ข่าว
โสมแดงขีดเส้นตาย 10 เม.ย. ไม่คุ้มครองสถานทูตต่างชาติ

รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศ ไม่สามารถให้ความคุ้มครองสถานทูตต่างชาติได้ หลังจากวันที่ 10 เม.ย. หากเกิดความรุนแรงจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่ดำเนินอยู่

สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีบานปลายไปสู่อีกมิติหนึ่ง เมื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือแจ้งเตือนรัสเซียและอังกฤษในวันนี้ ว่า เปียงยางไม่สามารถให้ความคุ้มครองสถานทูตต่างชาติได้ หลังจากวันที่ 10 เม.ย. ไปแล้ว หากเกิดความรุนแรงขึ้นมา นายเดนิส แซมโซนอฟ โฆษกสถานทูตรัสเซียประจำเกาหลีเหนือ เผยว่า ได้รับแจ้งจากทางการเกาหลีเหนือ ให้อพยพเจ้าหน้าที่พนักงานออกจากสถานทูตในกรุงเปียงยาง และสถานทูตต่างชาติอื่นๆ ก็ได้รับแจ้งเช่นเดียวกันนี้ แต่ทางการรัสเซียจะยังไม่พิจารณา ดำเนินการตามคำร้องขอของทางการเปียงยางในขั้นตอนนี้ เนื่องจากยังไม่ปรากฎสัญญาณของความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในเมืองหลวงของเกาหลีเหนือ

ส่วนโฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ แถลงที่กรุงลอนดอนในวันเดียวกันนี้ ว่า ได้รับแจ้งจากทางการเกาหลีเหนือว่า ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของสถานทูตและองค์กรต่างชาติในเกาหลีเหนือ หลังพ้นวันที่ 10 เม.ย. ไปแล้ว โฆษกฯ กล่าวอีกว่า เกาหลีเหนือมีความรับผิดชอบตามอนุสัญญาเวียนนา ในการปกป้องคุ้มครองคณะเจ้าหน้าที่การทูต และรัฐบาลอังกฤษเชื่อว่าเกาหลีเหนือได้ดำเนินการตามข้อตกลงกังกล่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการจิตวิทยาต่อต้านภัยคุกคามของสหรัฐ.

“น้ำหวาน”ควงทนายความ โต้กรณีข่าวฉาว "หนิง-จิน"

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 เม.ย. ที่ ห้องมณฑาทิพย์ 3 โรงแรมโฟร์ซีซั่น ราชดำริ น.ส.วรพรรณ พันธุ์คงชื่น หรือ ไฮโซน้ำหวาน พร้อม นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ออกมาชี้แจงกรณีต่างๆ หลังจากที่ดารานางร้าย ‘หนิง-ปณิตา’ ‘จิน’จรินทร์ ธรรมวัฒนะ สามี และ ‘แนน’ชุมพิชา พัฒนาหิรัญ ออกมาแถลงข่าวพร้อมกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดย ‘น้ำหวาน’ ชี้แจงในแต่ละประเด็นชนิดที่เกือบจะเป็นหนังคนละม้วนกับที่อีกฝ่ายได้ออกมาแถลงข่าว “วันนี้ที่ออกมาไม่ได้มาโต้เรื่องข่าว แต่จะชี้แจงในมุมของตัวเองที่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น การรู้จักกันเริ่มต้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกันมาก่อน วันนั้นหวานนั่งอยู่ที่ร้านอควากับพี่ๆ ที่รู้จักกัน ประมาณตีหนึ่งคุณจินเดินเข้ามาทักทายพี่ตั้ม(สมประสงค์) จากนั้นก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะ ตามมารยาทพี่ตั้มก็แนะให้รู้จักกับทุกคนในโต๊ะ สิ่งที่คุณจินบอกว่าได้แอบแลกเบอร์กัน ความจริงไม่ได้แอบแต่เป็นการแลกแบบเปิดเผยเพราะคุณจินขอเบอร์น้ำหวานและรุ่นพี่อีกคนที่อยู่ในโต๊ะนั้นด้วยแล้วที่บอกว่าหวานไปร่วมงานหมั้นของน้องสาวคุณแนน ความจริงคือหวานไม่ทราบว่ามีงานหมั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานั้นเลย แต่หวานนั่งกินข้าวกับพี่ๆ ที่ร้านอควาตามปกติ ตามที่คุณหนิง(ปณิตา)อ้างว่าเห็นคุณจินจับมือหรือลูบหัวหวานในงานหมั้น คิดว่าคงไม่ใช่หวานแล้ว คุณหนิงคงต้องไปหาโจทก์อีกคนที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร”

ไฮโซคนเดิมกล่าวต่ออีกว่า “สำหรับเรื่องโทรศัพท์ที่คุณหนิงบอกว่าหวานเคยโทร.ไปหา ยอมรับว่าโทร.ไปหาคุณหนิงจริง เนื่องจากมีผู้อาวุโสคนหนึ่งโทร.มาหวานแล้วถามว่าใช่น้ำหวานหรือเปล่า หวานก็ตอบใช่ค่ะ ผู้อาวุโสคนนั้นก็ถามกลับว่าทราบไหมว่าคุณจินแต่งงานแล้ว หวานก็บอกว่าไม่ทราบค่ะ จากนั้นผู้อาวุโสคนนั้นก็ถามอีกว่าหวานเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หวานก็ตอบไปทั้งหมด แล้วผู้อาวุโสก็เอาเบอร์ของคุณหนิงมาให้แล้วบอกว่าคุณหนิงรออยู่ให้หวานโทร.ไปเพราะร้อนใจ พอหวานวางสายจากผู้อาวุโสคนนั้นก็รับโทร.ไปหาคุณหนิงทันที คุณหนิงรับสายและพูดว่าเขาไม่เคยแยกกันอยู่กับคุณจิน แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ตอนนั้นหวานก็งงว่าทำไมต้องมาบอกหวานเพราะนับกันวันนั้นหวานกับคุณจินเพิ่งรู้จักกันแค่สามวันเอง หลังจากที่วางสายจากคุณหนิง คุณจินก็โทร.มาหาหวานแล้วบอกว่าผู้อาวุโสคนนั้นฝากมาขอโทษเพราะไม่ทราบเรื่องที่คุณหนิงกับคุณจินมีปัญหากันเรื่องนี้หวานไม่ทราบว่าจริงหรือไม่จริง แค่รับฟังแล้วก็วางสายไป”

กรณีภาพคู่กันที่หลุดออกมา ‘ไฮโซน้ำหวาน’ กล่าวว่า “สำหรับรูปถ่ายคู่กันที่ปรากฏในข่าว หวานไม่ทราบว่ารูปนั้นคือมีใครจงใจหรือเปล่า ทุกครั้งที่หวานกับคุณจินเจอกันจะมีเพื่อนๆ อยู่ด้วยตลอด ลำพังรูปอย่างเดียวไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่มาบวกกับข่าวร้ายๆ ที่เป็นอยู่เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ซึ่งพอมีรูปออกมายิ่งทำให้คนเข้าใจหวานไปในทางลบว่ารู้อยู่แล้วเรื่องคุณจินมีภรรยา แต่ก็ยังจะทำเรื่องไม่ดี ส่วนเรื่องข้อความที่ส่งไปหาคุณจินแล้วบอกว่าฮันนี่ มิสยู อะไรก็แล้วแต่ จริงๆ เป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้คำนี้มาพูดกันในเชิงคนรักกันหรือคบกันอย่างเดียว บางคนน่าจะเข้าใจว่าคำนี้พูดกับเพื่อนหรือพี่ก็ได้ หวานอาจจะพลาดเองที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทยมากพอ ต้องขอโทษที่คำพูดพวกนี้กลับมาทำร้ายตัวเอง และทำให้เป็นเรื่องบานปลายมาจนถึงตอนนี้ แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็ยังไม่มีอะไรแน่ชัดเลยว่าหวานกับคุณจินมีสัมพันธ์อะไรกันลึกซึ้งตามที่คิดกันหรือเปล่า”

กรณีโทรศัทพ์และข้อความเจ้าปัญหาที่ ‘หนิง-ปณิตา’ นำมาเผยแพร่ในวันแถลงข่าวจนทำให้เชื่อมั่นว่าไฮโซสาวรู้จักและสนิทกับสามีของตัวเองแน่นอน เรื่องนี้ไฮโซคนดังกล่าวเผยว่า “การที่คุณหนิงบอกว่าหวานส่งข้อความและโทร.หาคุณจินตลอด หวานเองก็มีหลักฐานที่จะบอกว่าความจริงแล้วคุณจินเป็นฝ่ายโทร.หาแต่หวานไม่ได้รับเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ บิลค่าโทรศัพท์ที่คุณจินโทร.มาหาหวานที่อเมริกา คุณจินก็ให้หวานไปเก็บเงินที่เขา ฝากพี่ๆ ทวงด้วยนะคะ ยอดเงิน 7 หมื่นกว่าบาท ถามว่าหวานโทร.หาคุณจินบ้างไหม ยอมรับว่ามีเพราะหวานอยู่อเมริกาก็ไม่ได้ทราบข่าวทุกอย่าง บางทีก็อยากรู้ว่าปัญหาอะไรมันเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้เลยส่งข้อความมาหาคุณจินว่าโทร.กลับมาได้ไหมหวานอยากทราบมันเกิดอะไรขึ้นคำพูดที่บอกว่าหวานแย่งสามีมันเป็นคำพูดที่แรงเกินไปหรือเปล่า คล้ายกับว่าผู้ชายไม่สนใจแต่หวานพยายามจะเอามาให้ได้ หวานไม่มีความจำเป็นที่ต้องตื๊อหรือง้อเขา พอได้ทราบข่าวหวานก็เขียนข้อความ “Leave me alone from now na ka” แปลว่าให้หวานอยู่คนเดียวเถอะ เรื่อวมันเยอะพอแล้ว ส่วนข้อความที่คุณหนิงได้นำออกมาแปลต่อหน้าสื่อ “If your free call me back never mind ka stay with your family and i would do what i have to do...” ซึ่งคุณหนิงแแปลว่า ฉันไม่ได้สนใจอะไร ถ้าคุณจะอยู่กับครอบครัว ฉันก็จะทำในสิ่งที่ต้องการทำ ซึ่งความเป็นจริงที่หวานพยายามจะสื่อคือ โทร.กลับมาถ้าเกิดว่าง ไม่เป็นไรนะคะถ้าคุณอยู่กับครอบครัว ฉันก็จะทำในสิ่งที่ฉันควรทำในตอนนั้น บางทีคุณหนิงอาจจะไม่เข้าใจในภาษาของหวาน”

“เรื่องตั๋วเครื่องบินที่หวานส่งอีเมล์ไปหาคุณจินเพราะจะเปลี่ยนไฟลต์กลับกรุงเทพฯ แล้วคุณจินเป็นคนที่ขอมารับและมาส่งหวานเอง หวานไม่เป็นคนไปขอ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ทั้งขาไปและขากลับ หวานไปเองและกลับเองค่ะ” น้ำหวานกล่าว

ประเด็นที่เป็นข้อกังขาว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ทราบว่าฝ่ายชายแต่งงาน เรื่องนี้ ‘น้ำหวาน’ กล่าวว่า “ประเด็นที่ว่าหวานไม่ทราบเรื่องคุณจินแต่งงานกับคุณหนิงแล้ว แม้ว่าคุณหนิงจะเป็นดาราแต่หวานก็ไม่ทราบได้เพราะหวานไม่ทันตอนช่วงนั้น บวกกับเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องข่าวอะไรพวกนี้ ไม่ดูทีวีด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนเรื่องโรงแรมที่คุณหนิงบอกว่ามาเจอกันสามคน เหตุการณ์ในวันนั้นคือหวานยืนอยู่หน้าโรงแรม รถของหวานจอดอยู่ตรงข้าม คุณหนิงได้วิ่งออกมจากรถพร้อมกับเอากล้องไอโฟนมาถ่ายวิดีโอหวาน แล้วก็พูดว่า “นี่หนิง-ปณิตานะคะ” จากนั้นก็วิ่งไปที่รถของหวานพร้อมกับถ่ายรถและทะเบียนรถของหวาน นี่คือความเป็นจริงที่หวานเห็นกับตาตัวเอง ตอนแรกก็ไม่ทราบว่าเป็นคุณหนิงแต่มองไปมองมาก็ใช่คุณหนิง แล้วพอจะเรียบเรียงเรื่องราวได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

สำหรับเรื่องการฟ้องร้องนั้น ‘น้ำหวาน’ ยืนยันว่า “หวานไม่เคยได้พูดออกสื่อเลยว่าจะฟ้องคุณหนิง คุณแนน หรือทางครอบครัว คิดว่ามันมีปัญหามากพอแลเวไม่อยากจะเพิ่มปัญหาให้มากไปกว่านี้ แต่ที่พูดไปว่าจะฟ้องคืออินสตาแกรมของใครก็ไม่ทราบที่เสพสื่อข่าวผิด แล้วมาต่อว่าทางครอบครัวของหวาน ทางกฎหมายกำลังจะดำเนินการเรื่องนี้ซึ่งไม่เกี่ยวกับคุณหนิงและคุณแนน แต่ถ้าจะให้ฟ้องหวานก็อยากฟ้องคุณหนิงว่าทำไมคุณจินมาทำพฤติกรรมแบบนี้กับหวาน ฟ้องในที่นี้เหมือนเล่าให้ให้ฟัง ฟ้องแม่ฟ้องเพื่อน ไม่ใช่ฟ้องศาลค่ะ”

‘น้ำหวาน’ กล่าวต่อกีว่า “รวมถึงเรื่องที่พี่สะใภ้ของหวานส่งข้อความไปหาคุณจินบอกว่าให้รีบเคลียร์ภายใน 24 ชม. เคลียร์ในที่นี้หมายถึงว่าเรื่องรูปหลุดที่ออกมา บอกให้แน่ชัดว่าใครเป็นคนปล่อย ไม่ใช่เคลียร์เรื่องครอบครัวเขาให้มาอยู่กับหวาน ข้อความเต็มๆ ก็มีอยู่ การที่คุณหนิง คุณแนน และคุณจินบอกว่าอยากให้จบ หวานก็อยากจบ แต่การกระทำและคำพูดทางฝ่ายเขามันสวนทางกัน กลับกลายเป็นว่าหลังการแถลงข่าวก็มีการโพสต์รูปและข้อความในอินสตาแกรมของคุณแนนเพื่อให้คนเข้ามาคอมเม้นต์วิพากษ์วิจารณ์หวานต่อไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร เรื่องก็ไม่จบเหมือนเดิม”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จริงไหมในช่วงที่หนิงกับจินมีปัญหากัน หวานไปจินที่คอนโดฯ ที่ทองหล่อ “คุณจินโทร.มาบอกว่ากลับบ้านแล้ว แต่ไม่ทราบว่าบ้านไหนหรือคอนโดฯ ไหน แต่ยืนยันว่าไม่ได้ไปหาคุณจินแน่นอน ถามว่าคุณจินมีท่าทีมาจีบไหม ตอนแรกที่รู้จักกันก็เป็นเพื่อนเป็นพี่ แต่หลังๆ ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ช่วงนั้นใช้คำว่าคบกันไม่ได้ด้วยเพราะเป็นระยะเวลาสั้นๆ คุณจินโทร.มา หวานโทร.ไป ทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบนิสัยใจคอเขาจริงๆ ว่าเป็นยังไง แต่พอหวานรู้ว่าคุณจินแต่งงานแล้วก็ไม่ได้ถึงขั้นใช้คำพูดว่าอย่ามายุ่ง แต่ปฏิเสธทางข้อความและไม่ได้รับสายเยอะมาก คิดว่าเป็นคนที่ไม่ควรจะต้องรู้จักกันต่อไปด้วยซ้ำ”

ต่อข้อถามถึงข่าวที่ว่า จินกับน้ำหวานไปเที่ยวบ้านเพื่อนของหนิงที่เชียงใหม่ น้ำหวานกล่าวว่า “หวานไปเชียงใหม่จริง แต่ไม่ได้ไปกับคุณจิน ครอบครัวหวานมีโรงแรมที่เชียงใหม่ ฉะนั้นหวานจะต้องไปดูแลทุกเดือน”

อยากฝากอะไรถึงทางอีกฝ่ายไหม “การที่จะอยากให้ครอบครัวตัวเองกลับมามั่นคง ไม่จำเป็นต้องพูดความเท็จหรือสื่อในสิ่งผิดเพื่อให้ครอบครัวตัวเองดีขึ้น แล้วทำให้คนอื่นดูแย่ลงไปโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นยังไง เลือกเอาตัวเองสบายก่อน ส่วนที่คุณหนิงไปออกรายการแล้วบอกว่าสงสารหวานที่โดนคุณจินหลอก ไม่ต้องสงสารหวาน สงสารตัวเองดีกว่า หวานไม่ทราบว่าคุณจินจะกลับไปคุยกับคุณหนิงว่ายังไง แต่อยากให้คุณจินได้เล่าถึงความเป็นจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร เพื่อจะให้คุณหนิงรู้สึกดีและเข้าใจในตัวหวานมากกว่านี้ ไม่ใช่ออกมาด้านลบแบบนี้

“สุดท้ายยืนยันว่าหวานไม่ได้ยุ่ง ไม่ได้กิ๊กกับกับคุณจินไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามค่ะ” น้ำหวานกล่าว

นายนิติธร กล่าวว่า การที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีพฤติกรรมแบบนี้ มันมีนัยยะของปัญหาครอบครัวบางประการ แล้วก็ไม่ควรกระทำให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อ ถ้าผู้ชายคนหนึ่งเอาผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเหยื่อ เอาอีกคนมาเป็นเหยื่อ คิดว่าไม่ควรจะมีใครปกป้อง สิ่งที่คุณหนิงทำถูกต้องที่จะเสียสละดูแลผู้ชายคนนี้ต่ออีกทั้งชีวิต สิ่งเหล่านี้มันเริ่มจากการหลอกลวงการโกหก ฉะนั้นก็วนไปวนมาอยู่อย่างนี้ การที่คุณจินออกมาบอกว่า ขาดสติขาด ความยับยั่งชั่งใจ ผิดเอง ต้องถามว่าผิดกับใคร ทำไมไม่พูดให้ชัด ทำไมไม่ออกมาปกป้องว่าแม้แต่กับผู้หญิงคนนี้ผมก็ทำผิดที่เข้ามายุ่งจนทำให้เกิดปัญหาครอบครัว แม้แต่กับครอบครัวของเขาเองเขาก็ทำผิด คุณจินพูดไม่ได้เหรอ คุณหนิงอยากให้ครอบครัวมีความสุข คุณน้ำหวานก็อยากให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขเหมือนกัน

สลดครูลืมเด็กในรถตู้ 3ขวบโคม่า ตากแดดเปรี้ยง4ชม. ขาดอากาศ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 เมษายน ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางไปเยี่ยมอาการเด็กหญิงมนัสนันท์ ทองภู่ หรือ น้องเอย อายุ 3 ขวบ นักเรียนชั้นเตรียมอนุบาล 1 โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ที่ป่วยสมองบวมเพราะขาดอากาศหายใจ พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู หลังนางรัตนา นครโสภา อายุ 34 ปี มารดาเข้าร้องเรียนมูลนิธิว่า สาเหตุมาจากลูกสาวถูกครูลืมทิ้งไว้ในรถตู้ของโรงเรียนประมาณ 4 ชั่วโมง

นางรัตนากล่าวว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา รถตู้ได้มารับลูกไปโรงเรียน ช่วงเย็นครูโทรศัพท์มาแจ้งว่า ลูกหมดสติอยู่ในรถตู้ ต้องส่งไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองสมุทร จึงรีบไปดูอาการ แพทย์บอกว่าสมองบวมเพราะขาดออกซิเจน ไม่ได้สติต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียู ก่อนจะย้ายตัวน้องเอยมารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยครูยอมรับว่าโรงเรียนมีเด็กมาก เมื่อตอนเช้ารับเด็กขึ้นรถพอถึงโรงเรียนระหว่างที่เด็กทยอยลงจากรถ ระหว่างนั้นมีเด็กคนหนึ่งอาเจียนครูจึงต้องรีบดูแลปฐมพยาบาล จากนั้นลูกได้วิ่งย้อนกลับขึ้นไปบนรถเพราะว่าลืมกระเป๋า คนขับได้ล็อกรถนำรถไปจอดนอกโรงเรียน โดยไม่รู้ว่าลูกอยู่บนรถ จนโรงเรียนเลิกครูเปิดรถจึงรู้ว่าลูกอยู่บนรถรีบส่งโรงพยาบาล

พญ.เสาวนีย์ ชัยศุภรัศมีกุล กุมารแพทย์ด้านทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤตเด็ก รพ.กรุงเทพ กล่าวว่า ตรวจสอบพบว่าคนไข้มีภาวะขาดน้ำและพอให้น้ำเกลือ เด็กมีอาการชักเกร็ง โดยแพทย์ได้ให้ยากันชัก และจากการเอกซเรย์พบว่า มีอาการสมองบวม แพทย์จึงให้ยาลดบวม และจากการตรวจเลือดพบว่ามีภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งเป็นผลมาจากสมองขาดออกซิเจน แพทย์ได้รักษาด้วยการให้ยาเพิ่มความเป็นด่าง ซึ่งขณะนี้ยังคงให้ยานอนหลับ เพื่อให้สมองของเด็กได้พักผ่อน โดยจะต้องรอดูอาการอีกประมาณ 3 วัน

นางปวีณากล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานผู้กำกับการ สภ.เมืองสมุทรปราการ โดยแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว โดย ผกก.จะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่โรงเรียนดังกล่าว พร้อมเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน และจะประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ให้เข้ามาตรวจสอบจัดระเบียบการรับส่งนักเรียนให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น

วันเดียวกัน พ.ต.ท.สุทธิชน ธงชัยภูมิ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สภ.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เชิญตัว น.ส.ดาวรอง ศรีสุมัง อายุ 37 ปี ครูพี่เลี้ยงช่วยสอนโรงเรียนอนุบาลอนงค์เวท เลขที่ 146 หมู่ 2 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มาสอบปากคำหลังถูกผู้ปกครองน้องเอย แจ้งความเอาผิดพร้อมผู้เกี่ยวข้อง

พ.ต.ท.สุทธิชนกล่าวว่า สอบปากคำ น.ส.ดาวรองทราบว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน ได้นั่งรถตู้รับส่งนักเรียน มีนายสันติภาพ หวานใจ อายุ 35 ปีเป็นคนขับ ไปรับน้องเอย ที่หมู่บ้านพฤกษา 15 พร้อมกับเด็กนักเรียนคนอื่นรวม 13 คน มาส่งโรงเรียน หลังรถตู้มาถึงโรงเรียนเวลาประมาณ 09.45 น. ได้ปล่อยให้เด็กๆ ทยอยลงจากรถ ระหว่างนั้นมีเด็กนักเรียนคนอื่นอาเจียน จึงพาไปล้างตัวที่ห้องน้ำ โดยไม่ทราบว่าน้องเอยได้กลับไปขึ้นรถ จนมาทราบอีกครั้งหลังโรงเรียนใกล้เลิก

"อย่างไรก็ตาม จะเรียกสอบครูซึ่งเป็นคนขับรถในภายหลังพร้อมผู้บริหารโรงเรียน ประมาณ 4-5 ปากก่อนจะพิจารณาว่า จะตั้งข้อหาใครเป็นผู้เข้าข่ายกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้เด็กได้รับบาดเจ็บล้มป่วยต่อไป" พ.ต.ท.สุทธิชนกล่าว

ด้านนางยุวรส คีรีวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลอนงค์เวทกล่าวว่า เพิ่งทราบหลังนายสันติภาพพบตัวเด็ก หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ เดินทางไปเฝ้าอาการเด็ก พร้อมจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ในเบื้องต้นได้มอบเงินค่ารักษาพยาบาลให้กับแม่น้องเอย 200,000 บาท ไว้เป็นค่ารักษา