ข่าว
แพร่คลิปตร.มะกันยิงมุสลิมผิวดำเพื่อป้องกันตัว

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(8มิ.ย.) เผยแพร่วิดีโอชายมุสลิมผิวดำคนหนึ่งถูกตำรวจและเอฟบีไอวิสามัญฆาตกรรมในบอสตัน พร้อมกล่าวหาผู้เสียชีวิตว่าวางแผนฆ่าตัดศีรษะเหล่าเจ้าหน้าที่

วิดีโอที่เห็นจากระยะไกลเป็นภาพที่บันทึกไว้ได้โดยกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าร้านเบอร์เกอร์คิง ที่อยู่ห่างจากจุดที่นายฮุซามะห์ ราฮิม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัย 26 ปี เผชิญหน้ากับตำรวจบริเวณลานจอดรถ ห่างออกไปราว 50 หลา

ตำรวจอ้างว่านายราฮิมถูกวิสามัญฆาตกรรมหลังปฏิเสธคำสั่งของเจ้าหน้าที่ร้องขอหลายต่อหลายครั้งให้เขาวางมีดลง อย่างไรก็ตามในวิดีโอไม่ได้ยินเสียงดังกล่าวและก็ไม่สามารถมองเห็นอาวุธได้อย่างชัดเจน

แพร่คลิปตร.มะกันยิงมุสลิมผิวดำเพื่อป้องกันตัว หวังสยบความโกรธแค้น

ในวิดีโอพบเห็นแต่ภาพที่นายราฮิม กำลังเดินไปยังป้ายรถเมล์ โดยเจ้าหน้าที่หลายนายค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆเขา จากนั้นก็ถอยกลับออกมาและไม่นานนายราฮิม ก็ล้มลงกับพื้น

นายดาเนียล คอนลีย์ อัยการเขตเผยว่าที่เผยแพร่วิดีโอนี้เพราะว่าต้องการสยบข่าวลือและข้อมูลผิดๆในขณะที่เขากำลังดำเนินการสืบสวนว่าการวิสามัญฆาตกรรมนายราฮิมนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และมันเป็นแค่หนึ่งในพยานหลักฐานหลายๆอย่างเท่านั้น

เบื้องต้นครอบครัวของนายราฮิม อ้างว่าเขาถูกยิงบริเวณหลังตรงป้ายรถเมล์ แต่ต่อมาก็นำวิดีโอดังกล่าวไปเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนพิธีศพของเขา "มันเป็นการแก้ไขที่รวดเร็ว ผมคิดว่าพวกเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง" วิลเลียม อีแวนส์ ผู้บัญชาการตำรวจบอสตันบอกกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(8มิ.ย.)

ในเอกสารคำฟ้องที่ยื่นต่อศาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายราฮิมถูกกล่าวหาซื้อมีดลักษณะคล้ายมีดทหาร 3 เล่มจากอะเมซอนและตัดสินใจย่องตามตำรวจ เนื่องจากพวกเขาเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุด ขณะที่นายเดวิด ไรท์ วัย 25 ปีที่ถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิด ถูกตั้งข้อหาสมคบคิดขัดขวางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่

เอกสารของศาลบอกด้วยว่านายราฮิม วางแผนโจมตีในสหรัฐฯมาตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม หรือ 1 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต จากนั้นในวันที่ 2 มิถุนายน เขาถูกกล่าวหาว่าได้โทรศัพท์หานายไรท์ตอนตี 5 แย้มว่าเขาวางแผนเล่นงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่จะถูกวิสามัญฆาตกรรมในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา


ISลักพาตัวหญิงขายบำเรอกาม ราคาเท่า'บุหรี่หนึ่งซอง'

เหล่าเด็กหญิงที่ถูกนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส)ลักพาตัวในอิรักและซีเรีย ถูกนำตัวไปขายในตลาดค้าทาส โดยบางคนมีราคาเท่ากับบุหรี่ซองเล็กๆเท่านั้น ทูตของสหประชาชาติด้านความรุนแรงทางเพศเปิดเผยในวันจันทร์(8มิ.ย.)

ไซนับ บันกูรา ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติที่เดินทางเยือนอิรักและซีเรียในเดือนเมษายน และนับตั้งแต่นั้นก็กำลังดำเนินการวางแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการกับปัญหาความรุนแรงทางเพศอันน่าขยะแขยงที่ก่อโดยพวกนักรบรัฐอิสลาม "นี่คือสงคราม ที่กำลังต่อสู้บนเรือนร่างของผู้หญิง" เธอให้สัมภาษณกับเอเอฟพี

ทูตของยูเอ็นรายนี้ได้พูดคุยกับผู้หญิงและเด็กหญิงที่สามารถหลบหนีออกมาจากการคุมขังในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไอเอส พร้อมทั้งหารือกับแกนนำทางการเมืองและทางศาสนาท้องถิ่น รวมถึงพบปะกับเหล่าผู้ลี้ภัยในตุรกี เลบานอนและจอร์แดน

เธอเล่าต่อว่าพวกญิฮัดเป็นผู้ดูแลตลาดค้าทาสสำหรับเด็กผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวระหว่างปฏิบัติการจู่โจมระลอกใหม่ แต่ไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีเหยื่อจำนวนเท่าไหร่ที่อยู่ภายใต้การกดขี่ของพวกนักรบ "พวกเขาฉุดและลักพาตัวผู้หญิงไปยังพื้นที่ของพวกเขา จากนั้นเด็กผ้หญิงเหล่านั้นก็จะถูกขายในราคาถูกสุดพอๆกับบุหรี่หนึ่งซอง ไปจนถึงหลักร้อยหรือพันดอลลาร์"

บันกูราบอกว่าเด็กสาววัยรุ่นที่ต้องทนทุกข์ทรมานเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นชนกลุ่มน้อยยาซาดี "บางคนถูกพาตัวไปขังอยู่ในห้อง มากกว่า 100 คนต้องแออัดอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ถูกจับถอดเสื้อผ้าและขัดถูกทำความสะอาด" จากนั้นก็ถูกพาไปยืนต่อหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้ราคาเท่าไหร่

ทูตของยูเอ็นเล่าต่อว่ามีเด็กหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่งถูกขายให้กับสมาชิกระดับแกนนำของไอเอส อาวุราวๆ 50 ปี ที่งัดปืนและท่อนไม้มาให้เธอดู ก่อนถามว่า "เลือกมา ว่าจะเอาอย่างไหน" ทางเด็กหญิงสอบว่า "ปืน" ทว่าคำตอบที่ได้รับคือ "ไม่ ข้าไม่ได้ซื้อแกมาเพื่อให้แกฆ่าตัวตายซะหน่อย" จากนั้นเขาก็ลงมือขยี้กามเธอ

การลักพาตัวเด็กสาวกลายเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาตร์เกณฑ์นักรบต่างชาติของไอเอส ท่ามกลางข้อมูลที่พบว่าช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา มีนักรบต่างชาติเดินทางไปยังอิรักและซีเรียเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ "นี่คือวิธีดึงดูดคนหนุ่ม เรามีผู้หญิงรอพวกคุณอยู่ สาวบริสุทธิ์ที่คนสามารถเสพสุขได้"

นักรบต่างชาติถือเป็นกระดูกสันหลังในการสู้รบของไอเอส โดยจากรายงานของสหประชาชาติเมื่อเร็วๆนี้พบว่ามีนักรบต่างชาติเกือบ 25,000 คนจาก 100 ประเทศ เกี่ยวข้องในความขัดแย้งทั่วโลก โดยส่วนใหญ่แล้วไหลบ่าเข้าสู่ซีเรียและอิรัก

'มาร์ค' น้อมรับเสียงสวดแก้น้ำท่วม กทม. พร้อมเร่งปรับปรุง

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 58 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ออกมาตำหนิ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ถึงการแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม.ว่า เราพร้อมน้อมรับเสียงตำหนิในภาวะที่ประชาชนเดือดร้อน เราต้องหาทางปรับปรุงแก้ไข วันนี้ผู้ว่าฯ จะกลับมาจากการเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ เพื่อประชุมร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพื่อพูดคุยปัญหาที่เกิดขึ้นในจุดที่น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทั้งนี้ หากฝนตกเป็นเวลานานกำลังระบบระบายน้ำที่มีอยู่อาจจะท่วมขังบ้าง แต่ไม่ควรเกิน 2-3 ชั่วโมง ซึ่งบางจุดที่ท่วมขังนานเกินไปก็ต้องไปตรวจสอบสาเหตุว่าคืออะไร และจะต้องมีแนวทางปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ยอมรับ ปชช.ไม่พอใจ พร้อมปรับปรุง


“ปู-ครม.”เตรียมฟ้องกลับอาญา “วิชา” ปมแจ้งข้อหาเยียวยาแดง

จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รวม 34 ราย กรณีการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 2548 - 2553 โดยไม่มีกฎหมายรองรับนั้น

ทางอดีตรัฐมนตรีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหลายคนได้หารือร่วมกันแล้วเห็นว่า จะดำเนินการฟ้องร้อง นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ พร้อมอนุฯ รวม 11 รายเพื่อเอาผิดในมาตรา 157, 200 และมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยจะส่งรัฐมนตรีตัวแทนไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ในวันที่ 12 มิถุนายน 2558 เวลา 14.00 น.

รายงานข่าว ระบุว่า เมื่ออดีตรัฐมนตรีหลายคนได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช. ที่ระบุว่า งบประมาณกลาง ไม่ใช่งบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งขัดแย้งกับที่คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละหน่วยงานต่างให้ความเห็นแล้วว่า สามารถทำได้ ขณะที่คำวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองกลาง ก็ระบุว่า เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี


'บิ๊กตู่'จ่อโละทีม เศรษฐกิจ ดึง 'สมคิด'คุมแทน 'หม่อมอุ๋ย'

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เตรียมปรับ ครม.เศรษฐกิจชุดใหญ่ ในอีก 2 เดือนข้างหน้า โดยมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ทาบทามนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจหัวหน้า คสช. มาดำรงตำแหน่งแทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดโอกาสให้นายสมคิด คัดเลือกคนที่เหมาะสม ทำงานเข้ากันได้ดีมานั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ที่จะถูกปรับออกพร้อมกันได้ ทั้งนี้นายสมคิดได้ถูกวางตัวไว้นานแล้ว แต่ติดขัดในเรื่องคุณสมบัติ ที่ขัดรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 เนื่องจากถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาก่อน จึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อปลดล็อกให้กับนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 และ 109 ไปด้วย รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อทีมเศรษฐกิจที่จะปรับใหม่ เบื้องต้นนายสมคิด นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี นายประสาน ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่า ธปท. ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ จะเป็น รมว.คลัง พล.ท.วิษณุศักดิ์ กลั่นเสนาะ ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. มานั่งแทนนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตร และสหกรณ์ ส่วนตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ของนายอำนวย ปะติเส จะมีนายทหารระดับสูงจาก คสช.ที่ดูแลปัญหายางพาราตกต่ำมานั่งแทน เป็นต้น.“


สถานทูตไทยรอเยี่ยม 5 นศ.ไทยถูกจับคาสนามบินปากีสถาน

วันที่ 11 มิ.ย. นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นักศึกษาไทย 5 คนที่ไปศึกษาต่อในประเทศปากีสถาน ถูกควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานละฮอร์ของปากีสถาน เมื่อค่ำวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถานว่า ช่วงดึกของวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีนักเรียนไทย 5 คน ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานเมืองละฮอร์ ในข้อหาพกอาวุธปืนในท่าอากาศยาน หลังจากเครื่องเอ็กซเรย์ของท่าอากาศยานฯ ตรวจพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมแถบบรรจุกระสุนและกระสุนปืนแยกซุกซ่อนไว้ ขณะที่กําลังเดินทางไปขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 346 เวลา 23.40 น.ตามเวลาท้องถิ่นของปากีสถาน กลับประเทศไทย ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ ได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของปากีสถาน ซึ่งขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ กำลังติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจปากีสถาน เพื่อขอเข้าเยี่ยมพร้อมช่วยเหลือนักศึกษาไทยให้ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายของปากีสถาน ส่วนโทษทางกฎหมายในข้อหาดังกล่าว ทางกระทรวงฯ ขอตรวจสอบกฎหมายของปากีสถานให้ชัดเจนอีกครั้ง


นายกฯ เตือนกลุ่มต้านอย่าคิดลองของ

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจที่ระบุว่าประชาชนเรียกร้องให้อยู่ปฏิรูปประเทศให้เสร็จทุกด้าน ก่อนเลือกตั้ง ว่า วันนี้ปัญหามีเยอะ และเวลาที่จำกัด ตนพูดมากก็ไม่ค่อยอยากจะฟังกัน อธิบายก็ถามแค่ว่าวันนี้จะอยู่ต่อหรือไม่ สนใจแค่นี้ วันนี้ตนทำงานตามแผนยุทธศาสตร์ ถ้าอยากจะเลือกตั้งก็เลือกคนที่ทำแบบนี้ อย่างไรก็ตามวันนี้อยากขอสื่อว่าอย่าเปิดเวทีให้การเมืองที่มันบิดเบี้ยว หรือคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายมากนัก เพราะจะมาต่อต้านการทำงานของตน ทำให้หงุดหงิด และมีปัญหาเพิ่มเติม ส่วนฝ่ายการเมืองที่ต่อต้าน เริ่มมีการเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้นนั้น ก็ลองทำไปเรื่อย ๆ แต่ต้องบอกว่าตนใจดีแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น ถ้าจะลองก็ลองดู เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าที่ผ่านมาเป็นหนังตัวอย่าง หลังจากนี้จะเป็นของจริงใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตัวจริงหมายถึงความดุเดือดใช้กฎหมาย ตนให้โอกาสในการปรับปรุงตัวเอง ผิดถูกไปว่ากันตามกฎหมาย เมื่อถามว่า รู้สึกดีหรือไม่ที่ประชาชนมองทหารเป็นพระเอก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อมีพระเอกต้องมีผู้ช่วยพระเอก มีดาวร้าย หนังมันถึงจะสนุก วันนี้พระเอกมีหลายคน แต่ผู้ร้ายมีเยอะ และผู้ร้ายชอบเป็นผู้ร้าย เพราะได้กอดนางเอก เมื่อถามว่า หากต้องมีการทำประชามติ หน่วยงานใดจะเป็นผู้รณรงค์ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝ่ายการเมืองจะรณรงค์ให้เลือกอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ แต่ถ้าจะรณรงค์ให้คนออกมาทำประชามตินั้นทำได้ ตอนนี้ต้องให้เกิดความชัดเจนในการทำประชามติเสียก่อนถึงจะรณรงค์ได้ ซึ่งจะกำหนดเนื้อหาอย่างไรก็ยังไม่รู้ อย่ามาว่าตนลอยตัวไม่ได้

เมียเอามีดแทงตัวเองตายเหตุผัวเซ็กส์เสื่อม

เมื่อวันที่ 11มิ.ย.ว่า แม่บ้านชาวไนจีเรีย ทราบเพียงชื่อว่า “แนนซี” วัย 32 ปี ที่อาศัยอยู่กับสามีในเขตออกพานัม เมืองอาซาบา รัฐเดลตาของไนจีเรียก่อเหตุใช้มีดจ้วงแทงตัวเองตาย ขณะที่สามีออกไปทำงานแล้ว หลังทนไม่ได้ในความไร้สมรรถภาพทางเพศของเขา ที่ตั้งแต่แต่งงานกันมาไม่เคยทำให้เธอพึงพอใจเลยได้สักครั้ง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา นางแนนซีไม่สามารถจะทนใช้ชีวิตคู่แบบนี้ได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจใช้มีดจ้วงแทงไปที่ท้องของตนเองจนเสียชีวิต หลังจากเผชิญความเสียใจและผิดหวัง เพราะมีเพศสัมพันธ์กับสามีครั้งล่าสุด คนในครอบครัวให้การกับตำรวจว่า นางแนนซีเคยเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวทางฝั่งสามีฟังหลายครั้ง และขู่ว่าจะขอหย่าขาดหากสามียังไม่สามารถทำให้เธอพอใจได้เช่นนี้ต่อไป นางแนนซีแต่งงานกับสามี ผู้ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ ซึ่งทำงานเป็นวิศวกรเครื่องจักรเมื่อหลายปีก่อน ทั้งคู่ไม่เคยมีสัมพันธ์กันมาก่อนก่อนแต่งงาน และเมื่อทั้งคู่แต่งงานกันก็ทำให้เธอค้นพบความจริงของสามี เธอจึงเริ่มโกรธและบ่นกับเรื่องดังกล่าวตลอดมา อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงสอบสวนการฆ่าตัวตายของนางแนนซีต่อไป “