ข่าว
คสช.สั่งห้ามออกนอกประเทศ บิ๊กการเมือง”อภิสิทธิ์-ชัชชาติ”

“ศิริโชค” เผยได้รับคำสั่ง คสช.สั่งห้ามพร้อมอีก 18 คนออกนอกประเทศ ห้ามเคลื่อนไหว หรือประชุมทางการเมือง ทั้ง "ตู่-เต้น-มาร์ค-สุเทพ" โดนถ้วนหน้า

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงภาพเอกสารคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเอกสารเป็นคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 80/2557 ซึ่งลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. เรื่องให้บุคคลปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดระบุว่าเพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลที่มีรายชื่อต่อไปนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ได้แก่ 1.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 2.พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ 3.นายชูศักดิ์ ศิรินิล 4.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา 5.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 6.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 7.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 8.นางธิดา โตจิราการ 9.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ 10.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 11.นายจุติ ไกรฤกษ์ 12.นายศิริโชค โสภา 13.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ 14.นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ 15.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 16.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 17.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และ18.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข

สำหรับเงื่อนไขที่ คสช.กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติตามมีดังนี้ 1.ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. 2.ให้ละเว้นการเคลื่อนไหวหรือประชุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ 3.หากฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าวหรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองให้ถือว่าเป็นผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศ คสช. ฉบับที่ 39/2557 ลงวันที่ 25 พ.ค.2557 เรื่องการกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่มารายงานต่อ คสช. สั่ง ณ วันที่ 28 มิ.ย.2557

ทั้งนี้นายศิริโชค ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับเอกสารดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งไปถึงเฉพาะบุคคลที่มีรายชื่อในคำสั่งดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ที่เคยถูกควบคุมตัวที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีการทำกิจกรรมทางการเมืองอะไรอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาใด ๆ ต่อพรรค ส่วนงานในพื้นที่นั้น อดีต ส.ส.ก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลประชาชน และไปร่วมงานต่าง ๆ ตามที่ได้รับเชิญเข้ามา เช่น งานพิธีศพ งานทำบุญ เป็นต้น.

"แม่ชีเชอรี่" น้ำตานองหน้า! ขี่ปอร์เช่-ใช้ของแบรนด์เนม

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 ก.ค. นายวรเดช กาญจนอโนทัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าม่วง อยู่บ้านเลขที่ 1142 หมู่ 4ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้จัดพิธีทำบุญพระสงฆ์ โดยได้นิมนต์พระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมพระลูกวัด รวม 6 รูป มาทำพิธีทางศาสนาเพื่อเป็นสิริมงคล โดยมีนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกูร หรือแม่ชีเชอรี่ รวมทั้งแม่ชีจากวัดถ้ำขวัญเมือง และอุบาสกอุบาสิกาจากจังหวัดชุมพร และใกล้เคียง ร่วมเดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย

ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. พระครูสุธรรมวีราจารย์ จัดแถลงว่า ตามที่มีภาพข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆในฐานะเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง อาตมามีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะรายละเอียดของข่าวที่เผยแพร่ออกไปสู่ประชาชน ทำให้วัดเสื่อมเสีย ส่วนประเด็นเกี่ยวกับ รถยนต์สปอร์ต ปอร์เช่ นั้นขอชี้แจงว่าไม่ใช่รถยนต์ของวัด รวมทั้งไม่ใช่รถยนต์ของแม่ชีเชอรี่ตามที่เป็นข่าวด้วย แต่เป็นรถของลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัด ซึ่งเจ้าของรถยนต์มีความเคารพและศรัทธาในตัวแม่ชี จึงนำรถยนต์ให้แม่ชีทดลองขับเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่รถและเจ้าของรถเองเท่านั้น ซึ่งเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวก็ได้มาร่วมแถลงข่าวด้วย

เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมืองระบุต่อว่าส่วนประเด็นที่สงสัยว่าแม่ชีเชอรี่นำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือของใช้ราคาแพง อาตมาได้รับการรายงานว่า แม่ชีไม่ได้นำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือของใช้ราคาแพงส่วนตัวแต่อย่างใด ซึ่งกลุ่มลูกศิษย์ ที่มีความเคารพและศรัทธาเป็นการส่วนตัวนำมาถวายให้กับแม่ชีใช้ ส่วนประเด็นการบริหารเงินของวัดนั้น ทางวัดได้มีคณะกรรมการในการบริหารจัดการเงินของวัด ซึ่งเงินที่ได้รับการบริจาคมานั้น ทางวัดจะนำไปฝากไว้ที่สถาบันการเงินตามบัญชีที่ผู้บริจาคประสงค์ทำบุญ ซึ่งในการเบิกจ่ายเงินนั้นจะต้องมีผู้มีอำนาจลงนาม 2 ใน 3 โดยลงนามร่วมกับเจ้าอาวาสเสมอ จึงจะสามารถเบิกจ่ายเงินจากธนาคารได้ ซึ่งทางวัดก็จะจัดทำงบการเงินส่งให้สำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดชุมพรเพื่อตรวจสอบทุกปีอยู่แล้ว

"การที่แม่ชีเชอรรี่ขับรถและใช้กระเป๋าราคาแพงนั้น แม้การกระทำดังกล่าวจะไม่เป็นการกระทำที่ผิดศีลก็ตาม แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับสถานะภาพของนักบวช อาตมาก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว ซึ่งแม่ชีเชอรี่ก็รับปากว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก” พระครูสุธรรมวีราจารย์ กล่าว

ด้านนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกุล หรือแม่ชีเชอรี่ อายุ 42 ปี แถลงถึงข้อเท็จจริงพร้อมน้ำตานองหน้า โดยมีพระครูสุธรรมวีราจารย์ และศิษยานุศิษย์ ร่วมรับฟัง ว่าตนขอกราบประทานอภัยต่อเจ้าคุณพระสังฆาธิการทุกระดับชั้น พระครูสุธรรมวีราจารย์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดทุกจังหวัด ประธานสภาแม่ชีไทย ตลอดจนแม่ชีทุกท่าน ขอยืนยันว่าไม่เคยนำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือสิ่งของราคาแพงมาใช้เป็นการส่วนตัว กระเป๋าดังกล่าวมีลูกศิษย์ที่มีความเคารพและศรัทธานำมาถวายให้ทั้งสิ้น

"ขอกราบประทานอภัยต่อทุกท่าน ที่ฉันก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมขึ้น ขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา หรือสถาบันแม่ชีไทยเลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งฉันได้รับการตักเตือนจากเจ้าอาวาสและพระผู้ใหญ่ให้ทำการแก้ไขแล้ว ซึ่งต่อไปนี้ฉันจะใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติตนให้เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังที่ผ่านมาอีกต่อไป” แม่ชีเชอรี่กล่าว

ต่อมา แม่ชีเชอรี่ทำพิธีกราบไหว้ขอขมาโดยได้กราบและถวายพานพุ่มเพื่อเป็นการขอขมาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ร่วมในพิธีดังกล่าวด้วยอาการสงบ

ด้านนางสาวนวลวิรัช เครือบัว อายุ 33 ปี เจ้าของรถปอร์เช่ที่แม่ชีเชอรี่นำไปขับจนเกิดเรื่องใหญ่โต เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องรถว่า รถคันนี้เป็นของแฟนตนเองที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ตนได้เดินทางมาร่วมปฏิบัติธรรม ตนก็ทำตามความศรัทธาของตนที่เชื่อว่านำรถมาให้ทางวัดใช้แล้วจะได้บุญมากขึ้น จึงถือปฏิบัติเหมือนลูกศิษย์คนอื่นๆที่เขาก็เอามาจอดไว้ที่วัด โดยเมื่อเสร็จจากการนำมาให้วัดใช้ประมาณ 1 เดือนก็จะนำกลับไปใช้ทำธุรกิจเหมือนปกติ ไม่มีอะไร

ส่วนนางสาวศิรลักษณ์ เพ็ชรศิริ ชาว จันทบุรี และ นางสาวกุฑีรา สัตตะบงกช อดีตรองนางสาวไทย ได้เป็นตัวแทนลูกศิษย์เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนมว่า ที่มาของกระเป๋ามาจากการที่ลูกศิษย์ได้เดินทางไปต่างประเทศและได้รวบรวมเงินกันซื้อมาฝาก แม่ชีเชอรี่ เพราะทุกคนต่างเห็นว่าขณะเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดได้รับการดูแลและการชี้แนะรวมถึงข้อแนะนำในการวางตัวเพื่ออยู่ระเบียบของวัดที่พึงปฏิบัติดังนั้นเมื่อคณะลูกศิษย์ได้เดินทางไปต่างประเทศ พวกตนไปเที่ยวต่างประเทศเรื่องนึกถึงและซื้อกระเป๋ามาฝากแม่ชี ก็ไม่มราบว่าและมีเจตนาให้เกิดเองทั้งหมดขึ้น พวกตนคิดแค่อยากซื้อมาฝากท่านก็เท่านั้น


เด็กร้านทำอื้อฉาวกาแฟดัง ล้างรองเท้าในอ่างล้างแก้ว

เจ้าของร้านกาแฟสดชื่อดังในปั๊มน้ำมันเมืองคอนแสดงสปิริต โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ขอโทษลูกค้า หลังมีภาพพนักงานนำรองเท้ามาล้างรวมกับแก้วในร้านกาแฟ...

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 57 ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโซเซียลมีเดีย หลังมีผู้โพสต์ภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 57 จำนวน 7 ภาพ พร้อมทั้งเขียนข้อความ "What she Wash" เหตุเกิดในร้านขายกาแฟสดชื่อดังในปั๊มน้ำแห่งหนึ่ง บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช กับข้อความว่า "คราวหน้าอยากกินกาแฟแก้ง่วง ก็แวะมาที่นี่นะตาสว่างแหละ อิอิ บอกให้"

ทั้งนี้ ภาพแอบถ่ายในร้านกาแฟดังกล่าว เป็นภาพพนักงานสาวคนหนึ่ง แต่งกายชุดเสื้อลายดอกสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ยืนล้างรองเท้าสีน้ำตาลในอ่างล้างแก้วของร้าน โดยไม่สนใจสายตาของลูกค้า หรือพนักงานในร้านแต่อย่างใด จนทำให้มีการโพสต์แสดงความคิดเห็นกันไปอย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสม ที่พนักงานแอบเอารองเท้ามาล้างและถูปนกับแก้วในร้าน

ต่อมา หลังจากมีการโพสต์ต่อกันไปอย่างกว้างขวาง ได้มีเจ้าของร้านกาแฟที่เกิดเหตุ เขียนข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ในชื่อ "Porjet Limpadung" ใจความขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมน้อมรับผิดและจะปรับปรุงและแก้ไข ขณะเดียวกันทางร้านได้ว่ากล่าวตักเตือนพนักงานแล้ว จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเจ้าของร้านกาแฟได้โพสต์ข้อความขอโทษเจ้าของภาพและลูกค้าคนอื่น พร้อมได้ลงโทษพนักงานและจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากในเฟซบุ๊กที่เจ้าของร้านกล้าออกมาแสดงความรับผิดชอบยอมรับผิดในครั้งนี้ และได้เขียนข้อความแสดงความชื่นชม รวมทั้งผู้โพสต์ภาพ ก็ได้เขียนแสดงความขอบคุณเจ้าของร้านอย่างจริงใจ โดยบอกว่า ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพียงแค่อยากให้พนักงานคนดังกล่าวมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมให้มากขึ้น.


สีไหนก็อยู่ร่วมกันได้ ความจริงในเรือนจำ

"บก.ลายจุด" ทวีตฯ เผย ประสบการณ์ในเรือนจำ พบ "เจ๋ง ดอกจิก-จ่าประสิทธิ์" แถมได้คุยกับ "มือปืนป๊อปคอร์น"ยอมรับ ทั้งเหลือง-แดงที่อยู่ร่วมกันไม่ใช่อาชญากร เพียงแต่มีชุดความคิด แตกต่างกันเท่านั้น

วันที่ 3 ก.ค. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ "บก.ลายจุด" ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ "@nuling" หลังออกจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเล่าเรื่องราวผ่าน ชื่อเรื่อง "ซีรีย์นักโทษการเมือง ณ (เรือนจำ) พิเศษกรุงเทพ โดย บก.ลายจุด ณ บัดนาว"

โดยนายสมบัติ ทวิตเตอร์ ยอมรับว่า ระหว่างอยู่ในการควบคุมตัว ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้เพราะ ตร. ยึดไป ไว้พิมพ์สะดวกจะมาเล่าเรื่องสนุกๆในคุก เช่น เพื่อนใหม่ ชื่อป๊อปคอร์น ใครคิดว่าในคุกมีสี ต้องรออ่าน

 - ซีรีย์ "นักโทษการเมือง" ณ พิเศษ กรุงเทพ โดย บก.ลายจุด ณ บัดนาว #นักโทษการเมือง

- บ่ายแก่ ๆ ของวันที่ 12 มิ.ย. ผมเดินทางเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเป็นธรรมเนียม ผู้มาใหม่ต้องเข้ามาอยู่แดนแรกรับ คือ แดน 1 ที่นี่มี 8 แดน

- นักโทษทุกคนต้องตัดขากางเกง หรือ ใส่ขาสั้น ค้นตัว ทำประวัติ ตัดผมสั้นภายใน 1 วัน เข้าห้องขังตอนบ่ายสาม และออกมาตอน 6 โมงเช้า

- เสียงตะโกน "ยินดีต้อนรับ บก.ลายจุด" คือ"เจ๋ง ดอกจิก"และ"จ่าประสิทธิ์" ทั้งคู่สีหน้าแสดงความยินดีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเจอหน้าผมในคุก

- เป็นการใช้ชีวิตในคุกครั้งที่สองในชีวิต ครั้งแรกตอนโดนพลเอกสพรั่ง และพลเอกสนธิ ฟ้องหมิ่นประมาท การเข้ามาครั้งล่าสุด จึงปรับตัวรับมือได้ดี

- อาหารมื้อแรกในคุก คือ ขนมปังถุงเล็กๆ ที่พี่เจ๋ง ดอกจิก หยิบใส่มือไว้ เพราะเข้ามาสาย ครัวกลางปิดแล้ว พร้อมน้ำดื่มขวดหนึ่ง

- ก่อนเข้าห้องพัก ผมเดินไปทักทาย พี่สมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ในบรรดาคนที่รู้จักในนั้น พี่สมยศ คือ คนที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด

- พี่สมยศ เป็นนักโทษการเมืองที่ติดคุกมา 3 ปี กว่าแล้ว คดียังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ ในบรรดานักโทษการเมืองทั้งหมด เขา คือ คนที่นิ่งที่สุด สงบ เยือกเย็น

- เป็นธรรมดาที่ผู้คนในคุกจะมีความหลากหลาย โดยเฉพาะความเห็นทางการเมือง ในแดน 1 ผมได้พบกับผู้ต้องหาที่ถูกเรียกว่า มือปืนป๊อปคอร์น

- ความรู้สึกแรกที่ได้เจอป๊อปคอร์น ผมรู้สึกถึงความเป็นคนธรรมดาผู้หนึ่ง ภาพที่สังคมมองเขาว่า เป็นมือปืนมืออาชีพอะไรเทือกนั้น ไม่ปรากฏเลย

- ผมเดินไปแนะนำตัวเอง พร้อมยืนมือออกมาสัมผัสแบบทักทาย "สวัสดีป๊อปคอร์น ผม บก.ลายจุด"

- แม้ในช่วงแรกของการสนทนากับเพื่อนใหม่ต่างสีระหว่างป๊อปคอร์นกับ บก.ลายจุด จะหนืดสักหน่อย แต่เมื่อการเริ่มต้นสักพัก กำแพงของสีก็ลดลง

- ผมจะไม่ลงรายละเอียดเรื่องบทสนทนาระหว่างผมกับป๊อปคอร์นเพราะจะไม่เป็นความ ยุติธรรมและอาจมีผลต่อคดี เอาเป็นว่า เขาไม่ได้มีลักษณะเป็นคนใจร้ายอะไร

- ป๊อปคอร์นถูกมอบหมายงานให้ดูแลหน้าแดน เพราะผู้คุมกังวลว่า หากให้ทำงานในแดน จะไปปะปนกับเสื้อแดงและอาจเป็นปัญหา นี่เป็นเรื่องที่ผู้คุมระวังมาก

- ใครจะเชื่อว่า วันท้าย ๆ ที่ผมอยู่ในคุก ป๊อปคอร์น แอบมานอนกลางวันในมุมเสื้อแดงอยู่กันเป็นกลุ่ม พวกเขานั่งสนทนากันสนุกสนานออกรส หัวเราะกันร่า

- กฎในคุกข้อแรก คือ ห้ามป่วย เพราะยาที่นี่หายาก มีแต่พาราฯ นักโทษที่ค่อนข้าง VIP หน่อยจะมียาแก้อักเสบ ยาแก้ไอ ทิฟฟี่ นี่จัดเป็นของระดับไฮคลาส

- เช้าวันหนึ่ง ผมเจอป๊อบคอร์น สีหน้าไม่ค่อยดี เขาป่วย ไอ มีน้ำมูก เขาไม่มียาทาน ผมเลยหายาลดน้ำมูก 2 เม็ดมาให้ นี่ไม่ใช่เรื่องสีแต่ คือ มนุษยธรรม

- นอกจากป๊อปคอร์นแล้ว ยังมีการ์ด คปท. คนหนึ่ง แต่โดนจับในคดีปืน ไม่ได้เกี่ยวกับคดีการเมือง ที่แขนเขาสักคำว่า "พุทธะอิสระ"

- ผมอยากสรุปสั้น ๆ ว่า ทั้งเสื้อเหลืองและแดง ที่มาติดคุกร่วมกัน พวกเขาไม่ใช่อาชญากร เขาเพียงมีชุดความคิดของตนเองซึ่งเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

- ผมไอมาสองอาทิตย์กว่าแล้ว จากในคุก วันนี้ก็ยังไม่หาย เชื้อโรคในคุกจัดว่า แรงมาก คนที่นั่นเรียกสิ่งนี้ว่า "โรคคุก"

- ในคุกจะมี รพ. แต่ต้องเรียกว่า อาการหนักพอสมควรถึงได้ไปใช้บริการ ข้างล่างมีเตียงประมาณ 50 เตียงเป็นของผู้ป่วยวัณโรค และ HIV

"แม้ว-ปู"ชื่นชม อ.พีรพันธุ์ นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

"แม้ว-ปู"เขียนคำไว้อาลัย "พีรพันธุ์" ชมเป็นนักสู้เพื่อ ปชต. อยู่เคียงข้าง พท.ในยามที่ถูกรุมทำร้ายทางการเมือง

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนคำไว้อาลัยในหนังสือ "ความทรงจำที่งดงาม" ในงานพระราชทานเพลิงศพนายพีรพันธุ์ พาลุสุข อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่า "ถึงแม้ผมต้องอยู่ในต่างแดน แต่ได้ติดตามเรื่องราวของอาจารย์พีรพันธุ์อย่างใกล้ชิด เพราะผมรักความเป็นคนดี เป็นคนเมืองที่มีสปิริตสูง เสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว เป็นนักสู้ในระบอบประชาธิปไตยที่มีความอดทนและความรอบรู้สูงในยามการเมืองวิกฤติ และในยามที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยถูกกลุ้มรุมทำร้ายทางการเมือง อาจารย์จะมาช่วยคิดช่วยทำ ร่วมกับพรรคและนายกฯ ยิ่งลักษณ์อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งวันที่ต้องพาตัวเองเข้าโรงพยาบาล ก็ยังแสดงความเป็นห่วงนายกฯ ยิ่งลักษณ์อยู่ ทั้งๆ ที่ตัวเองรู้สึกป่วยมาก ด้วยความดี ความเสียสละ ความรักประชาธิปไตยและชาติบ้านเมือง ตลอดจนความรักที่มีต่อครอบครัวและต่อพวกเราทุกคน ขอให้เป็นบุญกุศลส่งให้ดวงวิญญาณของอาจารย์พีรพันธุ์ พาลลุสุข ที่พวกเรารัก จงไปสู่สัมปรายภพเทอญ"

ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นน้องสาว ได้เขียนคำไว้อาลัยในหนังสือดังกล่าวเช่นกัน โดยระบุว่า "นับตั้งแต่ที่รู้จักและได้ร่วมงานกับ ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข ดิฉันรู้สึกชื่นชมในความรู้ ความสามารถ ความมุ่งมั่นในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี ที่ท่านได้ดำรงตำแหน่ง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น ท่านได้ทุ่มเทกำลังความสามารถอย่างเต็มที่ในการบริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ นอกจากนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ท่านได้ให้คำปรึกษาและคำแนะนำในการบริหารราชการแผ่นดินมาโดยตลอด ดิฉันสามารถกล่าวได้อย่างจริงใจว่า ช่วงเวลาที่ได้รู้จักท่าน ยิ่งยาวนานขึ้นเท่าไหร่ ความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อท่านก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ที่สำคัญที่สุด คือ ไม่ว่าท่านจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ดร.พีรพันธุ์เป็นคนที่รักประชาชน เป็นผู้แทนราษฎรที่ไม่เคยทอดทิ้งพื้นที่ ห่วงใยทุกข์สุขของทุกคน และพยายามหาแนวทางที่จะพัฒนาจังหวัดของตนอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง ทั้งยังทุ่มเททำงานพรรคอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยการจากไปของ ดร.พีรพันธุ์ฯ จึงนับเป็นการสูญเสียต่อวงการการเมือง และการศึกษาอย่างประเมินค่าไม่ได้"


ใช้ 'ทิชชู' ซับน้ำมันของทอด อันตราย! เสี่ยงสารก่อมะเร็ง

กรมอนามัย เตือนประชาชนห้ามใช้ "กระดาษทิชชู" ซับน้ำมันจากอาหาร เสี่ยงรับ "โซดาไฟ" และ "สารไดออกซิน" ซึ่งเป็นสารก่อ "มะเร็ง" แนะใช้กระดาษซับมันอาหารที่ได้มาตรฐานสากล...

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 57 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เกี่ยวกับอันตรายจากการใช้กระดาษทิชชูซับอาหารทอด ว่า แม่บ้าน แม่ครัว หรือผู้ค้าอาหาร ไม่ควรใช้กระดาษทิชชูมาซับน้ำมันจากอาหาร เพราะเนื้อเยื่อเล็กๆ ของกระดาษทิชชูจะติดในอาหาร ทำให้เราได้รับสารเคมีต่างๆ ที่อยู่ในกระดาษทิชชูไปด้วย เนื่องจากกระดาษทิชชูผลิตมาจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์ โดยมีวัตถุดิบ คือ ต้นไม้ เช่น ต้นไผ่ หรือต้นไม้อื่นๆ แต่ปัจจุบันสังคมให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงมีการนำกระดาษหมุนเวียนใหม่ เช่น กระดาษ A4 ที่ใช้แล้ว นำไปผลิตกระดาษทิชชู หรือแม้แต่กระดาษฟางที่ผลิตจากฟางข้าว ซึ่งในกระบวนการตีวัตถุดิบให้เป็นเนื้อเยื่อต้องใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือโซดาไฟ และเพื่อความขาวน่าใช้ จึงมีการใช้สารคลอรีนฟอกขาวและมีสารไดออกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเป็นส่วนประกอบด้วย

ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า สารโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) หรือโซดาไฟ เมื่อทำปฏิกิริยากับโปรตีนและไขมัน จะมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อรุนแรง ทำให้บริเวณนั้นอ่อนนุ่ม กลายเป็นวุ้น หรือเจลาตินและสบู่ เนื้อเยื่อถูกทำลาย หรือถูกกัดลึกลงไป ซึ่งการทำลายอาจต่อเนื่องหลายวัน การหายใจเอาไอ หรือละอองสาร ยังส่งผลให้ระคายเคืองต่อทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้จาม ปวดคอ น้ำมูกไหล ปอดอักเสบรุนแรง หายใจขัด การสัมผัสถูกผิวหนังจะระคายเคืองรุนแรง เป็นแผลไหม้และพุพองได้ การกลืนกินทำให้แสบไหม้บริเวณปาก คอ และกระเพาะอาหาร ส่วนสารไดออกซิน (dioxins) เป็นสารที่สถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างชาติจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ เมื่อร่างกายได้รับเข้าไปจะไม่ทำให้เกิดอาการอย่างเฉียบพลัน แต่อาการจะค่อยๆ เกิด และเพิ่มความรุนแรงจนถึงเสียชีวิตได้

"การซับน้ำมันจากอาหาร กระดาษที่ใช้จะสัมผัสกับอาหารโดยตรง จึงต้องเลือกใช้กระดาษที่ผลิตมา เพื่อใช้กับอาหารโดยเฉพาะ และต้องผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล เช่น HACCP (Hazard Analysis Critical Control Point) เป็นมาตรฐานการผลิตที่มีมาตรการป้องกันอันตราย ที่ผู้บริโภคอาจได้รับจากการบริโภคอาหาร เป็นที่นิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรมอาหาร ร้านอาหารข้ามชาติ หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งจะต้องไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายออกมาปนเปื้อนกับอาหาร ไม่ปนเปื้อนเชื้อโรค ไม่มีสิ่งแปลกปลอมติดค้างอยู่ เช่น เศษกระดาษ

นอกจากนี้ การนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาใช้ห่อบรรจุอาหารทอดต่างๆ ก็เป็นอันตราย เพราะน้ำมันจะเป็นตัวละลายสารเคมีในหมึกพิมพ์ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้บริโภครับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย แม้ผู้บริโภคไม่สามารถตรวจสอบมาตรฐานกระดาษที่ผู้ค้านำมาซับมันจากอาหารได้ แต่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารมันและอาหารทอด เพื่อความปลอดภัยจากการรับสารเคมีตกค้าง และเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคด้วย" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.