ข่าว
นักศึกษาเชียงใหม่ ล่าชื่อถอด กกต. เหตุ มีพฤติกรรมน่าสงสัยมาก

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 มีนาคม 2562 ที่บริเวณโรงอาหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายอภิบาล สมหวัง พร้อมด้วยสมาชิก ได้ร่วมกันออกมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ ในการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันลงชื่อในระบบออนไลน์ เพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังพบว่ามีความผิดปกติในหลายกรณีด้วยกัน ทั้งความผิดปกติของผลคะแนนที่เกิดขึ้นในหลายเขตเลือกตั้ง ความผิดปกติในการนับคะแนนที่ล่าช้ากว่าที่ควรเป็น รวมไปถึงความหละหลวมในการปฏิบัติหน้าที่อันทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในสังคม

นอกจากนี้ได้มีการตั้งโต๊ะ ที่บริเวณคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถร่วมกันลงชื่อเพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งการลงชื่อถอดถอนในครั้งนี้ ก็ได้รับความสนใจจากนักศึกษาเป็นจำนวนมาก ต่างพากันลงชื่อถอดถอน กกต.

นายอภิบาล สมหวัง อายุ 21 ปี นักศึกษาแกนนำกลุ่มสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมในวันนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ร่วมกันลงชื่อในการถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากเรามีความคิดเห็นว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ มีการทำงานที่ไม่เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม เท่าที่ควร รวมไปถึงความหละหลวมในการปฏิบัติหน้าที่ อันทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในสังคม

ตนจึงได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อเชิญชวนผู้ที่เห็นด้วยมาลงชื่อ เพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งนี้ในตอนแรกตนจะได้มีการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อที่บริเวณโรงอาหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทางมหาวิทยาลัยกลับไม่อนุญาต ซึ่งตนมีความคิดเห็นว่าพื้นที่มหาวิทยาลัย ควรจะเป็นพื้นที่สำหรับให้นักศึกษา ใช้ในการจัดกิจกรรม

ซึ่งในเบื้องต้น ตนจึงได้ทำการประสานไปยังคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงได้มีการย้ายจุดในการร่วมกันลงชื่อเพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปอย่างบริเวณด้านหน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แทน

ทั้งนี้พบว่าผลตอบรับของกิจกรรมดังกล่าวเป็นอย่างดี ซึ่งก็ได้มีประชาชน รวมไปถึงนักศึกษาต่างก็ให้ความสนใจ ร่วมกันลงชื่อกันเป็นจำนวนมาก.

‘พี่มิ่ง’ อยู่ไหน? ธนาธร ถามหา อยากคุยด้วยเรื่องย้ายซบ พปชร.

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ระบุว่า อยากให้หยุดวาทกรรมฝั่งเผด็จการและฝั่งประชาธิปไตยนั้น ว่า

พรรคที่นำเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาจากผู้ยึดอำนาจจากประชาชน พรรคที่ตั้งขึ้นมาโดยมีชื่อสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ยึดอำนาจมาจากประชาชนไม่ให้เรียกว่าสืบทอดอำนาจ ไม่ให้เรียกว่าพรรคที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยก็ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอะไรเช่นกัน

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ บ้างหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ได้คุย ก็อยากคุยกับอยู่เพราะคิดถึง

โดย เมื่อวานนี้ รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า สำหรับการพูดคุยกับพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อทาบทามจับขั้วตั้งรัฐบาลของพรรคพปชร.มีแกนนำคนสำคัญทั้งในและนอกพรรค เดินหน้าประสานพูดคุยต่อเนื่องเพื่อให้เสียงได้มากกว่า 250 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังท้องถิ่นไทย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และพรรคพลังธรรมใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า และล่าสุดพยายามทาบทามพรรคเศรษฐกิจใหม่ ของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์หัวหน้าพรรค เพื่อให้มีเสียงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่ยังติดเหตุผลเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี ที่เจรจาต่อรองไม่ลงตัว อีกทั้ง ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการ รวมทั้งรอลุ้นใบเหลือง ใบแดง จึงจะออกตัวประกาศอย่างชัดเจน และเผยต่ออีกว่า มีสัญญาณตอบรับที่ดี โดยพรรคเศรษฐกิจใหม่อยู่ระหว่างการตัดสินใจ และให้คำตอบเป็นทางการ

“ก็เห็นอยู่ว่าวันนี้มิ่งขวัญไปแถลงกับฝ่ายนั้นที่ไหน ไม่ไปเลย ถ้าจะพูดอย่างนั้น ใครก็พูดได้ว่าเราได้เสียงข้างมากเรียบร้อยแล้ว ผมก็พูดได้ ก็แค่เรื่องการเมือง แต่ของจริงไม่ใช่ อย่างพรรคที่ไม่ใช่พรรคใหญ่ๆ ในขั้วเพื่อไทย ที่ไปแถลงร่วมกันวันนี้ เราก็คุยอยู่กับหลายพรรคในตอนนี้” แหล่งข่าวระดับสูง พปชร.ระบุ


อนุทิน นั่งเก้าอี้นายกฯ ดีลใหม่ เข้าร่วมรัฐบาล

‘อนุทิน’ โต้ข่าวหนุน ‘บิ๊กตู่’ อย่าทึกทัก ยันตัดสินใจหลัง 9 พ.ค. ไม่พอใจครั้งหน้าไม่ต้องเลือก

เปิดคะแนน 100 เปอร์เซ็นต์ ส.ส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์ทุกพรรค มีทั้งเพิ่ม-ร่วง

ล่าสุด กูรูการเมือง ผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ผลคะแนนล่าสุด ส่งผลให้ หากขั้วพรรคพลังประชารัฐ รวมกับพรรคที่เหลือ ที่ไม่ได้ลงสัตยาบันกับพรรคเพื่อไทย จะตั้งรัฐบาล รวมเสียงได้ 254 ขณะที่ขั้วเพื่อไทย ได้ 246 เสียง ลดลง จาก 255 เสียง ที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลต่อการจับขั้วรัฐบาลใหม่

ทำให้มีการพูดถึงดีลใหม่ ความเป็นไปได้ ในการตั้งรัฐบาล หากพรรคภูมิใจไทย จะไปอยู่กับ เพื่อไทย จะทำให้ได้เสียงเพิ่มเป็น 297 เสียง ซึ่งดีลนี้ มองว่า อาจมีเงื่อนไข ต้องให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นั่งนายกฯ

เมื่อฟังความเห็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ 5 คน 3 ใน 2 ชี้ว่า เป็นไปได้ กับ ดีลนี้ แต่ 2 ใน 3 มองว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะ เมื่อไปถึง 250 ส.ว. ไม่เอาด้วย ก็จบเกม ซึ่งตรงกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เห็นตรงกันว่า นายอนุทิน จะไม่มาร่วมกับ เพื่อไทย


กกต.เคลียร์ บัตรเพิ่ม 4 ล้านใบ รวมล่วงหน้า-เลือกนอกราชอาณาจักร

กกต.ตั้งโต๊ะเคลียร์ 4 ประเด็นโซเชียลสงสัย ยันจำนวนบัตรเกิน 9 ใบ ไม่กระทบคะแนน ชี้เหตุบัตรงอก 4.5 ล้าน เพราะมีบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า-นอกราชอาณาจักร สมทบเข้าไป ปัดตกแต่งตัวเลข เร่งสอบความผิดพลาด คาดมีใบแดงก่อน 9 พ.ค. ยก ม.114 บังคับให้ต้องไม่นับบัตรนิวซีแลนด์

(29 มี.ค.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ขอชี้แจงใน 4 ประเด็นที่มีข้อสงสัย คือ 1. กรณีมีผู้สงสัยว่า ตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ประธาน กกต.แถลงในวันที่ 24 มี.ค. จำนวน 51,205,624 คน กับตัวเลขที่ตนแถลงเมื่อวันที่ 28 มี.ค. จำนวน 51,239,638 คน มีการเพิ่มขึ้น 34,014 คน อย่างผิดปกตินั้น ที่ประธาน กกต.แถลง เป็นการแถลงตัวเลขซึ่งเป็นการคีย์ข้อมูลเข้ามาของกรรมการประจำหน่วยผ่านระบบแรพพิดรีพอร์ต เป็นข้อมูลยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่ตนแถลงเมื่อวาน เป็นข้อมูลจากเอกสารการรายงานผลอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ที่ 350 เขตเลือกตั้งส่งเข้ามา

2. กรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ กกต.แถลงเมื่อวันที่ 28 มี.ค. จึงเพิ่มขึ้นถึง 4.5 ล้านฉบับ เมื่อเทียบกับจำนวนร้อยละ 93 ที่ประธาน กกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นั้น ขอชี้แจงว่า ที่ประธาน กกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นั้น เป็นข้อมูลตามที่ระบบรายงานผล ได้รายงานอยู่ที่ร้อยละ 93 แต่ที่ กกต.แถลงเมื่อวันที่ 28 มี.ค. มีการรวมผลการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีผู้มาใช้สิทธิราว 2.3 ล้าน รวมถึงเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่มีผู้มาใช้สิทธิราว 1 แสนคน เมื่อตัวเลขทบเข้าไปทำให้จำนวนที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล เพราะกระบวนการทั้งหมดมีการตรวจสอบตั้งแต่หน่วยเลือกตั้ง มีการประกาศผลที่หน่วยเลือกตั้ง จำนวนบัตรที่ใช้ บัตรที่เหลือ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ และเชื่อว่าผู้สมัครทุกคนได้บันทึกข้อมูลเหล่านั้นไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่มีใครไปเพิ่มผลคะแนนตัวเลขได้

3. กรณีมีข้อสงสัยว่าทำไมผู้มาใช้สิทธิจำนวน 38,268,375 คน กับบัตรเลือกตั้งที่ใช้ 38,268,366 ใบ จึงต่างกันอยู่ 9 ใบ ตรงนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า กกต.ไม่ได้มีการตกแต่งตัวเลข ตัวเลขมาจากจังหวัดอย่างไร เราก็รายงานอย่างนั้น ส่วนจำนวนบัตรเลือกตั้งที่น้อยกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ 9 ใบนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เท่าที่มีพูดคุยกันในคณะทำงาน คาดว่า การบันทึกข้อมูลผู้มาใช้สิทธิลงในแบบ ส.ส. 1/3 อาจคลาดเคลื่อน หรืออาจมีการนับคลาดเคลื่อน เพราะต่างกันแค่ 9 ใบ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบต่อคะแนนของผู้สมัครแต่อย่างใด ซี่ง กกต.จะได้ตรวจสอบว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นที่ไหนบ้าง เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขต่อไป

4. เรื่องจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้มากกว่าจำนวนรวมของบัตรดี บัตรเสีย บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน โดยต่างกันอยู่ 2 ใบ จากการพูดคุยในคณะทำงาน อาจมีการนับบัตรที่ใช้ไปจากต้นขั้วบัตรคลาดเคลื่อนไป แต่ก็จะตรวจสอบก่อนว่าเกิดขึ้นในหน่วยเลือกตั้งใด และจะรายงานให้ กกต. พิจารณาดำเนินการต่อไป กกต.ถูกตั้งคำถามมาก จึงอยากออกมาชี้แจง เพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย

ส่วนกรณีที่มีผู้สมัคร ส.ส. มาร้องเรื่องการวินิจฉัยบัตรของกรรมการประจำหน่วย ซึ่งขอให้มีการนับคะแนนใหม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า การร้องให้นับคะแนนใหม่เป็นรายหน่วยสามารถยื่นร้องได้ ซึ่งขณะนี้มีการร้องคัดค้านการเลือกตั้งจำนวน 186 คดี และ 7 เรื่องเป็นการคัดค้านการนับคะแนน แต่ถ้าจะให้นับใหม่ทั้งประเทศนั้น กฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำได้ อย่างไรก็ตาม ในการร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ หากไม่ร้องในระหว่างที่มีการนับคะแนนก็สามารถร้องภายหลังการเลือกตั้งได้

ส่วนเรื่องการประกาศผลร้อยละ 95 ในวันที่ 9 พ.ค. เลขาธิการ กกต.ชี้แจงว่า กฎหมายกำหนดว่าหลังกฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ให้จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน ซึ่งจะครบในวันที่ 9 พ.ค. ถ้าหากเห็นว่าสุจริต ก็ให้ประกาศผล ซึ่งคาดว่าสำนักงานจะเสนอให้ กกต.พิจารณาภายในวันที่ 9 พ.ค.เบื้องต้นได้เร่งรัด กลุ่มภารกิจสืบสวนสอบสวนในกรณีเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง และกฎหมายใหม่ไม่เปิดโอกาสให้ทยอยประกาศผล อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่จะให้ใบแดงก่อนวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งอาจทำให้จำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่สื่อมวลชนคำนวณอาจปรับเปลี่ยนได้ หากมีการเลือกตั้งใหม่

ขณะที่การสั่งไม่นับคะแนนบัตรเลือกตั้ง 1,542 ใบ จากนิวซีแลนด์ นายกฤช ชี้แจงว่า เมื่อดูกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 114 กฎหมายได้เขียนบังคับให้ กกต.ต้องวินิจฉัยอย่างนั้น ทั้งที่ กกต.เข้าใจเรื่องสิทธิของประชาชนและไม่อยากทำอย่างนั้น รวมทั้งได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบภายใน 7 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 3 เม.ย. จะทราบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่า กกต.ได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวอย่างรอบคอบ


ครบแล้ว! คะแนน 100% พปชร.นำโด่ง 8.4 ล้าน

(28 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า คณะกรรมการ กกต.มีมติที่ 33/2562 ลงวันที่ 25 มี.ค. 2562 ให้เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังได้รับการรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100% จากสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศ เป็นการรายงานเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนรวมของแต่ละพรรคการเมือง ในส่วนของ ส.ส.แบบแบ่งเขตมีผู้สมัครทั้งสิ้น 11,181 คน แต่ถูกตัดสิทธิสมัครไป 572 คน คงเหลือผู้สมัคร 10,609 คน และผลคะแนนของพรรคการเมือง 81 พรรค

นายกฤชกล่าวอีกว่า สำหรับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งนี้มีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.69 ผู้ไม่มาใช้สิทธิ 12,971,263 คน หรือร้อยละ 25.31 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากการแถลงของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขในขณะนั้นเป็นการนับคะแนนที่ 94% แต่ล่าสุดเป็นตัวเลขที่ 100% ส่วนจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปมีทั้งสิ้น 38,268,366 ใบ แยกเป็นบัตรดี 35,532,647 คิดเป็นร้อยละ 92.85 บัตรเสีย 2,130,327 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 5.57 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 605,392 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.58

สำหรับคะแนนของพรรคการเมือง 100% จากทุกจังหวัด โดยพรรคที่มีคะแนนซึ่งอาจนำมาคำนวณเป็นเก้าอี้ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีประมาณ 30 พรรค เรียงลำดับดังนี้ พลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน เพื่อไทย 7,920,630 คะแนน อนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน ประชาธิปัตย์ 3,947,726 คะแนน ภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน เสรีรวมไทย 826,530 คะแนน ชาติไทยพัฒนา 782,031 คะแนน เศรษฐกิจใหม่ 485,664 คะแนน ประชาชาติ 485,436 คะแนน เพื่อชาติ 419,393 คะแนน รวมพลังประชาชาติไทย 416,324 คะแนน ชาติพัฒนา 252,044 คะแนน พลังท้องถิ่นไท 213,129 คะแนน รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 136,597 คะแนน พลังปวงชนไทย 81,733 คะแนน

ประชาภิวัฒน์ 69,417 คะแนน พลังไทยรักไทย 60,840 คะแนน ไทยศรีวิไลย์ 60,421 คะแนน ประชานิยม 56,617 คะแนน ครูไทยเพื่อประชาชน 56,339 คะแนน ประชาธรรมไทย 47,848 คะแนน ประชาชนปฏิรูป 45,508 คะแนน พลเมืองไทย 44,766 คะแนน ประชาธิปไตยใหม่ 39,792 คะแนน พลังธรรมใหม่ 35,533 คะแนน ไทรักธรรม 33,748 คะแนน เพื่อเเผ่นดิน 31,307 คะแนน ทางเลือกใหม่ 29,607 คะแนน ภราดรภาพ 27,799 คะแนน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสกดดันและลงชื่อถอดถอน กกต. นายกฤชกล่าวว่า เรื่องการเข้าชื่อถอดถอนต้องว่าตามกระบวนการ แต่ขอชี้แจงยืนยันว่า กกต.ทุกคนทำงานตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนด ทุกอย่างเปิดเผยได้ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนประเด็นการสั่งไม่นับคะแนนบัตรเลือกตั้งจากประเทศนิวซีแลนด์นั้น ตนอยากให้ไปย้อนดู พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 114 ซึ่งมีรายละเอียดระบุไว้ถึง 4 ประเด็น หากเข้าประเด็นใด กกต.สามารถใช้อำนาจสั่งไม่นับคะแนนได้ ในทางกลับกัน หากนำบัตรดังกล่าวมานับอาจมีผู้นำไปร้องคัดค้านซึ่งจะเป็นปัญหาต่อการเลือกตั้งในภาพรวม

เมื่อถามถึงเหตุผลที่ กกต.เปลี่ยนแปลงเวลาโดยแถลงเปิดเผยผลคะแนนเร็วขึ้น นายกฤชกล่าวว่า กกต.เข้าใจความรู้สึกของประชาชนที่อยากทราบผลคะแนน เมื่อได้มีการพิจารณาผลคะแนนของ 2 จังหวัดสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย จึงได้มีการจัดแถลงข่าวเปิดเผยตัวเลขทั้งหมด

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า กกต.จะแจกใบแดงมากถึง 45 ใบ นายกฤชกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเท็จ การพิจารณาเรื่องร้องเรียนและคัดค้านต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.ซึ่งมีขั้นตอนของการดำเนินการ แต่ยังไม่ได้ตั้งธงว่าจะให้ใบเหลืองใบแดงจำนวนเท่าไหร่ และพรรคไหน ข่าวที่ปรากฏเรื่องใบเหลืองใบแดงนั้นไม่เป็นความจริง สำหรับผู้ที่ปล่อยข่าวเท็จทำให้เกิดความเสียหายและสร้างความสับสนนั้น กกต.จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผอ.สำนักสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวน สำนักงาน กกต.กล่าวว่า ในกระบวนการไต่สวน สืบสวน สอบสวน หากมีมูลก็จะแจ้งข้อกล่าวหาไปยังฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยเป็นกรณีร้องเรียนกล่าวหา 71 เรื่อง และมีความปรากฏต่อสำนักงาน กกต.40 เรื่อง ซึ่งจะได้ตรวจมูลคดีและตั้งกรรมการไต่สวน ท้ายที่สุดจะต้องส่งเรื่องทั้งหมดให้คณะกรรมการ กกต.ลงมติ

สำหรับรายละเอียดจำนวนคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับ มีดังนี้

1. พรรคพลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน

2. พรรคเพื่อไทย 7,920,630 คะแนน

3. พรรคอนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน

4. พรรคประชาธิปัตย์ 3,947,726 คะแนน

5. พรรคภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน

6. พรรคเสรีรวมไทย 826,530 คะแนน

7. พรรคชาติไทยพัฒนา 782,031 คะแนน

8. พรรคเศรษฐกิจใหม่ 485,664 คะแนน

9. พรรคประชาชาติ 485,436 คะแนน

10. พรรคเพื่อชาติ 419,393 คะแนน

11. พรรครวมพลังชาติไทย 416,324 คะแนน

12. พรรคชาติพัฒนา 252,044 คะแนน

13. พรรคพลังท้องถิ่นไทย 213,129 คะแนน

14. พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 136,597 คะแนน

15. พรรคพลังปวงชนไทย 81,733 คะแนน

16. พลังชาติไทย 73,871 คะแนน

17. ประชาภิวัฒน์ 59,417 คะแนน

18. พลังไทยรักไทย 60,840 คะแนน

19. ไทยศรีวิไลย์ 60,421 คะแนน

20. ประชานิยม 56,617 คะแนน

21. ครูไทยเพื่อประชาชน 56,339 คะแนน

22. ประชาธรรมไทย 47,848 คะแนน

23. ประชาชนปฏิรูป 45,508 คะแนน

24. พลเมืองไทย 44,766 คะแนน

25. ประชาธิปไตยใหม่ 39,792 คะแนน

26. พลังธรรมใหม่ 35,533 คะแนน

ล่ารายชื่อปลดกกต. มึนตึ้บ ความหมาย "บัตรเขย่ง"

นักศึกษา มข. ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนกกต. สมาชิก "กลุ่มดาวดิน" ร่วมด้วย จี้ ต้องลาออกยกชุด จัดการเลือกตั้งใหม่ด้วย กกต.ชุดใหม่ ชี้ ยกคำ "บัตรเขย่ง" คือการแก้ตัว

เวลา 13.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ได้มีนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นทยอยกันมาร่วมลงลายชื่อเพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยเฉพาะนักศึกษาที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม “ดาวดิน” ได้มาร่วมลงชื่อถอดถอน กกต. กันตลอดทั้งวัน

นายธีระวัฒน์ รูปใหญ่ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มข. กล่าวว่า การตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน กกต. ของนักศึกษา มข. ในวันนี้ ทุกคนล้วนมีความเห็นร่วมกันว่าการกระทำของ กกต.เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนบางกลุ่ม ทั้งที่ควรวางตัวเป็นกลาง โดยที่ล่าสุด กกต.ได้ออกมาแถลงข่าวถึงผลการนับคะแนน ที่คะแนนของพรรคการเมืองบางพรรคเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาล และ กกต.ก็ตอบว่าเกิดจากบัตรเขย่ง

"ผมเรียนกฎหมายมายังไม่เคยได้ยินเลยคำว่า บัตรเขย่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการแก้ตัวของ กกต.แบบน้ำขุ่นๆ อีกทั้งในการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ประเทศ นิวซีแลนด์ ที่มีบัตรเลือกตั้งจำนวน 1,542 ใบ ที่ก่อให้เกิดความสงสัยต่อเหตุการณ์ขึ้นในขณะนี้ แทนที่ กกต.จะออกรับผิดชอบกลับบอกว่าเป็นบัตรที่ไม่สามารถนำมานับได้ ซึ่งก็ไม่แตกต่างอะไรกับบัตรเสีย ผมมองว่าเป็นการไม่เคารพสิทธิ์ของประชาชน แต่ถ้าจะรอให้ กกต.รับผิดชอบด้วยการลาออกเองคงไม่มีความหวัง"

นายธีระวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า การพร้อมใจกันของกลุ่มนักศึกษาในการลงลายชื่อเพื่อถอดถอน กกต. นั้นนักศึกษาเห็นว่าการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ของ กกต.ชุดปัจจุบัน มีความคลุมเครืออยู่หลายประการ มีการกระทำที่ไม่โปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของผลคะแนนที่เกิดขึ้นในหลายเขตเลือกตั้ง ความผิดปกติในกระบวนการดำเนินการเลือกตั้ง การนับคะแนนเสียง และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับการอธิบายต่อสังคมอย่างโปร่งใส ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนทั่วไป ดังนั้น กกต.ชุดนี้จึงควรแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกสถานเดียว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ โดย กกต.ชุดใหม่เท่านั้น.