ข่าว
′จาตุรนต์′ อัดประชาธิปัตย์ หวังเปลี่ยนระบอบปกครอง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานยุทรศาสตร์พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาคำร้องให้การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เป็นโมฆะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะยื่นเรื่องในประเด็นการออกร่าง พ.ร.ฎ.การจัดการเลือกตั้งแทนใน 28 เขตที่ไม่มีผู้สมัคร และเขตที่จัดการเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ ซึ่งต้องรอผลการพิจารณา ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นนี้ว่าทำได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าจะคลี่คลายเมื่อไหร่ จึงควรพบกันครึ่งทาง จับหลักให้ได้ว่าจะยึดหลักอะไร หลักรัฐสภา ยึดระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลต้องการใช้กฎหมาย กปปส.ควรรักษากฎหมาย และความยุติธรรม ถ้าไม่มีแแล้ว ต่อให้พบกันครึ่งทางก็ไม่มีประโยชน์

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื้อเวลาออกไปก็เพื่อให้ทหารออกมารัฐประหารหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นความต้องการของ กปปส., พรรคการเมืองที่สนับสนุน กปปส.และชนชั้นนำ ที่ต้องการจะเปลี่ยนระบอบการปกครอง จึงไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จึงไม่ได้ลงรับเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่แค่ล้มรัฐธรรมนูญ เท่ากับฉีกรัฐธรรมนูญ จะเสียหายยิ่งกว่าอีกหลายเท่า

คปท.จับมือ กปปส. ปิดเกมหลัง 16 ก.พ.

คปท. เตรียมเร่งปิดเกมปฏิรูปประเทศหลัง 16 ก.พ. เดินหน้ารณรงค์บอกรักประเทศไทย"สุเทพ"ขอบคุณคปท.ร่วมต่อสู้กับกปปส.ตึงเครียด ตร.ปิดล้อมทางเข้าออก

วันที่14 ก.พ. นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผย ถึงผลการหารือกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ว่า ได้เข้าหารือกับนายสุเทพ โดยได้ประเมินสถานการณ์ ท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรณีที่มีตำรวจเข้าตรึงกำลังทั้งแยกนางเลิ้ง ถนนพิษณุโลก และขอคืนพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกสวนมิสสักวันถึงแยกมัฆวาน โดย มีความเห็นร่วมกันว่า วันนี้เป้าหมายตำรวจ คือ 1. เพื่อต้องการการกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นหลัก 2.เปิดต้องการเปิดพื้นที่การจราจร

และ 3. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. ต้องสร้างผลงานให้กับรัฐบาลรักษาการ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ผอ.ศรส. แต่ยังไม่ถึงขั้นสลายการชุมนุม เนื่องจาก หากดำเนินการจะทำให้ส่งผลกระทบ ต่อรัฐบาลรักษาการ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุมในพื้นที่ ก็จะนำไปสู่ความรุนแรงเกิดขึ้น และทำให้เกิดความไม่ชอบธรรม ทำให้เวลาต่อมา ตำรวจจึงถอนกำลังออกไป

หลังวันที่ 16 ก.พ.นี้ จะมีการกำหนดท่าทีการเร่งปิดเกมส์ด้วยชัยชนะของมวลมหาประชาชน หากมีจังหวะจะดำเนินการทันที ตามที่ได้หารือ กับนายสุเทพด้วย

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนรณรงค์ “บอกรักประเทศไทย” ของ คปท. ที่นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ได้เดินรณรงค์ไปตามเส้นทาง ถนนพิษณุโลก ถนนเพชรบุรี ถนนเพชบุรีตัดใหม่ ถนนชิดลม ถนนเพลินจิต ถนนพระราม1 แวะหยุดพักขบวนที่แยกชิดลม ประมาณ 15นาที เพื่อตรวจสอบสถานการณ์พื้นที่ชุมนุม คปท.ที่บริเวณแยกมิสกวัน เนื่องจาก ศรส.และ บช.น.ได้เริ่มปฏิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่แยกพระบรม รูปไปจนถึงแยก จปร.

ทั้งนี้ นายนิติธร กล่าวว่า ไม่ได้รับการประสานงานจากหน่วยงาน ศรส.และบชน. อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แนวบังเกอร์ของ คปท.ที่ กลางแยกมิสกวันจะถูกรื้อแต่ก็ไม่ทำให้กระทบต่อพื้นที่ของ คปท.แต่อย่างใด เนื่องจากพื้นที่ชุมนุมของ คปท. ด้านถนนพิษณุโลก อยู่แต่บริเวณแยกนางเลิ้งจนถึงแยกมิสกวันท่านั้น ซึ่งในส่วนของถนนราชดำเนินนอกเป็นของมวลชนพ่อค้าแม่ค้าและกลุ่มมวลชนแนวร่วม กปปส. ที่เป็นอิสระ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมอิสระดังกล่าว ได้เคยประกาศไว้ชัดเจนว่า เป็นกลุ่ม ที่เคลื่อนไหวอิสระไม่ขึ้นกับเวทีใด และที่ผ่านมก็ไม่เคยหารือกันกับ คปท. แต่หากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการล้ำเขตของ คปท. ก็จะทำการยกขบวนกลับไปทันที

ส่วนที่มีกระแสข่าวมวลชนแต่ละเวทีประกาศยกพลเพื่อมาช่วยเหลือนั้น ทางแกนนำ ได้มีการประสานกับแต่ละเวทีแล้วและยืนยันว่าไม่ได้ถูกขอคืนพื้นที่ ส่วนการเคลื่อนขบวนของ คปท.ในวันนี้เพื่อทำกิจกรรมรณรงค์ ให้ประชาชนมาร่วมบอกรักประเทศไทย ซึ่ง คปท.ยืนยัน ว่า ได้ กำหนดแผนกิจกรรมไว้ตั้งแต่ นายสุเทพ ประกาศแล้วทำกิจกรรมใหญ่ตั้งแต่วันที่ 14-16ก.พ.แล้ว

ขณะที่ นายนิติธร ก็ได้สั่งเคลื่อนขบวนรณรงค์ต่อ โดยเดินผ่านเวที กปปส.ราชประสงค์ มุ่งหน้าแยกปทุมวัน ท่ามกลางมวลชนแนวร่วม กปปส. จำนวนมากเป่านกหวีดโบกธงชาติชูมือตบ ให้กำลังใจขบวนรณรงค์ “บอกรักประเทศไทย” ตลอดเส้นทาง หลังจากที่ขบวน คปท. เคลื่อนขบวนมาถึงเวที กปปส.ปทุมวัน ก็ได้หยุดพักให้มวลชนทานข้าวกลางวันที่เวที กปปส. ปทุมวัน เป็นเวลาประมาณ 1ชั่วโมง ขณะที่ นายนิติธร ล้ำเหลือผู้ประสานงาน คปท. และ นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. ได้เข้าหารือกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ภายในเต็นท์แกนนำ โดยมีการ์ดอาสาคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หลังจากที่ได้หารือกันกว่า 30 นาที นายสุเทพ ได้เดินทางไปขึ้นรถขยายเสียงของ คปท. เพื่อพูดคุยกับมวลชน คปท.ที่ร่วมเดินขบวนมาว่า ขอบคุณที่ร่วมต่อสู้กับ กปปส.โดยเชื่อว่าจะได้รับชัยชนะเร็วๆ นี้ ซึ่งเราก็พยายามหาหนทาง ให้ได้ชัยชนะโดยเร็ว แต่อาจจะต้องรอจังหวะและโอกาส กระทั่งเวลา 12.00น. นายนิติธร ก็ได้นำขบวนมวลชน คปท.เดินทางกลับที่ตั้งที่สะพานชมัยมรุเชฐ

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. ตัดสินใจนำมวลชนออกเดินขบวนรณรงค์ “บอกรักประเทศไทย” เนื่องในวันแห่งความรัก เพื่อเชิญชวนให้คนไทยออกมาร่วมกับ กปปส. และ คปท. ทำบุญเพื่อแผ่นดินร่วมกันเสียสละ ช่วยปฏิรูปประเทศไทย ด้วยการกำจัดระบอบทักษิณและคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศ

แม้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จะมีข่าวว่า ทางศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) โดยทาง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมปฏิบัติการขอคืนพื้นที่การชุมนุมของ คปท.ในเช้าวันนี้ (14 ก.พ.) ทั้งนี้ ก่อนหน้า คปท.จะเดินขบวน 1 ชั่วโมง บช.น.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จาก บก.น.7 จำนวน1 กองร้อย พร้อมรถคุมขัง 8 คัน มาเคลื่อนขบวนลานพระบรมรูปทรงม้าปิดแยกนางเลิ้ง ถนนพิษณุโลก ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อปิดล้อมไม่ให้มี มวลชนเข้าออกพื้นที่ชุมนุม คปท.อีก ทำให้บรรยากาศภายในพื้นที่ชุมนุมทวีความตรึงเครียด

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาเดินขบวนของ คปท. เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่แยกนางเลิ้ง ก็ได้ยกเลิกการปิดล้อมทางเข้าออก พื้นที่ชุมนุมของ คปท. ถอยไปรวมพลที่หน้าบ้านพิษณุโลก จนกระทั่ง แกนนำ คปท.นำผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนรณรงค์ออกจากแยกนางเลิ้งไปประมาณ 20 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น. 7 จึงมาทำการปิดล้อมทางเข้าออกพื้นที่ชุมนุม คปท.ใหม่อีกครั้ง

′ธีรยุทธ′ ชี้สังคมไทย มีปัญหาโกงกินฝังตัว

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมกิ่งเพชร โรงแรมเอเชีย เครือข่ายผู้รับใช้การปฏิรูปประเทศโดยสันติของประชาชนไทย จัดเวที Restart ประเทศไทย ครั้งที่ 2 เรื่อง จากทุกข์ของชาวนาไทย...สู่การปฏิรูปประเทศ เพื่อเป็นการหาทางออกให้กับประเทศไทยท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวาย

นายธีรยุทธ บุญมี หัวหน้าคณะทำงานเครือข่ายผู้รับใช้การปฏิรูปฯ กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ทำให้เห็นว่า ปัญหาจำนำข้าวเพียงเรื่องเดียวก็เพียงพอให้เกิดกาาปฏิรูปประเทศแล้ว แต่ยังมีอีกหลายเรื่อง อาทิ รัฐบาลใช้อำนาจตามอำเภอใจ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ในการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการชุมนุมใหญ่ของประชาชน ทั้งนี้เป็นการสะท้อนปัญหาลึกๆ ซึ่งสะสมในสังคมไทยว่า เราเจอปัญหาเรื่องการฉกฉวยโกงกิน มีการใช้อำนาจจากกลไกรัฐสภามาสร้างประโยชน์และเอาผลประโชน์ของประเทศมาเป็นผลประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก สร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชน

นายธีรยุทธกล่าวว่า จากการที่ทำเรื่องปฏิรูปเรื่องการเมืองมากว่า 25 ปี และได้พูดคุยกับนายแพทย์ประเวศ วะสี อยู่เสมอ มีความคิดเห็นที่ตรงกันหลายประการประการหนึ่ง คือ การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ต้องมีภาคส่วนอีกภาคส่วนหนึ่ง นอกจากนักการเมือง ราชการ ประชาชน คือ ต้องมีภาคประชาชนที่มีความแข็งแกร่งสามารถทัดทานอำนาจการเมืองและกลุ่มทุนเอกชนได้ ซึ่งหลักการนี้เป็นทฤษฎีพื้นฐานในการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศตะวันตก ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพราะไม่มีพลังทางสังคมที่จะตรวจสอบ ต่อรอง และสร้างสมดุลอำนาจ ซึ่งสมัยก่อนเป็นอำนาจทหาร แต่ปัจจุบันคืออำนาจของนักเมือง

"ตอนนี้เราก้าวไม่ทันเวลา ก้าวไม่ทันปัญหา เราตามหลังสถานการณ์เสมอ โดยคนที่ออกมาชุมนุมกว่า 5 ล้านคน ต้องการการปฏิรูปประเทศ ขจัดการโกงกิน แต่การชุมนุมกลับไม่เกิดผลเท่าที่ควรจะเป็น เพราะการชุมนุมไม่ใช่พลังทั้งหมด เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแสดงออก ที่มีข้ออ่อน คือ ต้องเกิดความรุนแรงก่อนถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่การชุมนุมครั้งนี้พยายามที่จะไม่ให้เกิดความรุนแรง เป็นการชุมนุมแบบสงบ สันติ อหิงสา ทำให้การชุมนุมครั้งนี้ลำบากกว่าปกติ" นายธีรยุทธกล่าว

นายธีรยุทธ กล่าวด้วยว่า ปัญหาของเราขณะนี้ คือ การละเลยการตรวจสอบปัญหาจากจุดเล็กๆ ซึ่งละเลยมากว่า 20 ปี ส่งผลให้เกิดปัญหาร้ายแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และสังคมขาดความสามารถในการคลี่คลายปัญหา ซึ่งการรวมตัวของเครือข่ายฯ เพื่อเป็นการหาแนวทางที่สร้างให้เกิดการปฏิรูปที่มีโอกาสเป็นไปได้ในสังคมได้ดีกว่าเดิม โดยครั้งนี้ต้องทำเพื่อประเทศอย่างแท้จริง ทำให้ประวัติศาสตร์เราก้าวไปในทางที่ควรเป็นไป เพราะหากไม่สำเร็จจะน่ากลัวมาก ขอให้กำลังใจให้ทุกคนยืนหยัดใช้พลังที่มีเท่าที่อุทิศได้เพื่อให้ปัญหานี้ลุล่วงไปได้