ข่าว
สั่งห้าม ‘เดียร์ ขัตติยา’ จัดรำลึก 7 ปี เสธ.แดง

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมรำลึก 7 ปีการเสียชีวิตของพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินลุมพินีนั้น ตนคิดว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้ดุลพินิจว่ากิจกรรมดังกล่าวน่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงไม่อนุญาตให้ น.ส.ขัตติยาจัดกิจกรรมดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา คสช.เน้นการขอความร่วมมือมาโดยตลอด และก็ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย

อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งทางครอบครัว น.ส.ขัตติยาแต่อย่างใด เพราะการที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้จัด เป็นเพราะพิจารณาแล้วว่าการรำลึกการจากไปของ พล.ต.ขัตติยะ อาจเข้าข่ายกิจกรรมเชิงการเมือง

'บิ๊กตู่' ใช้ กฎหมาย ป้องกันความรุนแรง หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ปัตตานี

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า สำหรับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นที่ จ.ปัตตานีเมื่อเร็วๆ นี้ ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่สูญเสียทรัพย์สิน และตนขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว สามารถรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ที่นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน จากผู้ก่อเหตุทั้งหมด 4 คน ซึ่งต้องขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน กรุณาไม่เผยแพร่หรือส่งต่อภาพและคลิปเหตุการณ์ระเบิด หรือเหตุการณ์รุนแรงทุกประเภท ผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในสื่อออนไลน์ เพราะนอกจากจะเป็นการตอกย้ำความรุนแรงที่เกิดขึ้น และเป็นการเข้าทางของผู้ก่อเหตุแล้ว ทั้งนี้ยังอาจส่งผลต่อรูปคดี เช่น อาจจะทำให้คนร้ายไหวตัว และยังกระทบต่อความรู้สึก และบั่นทอนกำลังใจของประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทุกคนก็พยายามช่วยกันแก้ปัญหาอยู่ รวมไปถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรากำลังมุ่งไปสู่สามเหลี่ยมเศรษฐกิจของเรา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้รัฐบาลและคณะทำงานแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้พยายามมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ มันไม่ใช่การพูดแล้วสั่งแล้วทำ มันเกิดขึ้นไม่ได้ มันต้องทำงานหลายมิติด้วยกัน ทั้งความมั่นคง การพัฒนา การบังคับใช้กฎหมาย การสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ให้ทุกอย่างมีความมั่นคง ยั่งยืน อย่าเอาเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาเน้นจนทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น รัฐบาลและ คสช.กำลังทหารทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่ พลเรือน ตำรวจ ทหาร พยายามใช้ทุกอย่างบังคับใช้กฎหมาย

"อย่าลืมว่าเราไม่สามารถทำให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นไปกว่านี้ได้อีก เราก็บังคับใช้กฎหมายอยู่ ขอความร่วมมือมากขึ้น ด้วยความเข้มงวดในการตรวจตรารถ ตรวจตราอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในที่ชุมชน หลายอย่างอาจจะไม่สะดวก แต่หลายอย่างพอมันเนิ่นนานไปทุกคนก็บอกมันเป็นปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ทำงานลำบาก ก็ขอให้ช่วยกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องเราต้องน้อมนำหลัก "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาใช้ในการแก้ปัญหา ก็ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น หากเห็นสิ่งผิดสังเกต ไม่น่าไว้วางใจ ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ร่วมกันสอดส่องดูแล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในชุมชนของท่าน อันนี้หมายรวมไปถึงอาชญากรรมที่มีความรุนแรงอื่นๆ อีกด้วย ช่วยกันเฝ้าระวังเรื่องยาเสพติด เรื่องอาชญากรข้ามชาติ เรื่องผู้มีอิทธิพล เรื่องการค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อน เหล่านี้ แจ้งมาได้ตลอดเวลานะครับ จะลงโทษอย่างเด็ดขาดนะครับ ทั้งผู้กระทำความผิดและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วม.


เรียก”2อดีตน.ศ.อุเทนฯ” บุกจุฬาฯ ข่มขู่”เนติวิทย์”

จากกรณีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานสภานิสิตจุฬาฯ ปีการศึกษา 2560 เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.พงศ์พิทูร พาศรี รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน เพื่อลงบันทึกประจำวัน จากเหตุชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณโรงอาหารของตึกรัฐศาสตร์ เพื่อตามหานายเนติวิทย์ ด้วยท่าทางคุกคามและใช้ถ้อยคำในลักษณะข่มขู่เหตุเกิดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม ที่สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเชิญตัว2อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 พฤษภาคม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา ฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญ และข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจ ส่วนข้อหาบุกรุกนั้นไม่ได้แจ้งเนื่องจากเป็นสถานที่ราชการอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นช่วงเวลากลางวันสามารถเข้าออกได้ปกติ โดยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการรวบรวมหลักฐานและติดตามจนทราบเบาะแสรายละเอียดทั้งหมดแล้ว การรวบรวมพยานหลักฐานเกือบจะ100เปอร์เซนต์ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อและประสานกับนายเนติวิทย์มาโดยตลอด เพื่อแจ้งความคืบหน้าซึ่งถือว่าเป็นที่พึงพอใจ


ททท.ปลุกกระแสท่องเที่ยวเชิงเกษตร “เทศกาลผลไม้-ของดีภาคตะวันออก”

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับ 4 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ระยอง จันทบุรี ตราด และปราจีนบุรี จัดงาน “เทศกาลสวนผลไม้และของดีภาคตะวันออก” ประจำปี 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro Tourism) สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทย ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวสไตล์ลึกซึ้ง (Local Experience) สัมผัสอาหารถิ่น ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และสินค้าต่างๆ อีกมากมาย โดยตลอดโครงการจะมีเงินหมุนเวียนกว่า 68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 62 ล้านบาทเมื่อปี 2559

ในปีนี้ ททท.ได้จัดทำโปรโมชันพิเศษ คูปองชิมผลไม้มูลค่า 100 บาท นำมาหักส่วนลดของราคาค่าเข้าสวนผลไม้ จำนวน 20 แห่ง จาก 4 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ระยอง จันทบุรี ตราด และปราจีนบุรี ที่เข้าร่วมโครงการ โดยสวนดังกล่าวมีศักยภาพที่จะสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม 2560

การจัดกิจกรรมท้าเที่ยวข้ามภาคยังมีการนำนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ เดินทางมา “ชิม ช้อป แชร์” สวนผลไม้จากจังหวัดต่างๆ ได้แก่ ทุเรียน เงาะ มังคุด สละ ระกำ สับปะรด ฯลฯ จากสวนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชิมผลไม้ เลือกซื้อกลับบ้าน และเก็บภาพสวยในสวนต่างๆ เป็นที่ระลึก นับเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวลึกซึ้ง (Local Experience) นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาหารถิ่น ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และสินค้าต่างๆ อีกมากมาย

ททท.ยังได้มีการจัดกิจกรรม “ท้าเที่ยวข้ามภาค” ในงานเทศกาลผลไม้และของดีจังหวัดระยอง ปี 2560 ระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2560 ณ ตลาดกลางผลไม้เพื่อการเกษตรตะพง จ.ระยอง โดยท้าคนไทยทั่วประเทศมามาชิม ชอป ผลไม้ภาคตะวันออก พร้อมร่วมกิจกรรม “เที่ยวข้ามถิ่นกินข้ามภาค เยือนถิ่นผลไม้” กระทบไหล่ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” พรีเซ็นเตอร์โครงการ “ท้าเที่ยวข้ามภาค” ในวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2560 ณ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร สวนยายดา เจ๊บุญชื่น ที่จะมาท้านักท่องเที่ยวข้ามภาคร่วมปฏิบัติภารกิจพิชิตหนามสละ (แข่งแกะเปลือกสละ) อิ่มอร่อยกับบุพเฟต์ผลไม้กินได้ไม่อั้น หัวละ 300 บาท พร้อมร่วมรับประทานอาหารเย็น ในโซน “ลานเที่ยวกินอาหารถิ่นเมืองระยอง” ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น รำกลองยาว การแสดงหนังใหญ่วัดบ้านดอน ชมฟรีคอนเสิร์ตจากศิลปิน “หญิงลี ศรีจุมพล”

สำหรับนักท่องเที่ยวต้องการสอบถามรายชื่อสวนที่เปิดบริการและโปรโมชันคูปองการชิมผลไม้ แผนที่การเดินทาง และรายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้จาก www.เที่ยวตะวันออก.com และกองตลาดภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 0-2250-5500 ต่อ 3920 และ 3921 หรือ 1672 E-mail : ermdiv@tat.or.th


'แพท'ขอความเป็นธรรม ปส. ยันไม่เกี่ยว 'เบนซ์' ฟอกเงิน

นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความแพท ณปภา ตันตระกูล เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐทีวี กรณีพนักงานสอบสวนตำรวจปราบปรามยาเสพติดออกหมายเรียก นางสาวณปภา เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานสมคบเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดฐานฟอกเงิน หลังมีหลักฐานชัดเจนว่า ครอบครองเงินจำนวน 1 ล้าน 9 แสนบาท จากนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ผู้เป็นสามี ซึ่งเป็นเงินที่ได้รับโอนมาจาก นายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ผู้ต้องหาเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ราชายาเสพติดชาวลาว ว่า หมายเรียกดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้นำมาติดไว้ที่ร้านแอเรีย 51 ย่านห้วยขวาง เมื่อเวลา 20.45 น. ของวันที่ 8 พฤษภาคม โดยในหนังสือให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในวันที่ 11 พฤษภาคม เวลา 9 นาฬิกา แต่นางสาวณปภา ไม่ได้อาศัยอยู่ จึงไม่มีคนทราบว่ามีหมายเรียก

จนกระทั่งช่วงเช้าของวันนี้ (11 พฤษภาคม) ตัวเองได้รับทราบหมายเรียก จึงทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เป็นวันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 10.30 น. พร้อมขอให้ทบทวนการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นางสาวณปภา เนื่องจากที่ผ่านมา ได้ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในประเด็นสงสัยเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน และที่มาของเงินจำนวน 1 ล้าน 9 แสนบาท ที่ได้รับโอนจากนายเบนซ์ ที่นางสาวณปภาไม่ทราบแหล่งที่มา และได้ชี้แจงไปโดยไม่มีการปกปิด พร้อมยืนยันว่า ไม่ทราบว่าเงินจำนวนดังกล่าวนายเบนซ์รับโอนมาจากผู้ต้องหาคดียาเสพติด โดยตัวเองได้เดินทางไปส่งหนังสือเมื่อเวลา 12.30 น. ของวันนี้ (11 พฤษภาคม) จากนั้นเวลา 13.30 น. ตำรวจได้นำหมายเรียกครั้งที่ 2 ไปติดไว้ที่ร้านแอเรีย 51 เช่นเดิม โดยให้นางสาวณปภาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้

นอกจากนี้ นายอาคม ยังกล่าวด้วยว่า นางสาวณปภาและทีมทนายความเคารพการทำหน้าที่ของตำรวจ ที่ได้มีการออกหมายเรียกตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้ว่าขั้นตอนดังกล่าวจะดูเร่งรีบเกินไป ซึ่งนางสาวณปภายืนยันว่าจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองในวันดังกล่าว และได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ประกันตัวในชั้นศาล เป็นเงินจำนวนเงิน 5 แสนบาท โดยเทียบเคียงกับคดีของนายเบนซ์ เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเดียวกัน พร้อมยอมรับว่านางสาวณปภามีความกังวลใจ และตกใจเมื่อทราบว่าตำรวจออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา

ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว เมื่อนางสาวณปภาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ก็จะตกเป็นผู้ต้องหาในคดี มีสิทธิ์ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา จึงเตรียมนำหลักฐานการทำธุรกรรมทางการเงินที่เป็นประเด็นสงสัย ชี้แจงต่อสังคมผ่านสื่อมวลชน เพราะหลังจากที่นางสาวณปภามีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง ได้ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานรวมไปถึงครอบครัวเป็นอย่างมาก.

มูนคุยทรัมป์-ผู้นำจีน-ญี่ปุ่น รับมือโสมแดง

เมื่อ 11 พ.ค. ประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ประกาศแผนว่าจะย้ายที่ทำงานจากทำเนียบ “บลู เฮาส์” ซึ่งใช้เป็นที่พำนักของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ทุกคนตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนายมูนมีแผนจะย้ายไปอยู่บริเวณจัตุรัสควางฮวามุนใจกลางกรุงโซล พื้นที่ที่ประชาชนนับล้านคน ชุมนุมประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีหญิง ปัก กึน-เฮ แต่ยังคงใช้ทำเนียบบลู เฮาส์ในโอกาสสำคัญ ทั้งนี้เพื่อติดต่อพูดคุยกับประชาชนได้ตลอดเวลา รวมถึงตั้งเวทีอภิปรายสรุปประเด็นสำคัญโดยตรงต่อสื่อมวลชน ตามแนวทางของนายมูนเพื่อพยายามเป็นผู้นำติดดินให้มากขึ้น

วันเดียวกัน นายมูนได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น เพื่อพยายามกำหนดกรอบมาตรการจัดการรับมือโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและกระชับสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน เช่น กรณีจีนไม่พอใจที่รัฐบาลเก่าอนุมัติให้สหรัฐฯติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธพิกัดสูง (THAAD) เพราะจีนถือว่าถูกคุกคามด้านความมั่นคง นายมูนแจ้งกับนายสีว่าจะส่งคณะผู้แทนไปเยือนจีนหารือวิกฤติเกาหลีเหนือและการติดตั้งระบบธาด ส่วนญี่ปุ่นนายมูนกับอาเบะเห็นชอบร่วมมือใกล้ชิดเพื่อจัดการวิกฤติเกาหลีเหนือเช่นกัน.