ข่าว
ราคาน้ำมันดิบในเอเชียร่วงต่อ หลังยอดการค้าจีนตกต่ำ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ราคาน้ำมันในเอเชียร่วงลงหลังพบว่าภาคการส่งออกประเทศจีนในกุมภาพันธ์ ปี 2559 ตกลงมากกว่า 25% รุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 7 ปี กระตุ้นความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจโลกและอุปทานที่ล้นตลาด

น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในเมษายนเพิ่มขึ้น 2 เซ็นต์ เป็น 36.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับพฤษภาคมร่วงลง 3 เซ็นต์ อยู่ที่ 39.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นางมากาเรต หยาง นักวิเคราะห์ตลาดประจำซีเอ็มซีสิงคโปร์ มองว่าเป็นสัญญาณขาลงของเศรษฐกิจจีน พร้อมระบุอีกว่า สินค้าคงเหลือในสหรัฐมีจำนวนมากสวนทางกับอุปสงค์ที่ยังไม่สูงพอ

จีนเป็นทั้งผู้ค้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดและเป็นประเทศสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก แต่ความต้องการจากตลาดหลักที่ลดลงบั่นทอนบริษัทหลายรายในประเทศจีน ในทางกลับกัน การขยายตัวอย่างช้าๆ ช่วยทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น

ตู่-จตุพรสงสัย ทำไมรัฐไม่ปราบมาเฟียตั้งแต่ยึดอำนาจ มาปราบช่วงทำประชามติ

ประธาน นปช.ชื่นชมคำสั่งปราบผู้มีอิทธิพล ติงให้ทำจริง ดักทางอย่าใช้เป็นเครื่องมือต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง สงสัยทำไมไม่เริ่มปราบตั้งแต่ยึดอำนาจ แต่มาเอาจริงในช่วงทำประชามติร่าง รธน.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล เมื่อ 9 มี.ค. ว่าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการมาตั้งแต่การยึดอำนาจ เพราะเป็นสิ่งที่ดี แต่กลับนำมาใช้อย่างเข้มข้นช่วงที่ร่างรัฐธรรมนูญกำลังไปสู่การทำประชามติ จึงสงสัยว่าจะนำไปแลกเปลี่ยนหรือต่อรองทางอำนาจการเมืองหรือไม่

นายจตุพรกล่าวว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้น มีมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร แล้ว เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจมาเกือบ 2 ปี กลับมาเร่งการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในช่วงรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน

อย่างไรก็ตาม การปราบปรามผู้มีอิทธิพลตาม 5 ฐานความผิดนั้น นายจตุพรตั้งข้อสังเกตว่า ความจริงเป็นอำนาจของ คสช. ตั้งแต่วันแรกการยึดอำนาจอยู่แล้ว แต่อย่าให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นยุทธการตีเมืองขึ้น ส่วนการอ้างถึงนักการเมืองเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดนั้น คงไม่มีใครมีอิทธิพลทางความคิดเท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. อีกแล้ว เพราะได้รับการชื่นชอบจากทุกการสำรวจของโพล และยังมีอำนาจรัฎฐาธิปัตย์จึงมีอิทธิพลทางกำลังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศว่า ปราบมาเฟียไม่เลือกสี แต่สิ่งสำคัญต้องติดตามว่าถ้าไม่อยากถูกขึ้นบัญชีดำเป็นผู้มีอิทธิพล จะมีการแลกเปลี่ยนกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่ได้ยินในเรื่องการแลกเปลี่ยนหรือต่อรอง จึงต้องเฝ้าติดตาม และอาจมีคนมานินทาข้อตกลงให้ฟังในอนาคต

“ท่านนายกรัฐมนตรีบอกตั้งใจปราบปรามมาเฟีย ปราบผู้มีอิทธิพล การทำให้แผ่นดินสูงขึ้น ท่านทำไป แต่ถ้าปลายทางโอละพ่อ ถ้าปราบเพื่อต่อรองให้ลงประชามติ ให้เลือกพรรคการเมือง หรือต่อรองในลักษณะผลประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าเรื่องทรัพย์ หรือเสียงก็ตาม แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อแลกเปลี่ยนเหล่านี้ ถ้ายังไม่มี และทำโดยสุจริต ไม่มีปัญหา ไม่มีใครไปคัดค้านว่าไม่เห็นด้วยกับการปราบผู้มีอิทธิพล ถ้าปราบโดยสุจริต เพราะเวลาร่วม 2 ปีที่นายกรัฐมนตรีประกาศไม่เลือกสีนั้น ถูกแล้ว แต่นับจากยึดอำนาจมาไม่มีสีใดใหญ่กว่าสีเขียวอีกแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องที่ใครจะมานินทาให้ฟังกัน เหมือนกรณีของ รสช. ที่ส่งคนไปอยู่ในพรรคการเมืองเมื่อเลือกตั้ง 2535/1 แต่ผมยังไม่ได้ยินเรื่องการแลกเปลี่ยน เรื่องการต่อรองใดๆ และหวังว่าคงจะไม่ได้ยิน”

ส่วนกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่มีอำนาจนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ปัญหานี้ได้สะท้อนในสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง กรณีการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ เพราะที่ผ่านมาทำให้เกิดวิกฤตบ้านเมืองนับครั้งไม่ถ้วนจากการใช้อำนาจแบบไร้อาณาเขตในการพิจารณาปัญหา

นายจตุพรยกกรณีการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญว่า วิกฤตบ้านเมืองที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเริ่มตั้งแต่การพิจารณาให้การเลือกตั้งปี 2549 เป็นโมฆะกรณีหันหลังออกนอกคูหาเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาทำกับข้าวในรายการชิมไปบ่นไปของนายสมัคร สุนทรเวช โดยใช้พจนานุกรมมาตีความจนเล่นงานพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ รวมทั้งการแต่งตั้งลูกตัวเองเป็นเลขาฯส่วนตัวแต่ไม่ผิด สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงอำนาจที่ไร้ขอบเขตจนเกิดปัญหาในบ้านเมือง


ไอเดียแหวกตลาด ขาย“ของหมดอายุ”

บนโลกนี้มีประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศที่ทิ้งอาหารกันเป็นว่าเล่น ปีๆหนึ่งคิดเป็นหลายแสนตันเห็นจะได้ แต่เดนมาร์กเป็นประเทศหนึ่งที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องอาหารเหลือทิ้งอย่างเป็นรูปธรรมค่ะ องค์กรการกุศลที่นั่น ผุดไอเดียเจ๋งเปิดซุปเปอร์มาเก็ตขาย “สินค้าหมดอายุ”แห่งแรกของโลก

ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ว่า ชื่อ “วีฟู้ด” (WeFood) มีจุดประสงค์เพื่อลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งของประเทศ ขายสินค้าอาหารที่หมดอายุแล้วหน้าซอง แต่ยังอยู่ในข่ายกินได้ค่ะ โดยร้านจะลดราคาสินค้าลง 30-50 % สื่ออังกฤษชื่อดังอย่าง “เดอะ เทเลกราฟ”รายงานว่า ร้านนี้ตั้งอยู่ในกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศเอง เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขายอาหารหมดอายุแห่งแรกของโลก เจาะตลาดกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย เจ้าของเป็นองค์กรการกุศลชื่อว่า “Folkekirkens Nodhjaelp” (DanChurch Aid) ซึ่งต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะเปิดร้านขายของเหลือมาปีกว่าแล้ว ในที่สุดก็สามารถเปิดจริงได้ในวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ด้วยการระดมทุนจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาค อีกทั้งยังต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอีกมากมาย เพราะร้านเป็นร้านที่ขายของหมดอายุ (ที่ยังกินได้) และของใกล้หมดอายุ จึงต้องระวังให้มากค่ะ เขาต้องเข้าไปต่อสู้ในชั้นศาลด้วยว่า อาหารประเภทไหนที่แม้หน้าซองจะเขียนบอกว่า หมดอายุแล้ว แต่ความจริงยังคงกินได้อยู่...ถ้าเป็นบ้านเราขายของหมดอายุก็ถูกจับสิคะ

ร้านนี้ไม่ธรรมดาค่ะ ได้รับเกียรติจากเจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ทรงเป็นองค์ประธานในการเปิดร้านอย่างเป็นทางการ สื่อท้องถิ่นออนไลน์ “เดอะ โลคัล”ก็ออกข่าวว่า วันแรกของการเปิดขาย ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก มีประชาชนมายืนเข้าคิวรอซื้ออยู่หน้าร้านจำนวนมาก

พนักงานในร้านบอกกับสื่อท้องถิ่นว่า เรื่องที่ยากสำหรับพวกเขา ไม่ใช่การหาลูกค้า เพราะคนมักจะแน่นร้าน แต่คือการหาของมาเติมให้ชั้นวางสินค้าเต็มเหมือนเดิม นี่ต่างหากคือเรื่องยาก

ของที่ขายก็มีทั้งอาหารบางอย่างที่หมดอายุแล้ว (อาหารบูดเน่าหนอน เขาก็ไม่เอามาขายค่ะ ผู้บริโภคด่ากระจายพอดีกัน...)หรือใกล้จะหมดอายุ นอกจากนี้ ยังมีอาหารและเครื่องสำอางที่บรรจุภัณฑ์เสียหายเล็กน้อยด้วย พวกที่แตกละเอียดเป็นผุยผง ของเขาไม่มีนะคะ เพราะทางร้านพยายามที่จะรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าในร้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากและเสี่ยงพอตัวทีเดียว ส่วนอาหารที่ได้ ก็มาจากการบริจาคของร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้าที่อื่น แต่ทางร้านไม่ได้เปิดเผยมากมายว่า ได้สินค้ามาจากที่ไหนบ้าง อาจจะเป็นความลับทางการค้าเขาน่ะค่ะ ด้านรายได้ก็จะนำไปรณรงค์ต่อต้านความยากจนทั่วโลก

จากข้อมูลของเดอะ เทเลกราฟระบุว่า เดนมาร์กเป็นประเทศที่ทิ้งอาหารจำนวนมหาศาลถึงราว 700,000 ตันต่อปี โดยที่ครึ่งหนึ่งเป็นอาหารที่ยังกินได้อยู่ ยังไม่ต้องทิ้งก็ได้ นางสาวเอวา เคเจอร์ แฮนเซน อดีตรมว.กระทรวงอาหารและสิ่งแวดล้อมบอกว่า มันเป็นเรื่องตลกมากที่อาหารซึ่งยังไม่ทันบูดเน่า ต้องถูกห้างร้านทิ้งขว้างเพียงเพราะว่า มันใกล้หมดอายุ สิ่งนี้กระทบกับสิ่งแวดล้อมและเป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ ซุปเปอร์มาร์เก็ตวีฟู้ดจึงเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการลดการทิ้งอาหาร หมวยเล็กคิดว่าเป็นเป็นวิธีการที่ดีค่ะที่จะกำจัดอาหารเหลือทิ้งแบบเอามาขายอีกทีในราคาถูกช่วยคนรายได้น้อย ไม่ใช่ที่เดนมาร์กเท่านั้นนะคะที่มีการรณรงค์แบบนี้ ที่ฝรั่งเศสและอังกฤษก็เช่นกัน เขามีการออกกฎหมายห้ามทิ้งผลิตภัณฑ์อาหาร ทำให้ห้างร้านทั้งหลายเมื่อรู้ว่า อะไรจะหมดอายุแล้ว ก็ต้องรีบนำไปบริจาคหรือนำไปแจกจ่ายให้กับธนาคารอาหาร หรือไม่งั้นก็ต้องถูกปรับไปตามระเบียบ

หมวยเล็กว่า ถ้าไทยมีกฎหมายแบบนี้ อาหารเหลือก็คงไม่ค่อยมีเหมือนกันค่ะ และคนคงลดการซื้ออาหารแพงๆในห้างและรอว่าเมื่อไหร่มันจะหมดอายุ แล้วไปดักซื้อที่ธนาคารอาหารแทนเป็นแน่... และผู้ประกอบการที่คิดไม่ดี ก็คงนำอาหารบูดจริงๆมาขายจนเป็นเรื่องเป็นราวฟ้องร้องกันอีก เพราะต้องยอมรับว่าวินัยและกฎหมายไทยยังไปไม่ถึงขั้นยุโรปเขาจริงๆ


เจเน็ท แจ๊กสัน “ยกเลิก”ทัวร์คอนเสิร์ตยุโรป ยิ่งเพิ่มกระแสข่าวลือเรื่องป่วยเป็นมะเร็ง!!!

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม เจเน็ท แจ๊กสัน นักร้องดัง น้องสาวไมเคิล แจ๊กสัน ได้ประกาศ”ยกเลิก”ทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรป ซึ่งจะมีขึ้นปลายเดือนมีนาคมนี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงการเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตของเธอหนล่าสุด หลังจากเคยเลื่อนทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกาเหนือมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงวันคริสต์มาสอีฟเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ท่ามกลางข่าวลือว่าเธอป่วย แต่เจ้าตัวไม่ได้เปิดเผยว่า ป่วยด้วยโรคใด

จากรายงานข่าวว่า นักร้องดังวัย 49 ได้ลบกำหนดวันแสดง ในตารางทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมดในยุโรป ซึ่งจะเริ่มต้นแสดงที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เป็นที่แรกในวันที่ 30 มีนาคมนี้ออกทั้งหมด โดยไม่มีคำอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ต ขณะที่ตัวแทนของเจเน็ท ก็ยังไม่ออกมาแจ้ง หรือให้ความเห็นใดๆ

ทั้งนี้ ในรายงานข่าวกล่าวว่า มีผู้ที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตไว้แล้วหลายราย ได้โพสต์เล่าผ่านโซเชียล มีเดียว่า พวกเขาได้รับอีเมล์แจ้งจากทางโปรโมเตอร์ ผู้จัดคอนเสิร์ตว่า ยังไม่มีตารางกำหนดวันแสดงทัวร์คอนเสิร์ตใหม่ออกมา และให้แฟนเพลงที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตไว้แล้ว ไปขอรับเงินคืนได้

การยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สอง หลังจากเมื่อช่วงคริสต์มาสอีฟ ซึ่งครั้งนั้น เจเน็ท ให้เหตุผลว่า เธอจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เปิดเผยว่า ป่วยเป็นโรคอะไร ซึ่งทำให้มีข่าวลือว่า เธอป่วยเป็นมะเร็งที่กล่องเสียง แต่ต่อมา นักร้องสาวคนดัง ก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์ของเจเน็ท ก็ยังมีกำหนดตารางทัวร์คอนเสิร์ตของเธอในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเริ่มขึ้นวันที่ 14 พฤษภาคม ที่นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา และการแสดงของเธอในการปิดการแข่งขันม้าที่ดูไบ เวิลด์ คลับ ในวันที่ 26 มีนาคมนี้


คู่รักโพสต์เฟซบุ๊คขายลูกสาว หาเงินซื้อ “ไอโฟน” รุ่นใหม่

เว็บไซต์ข่าวจีน “พีเพิล เดลี”รายงานจากมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ว่า คู่รักชาวจีนที่อาศัยอยู่ในเมืองถงอัน มณฑลฝูเจี้ยน ประกาศขายลูกสาววัย 18 วันบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ “เฟซบุ๊ค” สนนราคาเด็กอยู่ที่ 23,000 หยวน (126,500 บาท) เพื่อหาเงินมาซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่สัญชาติอเมริกันสุดฮิต “ไอโฟน”รุ่นใหม่ พร้อมรถมอเตอร์ไซค์ที่ตนอยากได้มานาน โดยความคิดดังกล่าวมาจาก ผู้เป็นพ่อวัย 19 ปี ซึ่งสื่อท้องถิ่นใช้นามสมมุติว่า “อาตวน”

อาตวนพูดคุยผู้ที่ต้องการซื้อเด็กในโปรแกรมแชทออนไลน์ “คิวคิว”เพื่อเจรจาต่อรองการซื้อขาย ทั้งนี้ แม่ของเด็ก “เสี่ยวเหมย” วัย 19 ปี เองก็ยินยอมพร้อมใจในความเห็นของสามีที่จะขายลูกสาวเพื่อนำเงินมาซื้อสิ่งที่อยากได้ โดยเธอยอมรับว่า เด็กคนนี้เกิดจากการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะมีลูก แม้จะเคยพยายามที่จะแต่งงานกันมาแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากอายุของทั้งสองยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สามารถแต่งงานได้อย่างถูกกฎหมายได้ และเสี่ยวเหมยเองก็เป็นเพียงแค่พนักงานทำงานพาร์ทไทม์สที่ไม่ได้มีรายได้แน่นอน อีกทั้งสามีก็ไม่มีฐานะร่ำรวยทั้งคู่จึงต้องการเงินมาก และคิดว่า การมีลูกอยู่ด้วยจะเป็นภาระ

ตำรวจทราบเรื่องดังกล่าวเนื่องจากผู้ซื้อเป็นผู้ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่เอง ทำให้เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามหาตัวพ่อแม่เด็กได้ในภายหลัง เสี่ยวเหมยหลบหนีจากผู้เป็นสามีไปยังเมืองอื่นแต่ตำรวจก็ตามไปจับกุมและดำเนินคดี ผู้พิพากษาตัดสินให้อาตวนต้องโทษจำคุกเป็นเวลาสามปี และเสี่ยวเหมยสองปีครึ่งแต่ให้รอลงอาญา เธอกล่าวว่า ตัวเธอเองก็ถูกรับเลี้ยงมาเช่นกัน เธอจึงไม่คิดว่า สิ่งที่เธอและสามีทำจะผิดกฎหมาย

โปรดิวเซอร์”บีเทิลส์”เสียชีวิต

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่9มี.ค.ว่าพอล แมคคาร์ทนีย์ ศิลปินวงเดอะ“บีเทิลส์” หรือวงสี่เต่าทองของอังกฤษในยุค1960จากเมืองลิเวอร์พูลกล่าวยกย่อง “จอร์จ มาร์ติน”โปรดิวเซอร์ของวงซึ่งได้เสียชีวิตลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาขณะมีอายุได้ 90 ปีว่าเขารู้สึกเสียใจมากที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของ“จอร์จ มาร์ติน” หากมีสมาชิกคนที่5ของวงเดอะบีเทิลส์แล้วคนนั้นควรจะเป็น”จอร์จมาร์ติน”ผู้ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษตัวจริงและเขายังถือว่าเป็นพ่อคนที่สองของเขาด้วย

ทั้งนี้เพราะ“จอร์จ มาร์ติน”เป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงในเรื่องดนตรีและยังเป็นผู้เรียบเรียงเพลงYesterdayหนึ่งในเพลงฮิตตลอดกาลของวงเดอะบีเทิลส์

พอลแมคคาร์ทนีย์ กล่าวในแถลงการณ์ว่าโลกได้สูญเสียบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งทิ้งผลงานที่ไม่อาจลบเลือนไปได้ในจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีอังกฤษ