ข่าว
สมเด็จพระบรมฯ เสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

สมเด็จพระบรมฯ เสด็จฯ ยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท บำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกฯ สิงคโปร์ ร่วมวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ พระบรมศพ ...

วันที่ 21 ตุลาคม เวลา 19.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วย ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.18 น. นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ เดินทางมาวางพวงมาลา ถวายราชสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จากนั้นได้ร่วมลงนามแสดงความอาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง หน้าที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง.

‘น้ำอัดลมจาก ร.9’ ลุงจิตรปีติมิรู้หาย พระราชทานครึ่งขวดที่เหลือให้ดื่ม

“ลุงจิตร” ชาวแก่งกระจาน เล่าความหลังที่จำได้ฝังใจ ถวายน้ำอัดลม “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” ขณะเสด็จประพาส จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2502 ดีใจถึงที่สุด ทรงพระราชทานน้ำอัดลมครึ่งขวดให้ดื่มต่อ เผย พระองค์ทรงงานตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพบ นายจิตร ทองแย้ม หรือ ลุงจิตร อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/2 หมู่ 1 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ถวายงาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2502 ก่อนการสร้างเขื่อนแก่งกระจาน เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงพระราชจริยวัตรที่น่าประทับใจและทรงไม่ถือพระองค์อีกด้วย

ลุงจิตร เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า ขณะนั้นอายุ 17 ปี พระองค์ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จประพาสที่วังเจ้า ริมแม่น้ำเพชรบุรี ต.สองพี่น้อง อ.ท่ายาง (ปัจจุบัน อ.แก่งกระจาน) ทรงโปรดให้ ลุงจิตร เฝ้าฯ ถวายงานใกล้ชิด ดูแลเรื่องยกเสบียงอาหาร น้ำดื่ม และเสื่อพระที่นั่ง ขณะนั้นเวลาประมาณ 11.00 น. พระองค์ทรงดนตรีบริเวณโขดหินริมแม่น้ำเพชรบุรี ทรงกระหายน้ำ ตรัสให้ ลุงจิตร เปิดน้ำอัดลมมาถวาย แต่เมื่อนำมาพระองค์ทรงไม่รับ พร้อมตรัสว่า "เสด็จแม่ของเราซึ่งเป็นสมเด็จย่าของเธอมาด้วย ถึงเราจะเป็นเจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์ ถ้าแม่ของเรายังไม่ได้เสวย เราก็ยังรับไม่ได้ เธอจงนำน้ำอัดลมไปถวายสมเด็จย่าของเธอก่อน แล้วมาเปิดให้เราใหม่"

หลังมีกระแสพระราชดำรัส ลุงจิตร รีบนำน้ำอัดลมขวดใหม่ถวาย สมเด็จย่า แล้วมาเปิดน้ำอัดลมขวดใหม่ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระองค์เสวยจนหมดขวด แต่ยังคงมีพระอาการกระหายน้ำ จึงรับสั่งให้เปิดอีก 1 ขวด ซึ่งขวดที่ 2 นี้ พระองค์เสวยเพียงครึ่งเดียว ก่อนจะพระราชทานน้ำอัดลมส่วนที่เหลือให้ ลุงจิตร และทรงรับสั่งว่า "น้ำเหลืออีกครึ่งขวดจะทิ้งก็เสียดาย ถ้าเธอหิวก็ดื่มได้ เราอนุญาต" ลุงก็รับมา และดื่มต่อจากพระองค์จนหมดด้วยหัวใจที่พองโตและปลื้มปีติ

ลุงจิตร เล่าต่อไปว่า ครั้งแรกนึกว่า พระองค์เสด็จประพาสเพื่อพักพระอิริยาบถเป็นการส่วนพระองค์ แต่มารู้ภายหลังว่าพระองค์เป็นพระราชาที่ทรงงานตลอดเวลาจริงๆ เพราะจากที่ได้ถวายการรับใช้พระองค์ในวันนั้น อีก 2 ปีต่อมาใน พ.ศ. 2504 โครงการก่อสร้างเขื่อนแก่งกระจาน ก็เกิดขึ้น และเปิดใช้งานใน พ.ศ. 2509 บริเวณนั้นกลายเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่กว่า 750 ล้านลูกบาศก์เมตร ชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรชาวแก่งกระจาน และหลายอำเภอใน จ.เพชรบุรี ที่มีพื้นที่เกษตรส่วนใหญ่ก็ดีขึ้นทันตาเห็น เช่นเดียวกับหลายๆ โครงการที่พระองค์ท่านมีดำริให้สร้างในจังหวัดนี้

"เสียใจมากที่พระองค์ท่านสวรรคต" ประโยคสั้นๆ หลุดออกจากปากลุงจิตร เพราะจากนั้นฝ่ามือก็ถูกยกขึ้นมาบดบังใบหน้าที่เหี่ยวย่น แต่ไม่สามารถปิดเสียงสะอื้นไห้ได้ และน้ำตาก็รินไหลตามออกมานานกว่า 5 นาที จากนั้น ลุงจิตร ขอไม่พูดเรื่องราวการสวรรคตอีก เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถกลั้นน้ำตาและความเสียใจไว้ได้ จากนั้นเดินไปน้อมถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ติดอยู่บริเวณฝาผนังบ้าน และเลือกรูปที่สวยที่สุดมากอดไว้แนบอก ก่อนขอจบการสนทนา.


งานยังไม่เสร็จ! ดร.สุเมธ เผย พระกระแสสุดท้ายจากในหลวง

ดร.สุเมธ เผย พระราชกระแสรับสั่งสุดท้ายจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ‘งานยังไม่เสร็จ’ ยัน พร้อมปฏิบัติหน้าที่จนหมดแรง...

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 59 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘สานต่อที่พ่อทำ’ ได้เผยข้อความตอนหนึ่งของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา จากปาฐกถาในงานโครงการจัดกิจกรรมและสัมมนาผู้สูงอายุร่วมสร้างคุณค่าวัฒนธรรมไทยสู่ประชาคมอาเซียน ณ อาคารรัฐสภา 22 เมษายน 2555

“ผมเคยเข้าเฝ้าฯ กราบพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ผมอายุ 60 ปี เป็นวัยที่ต้องเกษียณ พระองค์รับสั่งว่า "แล้วฉันล่ะ" ....วันนั้นผมอายุ 60 ปี แต่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา

นับตั้งแต่วันนั้นผมไม่กล้าเอ่ยถึงคำว่าเกษียณอีกเลย ผมจึงเปลี่ยนเป็นขอพระราชทานพรในวันคล้ายวันเกิดแทนพระองค์ทรงมักจะให้พรในทำนองว่า “ขอให้แข็งแรงนะ ขอให้มีพละกำลังกายที่แข็งแรงเพื่อที่จะทำประโยชน์ให้คนอื่นได้” หรือ “ขอให้มีความสุขในการทำประโยชน์เพื่อคนอื่น" ....คำพระราชทานมักจบลงด้วยงานหรือการทำเพื่อคนอื่น

แต่ในปีนี้ผมเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลพระองค์ว่าอายุครบ 72 ปี พระองค์ทรงนิ่งไปสักพักหนึ่ง แล้วทรงยกพระหัตถ์มาจับบ่าผมเขย่าแล้วรับสั่งว่า "สุเมธ งานยังไม่เสร็จ....สุเมธ งานยังไม่เสร็จ” ...พระองค์ทรงห่วงเรื่องงานอย่างแท้จริง"

นอกจากนี้แฟนเพจ ‘สานต่อที่พ่อทำ’ ยังเผยคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เมื่อ 20 ต.ค. 59 ที่ผ่านมา ถึงพระราชกระแสรับสั่งสุดท้ายจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช.


นายกฯ ให้คำมั่นจะ สานต่อ พระราชภารกิจ 'ในหลวง ร.9'

นายกฯ บอกในหลวง ร.9 สวรรคต คนไทยสูญเสียครั้งย่ิงใหญ่ เผยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มีพระราชบัณฑูรพร้อมทั้งดูแลทุกข์สุขประชาชนในช่วงนี้ให้ดีที่สุด ลั่นคำมั่นปฏิบัติหน้าที่สานต่อพระราชภารกิจ

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน" ว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 ประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทย ได้ประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือพระมหากษัตริย์ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา อย่างสูงสุด แก่พสกนิกรของพระองค์ และถึงพร้อมด้วยความเพียรอันบริสุทธิ์ ดุจพระมหาชนกสวรรคต หากเพียงคนไทยทุกคน แบ่งปันความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน แม้เพียงเศษเสี้ยวความรักของพระองค์ที่มีต่อประชาชน และแม้เพียงคนไทยทุกคน มีความเพียร สร้างความดี ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนรวม สังคม และประเทศชาติ คนไทยก็จะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่มีความเจริญ มั่นคงที่สุดในโลก เช่นกัน

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชบัณฑูร ให้จัดการพระราชพิธีพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ และถูกต้องตามแบบแผนโบราณราชประเพณี รวมทั้งทรงรับสั่งให้ขอพระราชวินิจฉัย จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเรื่องพิธีการ ตลอดจนการก่อสร้างพระเมรุมาศและศาลาทรงธรรม สำหรับการประกอบพระราชพิธีพระบรมศพ จากที่ได้มีพระราชบัณฑูรไว้ก่อนแล้ว พร้อมทั้งดูแลทุกข์สุขประชาชนในช่วงนี้ให้ดีที่สุด ทั้งนี้รัฐบาลขอให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติภารกิจสำคัญยิ่งนี้ ร่วมกับพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกภาคส่วน เพื่อให้การพระราชพิธีพระบรมศพสมพระเกียรติ เทิดไว้ซึ่งพระเกียรติยศและพระเกียรติภูมิอันสูงส่ง

"ผมและรัฐบาลขอให้คำมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ สานต่อพระราชภารกิจและสนองพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ด้วยความจงรักภักดี เสมอด้วยชีวิต ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และด้วยความวิริยะอุตสาหะอย่างเต็มกำลัง ความสามารถและสติปัญญา รวมทั้งขอปฏิญาณตนว่า จักจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


'ธานินทร์ กรัยวิเชียร' ประธานองคมนตรี

คณะองคมนตรี เลือก "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" ทำหน้าที่ประธานองคมนตรีชั่วคราว ตามมาตรา 25 แทน "พล.อ.เปรม" ที่ต้องทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ชี้การพ้นจากตำแหน่งของคณะองคมนตรี ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย

19 ต.ค.59 นายวิษณุ เครืองาม กล่าวว่า นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี จะทำหน้าที่เป็น ประธานองคมนตรี (ชั่วคราว) หลังจากที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ต้องทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ตามมาตรา 24 เมื่อประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะต้องไม่ปฏิบัติหน้าที่ประธานองคมนตรี โดยตามมาตรา 25 ให้คณะองคมนตรีเลือกองคมนตรีมาเป็นประธาน โดยคณะได้เลือก นายธานินทร์ ให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง จากนั้นในปี พ.ศ. 2491 ได้ไปศึกษาวิชากฎหมายต่อที่ ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร และ พ.ศ. 2496 เนติบัณฑิตอังกฤษจาก สำนักอบรมศึกษากฎหมายของเนติบัณฑิตยสภา สำนักเกรย์สอินน์ อังกฤษ นายธานินทร์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของไทยภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินโดยการนำของ พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519-20 ตุลาคม พ.ศ. 2520

นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณี เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต คณะองคมนตรีต้องพ้นไปด้วยหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีการบัญญัติไว้แบบนั้น แต่กลับเขียนไว้อีกอย่างว่า การดำรงตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย

สมเด็จพระบรมฯทรงสวมกอดทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อค่ำวันที่ 21 ตุลาคม

พสกนิกรต่างปลื้มปิติ ต่อภาพที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงทักทายและสวมกอด ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเชษฐภคินี ภายหลังงานพระราชพิธี