ข่าว
'เทีย-เทีย ลี่'ลูกครึ่งออสเตรเลีย คว้า 'มิสทีน ไทยแลนด์ 2012'

สาวน้อยวัย 16 ปี ลูกครึ่ง ไทย-ออสเตรเลีย "เทีย-เทีย ลี ทวีพาณิชย์พันธุ์" คว้า "มิสทีน ไทยแลนด์ 2012" ดาวดวงใหม่แจ้งเกิดวงการบันเทิง...

เมื่อ 22.30 น. วันที่ 26 ต.ค. ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ร่วมกับสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และบริษัท แม็กซิม อินเตอร์ คอร์ปอร์เรชั่น จัดการประกวดมิสทีน ไทยแลนด์ ประจำปี 2012 บาย แม็กซิม คอนแทคเลนส์ รอบตัดสิน ภายใต้คอนเซปต์ "Miss Teen Beauty Blossom สาวงามที่น่ารัก สดใส เปรียบดั่งดอกไม้ที่เริ่มเบ่งบาน" ผลปรากฏว่า น้องเทีย-เทีย ลี ทวีพาณิชย์พันธุ์ ลูกครึ่ง ไทย-ออสเตรเลีย อายุ 16 ปี ศึกษาอยู่ British International School คว้าตำแหน่ง มิสทีน ไทยแลนด์ 2012 พร้อมตำแหน่ง Miss Maxim Contact Lens, ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน และ Miss Blue Corner ได้รางวัลรวมมูลค่า 1,000,000 บาท แบ่งเป็น เงินรางวัล 300,000 บาท พร้อมรายได้จากการเป็นนางแบบนิตยสารชั้นนำลิขสิทธิ์แท้จากต่างประเทศในระยะเวลา 4 ปีเป็นเงิน 700,000 บาท และจะได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเป็นนักแสดงต่อไป พร้อมครองมงกุฎเพชร, สายสะพาย, เข็มกลัดทองคำ พร้อมรับรางวัลอื่นจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย

ขณะที่รองอันดับ 1 มิสทีน ไทยแลนด์ 2012 ได้แก่ หมายเลข 8 วิรากร คิ้วศุภกร ได้รับ เงินรางวัล 200,000 บาท, รายได้จากการเป็นนางแบบนิตยสารชั้นนำจากต่างประเทศ ระยะเวลา 3 ปี เป็นเงิน 400,000 บาท, ถ้วยรางวัลเกียรติยศ, สายสะพาย, เข็มกลัดทองคำ พร้อมรับรางวัลอื่นจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย, รองอันดับ 2 ได้แก่ หมายเลข 27 เอมิ-ปีย์วรา ผดุงสัตยวงศ์ อายุ 16 ปี โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน, หมายเลข 34 จุ๊บจิ๊บ-ธนพร ศรีวิราช อายุ 17 ปี โรงเรียนพะเยาพิทยาคม และหมายเลข 45 ฝ้าย-นุชนาถ ประสพศักดิ์ อายุ 16 ปี วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัลสนิทวงศ์ ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท, รายได้จากการเป็นนางแบบนิตยสารชั้นนำจากต่างประเทศ ระยะเวลา 1 ปี เป็นเงิน 150,000 บาท, ถ้วยรางวัลเกียรติยศ, สายสะพาย, เข็มกลัดทองคำ พร้อมรับรางวัลอื่นจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย

สำหรับบรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยบรรดามิสทีนไทยแลนด์ รุ่นพี่ที่มาปรากฏโฉมความน่ารักสดใส นำโดย เอมี่-อาเมเรีย จาคอป มิสทีน ไทยแลนด์ 2006, มุก-มุกดา นรินทร์รักษ์ มิสทีน ไทยแลนด์ 2011 , พิ้งค์-กมลวรรณ ศตรัตพะยูน รองอันดับ 1 มิสทีน ไทยแลนด์ 2011, สกาย-มาเรีย เฮิร์ชเลอร์, ซิต-เบนาซิต เพียรรักษ์ และมายด์-อนิส สุวิทย์ รองอันดับ 2 มิสทีน ไทยแลนด์ 2011 จากนั้น เชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ มิสทีน ไทยแลนด์ 2002, มะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ์ มิสทีน ไทยแลนด์ 2008 และ เติ้ล ตะวัน จารุจินดา พิธีกรรอบตัดสินได้ขึ้นกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน พร้อมนำเข้าสู่การประกวด มิสทีน ไทยแลนด์ 2012 บาย แม็กซิม คอนแทคเลนส์ อย่างเป็นทางการในการแสดงชุดที่ 1 Miss Teen Fashion โชว์แนะนำ 50 คน ต่อด้วยการแสดงชุดที่ 2 Let’s go to Prom โดยผู้เข้าประกวด 50 คนร่วมด้วยมิสทีนไทยแลนด์ รุ่นพี่

นอกจากนี้ ในวันที่ 27 ต.ค. สาววัยทีนที่ได้รับตำแหน่ง มิสทีน ไทยแลนด์ 2012 พร้อมรองอันดับ 1 และรองอันดับ 2 จะเดินทางไปถวายพระพร พระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฯ ณ ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริรราช พร้อมปฏิบัติภารกิจทั้งการเยี่ยมเยือนขอบคุณสื่อมวลชนและผู้สนับสนุน

"มดดำ" ทุ่ม 20 ล้าน ประกันแม่ที่ฟลอริดา

พิธีกรหนุ่มฝีปากจัดจ้าน "มดดำ-คชาภา ตันเจริญ" สุดช็อกหลังทราบข่าวคุณแม่โดนจับฐานทำกรีนการ์ดปลอมที่อเมริกา เผยตอนนี้ให้น้องชายนำเงินกว่า 15 ล้านไปประกันตัว รวมทั้งค่าทนายแล้วก็เกือบ 20 ล้านบาท โดยพิธีกรคนเก่งบอกถึงแม้ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กเพราะครอบครัวแยกทางกัน แต่ด้วยความที่เป็นแม่บังเกิดเกล้าตนก็พร้อมช่วยถึงที่สุด ต่อให้หมดตัวก็ต้องสู้

ถามเรื่องคุณแม่ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

"ก็ให้ทางน้องชายเอาเงินไปประกันตัว ก็เยอะอยู่ ตามที่ข่าวออก"

ค่าประกันเท่าไหร่?

"ทั้งหมด 15 ล้านบาทครับ ผมไม่ปล่อยให้แม่ของตัวเองอยู่ในคุกหรอก แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันไม่ได้อะไร แต่แม่ก็คือแม่"

ได้คุยกับคุณแม่บ้างไหม?

"ยังไม่ได้คุยเลยครับ เพราะว่าทุกอย่างเราต้องตั้งทนายก่อน ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไรเยอะ เอาแม่ออกมาจากคุกให้ได้ซะก่อน ถามว่าเครียดไหม ก็เครียดเรื่องเงิน เพราะถ้าเป็นเงินไทยมันก็ไม่ได้เยอะ แต่เงินเมืองนอกมาตีเป็นเงินบาทหนักเลย"

พอประกันตัวมาแล้ว ต้องรออะไรอีกไหม?

"ก็ต้องตั้งทนายต่อ ตอนนี้ทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยค่าทนายก็ 2 ล้านกว่าบาท รวบรวมแล้วก็เงินที่เก็บมาหมด"

ทางคุณพ่อและญาติๆ ว่ายังไงบ้าง?

"คุณพ่อบอกว่าให้ช่วยให้ถึงที่สุด"

ค่าประกันกับค่าทนายรวมกันหรือยัง?

"ค่าทนายยังไม่รวมครับ ทั้งหมดไม่รู้ ตอนนี้ประเมินไม่ได้เลยว่ามันจะยืดยาวขนาดไหนเพราะมันกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตแล้ว"

ราวๆ 20 ล้าน ถึงไหม?

"คือตอนนี้เท่าที่ได้ยินมามันก็โดนความผิดด้วย อยากจะขายร้านอาหาร แล้วมีคนมาหลอก คือบางทีเหมือนหักล้างกันเอง ตอนนี้มันหลายกระแส เรายังไม่มีโอกาสคุยกับแม่ คงจะได้คุยกันหลังประกันตัวออกมา"

ยังไงก็จะสู้ให้ถึงที่สุด?

"ก็แม่ ให้หมดตัวก็ต้องสู้ แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ก็แม่"

ศาลฎีกาพิพากษาประหาร “สุขุม เชิดชื่น” ฆ่าพ.ญ.นิชรี

(25 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีจ้างวานฆ่า พญ.นิชรี มะกรสาร อดีตวิสัญญีแพทย์ รพ.จุฬาฯ หมายเลขดำ ด.2166/40 หมายเลขแดง ด.2039/47พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธนศักดิ์ หรือใหม่ ยิ้มดี อายุ 35 ปี, นายสราวุธ หรือตั๊ก ไชยสิงห์ อายุ 34 ปี, นายชัชพัฒน์ หรือเซ้ง กิตตธนากร (เสียชีวิตศาลสั่งจำหน่ายคดี) นายวิเชียร หรือม่อน กิตติธนากร อายุ 47 ปี และนายสุขุม เชิดชื่น อดีต สมาชิกวุฒิสภา อายุ 50 ปี เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ตามลำดับในความผิดฐานจ้าง วาน ใช้ และร่วมกันฆ่า พญ.นิชรี มะกรสาร อดีตวิสัญญีแพทย์ รพ.จุฬาฯ โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , กระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 40 ระบุความผิดสรุปว่า

เมื่อระหว่างวันที่ 15–25 ต.ค. 39 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 3 และ 5 ร่วมกันจ้างวานใช้ให้จำเลยที่ 1 , 2 และ4 ร่วมกันฆ่าผู้ตาย ด้วยเงินค่าจ้างจำนวน 500,000 บาท กระทั่งวันที่ 25 ต.ค. 39 เวลา 05.30 น. จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ร่วมกันใช้อาวุธปืนสั้นออโตเมติกไม่มีทะเบียน ขนาด 11 ม.ม. พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 18 นัดของจำเลยที่ 3 ไปใช้ยิง พญ.นิชรี จำนวน 5 นัด จนถึงแก่ความตายขณะขับรถยนต์ออกจากบ้านพักย่านห้วยขวาง สาเหตุมาจากนายสุขุม จำเลยที่ 5 มีความขัดแย้งกับผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องการบริหารโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เนื่องจากผู้ตาย สั่งปลดจำเลยที่ 5 ออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน กระทั่งเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกันทั้งในทางแพ่งและทางอาญาหลายคดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่แม่ผู้ตายถูกจำเลยที่ 5 หลอกลวงให้มอบเงินจำนวน 200 ล้านบาท ไปซื้อที่ดิน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 100 ไร่ เพื่อทำสนามกอล์ฟทั้งที่ผู้ตายและบิดาคัดค้าน รวมทั้งเรื่องการขัดธุรกิจบริษัทค้าขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสอง และรับทวงหนี้ จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนแต่กลับให้การปฏิเสธในชั้นศาล ส่วนจำเลยที่ 5 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 47 ว่า จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 กระทำผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 แต่คำให้การ ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 , 2 และ4 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5 มีความผิดฐานจ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 289 อนุ 4 ประกอบมาตรา 84 เสมือนเป็นตัวการในการฆ่า ให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยที่ 1 , 2 , 4 และ 5 อุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำเลยที่ 2 , 4 และ 5 ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสุขุม จำเลยที่ 5 ได้จ้างวานให้ จ.ส.อ.เมตตา เต็มชำนาญ (ยศขณะนั้น) และนายมงคล หรือหมง นกทอง ไปฆ่าผู้ตายถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกที่โรงแรมเอเซีย ในงานครบรอบ 50 ปี โรงเรียน และครั้งที่ 2 ที่โรงเรียนเอกชนที่ผู้ตายเป็นเจ้าของ แต่ทั้งสองคนไม่รับงาน จำเลยที่ 5 จึงไปจ้างให้จำเลยที่ 3 จ้างจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ฆ่าผู้ตาย ส่วนเหตุที่จำเลยที่ 5 จ้างวานฆ่าผู้ตาย เนื่องมาจากความขัดแย้งในการทำธุรกิจร่วมกัน รวมทั้งการบริหารโรงเรียน และการที่จำเลยที่ 5 ได้ฉ้อฉลนางฉลวย มะกรสาร เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จำนวน 100 ไร่ ราคาประมาณ 200 ล้านบาท นับเป็นสาเหตุร้ายแรงที่จำเลยที่ 5 จ้างฆ่าผู้ตาย

นอกจากนี้คำรับสารภาพของจำเลยอื่น ๆ ในชั้นจับกุมที่ให้การรับสารภาพต่อหน้านายเสนาะ เทียนทอง รมว.มหาดไทยขณะนั้น และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ล้วนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัย ส่วนที่นายมงคล หรือ หมง นกทอง กลับคำให้การ มาเบิกความว่า จำเลยที่ 5 ไม่เคยติดต่อให้ฆ่าผู้ตายนั้น ก็เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเหลือให้จำเลยที่ 5 พ้นจากความผิด จึงไม่มีน้ำหนักมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ฎีกาจำเลยที่ 2 , 4 และ 5 ฟังไม่ขึ้น คำพิพากษาที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

ภายหลังฟังคำพิพากษาศาลฎีกา นายสุขุม เชิดชื่น จำเลยคนสำคัญในคดีนี้ กล่าว สั้น ๆ ยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิด เพราะหากกระทำจริงก็คงจะหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้คดีนาน หลังจากนี้จะปรึกษากับทนายความขอพระทานอภัยโทษภายใน 60 วันด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายสุขุม ถูกเบิกตัวจากเรือนจำกลางบางขวาง โดยมีบุตรชาย2คน และญาติสนิทมิตรสหายประมาณ 20 คน มาให้กำลังใจ และเมื่อฟังคำพิพากษาของศาลแล้วต่างก็มีอาการซึมเศร้า สำหรับนายธนศักดิ์ หรือใหม่ ยิ้มดี จำเลยที่ 1 ยอมรับโทษจำคุกตลอดชีวิต คดีจึงถึงที่สุดแล้วตั้งแต่ชั้นศาลอุทธรณ์ โดยไม่ยื่นฎีกาแต่อย่างใด