ข่าว
"สมศักดิ์ เจียม" เป็นห่วง”หมอตุลย์” หลังโพสต์ว่าจะให้ .358 แทน "112"

วันที่ 3 ส.ค. นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว http://www.facebook.com/
somsakjeam ภายหลังจากน.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของนายสมศักดิ์อีกต่อไปแล้ว

โดยนายสมศักดิ์ โพสต์ข้อความถึงหมอตุลย์ ระบุว่า "นี่ผมซีเรียสนะครับ ผมว่า คนรักเจ้าอย่างคุณหมอตุลย์ ต้องมี "อาการทางจิต" แน่นอน ผมไม่ได้หมายถึงเรืองล่าสุดที่เขาขู่จะให้ .358 ผมอะไรนะครับ (เรืองนั้น มันไร้สาระเกินไป)

แต่ผมหมายถึงว่า หมอตุลย์ ทำงานวิชาการสายวิทยาศาสตร์แท้ๆ ทำไมจึงต้องกลัว การนำเสนอข้อมูล หรือมุมมอง ที่แตกต่าง ในเรื่องสถาบันล่ะครับ?

"คนทำงานวิชาการสายวิทย์ ต้องรู้แน่ๆเลยว่า ไม่มีความรู้ โดยเฉพาะความรู้ทางสายวิทย์ (ทฤษฎี เคมี ชีวะ ฟิสิกส์ การแพทย์ ฯลฯ) ทีไหน ทีเขาใช้วิธีบังคับ เสนอได้แบบเดียว แล้วห้ามเด็ดขาด ไมให้คนเสนอแบบอื่น ห้ามเด็ดขาด ทีจะตั้งคำถาม ตรวจสอบ วิจารณ์กัน นี่แสดงว่า ต้องมี "อาการทางจิต" ในเรื่อง denial คือ ปฏิเสธ ที่จะเผชิญหน้ากับความจริง (ความจริงทีว่า โดยธรรมชาติ เรื่องต่างๆ ต้องสามารถมีข้อมูล มุมมอง หลายอย่างได้ จะบังคับให้ทุกคน มองแบบเดียวกันไม่ได้ มันฝืนธรรมชาติ)

"ผมว่า ต้องรีบพาไปปรึกษาจิตแพทย์ โดยด่วนนะครับ (ใครก็ได้ ช่วย copy ข้อความนี้ ไปให้คุณหมอหน่อยครับ เผื่อจะรู้ตัว รีบเยียวยา รักษาอาการทางจิตที่ว่าได้ทัน)"

ก่อนหน้านี้ น.พ.ตุลย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก tul sittisomwong มีเนื้อหาว่า "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เลิก 112 ให้ก็ได้ แล้วมึงกับพวกเอา .358 ไปก็แล้วกัน กูไม่อยากฟังคำอธิบายใดๆ จากมึงอีกแล้ว"

'น้องแต้ว'เนื้อหอม ฮีโร่เหรียญเงินอลป.

'น้องแต้ว - พิมศิริ' ฮีโร่เหรียญเงิน "ลอนดอนเกมส์" รับตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้านไปหาแม่ พร้อมฝันอยากเป็นแบบ 'พี่ไก่ - ปวีณา' ที่คว้าทั้งแชมป์โลกและแชมป์โอลิมปิกกลายเป็นสุดยอดของจอมพลังโลก

ความเคลื่อนไหวของทีมยกน้ำหนักไทยที่ไปร่วมศึกกีฬาโอลิมปิก "ลอนดอนเกมส์ 2012" ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม "น้องแต้ว" พิมศิริ ศิริแก้ว เจ้าของเหรียญเงิน ยกน้ำหนักรุ่น 58 กก.หญิง พร้อมด้วยจอมพลังสาวอีก 2 คนคือ "น้องมาย" สิริวิมล ประมงคล และ "ปุ๊กลุก" รัตติกาล กุลน้อย ได้ใช้เวลาว่างออกไปท่องเที่ยวและถ่ายรูปตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงลอนดอน อาทิ ทาวเวอร์บริดจ์, วิหารเซนต์ปอล, ชิงช้าสวรรค์ "ลอนดอนอาย", หอนาฬิกาบิ๊กเบน, รัฐสภาอังกฤษ, พระราชวังบัคกิงแฮม ฯลฯ ซึ่งระหว่างทางก็มีผู้เข้ามาแสดงความยินดีและขอถ่ายภาพด้วยอย่างมากมาย

น้องแต้ว กล่าวว่า ตอนนี้เหลือเวลาอีก 2 วันจะได้กลับไปเมืองไทย โดยจะออกเดินทางจากกรุงลอนดอน ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 917 วันที่ 4 สิงหาคม ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 5 สิงหาคม เวลา 15.30 น. รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน กลับไปเจอหน้าแม่ที่ไม่ได้เจอกันมานาน และตื่นเต้นที่จะได้กลับไปพบกับการต้อนรับของคนไทย รวมถึงชาว จ.ขอนแก่น ที่เตรียมงานรอไว้แล้ว

ส่วนอนาคตนับจากนี้ พิมศิริ กล่าวว่า ก็จะยังคงเป็นคนเดิม ทำตัวเหมือนเดิมคือ หลังจากกลับบ้านพักผ่อนไม่กี่วัน ก็คงจะเข้าแคมป์ฝึกซ้อมต่อเพื่อรักษาสภาพร่างกาย เนื่องจากยังมีรายการแข่งขันต่างๆ รออยู่อีก และที่ผ่านมา รวมถึงในโอลิมปิกครั้งนี้ ก็ยังไม่ค่อยพอใจสถิติที่ตัวเองทำได้นัก

"แต้วคงต้องกลับไปซ้อมหนัก เพราะตั้งความหวังไว้ว่า อยากจะเป็นอย่าง พี่ไก่ ปวีณา ทองสุก ที่สร้างตำนานให้วงการนักยกน้ำหนักไทย ได้เป็นทั้งแชมป์โอลิมปิก แชมป์โลก และเป็นเจ้าของสถิติโลกอีกมากมาย"

ขณะที่ "น้องไก่" ปวีณา ซึ่งเดินทางมาเชียร์จอมพลังไทยใน "ลอนดอนเกมส์" ครั้งนี้ กล่าวว่า ดีใจและขอบคุณน้องแต้ว ที่เห็นตัวเองเป็นแบบอย่าง ซึ่งก็อยากให้ตั้งใจฝึกซ้อมต่อไปเพื่ออนาคต และอยากให้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ เพราะทุกคนย่อมมีข้อดีและข้อเสีย ตรงไหนที่เป็นจุดดีก็ขอให้นำไปใช้ ส่วนที่เป็นข้อเสียก็อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

ด้านสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย แจ้งว่า ขณะนี้มีรายการโทรทัศน์ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ "น้องแต้ว" เพื่อนำไปออกอากาศจำนวนมาก แต่ที่ตกลงกันแล้วคือ เช้าวันที่ 6 สิงหาคม จะเดินทางไปอัดรายการที่ไทยทีวีสีช่อง 3 ต่อด้วยช่อง 7 สี จากนั้นเวลา 10.00 น. ไปที่สำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อขอบคุณ กฟผ. ในฐานะผู้สนับสนุนรายใหญ่ของสมาคม โดยทาง กฟผ. จะมอบเงินรางวัลให้นักยกน้ำหนักทั้ง 7 คน และมอบเงินสนับสนุนสมาคมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล จากนั้นวันที่ 7 สิงหาคม จะไปขอบคุณสปอนเซอร์รายอื่น และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ด้วย


"ฟ้า" กลับไทย-ทำเอ็มอาร์ไอ

วันเดียวกัน "น้องฟ้า" พนิดา คำศรี จอมพลังสาวในรุ่น 48 กก.หญิง ที่มีอาการบาดเจ็บที่แขนขวา ระหว่างโอลิมปิกเกมส์ 2012 พร้อมสตาฟฟ์โค้ชกลับถึงไทยแล้ว ก่อนเดินทางไปตรวจอาการบาดเจ็บและปรึกษาเรื่องอาการบาดเจ็บกับ นพ.พรเทพ ม้ามณี ที่สถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย (BASEM) ชั้น 5 อาคาร ดี รพ.กรุงเทพ โดย นพ.พรเทพ กล่าวว่า จากการตรวจในเบื้องต้น พบว่า เอ็นข้อศอกฉีกขาด จึงเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอ็มอาร์ไอ เพื่อตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะทราบผลตรวจเพื่อวินิจฉัยขั้นตอนการรักษาต่อไป ในวันที่ 3 สิงหาคม

"น้องฟ้า" กล่าวว่า สำหรับอาการบาดเจ็บที่แขนขวา เกิดจากกล้ามเนื้อฉีก เอ็นข้อศอกขาด ทำให้ไม่สามารถแข่งขันต่อได้ ยอมรับว่าเสียดาย แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ หลังจากนี้จะรักษาและพักฟื้นให้หายขาด แล้วค่อยกลับมาวางแผนเรื่องอนาคตในการแข่งขัน ส่วนโอลิมปิกครั้งหน้าที่บราซิล เวลานี้ยังไม่มองถึงตรงนั้น


"จตุภูมิ" พลาดท่าได้แค่ที่ 4

"เจ้าก็อต" จตุภูมิ ชินวงศ์ ดาวรุ่งไทยวัย 19 ปี ลงแข่งขันยกน้ำหนัก รุ่น 77 กก.ชาย กีฬาโอลิมปิก 2012 เมื่อกลางดึกวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งมีลุ้นที่จะสร้างเซอร์ไพรส์คว้าเหรียญ ในท่าสแนทช์ จตุภูมิ จบที่ 157 กก. รั้งอันดับ 3 ขณะที่คู่แข่งสำคัญ ซา เจ ยุค ของเกาหลีใต้ มีอาการบาดเจ็บข้อศอกหลุด ต้องถอนตัวจากการแข่งขัน สำหรับผู้มีสถิตินำหลังการยกท่านี้ได้แก่ ลู เสี่ยว จุน จากจีน 175 กก. ทำลายสถิติโลกและสถิติโอลิมปิก อันดับ 2 ลู เห่า เจี่ย จากจีนอีกคน 170 กก. แต่ก็มีอาการบาดเจ็บที่แขนซ้าย สีหน้าไม่ดีชัดเจน

ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก จตุภูมิเริ่มที่ 190 กก. ยกผ่านไปได้ ทว่าครั้งที่ 2 เดิมตั้งไว้ที่ 191 กก. แต่กลับเปลี่ยนใจไปเรียกน้ำหนักแข่งกับ อีวาน โรดริเกวซ จากคิวบา ที่แรงขึ้นมา เพื่อหนีการยกก่อน ก่อนไปสรุปกันที่นักยกคิวบาที่มีน้ำหนักตามหลังไทยอยู่ 2 กก. แถมมีน้ำหนักตัวมากกว่า จะยกก่อนที่ 194 กก. ในครั้งที่ 2 เพื่อทำสถิติแซงจตุภูมิมาอยู่อันดับ 3 ปรากฏว่า คิวบายกผ่านไปได้ ขณะที่จตุภูมิเรียก 195 กก. ยกไม่ผ่านใน 2 ครั้งที่เหลือ ขณะที่ 2 จอมพลังจีน ลู เห่า เจี่ย ที่มีอาการบาดเจ็บ ออกมากัดฟันสู้ยกหนแรก 190 กก. แล้วขอบายในอีก 2 ครั้งที่เหลือ ส่วน ลู เสี่ยว จุน ยกได้ 204 กก.

สรุปผลแข่งขัน เหรียญทอง ลู เสี่ยว จุน 379 กก. ทำลายสถิติโลกและสถิติโอลิมปิก เหรียญเงิน ลู เห่า เจี่ย 360 กก. และเหรียญทองแดง อีวาน โรดริเกวซ 349 กก. ขณะที่ จตุภูมิ ได้อันดับ 4 ด้วยสถิติ 348 กก. พลาดเหรียญทองแดงไปอย่างน่าเจ็บใจเพียงแค่ 1 กก. เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแข่งขัน บรรยากาศของทีมยกน้ำหนักไทยเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถึงการเรียกน้ำหนักในการยกของ 3 สตาฟฟ์โค้ช ภายในห้องพักนักกีฬา ที่ประกอบด้วย หลิว หนิง โค้ชจีน และโค้ชไทยอีก 2 คน ที่ขึ้นน้ำหนักให้จตุภูมิอย่างพรวดพราด ทั้งที่หากขึ้นแค่ 2-3 กก. คือให้จตุภูมิยกครั้งที่ 2 เพียง 193-194 กก. ก็น่าจะเพียงพอกับการคว้าเหรียญทองแดงแล้ว

พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนัก กล่าวว่า คงต้องยอมรับว่า มีการเรียกน้ำหนักพลาด และคู่แข่งก็วางแผนมาได้ดี ทำให้นักกีฬาไทยได้เพียงอันดับ 4 ส่วนเรื่องอื่นๆ คงต้องไปว่ากันหลังจบการแข่งขัน

ขณะที่ จตุภูมิ ที่พลาดโอกาสการเป็นจอมพลังชายคนแรกของไทยที่คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ ร่ำไห้ด้วยความผิดหวัง กล่าวว่า พยายามทำดีที่สุดแล้ว ไม่โทษใครทั้งนั้น เพราะที่ผ่านมาก็เคยทำน้ำหนักนี้ได้ แต่มาแข่งรายการนี้กลับทำไม่ได้ ส่วนอนาคตจะขอสู้ต่อ แก้ตัวใหม่ในโอลิมปิกหนหน้า

ปชป.จ่อซักฟอกรบ. จองกฐิน'ยิ่งลักษณ์'

'เทพไท' เตรียมซักฟอกรัฐบาล ลั่นจองกฐิน 'ยิ่งลักษณ์' ชี้เป็นหน้าที่ตามรธน. ปัดรังแก จวก 'คนเสื้อแดง' อย่าผูกขาดเป็นเจ้าของสี

3 ส.ค.55 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า แม้ขณะนี้จะมีสื่อบางฉบับพยายามตีกันและกล่าวหาว่าฝ่ายค้านรังแกรัฐบาลนั้น ถือเป็นการช่วยเหลือฝ่ายรัฐบาล เพราะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าไม่ได้รังแกรัฐบาลหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ฝ่าฝืนบทบัญญัตติของรัฐธรรมนูญ ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้มอบการบ้านให้สมาชิกพรรคไปรวบรวมข้อมูลที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งได้มีการจองกฐิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แม้สมัยประชุมสภานี้รัฐบาลจะปรับครม.หนี เอารัฐมนตรีที่เป็นแผลออก แต่อย่างไรก็ต้องมีนายกฯ อยู่ในตำแหน่งต่อไป เป้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงต้องตกอยู่ที่นายกฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ จึงต้องอภิปรายนายกฯ ด้วย

“พรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา แม้จะยังไม่กำหนดว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ เพราะมีเวลาในสมัยประชุมสภาฯ นี้ถึง 4 เดือน จึงต้องรอดูความพร้อม และเงื่อนไขเวลาในการยื่นญัตติ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเตรียมตัวรับการตรวจสอบจากพรรคฝ่ายค้าน เชื่อว่ามีประเด็นมากมายที่สามารถจะยื่นอภิปรายนับตั้งแต่ภาวะผู้นำของนายกฯ ความล้มเหลวนโยบายประชานิยมต่าง ๆ การทุจริต การเรียกหัวคิวสูง 30-35% โครงการป้องกันน้ำท่วม โครงการจำนำข้าว” นายเทพไท กล่าว


'เทพไท' จวก 'เสื้อแดง' อย่าผูดขาดเป็นเจ้าของฝ่ายเดียว

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาระบุว่าการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สวมเสื้อสีแดงขึ้นเวทีผ่าความจริงเป็นการบิดเบือนเจตนารมย์ เพราะการสวมเสื้อแดงอยู่ที่อุดมการณ์ว่า สีแดงเป็นสีที่คนไทยมีสิทธิใส่ทุกคน แต่ที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกตะขิดตะขวงใจในการใส่ เพราะถูกคนบางกลุ่มจับจองเป็นเจ้าของสีแดง ที่แกนนำคนเสื้อแดงออกมาอ้างว่าเรื่องอุดมการณ์ในการใส่เสื้อแดง โดยเฉพาะที่มีตรานปช.นั้น อยากถามว่ามีอุดมการณ์อย่างไร เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงแต่ละกลุ่มล้วนแล้วแต่มีอุดมการณ์ต่างกันมากมาย

เช่น กลุ่มแดงสยาม แดงล้มเจ้า แดงคอมมิวนิสต์ แดงคอร์รัปชั่น แดงเผาบ้านเผาเมือง แต่สิ่งที่เราเรียกร้องให้คนไทยใช้เสื้อสีแดงได้ เพราะเชื่อว่าคนไทยมีอุดมการณ์ที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสีหนึ่งในธงชาติ จึงไม่อยากให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาบิดเบือนหรือผูกขาดความเป็นเจ้าของสีแดง