ข่าว
สหรัฐจ่อชัตดาวน์อีกรอบ ใกล้ครบกำหนดเส้นตายวันศุกร์นี้

วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์) - รัฐบาลสหรัฐอาจต้องเผชิญกับภาวะชัตดาวน์อีกรอบหลังใกล้ครบกำหนดเส้นตายในวันศุกร์นี้ ขณะที่สภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้กรณีงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก

การเจรจาเมื่อวานนี้ระหว่างทั้ง 2 พรรคในสภาคองเกรสสหรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องการสร้างกำแพงบริเวณชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก และเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำงานของหน่วยงานรัฐบาลส่วนกลาง หรือ ชัตดาวน์ที่จะครบกำหนดเส้นตายในวันศุกร์นี้ ยังไม่ประสบความสำเร็จ สภาคองเกรสยังคงหารือกันเกี่ยวกับแผนการด้านความมั่นคงที่รวมถึงประเภทของกำแพงที่จะสร้างบริเวณชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายคาดหวังว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์อีกครั้งได้ โดยการเจรจามีการพูดถึงข้อเสนอวงเงินการก่อสร้างกำแพงจำนวน 1,300 - 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย

ด้านนายมิค มัลวานีย์ รักษาการณ์หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวระบุว่า ภาวะชัตดาวน์ไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธว่าจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนได้ นายมัลวานีย์กล่าวเสริมว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อจริงๆ ว่าเกิดวิกฤติด้านความมั่นคงและมนุษยธรรมขึ้นที่บริเวณชายแดน และเขาต้องการดำเนินการบางอย่างเท่าที่เขาสามารถกระทำได้อย่างชอบธรรมในการรักษาความมั่นคงบริเวณชายแดน

ขณะที่นายทรัมป์ทวีตข้อความอีกครั้งก่อนหน้านี้ว่า หากพรรคเดโมแครตไม่ให้เงินสร้างกำแพงตามที่เขาเรียกร้องจำนวน 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาก็อาจใช้อำนาจบริหารในการสร้างกำแพง

ดังกล่าว ซึ่งพรรคเดโมแครตก็เคยเตือนว่าหากดำเนินการเช่นนั้นก็อาจต้องเผชิญกับความท้าทายทางศาลได้ ส่วนพรรครีพับลิกันบางคนก็เสนอว่าเป็นทางเลือกที่ควรหลีกเลี่ยง ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ยังเคยส่งสัญญาณว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อสร้างกำแพงโดยไม่ต้องขออนุมัติจากสภาคองเกรส เพื่อเป็นการอนุมัติเงินสำหรับโครงการอื่นๆ ด้วย แต่พรรครีพับลิกันเตือนไม่ให้กระทำการดังกล่าวเช่นเดียวกัน เนื่องจากเกรงว่าหากพรรคเดโมแครตกลับมาครองทำเนียบขาวในสมัยหน้า ก็อาจมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับปัญหาที่มีความขัดแย้งกับพรรครีพับลิกันได้ อาทิ การห้ามใช้ปืนบางประเภท เป็นต้น

ทั้งนี้ นายทรัมป์ยังมีกำหนดจะเดินทางไปยังเมืองเอล ปาโซ รัฐเท็กซัส ในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อพบปะและหาเสียงกับประชาชน ซึ่งเขาจะเน้นเรื่องข้อเรียกร้องของเขาในการสร้างกำแพงเพื่อควบคุมผู้อพยพผิดกฎหมายไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐ ทั้งนี้ กองกำลังรักษาพรมแดนของสหรัฐและเม็กซิโก เพิ่มการป้องกันตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวดกวดขันมากขึ้น ในขณะที่มีผู้อพยพราว 2,000 คน มารออยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในฝั่งเม็กซิโก เพื่อยื่นคำร้องขอที่ลี้ภัยในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ผู้อพยพในจำนวนนี้หลายคนได้รับอนุญาตจากทางการเม็กซิโก ให้พำนักอยู่ในเม็กซิโกได้ และกำลังตัดสินใจว่าจะอยู่ทำงานที่นี่ ไม่ขอลี้ภัยในสหรัฐแล้ว

'เพื่อไทย'ขนขุนพลจัดปราศรัยใหญ่15ก.พ.นี้ กลางกรุงเทพมหานคร

ครั้งแรกในรอบ 5 ปี ! “เพื่อไทย”จัดปราศรัยใหญ่15 ก.พ. นี้ ขนขุนพลระดับแถวหน้าปราศรัยเน้นเป้าหมายทวงคืนประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่บนเวทีโลก

14 ก.พ.62 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 16.00 - 21.00 น. พรรคเพื่อไทยได้จัดการปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ ที่บริเวณลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการ กรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า และเป็นการปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปีโดยในครั้งนี้จะเน้นการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศไทยรวมทั้งศูนย์กลางของประเทศกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองหลวงที่ติดอันดับความเจริญของโลกอีกครั้ง

โดยกำหนดผู้ปราศรัยไว้ในระดับแกนนำพรรคที่มากประสบการณ์ อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะขึ้นปราศรัยในนโยบายทั้งหมดของพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เรื่องการเมืองที่คนไทยต้องรู้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและทางออก นายชัยเกษม นิติศิริ กระบวนการยุติธรรมที่ต้องได้รับการแก้ไข นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อย่าปล่อยให้สินค้าการเกษตรต่ำไปกว่านี้นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ต้องพัฒนาเทคโนโลยีทุกรูปแบบของประเทศ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ กรุงเทพต้องเป็นเมืองหลวงที่ดีที่สุด 1 ใน 5 ของโลก นายปลอดประสพ สุรัสวดี ทรัพยากรของชาติที่ถูกเมินเฉยมากว่า 5 ปี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ทำไมเขาต้องสืบทอดอำนาจ นายนพดล ปัทมะ ถึงเวลาการสร้างคนสร้างชาติด้วยการศึกษา นายวัฒนา เมืองสุข เมื่อการเมืองแย่เศรษฐกิจจะแย่ตาม นายโภคิน พลกุล กฎหมาย 2 มาตรฐานถึงเวลาต้องแก้ไข และนายอดิศร เพียงเกษ ในหัวข้อทำไมต้องมีแคนดิเดตนายกฯ

นายจิรายุ กล่าวต่อว่าในวันพรุ่งนี้เชื่อมั่นว่าประชาชนที่สนใจนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะได้รับฟังแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านต่างๆซึ่งคาดว่าน่าจะมีไม่น้อยกว่า 10,000 คนเพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะได้เลยและเชื่อว่าการปราศรัยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่จะรับรู้นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และนำพาประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีโลกอีกครั้งที่สำคัญประชาชนคนไทยทุกยอมย่าจะได้กลับมากินดีอยู่ดีอีกครั้ง นายจิรายุกล่าว


‘อนุทิน’ยันเลือกภท.‘กัญชาเสรี’อเมริกาโหยหา คุณภาพดีโกยเงินเข้าไทย

14 ก.พ. 62 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายพรรคภูมิใจไทย เรื่องการปลูกกัญชาเสรีว่า ความหมายของคำว่าเสรี ไม่ใช่ว่า จะปลูก จะขายกันเท่าไรก็ได้ แต่หมายถึง ประชาชนทุกคน มีโอกาสปลูกเพื่อเป็นช่องทางหนึ่งของการหารายได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มข้น โดยการยาสูบแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ

ทั้งนี้เบื้องต้น พรรคภูมิใจไทย กำหนดให้หนึ่งครัวเรือนปลูกได้ 6 ต้นจะสร้างรายได้ปีละ 420,000 บาท และรับซื้อโดยให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเท่านั้น เมื่อเป็นไปตามนี้ เราจะสามารถจัดการในเรื่องของปริมาณ และคุณภาพได้

“กัญชามีสรรพคุณในการรักษามะเร็ง ตรงนี้ คือข้อดีที่เราต้องคำนึงถึง เพราะทั้งโลกมีคนเจ็บปวดเพราะโรคนี้เป็นจำนวนมหาศาล มันถึงเวลาที่เราต้องใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะในทางการแพทย์ ขณะเดียวกัน เราต้องให้คนไทยได้ประโยชน์จากการปลูกพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่จะช่วยแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว

ด้านนายจุลภาส เครือโสภณ ทีมยุทธศาสตร์ภูมิใจไทย กล่าวว่า เราทำนโยบายตามความต้องการของหัวหน้าพรรค หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่มองว่า พืชเศรษฐกิจดั้งเดิมหลายตัวราคาตกต่ำ จำเป็นต้องมีพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เข้ามาแทนที่ ซึ่งส่วนตัวเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกา พบว่าทางนั้น ต้องการกัญชามาก เนื่องจากนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิด ทั้งยา ทั้งอาหาร ใช้เพื่อการบันเทิง และทางการแพทย์ และเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะกัญชาไทยเขาต้องการมากที่สุด เพราะมีคุณภาพสูง

"หากเมืองไทยปลูกกัญชาได้อย่างเสรี โดยยึดแนวทางพรรคภูมิใจไทย ที่หากเข้าไปเป็นรัฐบาลจะแก้ไขกฎหมายต่างๆที่เป็นอุปสรรค เมื่อทำสำเร็จ มั่นใจจะสร้างความร่ำรวยให้แก่ชาวไทยอย่างแน่นอน" ทีมยุทธศาสตร์ภูมิใจไทย กล่าว


'แดงราชประสงค์'ชี้เหตุผลข้างๆคูๆยุบทษช. เป็นหนึ่งรูปแบบโกงเลือกตั้งของเผด็จการทหาร

14 ก.พ.6 นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ 'ฟอร์ด เส้นทางสีแดง' แกนนำเสื้อแดงราชประสงค์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวฟอร์ด เส้นทางสีแดง กรณีกกต.มีมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ ว่า

การทำลายพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยโดยอ้างเหตุผลข้างๆคูๆในการยุบพรรคเป็นหนึ่งในรูปแบบของการโกงเลือกตั้งของเผด็จการทหาร วันนี้ผมจะไปยื่นแถลงการณ์คัดค้านการยุบพรรคไทยรักษาชาติที่ศาลรัฐธรรมนูญ เวลา 10.00 น. อาคาร A ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

โดยก่อนหน้านี้ได้โพสต์ว่า การยื่นรายชื่่อของอดีตเจ้าหญิงที่ปัจจุบันเป็นสามัญชนและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยโดยความยินยอมของท่านเองมาลงแข่งขันให้ประชาชนเลือกไม่ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การไม่รับฟังเหตุผลของกกต. ไม่รับฟังเหตุผลของพรรคไทยรักษาชาติ ฉวยโอกาสทำลายความหวังของคนทั้งประเทศยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคต่างหากที่เป็นความผิดสมควรถูกประนามและถอดถอน


'ต่อตระกูล' โต้ 'ธนาธร' คิดเหมือนลิง! ชี้คนไทยยิ้มแบบเต็มใจ-พัฒนาสูงกว่าพวกลิง

14 ก.พ.62 ต่อตระกูล ยมนาค คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "ต่อตระกูล ยมนาค" ถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้เหตุผลคนไทยยิ้มเพราะไม่มีจุดยืนเรื่องอะไรเลยว่า โดยระบุว่า"เหตุผลที่ผมคิดว่า ทำไมคนไทยถึงยิ้ม ก็เพราะคนไทยไม่มีจุดยืนเรื่องอะไรเลย" เมื่อโดนถามเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แล้วเราตอบไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือยิ้ม ไม่มีจุดยืน "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

"ผม(ต่อตระกูล)เคยแต่ได้อ่านที่ฝรั่งอธิบายว่า "การยิ้ม" เป็นสัญชาติญาณของมนุษย์โบราณ และยังสังเกตได้ในลิงเมื่อต้องการแสดงการยอมรับ และยอมแพ้ ให้กับฝ่ายตรงข้าม ผมไม่เคยเชื่อแบบนั้น เพราะคนไทยยิ้มแบบเต็มใจ ด้วยใจที่เอื้ออาทร ต่างหาก พัฒนามาสูงเกินพวกลิง ที่ฝรั่งนำพฤติกรรมมาอธิบายมนุษย์"

ทั้งนี้ ต่อตระกูล ยมนาค ได้หยิบสัมภาษณ์ ของนิตยสาร GM ได้สัมภาษณ์ ธราธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อ ปี2560 เรื่อง "ยิ้ม"เป็นเพียง หนึ่งในหลายความเห็นที่ถูก สัมภาษณ์ แต่ได้ตอบโต้มากที่สุด

GM : จากประสบการณ์ที่ได้เดินทางไปในสถานที่ต่างๆ มากมาย คุณมองความน่าอยู่ของเมืองไทยอย่างไร

ธนาธร : ผมเพิ่งคิดเรื่องนี้เมื่อวานนี้เอง เจออะไรไม่รู้ทำให้ผมคิดเรื่องนี้ เมืองไทยนี่มันเป็น Land of Smile ใช่ไหม ผมมานั่งคิดว่าทำไมเราถึงยิ้ม แล้วคำตอบที่ได้ อาจจะไม่ถูกใจคนไทยหลายๆ คน แต่เหตุผลที่ผมคิดว่า ทำไมคนไทยถึงยิ้ม ก็เพราะคนไทยไม่มีจุดยืนเรื่องอะไรเลย เมื่อโดนถามเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แล้วเราตอบไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือยิ้ม ไม่มีจุดยืน แม้แต่ในเรื่องที่สากลเขายอมรับกัน อย่างเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน คือเราอาจจะมีบางอย่างที่เป็นจุดร่วมกันกับคนในสังคม แต่มันอธิบายกับคนในระดับสากลไม่ได้

ดังนั้น ถ้าถามว่าความน่าอยู่ของสังคมไทยคืออะไร ผมคิดว่าความน่าอยู่ในสังคมไทยมีอยู่อย่างเดียว คือคุณต้องเป็นคนแบบผม คุณต้องเป็นคนที่มีเงินและมีอำนาจ ประเทศไทยถึงจะน่าอยู่ เห็นจากหลายกรณี เมื่อคนที่มีอำนาจและมีเงินถูกขึ้นศาล ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ถูกลงโทษ ในขณะที่ถ้าเป็นประชาชนธรรมดาไม่มีชื่อเสียง คุณก็จะถูกกระทำโดยกฎหมาย สังคมไทยน่าอยู่ก็ต่อเมื่อคุณมีเงินและมีอำนาจเท่านั้นเอง สำหรับผมถ้ามีเรื่องอะไรอย่างหนึ่งที่จะต้องพูดให้ชัดเจนเพื่อสร้างสังคมไทยในวันข้างหน้าก็คือเรื่องนี้แหละ การบังคับใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกันกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะนามสกุลอะไร

อีกอย่างคือ โครงสร้างพื้นฐานของเมืองไทยก็แย่มาก สงกรานต์เพิ่งตายไปไม่รู้เท่าไหร่ ประมาณ 300 กว่าคน ลองนึกดูว่าคนที่ตายไปอายุเฉลี่ยประมาณ 20 ปี คุณคิดว่าค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการสร้างคนอายุ 20 ปีขึ้นมา 1 คนนี่คือเท่าไหร่ ผมคิดว่าต้องมีล้าน 2 ล้านแน่นอน หรืออาจจะเกินกว่านั้นด้วย นี่คือความสูญเสียมหาศาล ยังไม่นับผลกระทบทางด้านจิตใจของคนรอบตัวเขาอีก นี่มันเป็นเรื่องอะไรที่เหลือเชื่อมาก โครงสร้างพื้นฐานก็แย่ การบังคับใช้กฎหมายก็แย่ ค่านิยมที่ถูกปลูกฝังในสังคมก็แย่ สมมุติคิดว่าอยากจะเปลี่ยนชนชั้นในชั่วชีวิตคุณ คุณทำได้ไหม จากชนชั้นกลางเป็นชนชั้นกลางระดับบน หรือชนชั้นล่างเป็นชนชั้นกลางในชั่วชีวิตเดียว

'ฟิลิปปินส์'จับบก.เว็บข่าววิจารณ์รัฐบาล หลายองค์กรประณาม'คดีทางการเมือง'

14 ก.พ.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน น.ส.มาเรีย เรสซา ผู้สื่อข่าวและซีอีโอเว็บไซต์ข่าวแรปป์เลอร์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์จับกุมตัวตามหมายศาลในข้อหาหมิ่นประมาททางลายลักษณ์อักษร หลังรายงานบทความเมื่อปี 2555 แต่มีการแก้ไขอีกครั้งเมื่อปี 2557 กล่าวหานักธุรกิจคนหนึ่งพัวกันกับการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงถึงอดีตผู้พิพากษาด้วย

เรซาไม่แสดงอาการขัดขืนและเดินทางไปกับเจ้าหน้าที่ของเอ็นบีไอโดยดี แต่ก่อนออกจากสำนักงานเธอกล่าวว่าหนึ่งในอุดมการณ์ในการทำงานของแรปป์เลอร์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือการไม่หวั่นเกรงต่อการถูกข่มขู่คุกคาม ไม่ว่าจากคดีความที่ไม่มีหลักฐาน การโฆษณาชวนเชื่อ และความพยายามทุกวิถีทางเพื่อปิดปากการเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นจริงของสื่อมวลชนทุกแขนงในฟิลิปปินส์

ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนเชั่นแนล) ออกแถลงการณ์ประณามการจับกุมครั้งนี้เป็นคดีการเมือง ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์ยังไม่มีท่าทีใดๆ แต่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโรดรีโก ดูเตอร์เต เคยออกมาปฏิเสธว่าข้อกล่าวหาต่อเรซาไม่มีแรงจูงใจทางการเมือง

ทั้งนี้ มาเรีย เรสซา เป็นหนึ่งในสื่อมวนที่นิตยสารไทม์ของสหรัฐคัดเลือกให้เป็น "บุคคลแห่งปี" ประจำปี 2561 จากการทำงานของเว็บไซต์ข่าวแรปป์เลอร์ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลมะนิลาชุดปัจจุบันอย่างเปิดเผย คดีที่เธอถูกจับกุมล่าสุดนี้เป้นเพียงหนึ่งในข้อหามากมายที่เธอกำลังเผชิญ