ข่าว
'ริคดิก โบว์'สิ้นลาย โดนเจาะยางร่วงยก 2

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ เวที มวยชั่วคราวแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้มีการจัดการแข่งขันศึกมวยไทยซูเปอร์ไฟต์ แชมเปียน 2013 ชิงแชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก รุ่นซูปเปอร์เฮฟวีเวท"ว่าง"(เกิน 210 ปอนด์)ชิงถ้วยเกียรติยศของ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ซึ่งในการชกครั้งนี้เป็นการพบกันระหว่าง "บิ๊กแดดดี้"ริคดิก โบว์ อดีตแชมป์โลกรุ่นยักษ์ 4 สถาบันชาวอเมริกัน กับ เลฟกิน โกโลวิน หมียักษ์จากรัสเซีย ซึ่ง โบว์ แบกน้ำหนักมากกว่าคู่ชกถึง 30 กิโลกรัม (135/105 กิโลกกรัม)

เริ่มยกแรก ริคดิก โบว์ ถือครองความได้เปรียบเรื่องรูปร่างเดินหน้าเข้าใส่เตรียมสาวหมัดแต่ก็ช้าเกินไปเจอ เลฟกิน โกโลวิน เจาะยางเข้าเต็มๆหลายดอกจนออกอาการก้นเตี้ย แถมในช่วงก่อนหมดยก อดีตแชมป์โลกมะกันก็โดนคู่ชกเจาะยางเข้าไปอีกทีที่ขาข้างซ้ายย้ำแผลเก่าจนล้มไปกองให้กรรมการนับแต่ก็ยังสามารถลุกขึ้นมาประคองตัวจนจบยกไปได้

อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงยกที่ 2 โกโลวิน ยังคงเล่นแผนเดิมหาโอกาสเตะตัดขาก่อนจะต้อน โบว์ เข้ามุมพร้อมประเคนแข้งเข้าข้อพับจนคู่ชกร่วงลงไปให้กรรมการนับ 8 และเมื่อแชมป์โลกมะกันลุกขึ้นมาชกต่อก็เจอนักชกหมีขาวระดมแข้งเข้าแผลเดิมจนหล่นลงไปนอนกองตรงมุมหมดสภาพให้กรรมการนับ 10 แล้วชูมือให้ โกโลวิน เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างงดงาม

ขณะที่ผลการแข่งขันของคู่อื่นๆ โทเบย์ แก้วสัมฤทธิ์ (สวีเดน) พ่าย เบอร์หนึ่ง ท็อปคิงส์บ็อกซิ่ง (ไทย) ในการป้องกันแชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก รุ่น 175 ปอนด์ , ไซมอน มากัส (แคนาดา) ชนะ สุริยา ปราสาทหินพิมาย (ไทย) คว้าแชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลกที่ "ว่าง" รุ่น 175 ปอนด์

มาวิน อีสต์แมน (อเมริกา) ชนะ ริคาโด้ แวน เดอ บอส (แคนาดา) คว้าแชมป์สภามวยโลกมวยไทยรุ่น 210 ปอนด์ , ฤทธิไกร แก้วสัมฤทธิ์ ป้องกันแชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลกรุ่น 112 ปอนด์ ชนะ รุ่งพิชิต พันธ์ยุทธภูมิ ,สิงห์มณี แก้วสัมฤทธิ์ ป้องกันแชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลกรุ่น 147 ปอนด์ ชนะ ซาร์ลาดีน เอทเคอร์เนอร์ (ฝรั่งเศส) .

แดง’กลุ่มคนรักเชียงใหม่’ ปะทะหน้ากากขาวเจ็บอื้อ

เมื่อเวลา 16.30น. วันที่ 14 มิ.ย.2556 หลังจากที่กลุ่มหน้ากากขาวในจังหวัดเชียงใหม่ได้นัดรวมตัวจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ แต่ระหว่างที่มีการรวมตัวกันบริเวณหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ถนนนิมานเหมินทร์ ซอย 13 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มวลชนคนเสื้อแดงกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 กว่า 100 คน ได้เข้ามาปะทะกับกลุ่มหน้ากากขาวเชียงใหม่ที่มีจำนวน 50 คน โดยเหตุการณ์เริ่มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ได้ปาขยะใส่กลุ่มหน้ากากขาว และมีการดึงป้ายผ้าที่เขียนว่า "โค่นล้มระบอบทักษิษ" ทำให้เกิดการชุลมุมจนเกิดกากชกต่อยระหว่างคน 2 กลุ่ม แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 คนเข้าห้ามปราบแต่ไม่สำเร็จ

นอกจากนี้ ทางกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ได้มีการระดมกำลังคนเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยที่กลุ่มหน้ากากขาวได้ถอยร่นเข้าไปอยู่ในอาคารพาณิชย์ของเอกชน เพื่อหลบเลี่ยงการถูกโจมตี แต่เบื้องต้นกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ได้ฝ่าเข้าไปในอาคารพาณิชย์ดังกล่าว และเกิดการชุลมุนชกต่อยกับทางกลุ่มหน้ากากขาวอีกคครั้ง เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตอนนี้ทางกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51ได้นำรถยนต์เข้ามาปักหลักบริเวณหน้าอาคารพาณิชย์ดังกล่าว และมีการนำเครื่องขยายเสียงแสดงเจตนารมณ์ปกป้องทักษิณ และมีการด่าทอไปยังกลุ่มหน้ากากอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ปาสิ่งของใส่กลุ่มหน้ากากขาวจนแตกกระเจิง บางส่วนได้วิ่งหลบหนีไปหลบซ่อนอยู่ตามซอยในถนนนิมานเหมินท์ ขณะที่บางส่วนถอยล่นเข้าไปหลบที่ฮิลไซด์คอนโดมิเนียม ห่างจากจุดปะทะประมาณ 200 เมตร

กระทั่งเกิดการปะทะกันอีกครั้งที่บริเวณเซเว่นอีเลฟเว่นข้างกับฮิลไซด์คอนโดมิเนียม ถนนนิมานเหมินท์ คาดว่ามีกลุ่มคนหน้ากากขาวได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะเดียวกัน ทางรปภ.ของฮิลไซด์คอนโดมิเนียม ได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นไม่กลุ่มเสื้อแดงเข้ามา เนื่องจากระหว่าางที่มีการปะทะกันนั้น กลุ่มเสื้อแดงได้ขว้างปาเศษขยะ ขวดน้ำ ขวดแก้ว เข้ามาภายในคอนโดฯ จนทำให้บริเวณด้านหน้าทางเข้าเต็มไปด้วยเศษขยะเกลื่อนกระจัดกระจาย

ขณะที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงยังปักหลักเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ที่ย่านถนนนิมานเหมินท์ เนื่องจากมีสายของกลุ่มเสื้อแดง รายงานว่ายังกลุ่มหน้ากากขาวบางส่วนยังหลบซ่อนตัวอยู่ และการ์ดของกลุ่มหน้ากากขาว มีการพกพาอาวุธปืนและจะทำร้ายกลุ่มเสื้อแดง พร้อมประกาศจะปกป้องคนที่ให้ร้ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนากรัฐมนตรีและจ้องจะล้มรัฐบาล

ขาวลำปางไร้แดงป่วน

ส่วนที่จังหวัดลำปางเมื่อเวลา 17.00น. กลุ่มมวลชนในนามกลุ่มหน้ากากขาวลำปางกว่า 100คน ได้พากันรวมตัวกันที่บริเวณห้าแยกหอนาฬิกา เทศบาลนครลำปาง อ.เมืองลำปาง ซึ่งทุกคนสวมใส่หน้ากากขาวและถือธงชาติ พร้อมถือป้ายที่มีข้อความแสดงโจมตีการทำงานของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ขณะที่กลุ่มหน้ากากขาว ได้ชุมนุมอยู่บริเวณห้าแยกหอนาฬิกา ได้มีนายณัฐชัย อินทราย แกนนำเสื้อแดงลำปาง ได้เข้ามาพบและพูดคุย โดยไม่มีการขัดขวางหรือต่อว่ากลุ่มหน้ากากขาวแต่อย่างใด ทั้งนี้การชุมนุมเป็นการแสดงออกถึงพลังตามระบอบประชาธิปไตย จึงอยากให้รัฐบาลได้เห็นความต้องการของประชาชนและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

การบินไทยเพิ่มเที่ยวบิน หวังดึงผู้โดยสารจากญี่ปุ่น

การบินไทยเพิ่มเที่ยวบิน แอล.เอ.-กรุงเทพฯ หวังลดภาวะขาดทุนให้น้อยลง โดยใช้เส้นทาง LA-Osaka-กรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 3 เที่ยว ส่วน LA-Soul-กรุงเทพฯ คงไว้เหมือนเดิม คาดมีผู้ใช้บริการมากขึ้นหลายเท่าตัว

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้บริหารการบินไทย แถลงข่าวการเพิ่มเที่ยวบินใหม่ แอล.เอ.-โอซาก้า-กรุงเทพฯ ที่ไทยแลนด์พลาซ่า

นายสุดเศวต เศวตะโศภณ ผอ.การบินไทยภาคพื้นทวีปอเมริกา พร้อมด้วยนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น และนางภัครา เรืองสิรเดโช ผู้อำนวยการฝ่ายสถานีต่างจังหวัดและต่างประเทศ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงการเพิ่มเที่ยวบินใหม่ อีก 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แอล.เอ.-โอซาก้า-กรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้การบินไทยลดภาวะการขาดทุน จาก 1,000 ล้านบาท เหลือเพียง 50 ล้านบาทหากเป็นไปตามเป้าหมาย

โดยการบินไทยวางแผนซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่ โบอิ้ง 777-300ER จำนวนทั้งหมด 8 ลำ ตามแผนการ โดยวัตถุประสงค์หลักของการมาของคณะผู้บริหารการบินไทยครั้งนี้ เพื่อมารับเครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER ซึ่งเป็นลำที่ 5 จากการสั่งซื้อทั้งหมด 8 ลำ โดยเครื่องบินรุ่นใหม่นี้จะบรรจุผู้โดยสารได้ทั้งหมด 348 ที่นั่งแบ่งเป็น Business Class 42 ที่นั่งสามารถปรับนอนได้ 180 องศา และ 306 ที่นั่ง สำหรับ Economy Class ทุกที่นั่งมีระบบ Entertainment Systems ครับครัน โดยการมาครั้งนี้ได้นำทีมงานการบินไทยกว่า 32 ชีวิต เพื่อมาตรวจสอบเครื่องบินรุ่นใหม่นี้ และรับมอบจากซีแอตเติ้ล

แผนการลดการขาดทุนของการบินไทยเริ่มจาก การเปลี่ยนเที่ยวบินจากการบินตรง แอล.เอ.-กรุงเทพฯ มาเป็น แอล.เอ.-โซล-กรุงเทพฯ เพื่อจะได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นในส่วนของผู้โดยสารจากกรุงโซลประเทศเกาหลี ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารจากกรุงโซล เป็นชาวเกาหลีมากถึง 80 % หรือประมาณ 150-200 คน นอกนั้นเป็นชาวเอเชียเป็นส่วนมาก โดยปัจจุบันมีเที่ยวบิน แอล.เอ.-โซล-กรุงเทพฯ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งทางการบินไทยมีความพยายามที่ต้องการขายเที่ยวบินให้ได้บินทุกวัน ผ่านสายการบินนี้ แต่ว่าไม่สามารถเจรจาต่อรองเพิ่มเที่ยวบินผ่านกรุงโซล ประเทศเกาหลีได้ จึงหาทางเพิ่มเที่ยวบินผ่านไปยังประเทศอื่น นั่นก็คือ ประเทศญี่ปุ่น ผ่านเมืองโอซาก้าอีก 3 เที่ยวบิน ซึ่งจะทำให้สามารถออกบินได้ทุกวัน

การบินตรงแอล.เอ.-กรุงเทพฯ ทำให้การบินไทยเกิดภาวะขาดทุน เนื่องมาจาก 2 ปัจจัยหลังคือ ข้อที่หนึ่ง ค่าตั๋วเครื่องบินของการบินไทยเอง มีราคาที่สูงกว่าสายการบินอื่นๆ ราว 200-300 เหรียญ เพราะมีค่าการบริหารที่สูงและไม่สามารถลดลงได้อีก ข้อที่สอง การบินตรงจะต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง ทำให้ไม่สามารถโหลดสินค้าได้มากเท่าที่ควรทำให้เกิดภาวะขาดทุนดังกล่าว

เมื่อการบินไทยเปลี่ยนนโยบายจากการบินตรง แอล.เอ.-กรุงเทพฯ จึงทำให้ไม่ต้องเติมน้ำมันจนเต็มถังอีกต่อไป จึงสามารถแบกสินค้าได้มากขึ้น พร้อมกับสามารถรับลูกค้าใหม่ๆ จากกรุงโซลได้ ในกรณีที่ผู้โดยสารจากแอล.เอ. มีไม่เต็มลำ โดยจุดแข็งของการบินไทยที่โซลคือ ราคาตั๋วของการบินไทยเองถูกว่า Korea Airline ราว 100 เหรียญ

ส่วนเส้นทาง แอล.เอ.-โอซาก้า-กรุงเทพฯ ที่จะเพิ่มขึ้นอีก 3 เที่ยวบินนั้นสืบเนื่องมาจากการเจรจากับประเทศเกาหลีเพื่อขอเพิ่มเที่ยวบินผ่านกรุงโซลไม่ประสบผลสำเร็จ จึงได้หาเส้นทางใหม่ผ่านโอซาก้าประเทศญี่ปุ่นแทน โดยทางญี่ปุ่นได้ให้เที่ยวบินจำนวนทั้งหมด 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ ซึ่งหากมีกลุ่มลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่นราว 70-80% ก็จะสามารถทำให้แผนการประสบผลสำเร็จ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกราว 2-6 เดือนเพื่อประเมิณผลงานอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนปัจจัยที่น่าจะเป็นผลบวกต่อสายการบินคือ นโยบายของญี่ปุ่นที่ต้องการนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากยิ่งขึ้น ทำให้ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศอีกต่อไป ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสายการบิน

ทั้งนี้ นายสุดเศวต เศวตะโสภณ ได้เสนอแผนการที่จะเพิ่มเที่ยวบินอีก 1 เที่ยวบิน ให้เป็น 4 เที่ยวบิน ที่ผ่านโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อจะได้มีเที่ยวบินทั้งหมด 8 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ ณ ปัจจุบันทางญี่ปุ่นเองให้เที่ยวบินกับการบินไทยเพียง 3 เที่ยวบินเท่านั้น