ข่าว
อียิปต์ช็อค!!กลุ่มนักรบบุกบึ้มมัสยิด-กราดยิงนักแสวงบุญ ตาย 235 ศพ

กลุ่มนักรบลงมืออุกอาจจุดชนวนระเบิดและกราดยิงใส่พวกนักแสวงบุญที่กำลังหลบหนีและรถฉุกเฉิน เข่นฆ่าประชาชนอย่างน้อย 235 ศพที่มัสยิดแห่งหนึ่งในเขตไซนาย ทางภาคเหนือของอียิปต์ในวันศุกร์(24พ.ย.) เหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่กระตุ้นให้ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ต้องรุดเรียกประชุมฉุกเฉินด้านความมั่นคงและประกาศจะตอบโต้อย่างไม่ปราณี

เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุโจมตีนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในเขตที่รุมเร้าไปด้วยสถานการณ์ความไม่สงบจากฝีมือของพวกนักรบอิสลามิสต์ เบื้องต้นยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ ทว่านับตั้งแต่ปี 2014 กองกำลังด้านความมั่นคงของอียิปต์ต้องสู้รบกับเครือข่ายของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) ทางเหนือของคาบสมุทรไซนาย ดินแดนที่พวกนักรบเข่นฆ่าตำรวจและทหารไปแล้วกว่าหลายร้อยนาย

เดิมที มีนา สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 184 รายและบาดเจ็บ 125 คน อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาทางสำนักข่าวต่างๆปรับเพิ่มยอดเหยื่อเหตุโจมตีมัสยิดครั้งนี้เป็น 235 คน "พวกนักรบกราดยิงผู้คนตอนที่พวกเขาออกจากมัสยิด" ชาวบ้านท้องถิ่นรายหนึ่งเปิดเผยกับรอยเตอร์ "พวกนักรบยังกราดยิงเข้าใส่รถฉุกเฉินด้วย"

สื่อมวลชนแห่งรัฐยังได้เผยแพร่ภาพเหยื่อผู้ได้รับบาดเจ็บในสภาพที่มีเลือดเปื้อนตามตัวและศพไร้วิญญาณถูกคลุมด้วยผ้าห่มอยู่ภายในมัสยิดอัล รอว์ดาห์ ในบีร์ อัล-อาเบด ทางตะวันตกของเมืองเอล อาริช

สถานีโทรทัศน์อาราบีเยาะห์และแหล่งข่าวท้องถิ่นบางส่วน เผยว่านักแสวงบุญบางคนนับถือสิทธิซูฟียฺ ซึ่งพวกหัวรุนแรงอย่างกลุ่มรัฐอิสลามมองว่าเป็นผู้ละทิ้งศาสนา เพราะว่าพวกเขาเคารพนับถือนักบุญและศาลเจ้า ซึ่งพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงตราหน้าว่ามันเทียบเท่ากับการหลงใหลอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี อดีตผู้บัญชาการกองทัพที่นำเสนอตัวเองในฐานะกำแพงต่อต้านนักรบอิสลามิสต์ เรียกประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีมหาดไทยและหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ทันทีหลังจากเกิดเหตุโจมตี ก่อนที่ในเวลาต่อมา ซิซี ประกาศว่าจะตอบโต้อย่างโหดเหี้ยมต่อพวกมือโจมตีมัสยิด

ทั้งนี้ทางรัฐบาลประกาศไว้ทุกข์เป็นเวลา 3 วัน

สถานการณ์นองเลือดในไซนายเลวร้ายลงหลังปี 2013 เมื่อ ซิซี ซึ่งตอนนั้นยังเป็นผู้บัญชาการทหาร นำกองทัพโค่นอำนาจประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม แต่ส่วนใหญ่แล้วเหตุโจมตีต่างๆของพวกนักรบอิสลามิสต์มักเล็งเป้าหมายเล่นงานไปที่กองกำลังด้านความมั่นคงมากกว่า

อย่างไรก็ตามพวกนักรบญิฮัดก็เล็งเป้าสังหารพวกชนเผ่าท้องถิ่นไซนายที่ให้ร่วมมือกับกองกำลังด้านความมั่นคงเช่นกัน โดยตราหน้าคนเหล่านั้นว่าเป็นพวกทรยศ โทษฐานที่ให้ความร่วมมือกับทหารและตำรวจ

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ออกมาประณามเหตุโจมตีมัสยิดหนล่าสุดในอียิปต์ ว่าเป็นการกระทำที่น่าขยะแขยงและขี้ขลาดตาขาว "โลกมิอาจอดทนกับพวกก่อการร้าย และเราต้องทำลายพวกนักรบและทำลายความน่าเชื่อถือของอุดมการณ์หัวรุนแรงที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นจากการดำรงอยู่ของพวกเขา" ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์

มาแล้ว! ครม.ประยุทธ์ 5 ปรับใหญ่ "ป้อม-ป๊อก-บิ๊กฉัตร" นั่งรองนายกฯ

วันนี้ (24 พ.ย.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตําแหน่ง และสมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตําแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

1. ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี

พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี

พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

พลตํารวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

2. ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรองนายกรัฐมนตรี

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี

พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์

นายกฤษฎา บุญราช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายลักษณ์ วจนานวัช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์

นายวิวัฒน์ ศัลยกําธร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อีกตําแหน่งหนึ่ง

พลตํารวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

นายอุดม คชินทร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

นายสมชาย หาญหิรัญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2560 เป็นปีที่ 2 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี


'บิ๊กป้อม’ ก็เคยโดนซ่อมจนสลบ ชี้เตรียมทหารต้องรับธำรงวินัย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กรณีการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต หลังบิดามารดานำร่างไปชันสูตรและพบอวัยวะภายในหาย โดยยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตว่า กองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจงไปหมดแล้ว รวมถึงมีกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน และแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ทุกอย่างว่าไปตามระเบียบและกฎหมาย อีกทั้ง ทางแพทย์ได้ประสานไปยังผู้ปกครองให้รับอวัยวะภายในคืนแล้ว จำนวน 4 ชิ้น ภายหลังการพิสูจน์

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ผ่านมา 1 เดือน และโรงเรียนเตรียมทหารได้ติดต่อพูดคุยกับครอบครัว รวมถึงการช่วยเหลือจัดงานฌาปนกิจศพ ซึ่งตนเห็นใจกับครอบครัว เพราะลูกชายเพียงคนเดียว พ่อแม่ก็ต้องเสียดาย ทั้งยังเป็นนักเรียนเตรียมทหารด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ยืนยันเรื่องชิ้นส่วนอวัยวะที่ถูกตัดไปพิสูจน์นั้น ไม่ได้เป็นการปกปิดข้อมูล และทางพนักงานสอบสวนได้รายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ถือเป็นขั้นตอนทางการแพทย์ และทางพ่อแม่ไม่ได้แจ้งมาเช่นกันว่า ยังไม่ได้รับชิ้นส่วนดังกล่าวคืน

"ผมยืนยันว่าเด็กเสียชีวิต เนื่องจากสุขภาพของเด็กเอง ไม่มีการซ่อมอะไรทั้งสิ้น เขาป่วย และเชื่อว่าทางโรงเรียนไม่ได้ปิดบังข้อมูล แม้ว่าบริเวณที่เด็กล้มลงจะไม่มีภาพวงจรปิดก็ตาม เพราะหากเสียชีวิต ใครจะมาปิดบังสาเหตุก็ไม่ได้" พล.อ.ประวิตร กล่าว

รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคำถามหากเด็กสุขภาพไม่ดี ทำไมถึงเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารได้ ว่า ตนอยากทราบเช่นกัน ตอนรับสมัครก็มีแพทย์ตรวจคัดกรองแล้ว แต่อาจมาเป็นช่วงตอนเข้าเรียน ซึ่งเด็กเป็นโรคฮีทสโตรก ส่วนที่เปิดบันทึกประจำวันของเด็กที่ระบุว่าเขาโดนซ่อม คิดว่าก็โดนซ่อมกันทุกคน ตนก็เคยโดนมาเหมือนกัน เช่น วิดพื้น วิ่ง สกอตจั๊มป์ ไม่ต้องถูกตัวกัน และการซ้อมไม่ได้มากมายอะไร ขณะเดียวกันประเด็นที่เด็กเคยโดนซ่อมจนหยุดหายใจไปครั้งหนึ่งนั้น เพราะเป็นโรคฮีทสโตรก ซึ่งการเป็นโรคนี้เกิดจากการฝึก หรือแม้แต่ยืนตากแดดเฉยๆ ก็เป็น เพราะอากาศร้อน ใครจะไปรู้ว่าลูกเขามีภาวะหัวใจล้มเหลวฉับพลัน พร้อมทั้งยืนยันว่าการซ่อม ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เมื่อถามต่อว่า หากการซ่อมเกินกำลังคนจะรับได้ จะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้ จนสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย เรื่องเหล่านี้ก่อนจะรับเด็กเข้ามาต้องตรวจเช็กร่างกายเป็นอย่างดี แต่เข้ามาแล้วเป็นโรคฮีทสโตรกก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ที่ผ่านมา สัดส่วนนักเรียนเสียชีวิตจากโรคนี้จะน้อย แม้ว่าจะโดนซ่อม แต่ร่างกายแข็งแรง"

รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคำถามจะแก้ไขปัญหาพวกนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ว่า "ก็ไม่ต้องเข้ามาเรียน ไม่ต้องมาเป็นทหาร เราเอาคนที่เต็มใจ"

ถามต่อว่า การเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ต้องเตรียมใจเรื่องการธำรงวินัยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ อย่างไรก็ตาม เด็กควรที่จะไปตายด้วยเหตุผลอื่น เช่น การออกสงคราม และการต่อสู้กับผู้ร้ายหรือไม่นั้น กรณีนี้เด็กเสียชีวิตเพราะไม่สบาย ถ้าให้ตนเลือกตายได้ก็ขอตายในสนามรบ.


หมอพรทิพย์ ข้องใจการตาย กระทุ้งทีมแพทย์ตอบสังคม

วันนี้ 23 พ.ย.60 แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงค์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งขณะนี้สังคมยังมีข้อข้องใจการผ่าตัดอยู่

แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของน้องเมย เป็นการเสียชีวิตแบบผิดปกติเป็นการตายแบบกะทันหัน ซึ่งขั้นตอนในการชันสูตรพลิกศพต้องทำแบบพยาธิแพทย์ และนิติเวช ควบคู่กันไป แต่กระบวนการที่มีการผ่าพิสูจน์น้องเมย เป็นแบบพยาธิเท่านั้น คือการตัดอวัยวะนำไปแช่ฟอร์มาลีนเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยไม่ได้แจ้งญาติ ถึงขั้นตอนต่างๆ ส่วนการผ่าแบบนิติเวช เป็นการนำชิ้นส่วน ที่ต้องการผ่าตัดเพื่อหาสาเหตุการตาย ออกจากร่างกายต้องมีการแจ้งญาติ ด้วยวาจาเพราะถือเป็นวัตถุพยาน หลังผ่าเสร็จจะต้องมีการนำชิ้นส่วนกลับใส่ในร่างกายเพื่อมอบให้กับญาติ

แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ ยังระบุอีกว่า โดยขั้นตอนการผ่าพิสูจน์ น้องเมย ตนเองไม่ติดใจ แต่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตว่าเสียชีวิตที่ใด อย่างไร ทั้งนี้เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากการสื่อสารไม่ตรงกันระหว่างแพทย์ ที่ผ่าพิสูจน์กับญาติ ดังนั้นจึงอยากให้แพทย์ออกมาชี้แจงเพื่อให้สังคมหายข้องใจ

ทั้งนี้ อยากเสนอแนะว่า ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยการเสียชีวิต ผ่าพิสูจน์ศพ จะต้องมีการลงรายละเอียดก่อนการผ่า เนื่องจากปัจจุบัน การผ่าตัดแต่ละที่ยังมีมาตรฐานไม่เหมือนกัน จึงอยากให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น โดยการบันทึกถ่ายภาพทุกขั้นตอน เพื่อเก็บเป็นหลักฐานและวัตถุพยานอย่างชัดเจนเพื่อชี้แจงกับญาติได้ทุกข้อสงสัย ถึงสาเหตุการณ์ตาย ส่วนการเสียชีวิตในสถานที่ราชการควรยึดหลักสหประชาชาติที่ให้หน่วยงานกลางเข้ามาร่วมตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตด้วย.


ศาลอนุมัติหมายจับ “ครูจอมทรัพย์-ครูอ๋อง”

(24 พ.ย.) มีรายงานจากคณะชุดคลี่คลายคดีครูจอมทรัพย์ระบุว่า พนักงานสอบสวนชุดใหญ่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นต่อศาลจังหวัดนครพนม ขออนุมัติหมายจับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร และนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ซึ่งปรากฏว่าเวลา 18.37 น. ศาลได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งคู่แล้ว

รายงานจากชุดคลี่คลายคดี ยังระบุด้วยว่า ชุดสืบสวนในคดีนี้ ได้เกาะติดตามความเคลื่อนไหวของนางจอมทรัพย์ ที่บ้านด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร และที่บ้านพักของนายสุริยา หรือครูอ๋อง ที่ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร แต่เนื่องจากมืดค่ำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ถอนกำลังกลับ

อย่างไรก็ตาม หลังศาลจังหวัดนครพนมได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งคู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ทันที สำหรับขัอหาที่ออกหมายจับนางจอมทรัพย์กับนายสุริยา หรือครูอ๋อง ในวันนี้เป็นคดีอาญาในข้อหา 2 ใน 7 ข้อหาหนักคือ อั้งยี่ซ่องโจรและเบิกความเท็จต่อศาล โดยไม่ต้องออกหมายเรียกแต่อย่างใด

‘มารีญา‘ ตอบสื่อดีมาก ถูกถามพลังของรอยยิ้ม

เมื่อ 24 พ.ย.60 เฟซบุ๊ก Miss Universe Thailand (FanPage) ได้เผยแพร่คลิปขณะที่สื่อต่างชาติขอสัมภาษณ์ มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 เกี่ยวกับพลังของรอยยิ้ม ขณะที่บรรดาสาวงามซึ่งเข้าร่วมในการประกวดนางงามจักรวาล (มิสยูนิเวิร์ส 2017) ที่นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐฯ กำลังร่วมทำกิจกรรมในโครงการ Smile Train ซึ่งเป็นโครงการการกุศลช่วยเหลือเด็กๆ นานาประเทศที่ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ให้ได้รับการผ่าตัดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้เด็กๆ เหล่านี้มีรอยยิ้มที่สดใสและมีความสุข

มารีญา พูนเลิศลาภ Miss Thailand 2017

โดยผู้สื่อข่าวได้ถาม มารีญา เกี่ยวกับโครงการ Smile Train รวมทั้งสอบถามถึงพลังของรอยยิ้ม ซึ่งเธอได้ตอบคำถามอย่างฉลาด เป็นธรรมชาติ และแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อพลังของรอยยิ้มจริงๆ โดยมารีญาบอกว่า โครงการ Smile Train เป็นโครงการที่ดีมากๆ และเธอต้องการให้ผู้คนมากขึ้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

จากนั้น เมื่อสื่อได้ถามมารีญาว่า สามารถบอกถึงพลังของการยิ้มได้มั้ย? โดยมารีญาตอบว่า การยิ้มทำให้มีเสน่ห์ เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ และมีความสำคัญ เพราะเมื่อคุณเดินผ่านคนสักคนที่คุณไม่รู้จัก แล้วคุณส่งยิ้มให้เขา เขาส่งยิ้มกลับมา จะทำให้เกิดความสดชื่น ทำให้เกิดความรัก ความรู้สึกดี และเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้

สื่อถามต่อด้วยว่า รอยยิ้มคืออาวุธของคุณใช่มั้ย คือสิ่งทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น การเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้นด้วยรอยยิ้มใช่มั้ย? โดยมารีญา นางสาวไทยซึ่งได้รับความนิยมและแรงเชียร์จากผู้คนทางโลกโซเชียลอย่างมาก ตอบว่า ‘ฉันเห็นด้วยกับคุณ’ เพราะแค่คุณยิ้มให้กับตัวเอง คุณก็ทำให้ตัวเองมีความสุขแล้ว และฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากเลย อีกทั้งรอยยิ้มยังทำให้มีพลังชีวิต