้ายเงวียนและจังหวัดบั๊กคาน)
ฟู้เถาะ (รวมจังหวัดฮหว่าบิ่ญ จังหวัดหวิญฟุก จังหวัดฟู้เถาะ) บั๊กนิญ (รวมจังหวัดบั๊กนิญและจังหวัดบั๊กซาง) ฮึงเอียน (รวมจังหวัดฮึงเอียนและจังหวัดท้ายบิ่ญ) เมืองไฮฟอง (รวมเมืองไฮฟองและจังหวัดหายเซือง) นิญบิ่ญ (รวมจังหวัดห่านาม จังหวัดนามดิ่ญ และจังหวัดนิญบิ่ญ) กว๋างจิ (รวมจังหวัดกว๋างบิ่ญและจังหวัดกว๋างจิ)
เมืองดานัง (รวมจังหวัดกว๋างนามและเมืองดานัง) กวางงาย (รวมจังหวัดกอนตูมและจังหวัดกว๋างหงาย) เจียไหล (รวมจังหวัดเจียไหลและจังหวัดบิ่ญดิ่ญ) คั้ญฮว่า (รวมจังหวัดนิญถ่วนและจังหวัดคั้ญฮว่า) ลัเลิมด่ง (รวมจังหวัดดั๊กนง จังหวัดบิ่ญถ่วน และจังหวัดเลิมด่ง) ดั๊กลัก (รวมจังหวัดฟู้เอียนและจังหวัดดั๊กลัก) โฮจิมินห์ซิตี (รวมจังหวัดบ่าเสีย-หวุงเต่า จังหวัดบิ่นห์เยือง และโฮจิมินห์ซิตี)ด่งนาย (รวมจังหวัดบิ่ญเฟื้อกและจังหวัดด่งนาย) เต็ยนิญ (รวมจังหวัดเต็ยนิญและจังหวัดล็องอาน) เมืองเกิ่นเทอ (รวมจังหวัดซ็อกจัง จังหวัดห่าซาง และเมืองเกิ่นเทอ) หวิญล็อง (รวมจังหวัดเบ๊นแจ จังหวัดจ่าวิญ และจังหวัดหวิญล็อง) ดงทับ (รวมจังหวัดเตี่ยนซางและจังหวัดด่งทับ) ก่าเมา (รวมจังหวัดบักเลียวและจังหวัดก่าเมา) อันซาง (รวมจังหวัดเกียนซางหรือเกียนยางและจังหวัดอันซาง)...
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012