ข่าว
“บรรหาร”อนิจกรรมแล้ว สิ้นมังกรสุพรรณวัย 83 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการรุณย์ ว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว เมื่อเวลา 04.42 น. ของวันที่ 23 เมษายน 2559 ด้วยอาการสงบในวัย 83 ปี หลังเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากอาการภูมิแพ้ หอบหืด กำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยจะมีการเคลื่อนศพไปวัดเทพศิรินทร์ในวันเดียวกัน

ทั้งนี้ นพ.ประสิทธิ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล จะเป็นผู้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อไป

'บิ๊กตู่' ขู่เลิกประชามติ สปท.เชื่อเลือกตั้งได้

กรธ.ลั่นทำหน้าที่เหมือนเดิม ไม่กังวลคำนายกฯ ขู่เลิกประชามติ เชื่อที่พูดเพราะโมโหนักข่าวถามจี้เยอะ ชี้หากยกเลิกจริงรัฐต้องรับผิดชอบหนัก ชี้แจงเหตุผล ปชช.ให้ได้ ด้าน "วันชัย" เชื่อ คสช.เอาอยู่เลือกตั้งได้ ตามโรดแม็ป ปี 60

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 59 ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุหากมีคนต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญมาก อาจต้องยกเลิกประชามติว่า นายกฯ คงจะพูดไปด้วยความโมโห ที่นักข่าวถามประเด็นดังกล่าวเยอะ กรธ.ในฐานะผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้กังวลอะไร เราจะทำหน้าที่ของเราไปเหมือนเดิม ความเป็นไปได้ที่จะไม่มีประชามติก็เป็นไปได้ หากสถานการณ์ไม่ดี แต่ก็เชื่อว่าเป็นไปได้ยาก เพราะหากจะยกเลิกประชามติต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว และสิ่งที่ยากที่สุด คือ การไปอธิบายกับประชาชนว่าทำไมจึงแก้ ตรงนี้รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบหนักมาก จึงไม่เชื่อว่าจะยกเลิกประชามติ

ส่วนการประชุมของ กรธ.วันที่ 25 เม.ย.นี้ จะหารือถึงแนวทางการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกำหนดแนวทางการชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ร่วมกับ สนช.ว่า จะชี้แจงอย่างไร หาก สนช.ร่วมไปกับเราหรือฝากเนื้อหาให้เราไปพูด

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปท. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าจะจริงจังหรือข่มขู่ แต่สะท้อนถึงความห่วงกังวลของนายกฯ เองว่า หากบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย การทำประชามติไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เหมือนการเลือกตั้งที่วุ่นวายก่อนเดือน พ.ค.57 จึงต้องการให้การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงครั้งนี้ ไม่มีการชุมนุมกันจนสับสนอลหม่านเหมือนที่ผ่านมา อยากให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบเรียบร้อย หากใครจ้องจะชุมนุมหวังสร้างสถานการณ์เท่ากับสนับสนุนให้ประเทศไทยไม่มีการเลือกตั้ง เชื่อว่าหากวุ่นวายมาก มีความเป็นไปได้ว่า จะไม่มีประชามติ แต่ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลและ คสช. จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ได้ก่อนการทำประชามติ เพื่อเดินหน้าประเทศสู่การเลือกตั้งในปี 2560 ตามโรดแม็ปที่วางไว้.


เพื่อไทย ออกมาป้อง'แม้ว' อยู่เบื้องหลังป่วนประเทศ

"อนุสรณ์" โต้ นายกฯ ป้อง "นายใหญ่" ย้ำไม่ได้อยู่เบื้องหลังกลุ่มป่วนประเทศชาติ ขอก้าวข้ามได้แล้ว โอด "ทักษิณ" เป็นคนไทยตัวเล็ก ไม่มีอิทธิพลเหนือองค์กรระดับโลก...

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.59 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ ว่า อยากให้คณะทำงานของนายกฯ ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนที่จะชี้ชัดอะไรลงไป เพราะคำพูดของผู้นำมีผลกระทบต่อประเทศ และต้องสำรวจหาสาเหตุที่แท้จริงว่า อาจมีพฤติการณ์ใดของ คสช.และรัฐบาล เป็นจุดที่นำมาสู่การแสดงท่าทีขององค์กรระหว่างประเทศหรือไม่ เพราะการที่ทูตของประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญ รวมถึงองค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล) ออกมาแสดงท่าทีนั้น คงไม่ได้มาเพียงเพราะมีการจ้างล็อบบี้ยิสต์ และการสรุปเช่นนั้นองค์กรระดับโลกคงไม่สบายใจ การที่เขาเข้ามาอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่ละเอียดอ่อน จนทำให้เขาห่วงใยและต้องแสดงท่าที ซึ่งหากวิเคราะห์ปัญหาไม่ละเอียดรอบด้าน ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า การวิเคราะห์ว่าปัญหาเกิดจากการจ้างล็อบบี้ยิสต์ในต่างประเทศเพื่อเคลื่อนไหวนั้นอาจไม่เพียงพอ และหากเป็นเช่นนั้นผู้เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจรัฐในปัจจุบันก็สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว ที่สำคัญนายทักษิณ รักชาติ รักแผ่นดิน เฉกเช่นคนไทยทุกคน จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องจ้างล็อบบี้ยิสต์เพื่อเคลื่อนไหวให้เกิดปัญหากับประเทศตัวเอง เงินที่จะเอาไปจ้างล็อบบี้ยิสต์ เก็บเอาไว้เติมน้ำมันเครื่องบินไม่ดีกว่าหรือ

"นายทักษิณ เป็นเพียงคนไทยตัวเล็กๆ ในต่างแดน จะไปมีอิทธิพลเหนือองค์กรระดับโลกเหล่านั้นได้อย่างไร รวมถึงโรดแม็ปในประเทศ ที่ท่านผู้มีอำนาจจะยกเลิกการทำประชามติ ยกเลิกการเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถไปดำเนินการคัดค้าน ขัดขวางอะไรได้ เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจที่จะไปชี้แจงกับนานาชาติเอาเอง ดังนั้นผู้มีอำนาจควรก้าวข้ามนายทักษิณได้แล้ว" นายอนุสรณ์ กล่าว


ทักษิณ อัดกลับ ประยุทธ์ โทษแต่คนอื่นไม่ดูตัวเอง

อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กอัดกลับนายกฯ บอกเงียบมานาน ขอด่าทีเถอะ ซัดมีปัญหาอะไรก็โทษแต่คนอื่น แต่ไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย รัฐประหาร 2 ปีไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ละเมิดคนอื่น หยันไม่ต้องจ้างล็อบบี้ยิสต์ก็แพ้ภัยตัวเอง ตอกถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ด่ากราดคนอื่นเอาชนะ เขียนข่าวให้ถูกใจ อย่าหวังว่าคนทั้งประเทศคล้อยตาม ถ้ามั่นใจเป็นคนดีก็เป็นคนชอบแก้ไขไปเถอะ

วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 19.31 น. เฟซบุ๊ก Thaksin Shinawatra ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ทุกวันนี้ผมเงียบมาตลอด ตั้งใจที่จะไม่ออกความคิดเห็นในเรื่องใดๆ และอยากให้ทุกฝ่ายตั้งใจแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แต่อยู่ดีๆ ผมกลับถูกพาดพิงอย่างรุนแรง จนต้องเสียความตั้งใจ เลยต้องขอพูดสักครั้ง

การแก้ปัญหาของประเทศ ภายใต้รัฐบาลทหารของไทยในขณะนี้ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็โทษคนอื่น โดยตนเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ไม่เคยทำอะไรผิด ตัวเองดีทุกอย่าง เช่นน้ำแล้งก็บอกว่า เป็นเพราะรัฐบาลก่อน ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ขายไม่ออกอย่างยางพารา ก็บอกให้ไปขายดาวอังคาร บริหารประเทศแบบนี้ใครๆ ก็เป็นได้ครับ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

รัฐบาลนี้ได้อำนาจมาจากการรัฐประหาร ได้เข้ามาปกครองประเทศแล้วร่วม 2 ปี ได้ทำประโยชน์อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ให้ชาวโลกเขาได้เห็นบ้าง ภาพลักษณ์ที่เผยแพร่ออกไป มีแต่การใช้อำนาจในการละเมิดสิทธิประชาชน และกฎหมายสากลอย่างไม่เคยเกิดในประเทศไทยมาก่อน เมื่อนานาอารยประเทศ และองค์กรสากลต่างๆ เขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเขาก็ออกมาเตือน เป็นเรื่องปกติทั่วไป ที่เกิดขึ้นในประเทศที่ผู้นำฯ ใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อผู้นำของประเทศเราไม่สนใจคำเตือน ประเทศอื่นเขาย่อมใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นการระงับการค้าการลงทุน มาตรการปิดกั้นและกีดกันต่างๆ รวมถึงการย้ายถิ่นฐานการผลิตไปยังประเทศที่ 3 กระบวนการเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง และโมเมนตัมนี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปอีกนานหลายปี..

แต่..แทนที่ผู้นำเราจะยอมรับความผิด แก้ไขปัญหาเหล่านั้น และทำให้มันถูกต้องเสีย กลับออกมาโทษว่า เป็นเพราะผมไปจ้างล็อบบี้ยิสต์ เพื่อล็อบบี้ประเทศต่างๆ ให้แอนตี้ บอยคอตประเทศไทย โถ..ช่างคิดไปได้

อยากจะบอกว่า ผมไม่จำเป็นต้องไปจ้างใคร ให้เสียเงินเสียทอง เพื่อประจานนายกฯ ไทย ให้เสียภาพลักษณ์ประเทศหรอกครับ ประวัติศาสตร์มีให้เห็นอยู่เสมอว่า เผด็จการฯที่ลุแก่อำนาจ ด่ากราดคนที่พูดจาไม่ถูกใจ ดูถูกคนยากจนว่าโง่ ใช้อำนาจเกินขอบเขต และปกครองประเทศโดยไม่เห็นหัวประชาชนนั้น ล้วนแล้วแต่แพ้ภัยตัวเองทั้งนั้น

อยากจะเป็นผู้นำประเทศ ถ้าอารมณ์ของตัวเองยังควบคุมไม่ได้ ใช้อารมณ์ด่ากราดผู้คนเพื่อเอาชนะ ตะคอกใส่นักข่าวให้เขาสงบปากสงบคำ และเขียนข่าวให้ถูกใจตน ทำแบบนี้บอกเลย อย่าหวังว่าจะทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศคล้อยตาม

ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองแย่แค่ไหน ลองเอาเทปที่คุณพูดทุกวันมาฟังย้อนหลังดูซิครับ แล้วคุณจะรู้ว่า

"ไม่มีล็อบบี้ยิสต์ในโลกคนไหนที่จะมีความสามารถทำลายคุณได้ เท่ากับคุณทำลายตัวคุณเอง"

เพราะฉะนั้น เมื่อคุณมั่นใจว่าเป็นคนดี ก็จงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชอบแก้ไขไปเถอะ อย่าทำตัวเหมือนที่ผ่านมาเลย"


คสช.ปล่อย'วัฒนา' เศร้าไม่เจอหน้าลูก

"วัฒนา" โพสต์เฟซบุ๊ก เสียใจไม่เจอหน้า "น้องเฟ" ลูกสาว ในวันที่ได้รับอิสรภาพ ขอโทษทำลูกลำบาก เผยอดอาหารประท้วงเหตุไม่ผิด แต่โดนจับ ประชด คสช. อำนาจล้น ทำอะไรก็ทำ …

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 เม.ย. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊ก หลังศาลทหารให้ปล่อยตัวชั่วคราว ในวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เรื่อง "เมื่อผมไม่เจอลูก" ว่า ที่จริงแล้วคนๆ แรกที่ตนควรจะได้เห็นหน้าหลังจากได้รับอิสรภาพ ควรจะเป็นน้องเฟลูกสาว และคนที่น่าจะดีใจที่สุดที่ได้รับการปล่อยตัวก็ควรเป็นน้องเฟ แต่ก็แปลกตรงที่ข้อเรียกร้องประสบความสำเร็จ เฟกลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ยืนตรงนี้เพื่อชื่นชมมัน ลูกร้องไห้เมื่อตนโทรหา และขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อตามสัญญา และต้องเดินทางไปฮ่องกงพร้อมน้ำตา โดยหลายๆ คนฝากความห่วงใยถึงน้องเฟ เพราะทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากที่ออกมาต่อสู้เพื่อพ่อ ขอบคุณทุกกำลังใจและรู้สึกเช่นกันว่า ผมติดหนี้น้องเฟที่ได้เสียสละตัวเองเพื่อตนมากมายถึงขนาดนี้ ได้บอกลูกไปว่าลูกทำดีที่สุดแล้ว และไม่ต้องเสียใจ ต้องขอโทษที่ทำให้ลูกลำบากและไม่อาจอยู่ข้างๆ เพื่อปลอบใจลูกได้ ลูกคือคนสำคัญที่สู้จนทำให้พ่อได้รับอิสรภาพ

นายวัฒนา ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ไปรายงานตัวที่ มทบ. 11 เจ้าหน้าที่ได้ให้กรอกแบบฟอร์มรายงานตัว จากนั้นนำตัวไปควบคุมโดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. จึงค่อยมีนายทหารพระธรรมนูญมาแจ้งข้อหาว่า การแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก คือ การเคลื่อนไหวทางการเมือง อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากนั้นได้นำตัวไปควบคุมต่อที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด คสช. จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว จึงประท้วงด้วยการอดอาหาร ตั้งแต่ถูกควบคุมตัวที่ มทบ. 11 เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับอิสรภาพ กระทั่งถูกนำกลับปล่อยตัวที่ มทบ. 11 อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 21 เม.ย.เวลากลางวัน จึงเริ่มรับประทานอาหาร

นายวัฒนา ระบุด้วยว่า ไม่แปลกใจเมื่อเห็นข่าวผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ให้สัมภาษณ์ว่า หากในวันรุ่งขึ้นตนยังไม่รับประทานอาหารตามที่หน่วยจัดไว้ให้ จะถือว่ามีเจตนาประท้วง ซึ่งท่านจะดำเนินคดี เสียดายที่ปล่อยตัวเร็วไปหนึ่งวัน ไม่เช่นนั้นคงมีคดีเพิ่มอีกหนึ่งคดี ก็แสดงความคิดเห็นยังกลายเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ แล้วทำไมการไม่รับประทานอาหารจะเป็นการขัดคำสั่ง คสช. ไม่ได้ อำนาจมีอยู่ในมือแล้วจะทำอะไรก็ว่าไปเลย.

จับตาย‘ซัดดัม’นักค้ายา ปะทะเกือบ 24 ชม.ที่น่าน

ทหารปะทะกับกลุ่มผู้ค้ายาบ้านห้วยละเบ้ายา จ.น่าน ผล จนท.บาดเจ็บ 14 นาย วิสามัญนักค้ายาฉายาซัดดัมคาปืนลูกซองที่ชอบสะพายเดินในหมู่บ้าน 1 ศพ ส่วนอาการ เสธ.มทบ.38 ปลอดภัย แพทย์ระบุโดนกระสุนลูกปราย ต้องผ่าตัดบายพาสหัวใจ

จากเหตุการณ์คนร้ายลอบยิง และปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่นำกำลังปิดล้อมบ้านห้วยละเบ้ายา หมู่ 10 ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 21 เม.ย. ส่งผลมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 11 นาย โดยเฉพาะ พ.อ.เศรษฐพล เกตุเต็ม เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 38 หัวหน้าชุดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดน่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกยิงที่ศีรษะ และหน้าอก จนถึงวันที่ 22 เม.ย.59 นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ ผวจ.น่าน พล.ต.ณรงค์ชัย แกล้วกล้า ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 พ.ต.อ.วีระชัย บั้งเงินรอง ผบก.ภ.จว.น่าน พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง รอง ผบก.ภ.น่าน พ.ต.อ.ประยูร ชำนาญคง ผกก.สภ.เมืองน่าน นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และปกครองกว่า 500 นายปิดล้อมบ้านห้วยละเบ้ายา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังล้อมหมู่บ้านปิดทางเข้าออก ตรวจค้นบ้านทุกหลังที่อาจซุกซ่อนอาวุธปืน ยาเสพติด รวมทั้งตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นเป้าหมาย คือ นายตะวัน วิรุทสวนนัน เจ้าของบ้านที่พบของกลางยาเสพติดยาบ้าจำนวน 9 ถุง กว่า 2 พันเม็ด และฝิ่น นอกจากนี้ยังตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุยุ้งข้าวซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจเก็บหลักฐานเชื่อมโยง โดยจุดดังกล่าวพบปลอกกระสุนลูกซองเบอร์ 20 จำนวนมาก และพบร่องรอยแนวยิงมาจากด้านบนหมู่บ้าน จึงได้เข้าตรวจค้นที่บ้านของนายเล่าซ๋าน แซ่เติ๋น ซึ่งตั้งอยู่แนววิถีการยิง เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม การปิดล้อมตรวจค้นได้พบยาเสพติดในช่วงเช้าวันที่ 22 เม.ย.59 พบทั้งยาบ้าและฝิ่น อุปกรณ์การเสพ ปืนลูกซองยาว 3 กระบอก, ปืนคาร์บิน 1 กระบอก ปืนแก๊ป 4 กระบอก และเลื่อยโซ่ยนต์อีก 6 เครื่อง รวมทั้งปลอกกระสุนตกกระจายทั่วหมู่บ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังคงตรวจค้นเพื่อตรวจเก็บหลักฐาน อาวุธ และไล่ล่าตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้

จากนั้น เวลาประมาณ 13.45 น. วันที่ 22 เม.ย. เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังทุกฝ่ายเข้าในพื้นที่ และเกิดปะทะกับกลุ่มผู้ค้ายาที่บ้านห้วยละเบ้ายา หมู่ 10 ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน อีกครั้ง จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน 15 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 นาย ก่อนจะมีการปะทะกันอีกบริเวณสวนลำไยห่างจากหมู่บ้านไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5 กม. คนร้ายชื่อนายเวิ่นควน แซ่จ๋าว หรือฉายา ซัดดัม อยู่บ้านเลขที่ 120 บ้านห้ายละเบ้าบา หมู่ 10 ต.สะเนียน หนึ่งในกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่ได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ถูกวิสามัญฆาตกรรม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ด้านนายเศรษฐกิจผล แซ่เต้น ผู้ใหญ่บ้านห้วยละเบ้ายา เผยว่า นายเวิ่นควน ผู้ตายเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในหมู่บ้าน มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ชอบซื้อเหล้าเลี้ยงเด็กวัยรุ่นภายในหมู่บ้าน ขายยาบ้าให้วัยรุ่นทั้งในและนอกหมู่บ้าน นอกจากนี้นายเวิ่นควน ยังชอบสะพายอาวุธปืนลูกซองยาวติดตัวเป็นประจำ จนคนภายในหมู่บ้านเกรงกลัว ทางคณะกรรมการหมู่บ้าน เคยว่ากล่าวตักเตือนอยู่หลายครั้ง แต่ผู้ตายไม่มีความเกรงกลัว

ขณะที่พล.ต.ณรงค์ชัย แกล้วกล้า ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 กล่าวว่า ผู้ตายนั้น มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องยาเสพติดรายใหญ่อีกด้วย โดยที่ พ.อ.เศรษฐพล เกตุเต็ม เสนาธิการ มทบ.38 ได้ติดตามพฤติกรรมร่วมกับ ปปส.ภ.5 มาโดยตลอด จนถึงวันที่เกิดเหตุจึงทราบว่า นายเวิ่นควน มีการติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับขบวนการที่ จ.เชียงราย โดยได้รับยาบ้ามาแล้ว จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของ นายเวิ่นควน พบยาบ้าจำนวน 1,700 เม็ด จากนั้นได้เกิดการยิงปะทะกันจนทำให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนยาบ้าลอตใหญ่ที่ผู้ตายนำมานั้นไม่ทราบว่าเอาซุกซ่อนไว้ที่ใด ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนค้นยาบ้าที่เหลือแล้ว

"สำหรับเหตุการณ์ที่มีการปะทะตอนบ่ายที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารนำโดย จ.ส.อ.บุญชู ปิ่นเพชร ทหารสังกัด ม.พัน 15 นำกำลังจำนวนหนึ่งปิดล้อมทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นป่าละเมาะ และสวนลิ้นจี่ ขณะที่กำลังลาดตระเวนอยู่นั้น ได้มี นายเวิ่นควน ผู้ตาย แอบซุ่มอยู่ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เดินผ่าน จึงได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาว ยิงใส่ ส.อ.ธีรเดช เตชะนัน ถูกยิงเข้าด้านหลังข้างขวา และเจ้าหน้าที่อีก 2 นาย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงได้ยิงโต้ตอบ จนทำให้ นายเวิ่นควน ถูกกระสุนปืนเสียชีวิต จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์เวร รพ.น่าน และฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ชันสูตรพลิกศพเพื่อบันทึกเป็นหลักฐานต่อไป"

ส่วนอาการของ พ.อ.เศรษฐพล เกตุเต็ม เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 38 ภายหลังถูกนำส่งผ่าตัดที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า จนอาการปลอดภัย และพักพื้นอยู่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา ชั้นที่ 8 แผนก ไอ.ซี.ยู.ซีวีที ห้องที่ 1 โดยมีแพทย์ อ.ชัชชัย เต็มยอด เจ้าของไข้ พร้อมพยาบาลดูแล

พล.ต.พีระพล ปกป้อง ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า (เสธ.ศพม.แพทย์) สำนักงานผู้บังคับบัญชา เปิดเผยว่า พ.อ.เศรษฐพล ถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาส่งที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า เวลา 04.00 น. จึงระดมแพทย์เข้าผ่าตัด นำโดย พ.อ.นพ.ชัชชัย เต็มยอด ทำการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกจากจุดสำคัญ 3 จุด ได้แก่ หัวใจห้องขวาบนที่ทะลุปอดด้านซ้าย หลอดเลือดแดงใหญ่ และได้ปิดรอยทะลุทั้งหมดแล้ว ซึ่งผลการเป็นผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ ขณะนี้อาการโดยรวมนั้นพ้นขีดอันตรายแล้ว หลังจากที่ได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนปราย ขนาด 3 มม. ที่กระจายจำนวนมากบริเวณลำตัว ซึ่งจุดที่สำคัญกระสุนได้เข้าฝังหัวใจ เส้นเลือดใหญ่ ปอด โดยใช้กระบวนการผ่าตัดหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจหรือการผ่าตัดบายพาส เป็นการผ่าตัดต่อเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจแล้วใช้เครื่องหัวใจและปอดเทียม เพื่อให้ร่างกายได้สูบฉีดเลือดปกติ จากนั้นได้ทำการผ่าตัดหัวใจและปอดนำกระสุนปรายออกเป็นผลสำเร็จใช้เวลาประมาณ 15 นาที อาการตอนนี้ยังทรงตัวในระดับที่ดี 90% อย่างไรก็ตามต้องติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ป่วยได้พักพื้นและรู้สึกตัวเท่านั้น.