ข่าว
'eBay'ประกาศเลิกจ้างพนักงานอีก1,000ตำแหน่ง แก้ปัญหารายจ่ายมากกว่ารายรับ

24 มกราคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อีเบย์ (eBay) บริษัทแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ประกาศเตรียมปรับลดจำนวนพนักงานอีกกว่า 1,000 ตำแหน่ง หรือ 9% ของจำนวนพนักงานที่มีในปัจจุบันทั้งหมด หลังจากที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2023 อีเบย์เคยเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกไปราวๆ 500 ตำแหน่ง

ต่อมาเจมี เอียนโนนี ซีอีโออีเบย์ ระบุในเอกสารว่า ในขณะที่เรากำลังดำเนินการตามกลยุทธ์ของเรา จำนวนพนักงานและค่าใช้จ่ายโดยรวมของเราแซงหน้าการเติบโตของธุรกิจเรา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เรากำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และรวมทีมบางทีมเพื่อปรับปรุงประสบการณ์แบบ end-to-end และตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเราทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

เปิดชนวน! ผบ.หมู่ สืบสวนยิงหนุ่ม 25 ดับ เหตุตามลูกสาวกลับบ้าน เจอแฟนลูกคว้ามีด-ปาขวดไล่

วันที่ 24 มกราคม 2567 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง เข้าตรวจสอบบ้านภายในซอยรัชดาภิเษก 3 แยก 14 ห้วยขวาง กทม. หลังได้รับแจ้งเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบพบร่างชาย อายุ 25 ปี เสียชีวิตอยู่บนถนนหน้าบ้านหลังดังกล่าว

แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า บ้านหลังนี้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก มีตน สามี และลูกชาย กระทั่งลูกชายพา น.ส.เอ ลูกสะใภ้เข้ามาอยู่ในบ้าน โดยที่ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เข้ามาพักอาศัยกับพวกตนนานกว่า 1 เดือนแล้ว ไม่ได้ทำงานทำการอะไร

กระทั่งเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังล้างจานอยู่หน้าบ้าน สามีนอนดูโทรทัศน์ภายในบ้าน มีรถเก๋งสีบรอนซ์เงิน ทะเบียนกรุงเทพฯ ขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน ตนจึงเดินออกมาถามคนภายในรถ ซึ่งนั่งมาด้วยกัน 2 คน ว่ามาหาใคร คนขับบอกว่าเป็นพ่อของ น.ส.เอ จะมารับลูกสาวกลับบ้าน ตนจึงวิ่งขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2 ซึ่งลูกชายกับลูกสะใภ้พักผ่อนอยู่ บอกว่าคนพวกนั้นมาหา

แต่ลูกชายถือมีดวิ่งออกมา พร้อมคว้าขวดภายในบ้านเขวี้ยงใส่รถ คนในรถซึ่งนั่งคู่มากับคนขับที่อ้างตัวเป็นพ่อของ น.ส. ชักอาวุธปืนยิง ใส่ลูกชาย กระสุนเข้าบริเวณลำคอ ลูกชายล้มลงทันที ตนกับสามีรีบวิ่งเข้าไปประคองลูกชาย และพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน แต่ก็ไม่ทัน ลูกชายสิ้นใจในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ

แม่ผู้เสียชีวิตระบุว่า มือปืนผู้ก่อเหตุ เป็นตำรวจสืบสวน สน.ห้วยขวาง ยศ ด.ต.

ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ระบุว่า มีพยานเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด 6 ปาก ขณะนี้ได้เชิญตัวทั้งหมดไปให้ปากคำที่ สน.ห้วยขวาง แล้ว

ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจชั้นประทวน ฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร ไม่ใช่ สน.ห้วยขวาง ตามที่แม่ระบุ ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนี ยืนรอมอบตัวกับตำรวจสายตรวจที่มาถึง

ขณะนี้ได้ประสานไปยังแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้ว เตรียมดำนเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป


ทีมชาติไทยการันตี ลิ่วรอบน็อคเอ้าท์เอเชียนคัพ หลังญี่ปุ่นชนะอินโดฯ

วันที่ 24 มกราคม 2567 ผลพวงจากการที่ ญี่ปุ่น เอาชนะ อินโดนีเซีย 3-1 ในเกมนัดสุดท้ายของกลุ่ม ดี ศึกฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้อินโดนีเซีย ลงสนาม 3 นัด มีแค่ 3 แต้ม ต้องไปลุ้นเกมกลุ่ม เอฟ ให้ โอมาน แพ้หรือเสมอ คีร์กีซสถาน ถึงจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

ทำให้ทีมชาติไทย การันตีการผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ หรือ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย แบบ 100 เปอร์เซ็นต์เรียบร้อยแล้ว

ทีมชาติไทย ผ่านสองเกมแรก ด้วยการเอาชนะ คีร์กิซสถาน 2-0 และ เสมอโอมาน 0-0 ทำให้มี 4 คะแนน จากสองเกมแรก เป็นรองจ่าฝูงของ กลุ่ม เอฟ

โดยล่าสุดด้วยผลของสายอื่นที่มีทีมอันดับ 3 เก็บได้ไม่ถึง 4 คะแนน 2 กลุ่มทำให้ ไทย การันตี การผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในทันที

การผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันของ ทีมชาติไทย หลังจากที่ เมื่อปี 2019 ที่ ประเทศยูเออี ทีมไทยผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้เช่นกัน

สำหรับช้างศึก ยังมีโปรแกรมอีกหนึ่งนัด ในการเจอกับ ซาอุดีอาระเบีย ที่ เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม ในวันที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTV HD 36 และ T-Sports 7

ซึ่งสถานการณ์ของทีม หากชนะจะเป็นแชมป์กลุ่ม จะต้องพบกับ รองแชมป์ กลุ่มอี (เกาหลีใต้, จอร์แดน หรือ บาห์เรน) จะแข่งขัน ที่ เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม ในวันที่ 30 มกราคม 2567 นี้ เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

หากเสมอจะเป็นรองแชมป์กลุ่มเอฟ และต้องพบกับ อุซเบกิสถาน ที่ อัล ยานูบ สเตเดียม ในวันที่ 30 มกราคม 2567 เวลา 18.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

หรือหากแพ้ และประตูได้เสียเป็นรอง โอมาน ที่ชนะคีร์กิซสถาน ได้ จะต้องพบกับ อิรัก (แชมป์กลุ่มดี) ที่ อัล บายต์ สเตเดียม ในวันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 18.30 น. ตามเวลาประเทศไทย


เปิดใจ'เอกภพ สายไหมต้องรอด'หวังจะได้พัก หากกลไกรัฐทำหน้าที่อย่างดี

24 ม.ค. 2567 นายเอกภพ เหลือประเสริฐ หรือ เอก ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดกล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมีนายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นการออกมาเคลื่อนไหวเป็นปากเป็นเสียงเรียกร้องความเป็นธรรมให้ประชาชนในเรื่องต่างๆ เช่น กรณีกลุ่มวัยรุ่นแก๊งทรายทอง จ.นนทบุรี ก่อเหตุทำร้ายเด็กชายวัย 13 ปี บาดเจ็บสาหัส หรือการช่วยตามเรื่องประชาชนตกเป็นเหยื่อสูญเงินเพราะมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือพ่อที่ถูกลูกชายติดยาเสพติดทำร้ายร่างกาย รวมถึงอีกหลายๆ เรื่อง

จนกลายเป็นว่า ปัจจุบันประชาชนมององค์กรภาคประชาสังคม เช่น สายไหมต้องรอด กันจอมพลัง มูลนิธิปวีณา ฯลฯ อย่างเชื่อมั่นมากกว่าหน่วยงานภาครัฐไปแล้ว ว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องมีใจที่อยากจะช่วยเหลือประชาชนก่อน อย่ามองว่ามาทำงานโดยหวังเพียงได้รับเงินเดือนในวันสิ้นเดือนไปเลี้ยงดูครอบครัว หากคิดแค่นั้นก็จะไม่มีใจช่วยเหลือประชาชน ในขณะที่พวกตนมาทำงานตรงนี้ไม่มีเงินเดือนแต่มีใจ งานจึงออกมาดี

“วันนี้สังคมบ้านเรามันต้องขับเคลื่อนด้วยการสื่อสาร ขับเคลื่อนด้วยพลังโซเชียลอน่างนี้ แต่ผมหวังว่าสิ่งที่เราทำวันนี้อาจเป็นตัวจุดกระตุ้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านมีเงินเดือนกินกันอย่างนี้ ให้มาทำงานอย่างจริงจัง ช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง วันหนึ่งผมหวังว่าผมตื่นมาแล้วไม่มีคนมาร้องเรียนผมเลย เพราะระบบที่มันมีอยู่มันดี มันลงตัวแล้ว มุ่งหวังอย่างนั้นจริงๆ นะ” นายเอกภพ กล่าว

นายเอกภพ กล่าวต่อไปว่า ในการเลือกว่าจะช่วยเหลือกรณีใด ตนมีคำถามในใจเสมอว่าจะเลือกความถูกใจหรือถูกต้อง แน่นอนตนเลือกความถูกต้อง แต่บางครั้งเลือกแล้วไม่ถูกใจผู้ชมก็มี เช่น ครั้งหนึ่งตนไปช่วยคนชื่อลุงต้อม สืบเนื่องจากมีประชาชนแจ้งเข้ามา บอกว่านอนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ตามลำตัวมีแผลเหวอะหวะ ก็มีชาวบ้านไปถามลุงว่าโดนอะไรมา ลุงต้อมบอกถูกราดน้ำก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ใส่ เพราะไปขอกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแล้วร้านไม่ให้กินแล้วสาดน้ำร้อนไล่

เบื้องต้นเมื่อสอบถามชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบข้อมูลว่า ลุงต้อมเป็นคนขี้เมา ชอบเดินไปขอเงินบ้างของอาหารบ้าง แต่ไม่เคยทำร้ายใคร อีกอย่างเป็นคนใช้งานง่าย ให้ 20 บาท ช่วยกวาดพื้นหรือเก็บร้านก็ทำ กระทั่งวันเกิดแหตุ ลุงต้อมในสภาพเมาสุรา ไปขออาหารที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งปกติทางร้านก็ให้กิน แต่วันนั้นไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทางร้านเหมือนโมโหและพยายามไล่ และเมื่อลุงต้อมไม่ไป จึงคว้ากระบวยที่มีน้ำก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ อยู่สาดใส่จนเป็นแผล ลุงต้อมก็วิ่งหนีแล้วก็มานอนซมอยู่ 2 วัน ทำให้แผลเน่า

ซึ่งหลังจากให้ทีมงานพาลุงต้อมไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ก็คิดว่าจุดยืนของตนคือไม่ควรมีใครใช้ความรุนแรงทำร้ายกันเอง หากเห็นว่าอีกฝ่ายมาระราน วิธีที่ถูกต้องคือการแจ้งความไม่ใช่ลงมือทำร้ายอีกฝ่ายเอง ตนจึงพาลุงต้อมไปแจ้งความเอาผิดร้านก๋วยเตี๋ยว ผลคือเมื่อเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ความเห็นบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่กลับด่าทอตน บอกว่าลุงต้อมไประรานเขาก่อนก็สมควรแล้วทำไมต้องไปช่วยด้วย นี่คือสังคมไทยกำลังป่วยทางความคิดหรือไม่

“มีสายโทรศัพท์สายหนึ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจมากเลย ผมต้องขอบคุณคุณป้าสายนี้มาก คุณป้าโทรศัพท์สายตรงมาจากอเมริกา แล้วก็บอกว่า คุณเอก! พอจะมีเลขบัญชี เบอร์ติดต่อ หรืออะไรที่เกี่ยวกับลุงคนที่ถูกราดน้ำร้อนไหม? ป้าโทรมาจากอเมริกา เราก็ตกใจ แล้วคุณป้าดูข่าวอย่างไร? ป้าบอกดูข่าวจากยูทูบตลอด ติดตามข่าวที่ประเทศไทย ป้าบอกว่าสิ่งที่คุณเอกทำคือสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเรื่องนี้เกิดที่อเมริกา ร้านก๋วยเตี๋ยวต้องถูกจับตั้งแต่วันแรก มันจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้เลย เพราะคนเราเป็นคนเท่ากัน เขาไม่ใช่สัตว์ สัตว์ก็ยังไม่มีสิทธิ์ทำเขา” นายเอกภพ ระบุ

นายเอกภพ ยังกล่าวอีกว่า การคุยกับคุณป้าท่านนี้ ทำให้ตนรู้สึกว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่บางทีคนไทยจะมองอีกมุมหนึ่ง เช่น มองเป็นคนบ้า คนเมา ทำไปเถอะไม่เป็นอะไร ตนถามกลับว่าถ้าอีกฝ่ายรวย 100 ล้าน จะกล้าทำแบบเดียวกันหรือไม่ ตนเห็นว่าที่กล้าทำเพราะเห็นอีกฝ่ายยากจนหรือไม่มีทางสู้ แต่ตนต้องการทำให้เห็นว่าไม่ว่าจะยากดีมีจนกฎหมายก็ต้องคุ้มครอง


'จีน-นาอูรู'กลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต หลังตัดขาดกับไต้หวัน

24 มกราคม 2567 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนและนาอูรูลงนามแถลงการณ์ร่วม ณ กรุงปักกิ่งของจีน เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ณ ระดับเอกอัครราชทูต

หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้หารือกับลีโอเนล ไอน์กิเมอา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของนาอูรู และลงนามแถลงการณ์ร่วม ซึ่งมีผลบังคับใช้โดยทันที

แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวระบุว่ารัฐบาลสาธารณรัฐนาอูรูรับรองว่าโลกนี้มีเพียงจีนเดียว รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลตัวแทนจีนทั้งหมดอันถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียว และไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งอันมิอาจแบ่งแยกของจีน

ทั้งนี้ รัฐบาลสาธารณรัฐนาอูรูจะตัด "ความสัมพันธ์ทางการทูต" กับไต้หวันและรับรองว่าจะไม่พัฒนาความสัมพันธ์หรือการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการกับไต้หวันอีกต่อไป

รัฐบาลของทั้งสองประเทศเห็นพ้องจะแลกเปลี่ยนเอกอัครราชทูตโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจัดสรรความช่วยเหลืออันจำเป็นทั้งหมดสำหรับการจัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตแก่กัน

'เน็ตฟลิกซ์'ผงาด! ยอดผู้ใช้ทะลุ 260 ล้านบัญชีทั่วโลก รายได้สูงกว่าที่คาดการณ์

24 มกราคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) บริษัทความบันเทิงรูปแบบสตรีมมิงชั้นนำของโลก เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสสี่ (ตุลาคม-ธันวาคม) ของปี 2023 โดยมีรายได้รายไตรมาสอยู่ที่ 8.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.16 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบปีต่อปี

รายงานระบุว่าเน็ตฟลิกซ์มีรายได้ 937.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.36 หมื่นล้านบาท) หรือ 2.11 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 76 บาท) ต่อหุ้นในไตรมาสสี่ของปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรายได้สุทธิ 55.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.98 พันล้านบาท) หรือ 12 เซนต์ (ราว 4.29 บาท) ต่อหุ้น เมื่อเทียบปีต่อปี

จดหมายถึงผู้ถือหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ระบุว่าจำนวนสมาชิกในไตรมาสสี่ของปีก่อนเพิ่มขึ้น 13 ล้านราย ซึ่งเป็นการเติบโตมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในไตรมาสสี่ สูงกว่าการคาดการณ์ของวอลล์ สตรีต (Wall Street) ที่ประเมินไว้ 8.7 ล้านราย โดยปัจจุบันเน็ตฟลิกซ์มีสมาชิกแบบเสียค่าบริการทั่วโลกรวม 260 ล้านราย

สำหรับภาพรวม เน็ตฟลิกซ์สร้างรายได้ในปี 2023 รวม 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.14 ล้านล้านบาท) คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 12 และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6 ในปี 2022

ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์กล่าวถึง “โอกาสใหญ่” ในการปรับปรุงเนื้อหาของซีรีส์และภาพยนตร์ในปี 2024 พร้อมกับขยับขยายการบริการสู่ธุรกิจเกม ความบันเทิงแบบรับชมสด และรายการกีฬา โดยการเติบโตของรายได้ตลอดปี 2024 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นระดับเลขสองหลัก เนื่องด้วยจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนในธุรกิจโฆษณา

นอกจากนั้นเน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางอุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะในหมู่บริษัทเครือข่ายโทรทัศน์ และเสริมว่าไม่สนใจเข้าถือครองสินทรัพย์โทรทัศน์แบบดั้งเดิม