ข่าว
‘เจฟฟ์ เบซอส’จ่อสละตำแหน่งซีอีโอ'แอมะซอน'

3 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกและผู้ก่อตั้งแอมะซอนดอทคอม (Amazon.com) บริษัทอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศเตรียมก้าวลงจากตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และจะดำรงตำแหน่งใหม่เป็นประธานกรรมการบริหารแทน ซึ่งบ่งชี้ว่าเบซอสยังคงมีอิทธิพลต่อกิจการและการดำเนินงานทั้งหมดของแอมะซอน

เบซอสกล่าวผ่านเว็บไซต์แอมะซอนถึงพนักงานทุกคนว่า ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เขาจะยังคงมีส่วนร่วมในแผนงานใหม่ ๆ ของแอมะซอนอยู่ การลงจากตำแหน่งซีอีโอจะทำให้เขามีเวลาและใช้แรงกายเพื่อทุ่มเทให้กับโครงการและธุรกิจอื่นๆ ของเขา แต่เขายังไม่หมดไฟในการทำงาน และตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องการเกษียณและะวางมือจากธุรกิจแต่อย่างใด

สำหรับผู้ที่จะมารับตำแหน่งแทน คือนายแอนดี แจสซี วัย 53 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดด้านเว็บไซต์และบริการคลาวด์ของแอมะซอน เขาเข้าร่วมงานกับแอมะซอนเมื่อปี 1997 หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นผู้ก่อตั้งแอมะซอน เว็บ เซอร์วิส (AWS) ก่อนจะได้เป็นซีอีโอของ AWS ในปี 2559

ทั้งนี้ เบซอสก่อตั้งบริษัทอเมซอนในปี 2537 และเปลี่ยนบริษัทที่เคยเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ ให้กลายเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ และให้บริการหลากหลายประเภท ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซไปจนถึงบริการสตรีมมิ่ง มีมูลค่าทางการตลาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนมกราคมปีก่อน และตอนนี้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และทำสถิติเป็นบริษัทที่ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน

แฉกลโกง 2 ผัวเมีย ใช้‘ธนบัตรปลอม’หยอดตู้เติมเงิน โยกเงินจริงเข้าบัญชีธนาคาร

3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่หน้า สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ , พ.ต.อ.ชยากร เทศะบำรุง รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.สุพรรษา สินศรี อายุ 30 ปี อยู่หมู่ 19 ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ที่ 7/64 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 และนายหวา ราชรินทร์ อายุ 29 ปี อยู่หมู่ 18 ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ทั้ง 2 เป็นสามีภรรยากัน พร้อมของกลาง 1.รถจักรยานยนต์ 1 คัน 2.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง 3.บัตรเอทีเอ็ม 4.สมุดบัญชีธนาคาร 10 เล่ม 5.ซองบรรจุซิมโทรศัพท์ 5.ธนบัตรรัฐบาลไทยปลอม ฉบับละ 100 บาท จำนวน 321 ฉบับ 6.ถุงมือตัดปลายนิ้ว 1 อัน 7.ซิมการ์ด 4 หมายเลข 8.หมวกกันน็อค 1 อัน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 มีคนร้ายก่อเหตุใช้ธนบัตรปลอมหยอดตู้เติมเงิน ในท้องที่ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ พ.ต.อ.นรินทร์ บุพตา ผกก.สภ.กันทรลักษ์ รายงานให้ พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ทราบ และได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.กันทรลักษ์ และกำลังสายตรวจและสายตรวจตำบล ให้สืบสวนหาตัวคนร้าย และตรวจสถานที่เกิดเหตุ

ชุดสืบสวนได้ร่วมกับพนักงานสอบสวน ตรวจที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า มีหลายจุดที่สามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ และพบเป็นภาพบุคคลต้องสงสัย จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาใช้บริการตู้เติมเงิน โดยมีบุคคลลักษณะคล้ายผู้หญิง สูงประมาณ 150-160 ซม. สวมหน้ากากปกปิดใบหน้า นำธนบัตรหยอดเงินเข้าตู้เติมเงิน และพบบุคคลลักษณะคล้ายชายผอมบาง อยู่ประจำรถจักรยานยนต์ นั่งซ้อนท้าย ซึ่งธนบัตรที่ตรวจพบดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม ที่หยอดเข้าตู้เติมเงินแต่ละจุด โดยทราบข้อมูลทางเทคนิคจากเจ้าหน้าที่ตู้เติมเงินที่เสียหาย โดยทราบว่าธนบัตรปลอมนั้นมีหลายใบ

จากนั้นจึงได้ประสานกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ตรวจสอบพบว่าคนร้ายนําธนบัตรปลอมฉบับละ 100 บาท หยอดลงตู้เติมเงิน โดยโอนผ่านระบบทรูวอลเล็ท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบข้อมูลกับบริษัททรูวอลเล็ท ที่เติมเงินเข้าโทรศัพท์หมายเลข 098-32xxx38 ปรากฏว่าผูกบัญชี ทรูวอลเล็ท เมื่อยอดเติมเงินปลอมเข้าบัญชี ทรูวอลเล็ท จากนั้นจะโอนไปยังบัญชี ทรูวอลเล็ท หมายเลขโทรศัพท์หมายเลข 095-31xxx39 จากนั้นจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร จากนั้นจะโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.สุพรรษา และ น.ส.สุพรรษา จะกดเงินสดจากบัตรเอทีเอ็มบัญชีของตนเอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพบภาพจากกล้องวงจรปิด ภายในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ทั้งหมด พบภาพคนร้ายทั้งสองโดยตลอด และตรวจสอบภาพและใบหน้าจากกล้องวงจรปิด และภาพถ่ายทะเบียนราษฎร์ ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นบุคคลเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ขออนุมัติออกหมายจับ น.ส.สุพรรษา

จากนั้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนติดตามเพื่อจับกุมและจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหานั้นมาพักอาศัยที่ห้องพักในหมู่ 11 ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จึงเข้าตรวจค้นปรากฏพบผู้ต้องหาตามหมายจับ และผู้ต้องหายอมรับอีกว่ามีสิ่งของที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการกระทำความผิดซุกซ่อนอยู่ที่หอพักไม่ทราบเลขที่ในหมู่ 12 บ้านแดนเกษม ต.เมืองเดช อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี โดยได้ของกลางทั้งหมด และธนบัตรที่ตนเองนำมาใช้นั้นได้ซื้อผ่านทางอินเตอร์เน็ตแล้วนำมาใช้เติมเงิน โดยซื้อมาจำนวน 30,000 บาท ซื้อในราคา 7,500 บาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 คน ว่า “มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรปลอม อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอม และได้มาซึ่งธนบัตรปลอมโดยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมแล้วยังขืนนำออกใช้” นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ดำเนินคดีต่อไป


ประเคนข้อหา'ซูจี'ละเมิดกฎหมายนำเข้าวิทยุสื่อสาร'วอลค์กี้ทอลค์กี้'

3 ก.พ.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจเมียนมาตั้งข้อหานางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี พรรครัฐบาลที่ถูกอกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจไปว่า เธอนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารอย่างผิดกฎหมายและเธอจะต้องถูกควบคุมตัวไว้จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เพื่อสอบสวน

เอกสารของตำรวจที่ยื่นต่อศาลให้ควบคุมนางซูจี วัย 75 ปี เพื่อสอบสวนระบุว่า ตำรวจเข้าค้นบ้านพักของเธอในกรุงเนปิดอว์ และพบเครื่องรับส่งวิทยุสื่อสาร วอลค์กี้ทอลค์กี้ ในบ้านของเธอ

ตำรวจระบุว่า วิทยุสื่อสารดังกล่าวนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมายและถูกนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ตำรวจกล่าวในเอกสารขอให้ศาลมีคำสั่งให้ควบคุมตัวนางซูจีไว้ เพื่อตำรวจจะได้สอบปากคำพยาน ค้นหาหลักฐานและขอคำแนะนำทางกฎหมายหลังจากที่สอบปากคำผู้ต้องหาแล้ว ในขณะเดียวกัน เอกสารของตำรวจอีกฉบับแสดงให้เห็นว่าตำรวจแจ้งข้อหาประธานาธิบดีวิน มินต์ ที่ถูกโค่นล้มจากตำแหน่งในความผิดตามฎหมายการจัดการภัยพิบัติ

ในขณะเดียวกัน โฆษกของพรรคเอ็นแอลดี โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คของเขาว่า ได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้ ระบุว่า นางซูจี มนตรีแห่งรัฐ จะถูกศาลพิจารณาความผิดฐานละเมิดกฎหมายนำเข้าและส่งออก และศาลมีคำสั่งให้ควบคุมตัวเธอเป็นเวลา 14 วัน ระหว่างวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่พรรคเอ็นแอลดี เชื่อว่า ขณะนี้เธอถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพัก ส่วนประธานาธิบดีวิน มินต์ ซึ่งถือกองทัพควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ก่อรัฐประหารเมื่อวันจันทร์ ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้านการจัดการภัยพิบัติ

ด้านพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ทำรัฐประหารยึดอำนาจ โดยอ้างเหตุผลว่า มีการทุจริตในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ที่พรรคเอ็นแอลดีได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ในขณะที่คณะกรรมาธิการเลือกตั้งระบุว่า การเลือกตั้งเป็นไปอย่างยุติธรรมแล้ว


เอกชนขอลดดอกเบี้ย-พักชำระหนี้ ประคองธุรกิจฝ่าวิกฤติโควิด-19

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ มุมมองของผู้บริหาร สอท. ต่อมาตรการป้องกันโควิด-19 และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ พบว่า ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และมองว่ารัฐบาลจะกำกับดูแลให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใน 2-4 เดือน แต่ยังกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ที่อาจส่งผลกระทบต่อการประกอบการอาทิ การขนส่งสินค้าข้ามจังหวัด การเดินทางของพนักงาน/ลูกจ้าง การใช้แรงงานต่างด้าว เป็นต้น

จากการสำรวจผู้บริหาร สอท. (CEO Survey) จำนวน 160 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรมและ 74 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่าส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นต่อมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ของภาครัฐ อยู่ในระดับมาก ที่ 46.3% สำหรับมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ของภาครัฐ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการประกอบการนั้น 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าข้ามจังหวัด 60.6% อันดับ 2 การเดินทางของพนักงาน/ลูกจ้าง 59.4% อันดับ 3การใช้แรงงานต่างด้าวในภาคอุตสาหกรรม 58.8%

และหากดูจากผลกระทบด้านต้นทุนในการประกอบการที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 พบว่าส่วนใหญ่ มีต้นทุนเพิ่มขึ้นคิดเป็น 10-20% ของต้นทุนการประกอบการในช่วงปกติ นอกจากนี้ยังได้เจาะลึกไปถึงเรื่องความพร้อมในการรับมือกรณีที่ต้องปิดกิจการ 14 วัน รวมทั้งการดูแลพนักงานที่ติดโควิด พบว่าส่วนใหญ่ ไม่สามารถปิดกิจการ 14 วัน และต้องให้ภาครัฐเข้ามาดูแลพนักงานที่ติดโควิด-19

ส่วนของความพึงพอใจต่อมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ภาครัฐได้ออกมาตรการเยียวยาในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโครงการมาตรการเราชนะ การขยายสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง การลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา การขยายเวลาลดหย่อนส่งเงินสมทบประกันสังคม เป็นต้นพบว่า ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลางคิดเป็น 58.1% และมาตรการเยียวยาที่อยากให้ภาครัฐพิจารณาเพิ่มเติมพบว่า สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.การลดดอกเบี้ยเงินกู้และพักชำระหนี้ 2.ลดหย่อนทางภาษี/เลื่อนการชำระภาษี 70.6% 3.จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการ 4.การกระตุ้นการบริโภคในกลุ่มผู้ที่เสียภาษี และ 5.การปรับหลักเกณฑ์ พ.ร.ก.เงินกู้ฯให้เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน


เอกชน'ภูเก็ต'จ่อลงขันซื้อวัคซีนโควิดแจกปชช. หวังเปิดท่องเที่ยวโดยเร็ว

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอรายงานพิเศษ Are you vaccinated for Covid-19? If so, Phuket wants you there by October ระบุว่า เกาะภูเก็ต เมืองชายทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลกของประเทศไทย มีแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งในเดือน ต.ค. 2564 ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้วเท่านั้น

รายงานข่าวอ้างถึงความพยายามของผู้ประกอบการภาคเอกชนในพื้นที่นับสิบราย ซึ่งรวมถึงหอการค้าจังหวัดภูเก็ต และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต (PTA) ในการลงขันระดมทุนเพื่อจัดซื้อวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับฉีดให้กับประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นได้ ให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากรบนเกาะภูเก็ตทั้งหมด โดยไม่รอการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล ด้วยความเชื่อมั่นว่าหากผู้คนบนเกาะมีภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) พวกเขาจะพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง

ถึงกระนั้น แผนดังกล่าวก็ยังต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาลไทยเสียก่อน ซึ่งรวมถึงการยกเว้นข้อกำหนดไม่ต้องกักตัว 14 วัน กรณีชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เพื่อให้เอื้อกับนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่นิยมหนีช่วงฤดูหนาวในบ้านเกิดมาพักอาศัยบนเกาะภูเก็ต โดย ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม (Bhummikitti Ruktaengam) นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หากพลาดฤดูกาลท่องเที่ยวในฤดูหนาวปีนี้ก็ต้องรอไปอีกปี ธุรกิจการท่องเที่ยวไม่อาจรอได้อีกแล้ว หากต้องรออีกคงไม่รอดอย่างแน่นอน

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในช่วงปลายปี 2563 ประเทศไทยเคยพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนจะได้ผลตอบรับที่ไม่ดีนัก เพราะมีจำนวนน้อยคนที่ยอมรับได้กับการเดินทางเข้ามาแล้วต้องถูกกักตัวก่อนจะได้รับอนุญาตให้ออกไปท่องเที่ยว และต่อมายังต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 จนดับฝันแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านมาตรการกระตุ้นทั้งผู้ประกอบการและประชาชน

แต่แผนการครั้งใหม่ของชาวภูเก็ต ซึ่งถูกเรียกว่า “Phuket First October” ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวจะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ผ่านบริษัทเอกชน รวมถึงการซื้อวัคซีนจาก ซิโนแวค ไบโอเทค ผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 สัญชาติจีน ซึ่งคาดว่าในเดือน ก.พ. 2564 วัคซีนดังกล่าวจะได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลของไทย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของไทย คาดว่าการแจกจ่ายวัคซีนตามแผนของรัฐบาลทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทย ภายในปี 2565

ทั้งนี้ ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยประสบกับความสูญเสียอย่างรุนแรง และมีคนทำงานในภาคส่วนดังกล่าวหลายแสนคนอยู่ในความเสี่ยง ทำให้ วิลเลียม ไฮเน็ค (William Heinecke) ประธานบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีกิจการโรงแรมกว่า 500 แห่งใน 55 ประเทศ ต้องเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayut Chan-o-cha) นายกรัฐมนตรีของไทย เรียกร้องให้จัดลำดับพนักงานภาคการท่องเที่ยวและบริการ เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 การเคลื่อนไหวดังกล่าวยังอำนวยความสะดวกในการเดินทางโดยไม่ต้องกักตัวสำหรับบุคคลที่มีหนังสือรับรองการฉีดวัคซีน

รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า เกาะภูเก็ตอาจกลายเป็นพื้นที่นำร่องของประเทศไทย หากประสบความสำเร็จจะสามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ ไฮเน็ค ยังอ้างถึง สาธารณรัฐเซเชลส์ (Seychelles) ที่ยกเว้นข้อกำหนดเรื่องการกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว ส่วน ภูมิกิตติ์ ย้ำว่า ภูเก็ตมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเสมอมา วันนี้จึงต้องยืนหยัดเพื่อควบคุมสถานการณ์

“ตอนนี้เราไม่มีเงินมากนัก แต่นี่คือการผลักดันครั้งสุดท้าย และหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยเราได้” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวในท้ายที่สุด

‘อินเดีย’เผยปชช.ในเดลี 56% มี‘แอนติบอดี’ต้านโควิด-19 ลุ้นภูมิคุ้มกันหมู่ใกล้สำเร็จ

3 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน สตเยนทร แชน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกรุงเดลี เมืองหลวงของอินเดีย กล่าวว่าผลสำรวจสิ่งส่งตรวจที่รวบรวมจากประชากร (sero-survey) ในเดลี พบประชาชนราวร้อยละ 56 มีแอนติบอดีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

“ผลสำรวจสิ่งส่งตรวจในเดลี ครั้งที่ 5 พบประชากรร้อยละ 56.13 มีแอนติบอดี” แชนเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ “นี่เป็นการสำรวจครั้งใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลเดลีเคยทำมา”

แชนกล่าวว่าเดลีสามารถยับยั้งโรคโควิด-19 ได้แล้ว แต่ยังคงเน้นย้ำการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ป้องกันโรคโควิด-19 ต่อไป

“เดลีหยุดยั้งโรคโควิด-19 สำเร็จเป็นส่วนใหญ่ แต่เราควรปฏิบัติตนตามแนวทางที่เหมาะสมเพื่อป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง”

การทดสอบซึ่งบ่งชี้การติดเชื้อในอดีต (Serology tests) มักถูกใช้เฝ้าระวังโรคระบาดในชุมชน สามารถใช้กับผู้ที่เคยมีผลตรวจโรคเป็นบวกหรือผู้ป่วยไม่แสดงอาการ โดยจะช่วยเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันต้านโรคโควิด-19

“พื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของเดลีมีความชุกของระดับภูมิคุ้มกันมากสุดที่ร้อยละ 62.18 ขณะพื้นที่ตอนเหนือของเดลีมีความชุกของระดับภูมิคุ้มกันต่ำสุดที่ร้อยละ 49.09” แชนกล่าว

ทั้งนี้ ผลสำรวจสิ่งส่งตรวจจากประชากรในเดลี ครั้งที่ 5 บ่งชี้ว่าเดลีอาจใกล้บรรลุเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ต่อโรคโควิด-19 แล้ว โดยการสำรวจที่สิ้นสุดลงไม่นานนี้ได้เก็บรวบรวมตัวอย่างจากประชาชนในหลายเขตของเมืองกว่า 25,000 คน

เดลีเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 หนักหน่วงเป็นอันดับ 6 ของอินเดีย มีผู้ป่วยสะสม 635,217 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 10,856 ราย ขณะในภาพรวมอินเดียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่รุนแรงเป็นอันดับ 2 ของโลก