ข่าว
‘ไบเดน’ เป็นเจ้าภาพนาโต หวังแก้ตัวผลงานดีเบตย่ำแย่

วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น/บีบีซี นิวส์)-ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่ก่อตั้งครบ 75 ปี ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพลิกฟื้นภาพลักษณ์ หลังจากการ ดีเบตที่ทำให้เขาถูกกดดันให้ถอนตัวจากการเลือกตั้ง

การประชุมสุดยอดนาโตเป็นภารกิจใหญ่ครั้งแรกหลังจากที่ไบเดนขึ้นโต้วาทีกับโดนัลด์ ทรัมป์ คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งเขาได้แสดงจุดอ่อนหลายอย่าง จนถูกกดดันให้ถอนตัว การทำหน้าที่เจ้าภาพประชุมนาโต ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นเวลาสองวันครั้งนี้ ชาวอเมริกันจึงจับจ้อง รวมถึงผู้นำสมาชิกนาโตที่ต่างจับตาว่า ไบเดนจะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่ายังคงเป็นผู้นำสหรัฐฯ อยู่หรือไม่ เพราะผลเลือกตั้งจะมีผลต่อนาโตอย่างมาก เนื่องจากทรัมป์เป็นผู้ต่อต้านนาโต ถึงขั้นขู่ว่าจะถอนตัวแล้วหันไปชื่นชมประธานาธิบดีวลาดีมีร์ปูติน ของรัสเซีย

ในสุนทรพจน์เปิดการประชุม ไบเดนได้กล่าวสุนทรพจน์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและฉะฉานผิดกับในการดีเบตอย่างชัดเจน มุ่งเน้นเนื้อหาหลักๆ คือ นาโต ที่ก่อตั้งมา 75 ปีมีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากสมาชิกก่อตั้ง 12 ประเทศ ปัจจุบันเพิ่มเป็น 32 ประเทศ ในเวลานี้เป็นช่วงเวลาท้าทายเพราะมีผู้นำอำนาจนิยมที่ต้องการทำลายระเบียบโลก จากนั้นเขายังได้กล่าวถึงยูเครนที่กำลังถูกรุกรานและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือจึงประกาศความช่วยเหลือรอบใหม่ด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศและอาวุธอี่นๆ ไบเดนกล่าวด้วยว่า รัสเซียกำลังล้มเหลวในการทำสงคราม ส่วนยูเครนจะเอาชนะรัสเซียและจะรักษาความเป็นประเทศเสรีได้อย่างแน่นอน

ด้านประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมด้วย กล่าวว่า ทั่วโลกรวมถึงปูตินกำลังเฝ้ารอผลเลือกตั้งของสหรัฐฯอยู่ จึงขอให้ชาวอเมริกันอยู่เคียงข้างยูเครน แต่ก็ยอมรับว่า เขาไม่สามารถบอกได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไร หากเขาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ที่ผ่านมา เซเลนสกีเรียกร้องผู้นำทางการเมืองของสหรัฐฯ ว่า ไม่ต้องรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ก่อนที่จะให้ความช่วยเหลือรัสเซีย พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯ ลดเงื่อนไขข้อกำหนดในการใช้อาวุธของสหรัฐฯ

การประชุมสุดยอดนาโตมีกำหนด 2 วัน ซึ่งรัฐบาลไบเดนหวังที่จะผลักดันความตกลงจำนวนมากเพื่อกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคง หากทำได้ก็จะเป็นผลดีต่อไบเดน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเขาเหมาะสมเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อเอาชนะทรัมป์ได้อีกครั้งในการเลือกตั้งในช่วงเวลาที่บรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตกำลังถกเถียงกันอย่างหนักว่า ไบเดน ควรวางมือแล้วหาตัวแทนพรรคคนใหม่หรือไม่โดยทั้งวุฒิสภาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต ได้จัดประชุมกันเมื่อวันจันทร์ ส่วนใหญ่ยังปิดปากเงียบไม่ให้ความเห็น มีเพียงบางคน ที่แสดงความเห็นอย่างเปิดเผยกับสื่อว่า ไบเดนควรถอนตัวเพราะเสี่ยงที่จะพลาดท่าให้กับทรัมป์ อย่างไรก็ตาม มีอีกฝ่ายที่เน้นย้ำแรงหนุนให้กับไบเดน ด้วยการยกผลงานในตำแหน่งที่ผ่านมา 3 ปีครึ่ง แทนที่จะดูผลงานบนเวทีเพียง 90 นาที

ฝนกระหน่ำเมืองพัทยากว่า 3 ชั่วโมงน้ำท่วมถนน รถประชาชนจมเกือบทั้งคัน

เมื่อวลา 09.00 น.วันที่ 11 ก.ค.67 พื้นที่เมืองพัทยา มีฝนฟ้ากระหน่ำนานกว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลให้ในเมืองพัทยา หลายจุดมีน้ำท่วมขังสูงกว่า 50 เซ็นติเมตร โดยที่บริเวณถนนสุขุมวิท หน้าทางหลวง มีน้ำท่วมขังแต่รถยนต์ยังสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ และอีกพื้นที่เป็นจุดถนนเรียบทางรถไฟซอยเขาตาโล มุ่งหน้าซอยเขาน้อย พบว่ามีปริมาณน้ำท่วมสูงรถ จยย.และรถยนต์ ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้

นอกจากนี้ ยังพบรถยนต์ของประชาชนถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคารถจอดเสียหายอยู่กลางถนน ด้านเจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมาวางกั้นพร้อมทั้งยืนให้สัญญาณเพื่อไม่ให้รถของประชาชนต้องสัญจรผ่านลุยน้ำและขอความร่วมมือในการใช้เส้นทางหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมด้วย

นางปุ้ย (นามสมมติ) อายุ 42 ปี เจ้าของรถเล่าว่า ตนได้ขับรถมาส่งลูกไปโรงเรียน หลังจากส่งลูกเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้านขณะนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนักและตนต้องใช้เส้นทางดังกล่าว เพื่อกลับบ้านแต่กำลังขับผ่านตอนนั้นน้ำยังไม่สูงมาก ตนจึงตัดสินใจขับลุยน้ำหวังผ่านไปให้ได้ แต่ด้วยปริมาณน้ำที่ไหลทะลักมาอย่างรวดเร็วทำให้น้ำท่วมรถของตนจนเครื่องยนต์ดับต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองออกจากรถ ก่อนจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ดังกล่าว โชคดีจากเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้


ไม่รอด! รวบอดีตปลัด อบต.ทุจริตหลายโครงการ พบหมายจับเพียบ

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณพ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา และ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.เอกรัฐ จันทร์มณี สว.กก.1 บก.ป.,ร.ต.อ.ดิฐาศักดิ์ โชติเธียรศรณ์รอง สว.กก.1 บก.ป.,ร.ต.ท.เดชา คำรังษี,ร.ต.ต.สายชล คูหาทอง, ร.ต.ต.บุญเสริม สอนคำ รอง สว (ป.) กก.1 บก.ป. ด.ต.ไพฑูรย์ เพ็ชรล้าน, ด.ต.สามารถ ลอสุวรรณ,ด.ต.สิทธิศักดิ์ แสนยะบุตร, ด.ต.ณฤทธิ์ ยิ้มเจริญ จ.ส.ต.ฐนิศร์ ร่มเงิน และ จ.ส.ต.อนุชา ตาแปง ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นายสุภชัย ฯ อายุ 50 ปี ตามหมายจับของ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่ จ 37/2565 ลง 21 กันยายน 2565 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 มาตรา 157” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าโรงพยาบาลภายในซอยเจริญกรุง 109 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงประมาณ ปี 2547 ซึ่งในขณะนั้นนายสุภชัย ฯ ผู้ต้องหา ดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร มีอำนาจหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบลรองจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และรับผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจำขององค์การบริหารส่วนตำบลให้เป็นไปตามนโยบาย ตามที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมอบหมาย

จึงทำให้นายสุภชัยฯ ได้ใช้โอกาสที่ตนมีหน้าที่และอำนาจในตำแหน่ง ร่วมกับพวกทำการทุจริต ลงนามอนุมัติโครงการในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร โดยมีการร้องเรียนว่ามีโครงการที่ได้รับการจัดสรรไม่เป็นไปตามสัญญาและไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ จริง จำนวน 3 โครงการ คือ

1.ร่วมกันทุจริตโครงการก่อสร้างถนนไปแหล่งเกษตรกรรมของราษฎร จำนวน 10 หมู่บ้าน ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ด้วยการอนุมัติให้มีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเกินกว่าปริมาณงานที่องค์การบริหารส่วนตำบลจะได้รับ

2.ร่วมกันทุจริตโครงการซ่อมแซมปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน บ้านดงห้วยเปลือย ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร โดยปรากฏว่าน้ำที่ได้ไม่สะอาด ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้

3.ร่วมกันทุจริตโครงการซ่อมแซมหลังคาบ้านพักข้าราชการและหลังคาอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลดงหม้อทอง มูลค่าความเสียหายกว่าแสนบาท ซึ่งผู้รับจ้างดำเนินการ ไม่ครบถ้วนตามสัญญา

จากนั้นได้มี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน เข้าทำการตรวจสอบโครงการดังกล่าว เมื่อ นายสุภชัยฯ ทราบข่าว การตรวจสอบพบการทุจริตโครงการฯ จึงได้หลบหนีไป กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำกำลังจับกุม นายสุภชัยฯ บริเวณหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ภายใน ซ.เจริญกรุง 109 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 4 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจพบว่า นายสุภชัย ฯ ยังมีหมายจับของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางภาค 4 ที่ จ 34/2565 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น

ตามมาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 อีก 1 หมายจับ

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพ ว่าในระหว่างนั้นได้มีการลงนามในการอนุมัติโครงการดังกล่าวจริง แต่ทำไปตามคำสั่งของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในขณะนั้น


รวบหลานชาย'เสี่ยโอภาส วินโพรเสส' เอี่ยวซุกวัตถุอันตรายในโกดัง จนเกิดไฟไหม้

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คดีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ระยอง ได้สั่งการให้เร่งขยายผลดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง หลังตรวจสอบทั้ง 4 แห่งของ 2 จังหวัดแล้ว พบสารที่เป็นอันตรายอยู่ในโกดังทั้ง 4 แห่ง และพบความเชื่อมโยงกับอีกหลายพื้นที่ ลักษณะการทำงานเป็นขบวนการ โดยรับกากของเสียมาแล้วไม่ได้นำไปกำจัด ไม่มีใบอนุญาต นำมาครอบครองแล้วนำไปทิ้งในพื้นที่ป่าสงวน ตามไร่นา และพื้นที่ของประชาชนทั่วไป รวมทั้งมาเก็บแล้วปล่อยให้น้ำซึมลงไปในดิน สร้างความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้าง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.2 บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส ได้สืบสวนและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำวัตถุอันตรายมาทิ้งไว้ที่โกดังดังกล่าว ได้มีการขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับ นายจตุวุฒิฯ กรรมการบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ โดยไม่ได้รับอนุญาต , ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยไม่ได้รับอนุญาต , ปล่อยน้ำซึ่งทำให้เกิดเป็นพิษแก่น้ำตามธรรมชาติหรือสารเคมีเป็นพิษลงในทางน้ำชลประทาน จนอาจทำให้ทางน้ำชลประทานเป็นอันตรายแก่เกษตรกรรม การบริโภค อุปโภค หรือสุขภาพอนามัย” เนื่องจากหลบหนีไม่มารับทราบข้อกล่าวหา และเชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่รู้เห็นกับเหตุลักลอบทิ้งวัตถุอันตรายฯ ไว้ภายในโกดังดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. สืบสวนพบว่า นายจตุวุฒิฯ ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่กับญาติพื้นที่หมู่ 7 ต.เขื่องคำ อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนพบแหล่งกบดาน จึงได้วางแผนเข้าจับกุม นายจตุวุฒิฯ ได้สำเร็จ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการนำวัตถุอันตรายฯ ไปเก็บไว้ในโกดังที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา จริง โดยมีนายโอภาสฯ กรรมการบริษัทวิน โพรเสส จำกัด ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้า ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา คอยสั่งการ ในส่วนของเหตุเพลิงไหม้ นายจตุวุฒิฯ ให้การว่า ไม่ทราบและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ ได้กำชับให้เร่งรัดรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งคดีเพลิงไหม้ ต้องให้ความชัดเจนในเรื่อง สารเคมีซึ่งเป็นพยานหลักฐาน และสำนวนการสืบสวนสอบสวนในความผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ในทุกมิติ ต้องรอบคอบ ชัดเจน และรวดเร็ว


'เศรษฐา'สุดภูมิใจ! 'น้องหมีเนย'สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ หนุนดึงโปรโมตเที่ยวเมืองไทย

11 กรกฎาคม 2567 นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก 'น้องหมีเนย' แมสคอตสุดน่ารักของร้านขนม "Butterbear" ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้าเอ็มสเฟียร์ ซึ่งเป็นแบรนด์ขนมในเครือ Coffee beans by Dao ซึ่งขณะนี้'น้องหมีเนย'ก็ดังไกลถึงประเทศจีน เหล่าอินเตอร์แฟนก็บินมาหาเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ชิดกับ'น้องหมีเนย'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เห็น Butterbear หรือน้องหมีเนย มาสคอตไทยที่น่ารักและมีเสน่ห์ ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน และยินดีที่เห็นคนไทยสร้างสรรค์การ์ตูนจนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

Butterbear มีความน่าสนใจและแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์อย่างโดดเด่น มีการสร้างเรื่องราว สร้างเสน่ห์ สร้างความน่าติดตาม ทำให้เกิดกระแสความนิยม เป็นตัวอย่างว่าหากเปิดกว้างทางความคิด เราสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นในระดับนานาชาติได้ การนำเรื่องราวที่น่าสนใจใส่ลงในผลิตภัณฑ์จะช่วยเพิ่มมูลค่าและทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Butterbear เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้มาสคอตในการส่งต่อวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีนานาชาติ เช่นเดียวกับ Miffy จากเนเธอร์แลนด์ หรือ Labubu จากฮ่องกง มาสคอตที่น่ารักและมีเอกลักษณ์นี้ ไม่เพียงแต่สร้างความสุขให้ผู้พบเห็น แต่ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ

รัฐบาลจะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในเวทีนานาชาติต่อไป พร้อมสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในการสร้างผลงานที่มีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่นำ Butterbear มาโปรโมตการท่องเที่ยว และขอเชิญทุกท่านติดตามกิจกรรมที่ ททท. จะจัดร่วมกับ Butterbear ในเร็วๆ นี้ ผมมั่นใจว่ากิจกรรมดังกล่าวจะเต็มไปด้วยความน่ารักและสร้างความประทับใจให้ทุกคน #SoftPower"

เกาหลีใต้เจอฝนถล่มเป็นประวัติการณ์

โซล/ปักกิ่ง (รอยเตอร์ส/ยอนฮัพ/ซีซีทีวี) - พื้นที่ตอนใต้ของเกาหลีใต้มีฝนตกหนักมากเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร มีผู้เสียชีวิตแล้ว2 ศพ และต้องระงับการเดินรถไฟบางเส้นทาง

สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า พื้นที่ตอนใต้ของเกาหลีใต้มีฝนตกหนักมากเป็นประวัติการณ์ในวันอังคารที่ 10 ก.ค.โดยบางส่วนของจังหวัดช็อลลาเหนือมีฝนตกมากเป็นประวัติการณ์ ที่เมืองกุนซาน ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ 178 กิโลเมตร มีปริมาณน้ำฝนวัดได้ 131.7 มิลลิเมตรใน 1 ชั่วโมง ถือเป็นปริมาณน้ำฝนรายชั่วโมงมากที่สุดของประเทศนับตั้งแต่มีการบันทึกมา และมากกว่าร้อยละ 10 ของปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีของเมืองนี้ที่ 1,246 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาคนหนึ่งถึงกับระบุว่า เป็นปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบ 200 ปี

ส่วนที่เทศมณฑลโซชอน จังหวัดชุงช็องใต้ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ 166 กิโลเมตร มีฝนตกหนักมากเป็นประวัติการณ์ 111.5 มิลลิเมตรใน 1 ชั่วโมงเมื่อเช้าวานนี้เช่นกันเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต 2 ศพ ในจังหวัดนี้โดย 1 ศพ เสียชีวิตในลิฟต์ที่มีน้ำท่วม และอีก 1 ศพ เสียชีวิตหลังจากได้รับการช่วยเหลือออกจากบ้านที่ถูกดินถล่ม เป็นชายชราที่มีอาการหัวใจวาย นอกจากนี้ยังมีประชาชนได้รับการช่วยเหลือจากการติดค้างตามหมู่บ้านหลายแห่งในจังหวัดช็อลลาเหนือ

ฝนที่ตกหนักยังทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 21 เที่ยวที่ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮที่เมืองปูซาน และล่าช้า 16 เที่ยว ขณะที่บริการเดินรถไฟบางสายในจังหวัดชุงช็องใต้และจังหวัดคย็องซังเหนือถูกระงับไปจนถึงเวลา 18.00 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น

ในอีกด้านหนึ่ง สื่อของทางการจีนรายงานว่า ถนนหลวงสายหลักไปยังเมืองเจินทัง ในทิเบต หลายส่วนได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและถูกปิดกั้นจากดินถล่มในขณะที่ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ประชาชนที่ติดค้าง 342 คน ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้อพยพไปยังเมืองอื่นๆ แล้ว แต่ยังมีอีกอย่างน้อย 130 ราย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรวมอยู่ด้วย ที่ยังติดต้างอยู่ในเขตรอบๆ เมืองเจินทัง เนื่องจากถนนถูกปิดกั้น มีฝนตกหนักและสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงเพียงพอ เนื่องจากระยะทางยาวไกลที่บรรดาผู้ที่ติดต้างต้องใช้ในการฟันฝ่าเดินทางออกจากพื้นที่ สื่อของทางการจีนรายงานด้วยว่า พายุที่จะเกิดขึ้นจนถึงวันพฤหัสบดีสร้างความยากลำบากให้กับงานช่วยเหลือและกู้ภัย สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีนคาดหมายว่า จะเกิดฝนตกปานกลางจนถึงหนักมากทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน รวมถึงพื้นที่บางส่วนในทิเบต มณฑลเสฉวนและมณฑลยูนนาน