ข่าว
‘โอบามา’ กร้าว!! สั่งโจมตีทางอากาศ ถล่มเป้าหมายกลุ่มไอซิส ในอิรักแล้ว

ประธานาธิบดีโอบามา แห่งสหรัฐฯ หมดความอดทน สั่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ถล่มเป้าหมายในอิรักแล้ว ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม หลังกลุ่มไอซิสกร้าวหนัก บุกยึดเมืองต่างๆ จนทำให้อิรักกำลังเข้าใกล้หายนะ ผู้คนจำนวนมากต้องบาดเจ็บล้มตายและอพยพหนีภัยอย่างน่าเวทนา..

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ มีคำสั่งปฏิบัติการ ‘โจมตีทางอากาศ’ ถล่มเป้าหมายของกลุ่มไอซิสในอิรักแล้ว หลังจากสถานการณ์ในอิรักต้องตกอยู่ในห้วงวิกฤติ ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มติดอาวุธนิกายสุหนี่หัวรุนแรง ในนามกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและลีแวนต์ (ไอซิส) ได้บุกโจมตีรุกคืบยึดเมืองต่างๆ ในอิรักได้หลายเมือง โดยเฉพาะยึดเมืองโมซูล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ จนทำให้มีชาวอิรักต้องบาดเจ็บล้มตายรวมถึงยังต้องอพยพหนีภัยเป็นจำนวนมาก

ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวถึงเหตุผลที่สหรัฐฯต้องใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายในอิรักว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองชีวิตกำลังพลอเมริกัน และประชาชนที่ยังติดอยู่ตามภูเขา ท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือดและเหี้ยมโหด จากการบุกโจมตีรุกคืบยึดเมืองต่างของกลุ่มไอซิส

ประธานาธิบดีโอบามา แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อ 7ส.ค. มีคำสั่งโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายในอิรัก

‘เมื่อพวกเรามีความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อช่วยยุติการสังหารหมู่ผู้คนมากมาย เราเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องเหล่านี้ได้’ ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวหลังร่วมประชุมกับทีมที่ปรึกษาด้านความมั่นคงต่อสถานการณ์ในอิรักเมื่อวันพฤหัสฯที่ 7 ส.ค.

ขณะเดียวกัน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพสหรัฐฯได้มีการส่งเครื่องบิน บินนำอาหารและน้ำไปหย่อนลงช่วยเหลือชนกลุ่มน้อยในอิรักที่ติดอยู่ท่ามกลางการสู้รบพร้อมกับชี้ว่า ปฏิบัติการส่งเครื่องบินของกองทัพนำอาหารไปช่วยเหลือชาวอิรักเพื่อมนุษยธรรมนั้น ขณะนี้เครื่องบินได้กลับออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว และนักบินอเมริกันปลอดภัยดี

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯต่อสถานการณ์รุนแรงในอิรัก มีขึ้นหลังจากได้รับรายงานว่ามีชนกลุ่มน้อย 'ยาซิดี' ในทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิรัก หลายพันคน ต้องอพยพหลบหนีความรุนแรงจากการโจมตีของกลุ่มไอซิส ไปหลบซ่อนอยู่ตามภูเขา โดยไม่มี อาหาร น้ำ และยา

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. กลุ่มติดอาวุธ ไอซิส ยังได้ประกาศว่า สามารถยึดเมืองในอิรักได้อีก 15 เมือง พร้อมทั้งยังอ้างว่าสามารถยึดการควบคุมเขื่อนในเมืองโมซูล ซึ่งเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดของอิรักเอาไว้ได้แล้ว ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมน้ำจำนวนมหาศาล ของแม่น้ำ 'ไทกริส' ที่ไหลผ่านใจกลางกรุงแบกแดดได้

ด้วยสถานการณ์รุนแรงในอิรัก ที่เกิดขึ้นทำให้นายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯออกมาเตือนว่า สถานการณ์ในอิรักกำลังขยับเข้าใกล้หายนะทางมนุษยธรรมแล้ว สหรัฐฯรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสุขภาพและความปลอดภัยของชาวอิรัก

ขณะที่ ประธานาธิบดีโอบามา ได้ใช้เวลาในช่วงเช้าวันพุธ (6 ส.ค.) ประชุมกับทีมที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของเขา เพื่อพิจารณาทางเลือกทุกอย่าง ตั้งแต่การส่งความช่วยเหลือทางอากาศด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม จนถึงการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายที่กำหนด ก่อนที่ในที่สุด รัฐบาลสหรัฐฯได้ตัดสินใจ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายของกลุ่มไอซิสในอิรัก

'นานา' ยันคลิปหลุด ไม่ใช่ภาพของ 'เจนี่'

เพิ่งบินกลับมาจากลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา สำหรับพิธีกรสาวคุณแม่ลูกแฝด นานา ไรบีนา หลังจากบินไปพักผ่อนพร้อมกับเพื่อนซี้อย่างนางเอกหน้าแบ๊ววิก 3 เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ที่เพิ่งหย่ากับสามี เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม โดยวันที่เดินทางไปถึงมีแฟนคลับเจนี่มารอต้อนรับด้วย ล่าสุด นานาพาลูกชายลูกสาว บีน่า-บรู๊คลิน มาร่วมงานฉลองการเปิดโฉมใหม่พลัส มอลล์ ศรีนครินทร์ ที่พลัส มอลล์ สาขาศรีนครินทร์ (เทสโก้ โลตัส) นอกจากบรรดาช่างภาพจะได้เก็บภาพความน่ารักตามประสาแม่ลูกแล้ว กระจอกข่าวเลยได้โอกาสถามถึงการบินไปพักผ่อนของนานาและเจนี่ที่อเมริกา รวมทั้งถามถึงสารพัดข่าวลือของเจนี่ ทั้งเรื่องคลิปหลุดหวือหวาของคนหน้าคล้ายเจนี่ รวมถึงข่าวลือเจนี่มีหนุ่มใหม่ดูแลหัวใจแล้วอีกด้วย

เพิ่งกลับจากแอลเอมาเป็นไงบ้าง? "วันนั้นไม่ได้ตั้งตัวนะ ตกใจเพราะคนเยอะจริงๆ นะ นานาก็เพิ่งกลับมาถึงเมื่อวานตอน 11 โมงค่ะ แล้วก็ไปงานต่อเลย ได้พักแค่ชั่วโมงกว่าๆ" แต่กลับมาครั้งนี้ก็รู้ว่านักข่าวรอสัมภาษณ์เยอะ? "ก็ไม่ขนาดนั้น เพราะมันจบแล้วไง มันไม่ใช่เรื่องของตัวเองเนอะ" เจนี่อยู่ที่โน่นเป็นไงบ้าง? "ก็ดีค่ะ เขาก็ไปพักผ่อน ที่นานาไปก็ 2 จุดประสงค์คือหนึ่งไปดูคอนเสิร์ตด้วย และก็มีงานสำคัญของนานากับเวย์และลูกด้วยค่ะ อีกอย่างก็ไปเจอคุณแม่เวย์ด้วยแหละเพราะคุณแม่อยู่ที่นั่นค่ะ ก็พักที่เดียวกับเจนี่ด้วยค่ะ" อยู่กับเจนี่ตลอดเลยใช่ไหม? "ก็ตอนที่นานาอยู่ที่นั่นก็อยู่ด้วยกันตลอด ก็ไปเที่ยวด้วยกันตลอดค่ะ"

เจนี่เขาสบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม? "เขาก็สบายใจ ก็ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้เขาก็เครียดนะเพราะมีข่าวเยอะ ตอนนี้ก็ได้ไปพักผ่อน คนเราไปพักผ่อนก็สบายใจขึ้นค่ะ" เขาจะกลับมาเมื่อไหร่? "ไม่แน่ใจนะคะ ยังไม่ชัวร์ ต้องรอดู คงจะเรื่องงานด้วยนะคะ" เขายังมีเฮิร์ตไหม? "จริงๆ นานาว่าตรงนี้เขาก็ดีขึ้นนะคะ" ปกติเขาแสดงความอ่อนแอให้เราเห็นไหม? "นานาจะบอกว่าไงดีล่ะ ถ้านานาจะบอกว่าไม่รับรู้อะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้นะ เราเป็นเพื่อนกัน พูดตรงๆ ว่าจริงๆ นานาก็เข้าใจว่าเพื่อนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เป็นเพื่อนบางทีเราก็ได้แค่รับฟังน่ะเนอะ ก็ให้เพื่อนได้ระบายและให้เพื่อนได้ทำสิ่งที่เขาสบายใจขึ้น แต่ในเรื่องรายละเอียดลึกๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง นานาว่ามันเป็นมารยาทในการตอบคำถาม ขอให้เจนี่เป็นคนตอบดีกว่า"

พออยู่ที่โน่น เจนี่ได้เช็กข่าวที่เมืองไทยบ้างไหม? "ก็น้อยมากที่จะมาเช็กอะไรแบบนี้เพราะว่านานาอยู่กับเด็กและไม่ได้เอาพี่เลี้ยงไปด้วย ก็ไปกันเอง พอขึ้นเครื่องปั๊บ นานา เวย์ เจนี่ เป็นผู้ใหญ่ 3 คนผลัดกันอุ้มไปมา จับเด็กกำลังวิ่งกำลังซนค่ะ เจนี่เลยกลายเป็นแนนนี่จำเป็นไป เขาคงไม่ได้ว่างดูอะไรมาก" พอเรากลับมาเจนี่เป็นไงบ้าง? "แอบเหงาแหละ แต่จริงๆ เจนี่มีบ้านอยู่ที่นั่น แล้วก็มีเพื่อน คือเขาเกิดที่นั่น เขาก็จะมีเพื่อนที่โตด้วยกันมาเป็นกลุ่มใหญ่เลย"

เห็นมีเจนี่แฟนคลับไปรอรับตอนไปถึงที่นั่นด้วย? "ใช่ๆ ใส่หมวกกันไม่ทันเลยค่ะ คือนั่งอยู่บนเครื่อง 20 กว่า ชม. แล้วดูเด็กด้วย ผู้ใหญ่ก็กระเซอะกระเซิงมาก กระเป๋า 7-8 ใบ เด็กอีก 2 คน พอพ้นจากอุโมงค์ขึ้นมาก็เห็นแฟนคลับมารอเยอะมาก" เจนี่มีน้ำตาซึมไหมตอนเห็นแฟนคลับ? "อ๋อ ไม่ทันได้เห็นค่ะ เพราะนานาก็ของพะรุงพะรังค่ะ"

สภาพจิตใจเจนี่ดีขึ้นเยอะแล้ว? "ก็ดีขึ้นค่ะ ก็ได้พักผ่อน" คิดว่าเขาพร้อมที่จะมาเจอสื่อมวลชนรึยัง? "อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าวันนึงพี่ๆ ก็คงได้เจออยู่แล้ว" เจนี่ลงรูปไอจีและบอกว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด? "เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนานาเหมือนกันค่ะ จริงๆ เราก็คุยกันทุกเรื่องแหละ รับรู้ทุกเรื่องไม่ว่าข่าวดีหรือร้าย อย่างที่บอกว่าเพื่อนก็ยังคงดำเนินต่อไปในการเป็นเพื่อน เพราะฉะนั้นไม่ว่าวันนี้เป็นวันที่เพื่อนแย่หรือมีความสุข วันนั้นเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน อย่างที่นานาบอกไปว่าบางทีเพื่อนก็ได้แค่รับฟัง ให้เพื่อนได้ระบายให้สบายใจ นี่คือหน้าที่เพื่อนค่ะ"

ล่าสุดมีคลิปหลุดหน้าคล้ายเจนี่กำลังมีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งออกมา? "จริงเหรอ ยังไม่เห็นเลยค่ะ" กลัวมันจะกระทบจิตใจเจนี่ไหม? "นานาว่าสิ่งพวกนี้มันเป็นอะไรที่ตามหลังกันมาอีกเยอะน่ะ นานาว่าเจนี่ค่อนข้างเข้มแข็ง ต้องยอมรับว่าเขาเข้มแข็งมากนะ แต่ ณ วันนี้ถ้าบอกว่าเขายังไม่เข้มแข็งที่เขาจะออกมาพูดกับทุกคน ก็อยากให้พี่ๆ ให้เวลาเขานิดนึง เดี๋ยววันนึงก็คงได้คุยกันอยู่แล้วค่ะ"

ถามถึงเรื่องเจนี่ได้รถปอร์เช่คืนแลัว? "อันนี้นานาไม่ได้ถามนะคะ ยังไม่ได้ลงลึกถึงขนาดนั้นค่ะ" ตอนนี้ยังเป็นห่วงอะไรเพื่อนไหม? "ก็ให้เขามีความสุขแหละค่ะ ไม่ใช่แค่ตอนนี้แต่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ว่าตอนไหนก็ตามก็ขอให้เขามีความสุข แล้วก็ให้เข้มแข็งที่จะมาทำงานเหมือนเดิม แต่จริงๆ ตัวเจนี่เข้มแข็งอยู่แล้วแหละค่ะ ให้เวลาเขานิดนึง" สรุปแล้วเขาจะกลับวันไหน? "นานาไม่แน่ใจนะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เพราะว่าเรื่องงานด้วยค่ะ"

ตอนนานากลับมา เจนี่ฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้างไหม? "ไม่ได้ฝากอะไร บอกอย่าไปได้ไหม (หัวเราะ) ก็ไม่ได้ฝากอะไรขนาดนั้นค่ะ เขาก็เตรียมไปพักผ่อน ออกกำลังกายของเขาตามเรื่องตามราว" จะบินกลับไปหาเขาอีกไหม? "โอ๊ย ไม่ล่ะค่ะ บินทีนึงก็มีลูกด้วย ไม่ไหวค่ะ เหนื่อยมาก เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้วค่ะ อีกไม่นาน" มีข่าวว่าเจนี่มีผู้ชายคนใหม่ดูแลแล้ว? "ไม่มีค่ะ เท่าที่นานาเข้าใจรับทราบรับรู้ทุกอย่างตรงนี้ นานาคิดว่าไม่มีค่ะ ถ้าจะมีใครเข้ามาดูแลคงต้องใช้เวลาอีกสักพักค่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกันค่ะ".


สนธิเข้าเรือนจำ อุทธรณ์ยืนคุก20 ปี ยังไม่ได้ขอฏีกา - ส่อนอนคุกอีกนาน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1036/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการและอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ และ น.ส.ยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311, 312 (1) (2) (3), 313

คดีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จำเลยมีความผิด ได้ร่วมกันรายงานการประชุม การกู้เงินธนาคารกรุงไทย กว่า 1000 ล้านบาท อันเป็นเท็จ จึงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 20 ปี ต่อมาจำเลยที่ 1, 3 และ 4 ยื่นอุทธรณ์

โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยคนละ 20 ปี แม้ว่าจำเลยได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ แต่ศาลเห็นว่าเป็นความผิดหลายกรรมและเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง การที่ศาลชั้นต้นลงโทษมานั้นเป็นโทษขั้นต่ำสุดแล้ว จึงไม่มีเหตุลดโทษได้อีกและพฤติการณ์ของจำเลยร้ายแรง ไม่อาจรอการลงโทษได้ ศาลชั้นต้นพิพากษามาชอบแล้ว อุทธรณ์ ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ให้จำคุกจำเลยคนละ 20 ปี

ต่อมาทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เดิมเป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพคนละ 10 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งหมดระหว่างฎีกา แต่ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา เพื่อมีคำสั่งประกันต่อไป ทำให้ต้องมีการนำจำเลยทั้งหมดไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดย นายสนธิ ได้เปลี่ยนใส่ เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีเทา ใบหน้ายิ้มแย้ม โบกมือให้ผู้ที่มาให้กำลังใจ และพูดเพียงสั้นๆ ว่า “สบายดี” ก่อนขึ้นรถตู้ที่เจ้าหน้าที่นำมารับไปยังเรือนจำ ขณะที่จำเลยหญิงอีก 2 คน ถูกส่งเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง

ด้าน นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวว่า นายสนธิ จะถูกส่งตัวเข้าแดนแรกรับ เป็นขั้นตอนปกติของผู้ต้องขังทั่วไป จะต้องทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสุขภาพพร้อมแจกคู่มือการอยู่ในเรือนจำ อุปกรณ์ยังชีพ โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯจะควบคุมตัวนายสนธิเพียง1คืน ก่อนส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากโทษจำคุกของนายสนธิเกิน15ปี อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่ช่วงระหว่างถูกคุมตัวในแดนแรกรับ ยังมีผู้ต้องขังเสื้อแดงถูกคุมขังอยู่ด้วยคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา หรือข้อกังวลในการอยู่ร่วมกันเพราะในห้องควบคุม มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดสำรวจเคลื่อนไหวผู้ต้องขังได้ทั่วถึง และมีผู้คุมคอยดูแลป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างอยู่ร่วมกันได้แน่นอน

สำหรับกระบวนการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว นายสนธิ และจำเลยคนอื่นๆ ของศาลฎีกานั้น เจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องทั้งหมดให้ศาลฎีกาพิจารณาในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ ซึ่งโดยปกติศาลฎีกาจะใช้เวลาพิจารณาราว 3 - 5 วัน ประกอบกับเป็นช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน 4 วัน จึงคาดว่าศาลฎีกาน่าจะมีคำสั่งได้ประมาณวันที่ 14-15 สิงหาคม

8 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลย 1 คดีผิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ กรณีใช้เอกสารเท็จคำประกันเงินกู้ 1,049 ล้านบาทจากธนาคารกรุงไทย โดยไม่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า นายสนธิ ยังไม่ได้ยื่นฎีกาต่อสู้ในคดีความ ซึ่งมีระยะเวลาในการยื่นฎีกา 30 วัน จึงเห็นสมควรให้ยกคำร้องการปล่อยชั่วคราว


"บุ๋ม ปนัดดา" หอบรายชื่อกว่าแสน ยื่น คสช. เพิ่มโทษกฎหมายคดีข่มขืน

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือบุ๋ม อดีตนางสาวไทยประจำปี 2543 และนักแสดงชื่อดัง พร้อมทีมงาน ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อขอให้พิจารณาลงโทษสถานหนัก หรือเพิ่มโทษขั้นต่ำแก่ผู้กระทำความผิดฐานข่มขืนและกระทำชำเรา พร้อมทั้งแนบบัญชีรายชื่อผู้ร่วมร้องเรียนเป็นสำเนาบัตรประชาชน จำนวน 110,122 รายมาด้วย สืบเนื่องจากกรณีที่มีคดีข่มขืนเด็กหญิงบนรถไฟ ซึ่งถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และอยู่ในความสนใจของประชาชน โดยมีพล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นตัวแทนรับหนังสือ

ทั้งนี้ น.ส.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตนและประชาชนจำนวนมากรู้สึกเสียใจ และเกิดความตื่นตัวมากขึ้น ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำตามกระแส แต่เพื่อให้เห็นพลังของประชาชน จึงขอเป็นสื่อกลางในการรวบรวมรายชื่อตามบัญชีจำนวน 110,122 ราย เพื่อขอให้ คสช. ดำเนินการดังนี้ 1. เพิ่มอัตราโทษขั้นต่ำกับผู้กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา 2.บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หรือลงโทษสถานหนัก โดยไม่มีการลดโทษหรือบรรเทาโทษ สำหรับผู้ที่กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.แก้ไขกฎหมายอาญาให้ลงโทษหนักขึ้นในกรณีที่ความผิดเกิดขึ้นในรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถไฟ รถเมล์ รถตู้ 4.ในการพิจารณาอภัยโทษ ขอให้ยกเว้นการอภัยโทษนักโทษคดีข่มขืนเช่นเดียวกับนักโทษคดียาเสพติด เพื่อเป็นการขอคืนความสุขและความเชื่อมั่นในความปลอดภัยให้กับประชาชน อย่างไรก็ตามหวังว่า คสช. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายจะแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในสังคม.

มติ สนช.เลือก "พรเพชร"นั่งประธานตามโผ

ตามคาด ที่ประชุม สนช.นัดแรก มีมติเลือก "พรเพชร" นั่ง ปธ.สนช. ไร้คู่แข่ง "สุรชัย-พีระศักดิ์" รอง 1 และ 2

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ส.ค. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ครั้งที่ 1/2557 โดยมีนายสมพร เทพสิทธา สนช.ที่อาวุโสสูงสุด อายุ 89 ปี ขึ้นเป็นประธานในที่ประชุมชั่วคราว โดยนายสมพร ได้กล่าวก่อนดำเนินการประชุมว่า ตนจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ และเห็นว่า สนช.ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นสัตบุรุษ ได้รับการกลั่นกรองมาอย่างดี สภาใดไม่มีสัตบุรุษสภานั้นไม่ใช่สภา ตนขอเรียกว่าสภาแห่งนี้ว่า“สภาสัตบุรุษแห่งชาติ” จากนั้นที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557 ,พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสมาชิก สนช. ร่วมกันกล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนการปฏิบัติหน้าที่

จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือกประธาน สนช.โดยที่ประชุมมีมติให้ยึดข้อบังคับการประชุม สนช.ปี 2549 โดยงดใช้ข้อบังคับข้อ 6 หากผู้รับการเสนอชื่อเพียงคนเดียว ไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ จากนั้น พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ อดีต ผบ.ทอ. ได้เสนอชื่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ชิงตำแหน่งประธาน สนช.ปรากฏว่าในที่ประชุมไม่มีใครเสนอชื่อคนอื่นแข่งขัน ทำให้นายพรเพชรได้รับเลือกจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งประธานสนช. ในเวลา 10.50 น. โดยที่ประชุมได้ปรบมือแสดงความยินดีด้วยเสียงกึกก้อง โดยนายพรเพชรได้ลุกขึ้นไหว้ขอบคุณเพื่อนสมาชิก

จากนั้น พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ได้เสนอชื่อนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ชิงตำแหน่งรองประธาน คนที่ 1 โดยไม่มีคู่แข่งเช่นเดียวกัน ทำให้นายสุรชัยได้รับเลือกทันที และเวลา 10.57 นายสมชาย แสวงการ สนช.ได้เสนอชื่อ นายพีระศักดิ์ พอจิต สนช.ขึ้นเป็นรองประธาน สนช.คนที่ 2 โดยไม่มีคู่แข่งเช่นเดียวถือว่านายพีระศักดิ์ ได้รับเลือกเป็นรองประธานสนช.คนที่ 2 เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะส่งรายชื่อดังกล่าวให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.นำขึ้นกราบบังคมทูลฯเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป.


'ประยุทธ์'แฉชื่อขบวนการล้มเจ้า มีรูป-หลักฐานชัด-ต้องดำเนินคดี

8 ส.ค.57 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. พูดในรายการคืนความสุขให้คนไทยครั้งที่ 9 ช่วงหนึ่งเกี่ยวกับกรณีขบวนการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า หลายคนวันนี้ที่แรงขนาดนี้ ที่จริงทราบแล้ว มีการทำงานอยู่แล้ว หลายคนถูกดำเนินคดีและออกหมายเรียกหมายจับไปแล้ว แต่หนีไปต่างประเทศ บางประเทศที่ใหญ่ และเขาไม่มีกฎหมายพวกนี้และเขาไม่เห็นความสำคัญของเรา ในเรื่องของกฎหมายหมิ่นฯ ถือว่าเป็นการยากเหมือนกัน

“ผมเอ่ยชื่อเลย นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน นายอเนก ชัยชนะ นายเสน่ห์ ถิ่นแสน นายอำนวย แก้วชมพู นายองอาจ ธนกมลนันท์ และอื่นๆ อีก พอสมควร รวมหัวกลุ่มต่อต้านอะไรต่างๆ นี้ด้วย มีหลักฐานเชื่อมโยงกันอยู่ มีรูปถ่าย มีอะไรเจอกันอยู่ ฉะนั้นคนเหล่านี้ ใช้ไม่ได้ ทุกคนมีคดีอาญา ฉะนั้นจะต้องถูกดำเนินคดี ก็พยายามจะทำหนังสือส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจจะยาก แต่การเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียมีปัญหา เพราะบางอย่างเปิดที่ต่างประเทศ ไปปิดที่ต่างประเทศซึ่งใช้ไม่ได้ เพราะมีกฎหมายของเขา เพราะเราทำในประเทศไทยต้องใช้กฎหมายดำเนินการ”