ข่าว
ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์จัดโปรโมชั่นพิเศษ ตั๋วไปกลับไทย$500ขึ้นจากLA-SF-NY

เทศกาลเอาใจนักเดินทางท่ามกลางกระแสการแข่งขันสูงของสายการบินทั้งสายการบินจากเอเชีย และอเมริกาที่มุ่งสู่ประเทศเอเชีย สายการบินฟิลิปินส์แอร์ไลน์หนึ่งในสายการบินจากเอเชียที่กำลัง เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการทำแคมเปญเพื่อแย่งชิงลูกค้า ด้วยการประกาศลดราคาตั๋วต่ำที่สุด ในประวัติการณ์ เดินทางจากนครลอสแอนเจลิส นครซานฟรานซิสโก และนครนิวยอร์ค สู่กรุงเทพมหานคร ราคาเหลือเพียง $500 ไม่รวมภาษี

ทั้งนี้ มิสซิส Dell S.Merano ผู้จัดการสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ประจำสาขา ซาน ฟรานซิสโก ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวพิเศษ นายเจือ รัตนพันธุ์ แห่งซิลิคอนแวลเล่ย์ ซานฟรานซิสโก ถึงแคมเปญใหม่ของสายการบินว่าในระหว่างวันที่ 25 สิงหาคมจนถึงเดือน 30 กันยายน 2016 ทางสายการบินฟิลิปปินส์จะมีโปรโมชั่นแฟร์บินจากแอลเอหรือซานฟรานหรือนิวยอร์ค ไปกลับกรุงเทพฯ ด้วยราคาราคา $500 ไม่รวมภาษี โดยจะต้องบินระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม- 30 พฤศจิกายน 2559 เท่านั้น ใครสนใจจะกลับไปเที่ยวประเทศไทย หรืออีกหลายประเทศในเอเชีย เช่น สิงคโปร์,จาการ์ต้า,ไซ่ง่อน, ไทเป,ฮ่องกง,จีน จะออกจากสนามบินลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก และนิวยอร์ค ในราคาเดียวกันคือราคา $500 บวกภาษี ซึ่งเป็นโปรโมชั่นที่พิเศษสุดสำหรับผู้ที่กำลังมีแพลนจะเดินทางกลับไปเที่ยวหรือเยี่ยมญาติที่เมืองไทย หรือเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเซีย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองได้ที่ ทราเวลเอเจนซี่ทุกแห่ง ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายตั๋วของสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ในอเมริกา

บิ๊กตู่ ขู่ นักเคลื่อนไหว อย่ามาหาเรื่องกันนัก

(19 ส.ค..)ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอให้รัฐบาลผ่อนคลายบุคคลที่ทางการจับกุมตัวกรณีออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวสวนทันทีว่า เขาผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ว่าจะกรณีไหนมันก็ผิดกฎหมาย ถ้ากฎหมายเขียนว่ามีความผิดนั่นก็คือมีความผิด จะละเว้นไม่ได้ กฎหมายไม่ได้เขียนให้ละเว้นใครตนใดคนหนึ่ง แต่เขียนไว้ว่าห้ามทำ และถ้าทำก็ต้องถูกลงโทษ กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน รู้อยู่แล้วจะทำกันทำไม ในเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ตนเคยบอกไว้แล้วว่าบางอย่างก็อาจถูกจำกัดในเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพไว้บ้าง ไม่สามารถทำได้ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาตลอด บางอย่างจึงต้องห้ามไว้บ้าง แต่พอห้ามก็กลายเป็นจุดที่บางคนนำไปขับเคลื่อนให้เกิดเรื่องราว ต้องการให้เจ้าหน้าที่จับกุมเพื่อไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ เรื่องของสิทธิมนุษยชน ไปเรียกร้องสถานทูตจนวุ่นวายไปหมด ให้ไปถามคนเหล่านี้ว่ารักประเทศไทยแค่ไหน บ้านเมืองสงบก็ไม่เห็นคนทั่วไปเขาวุ่นวายอะไรอยากถามว่า ไอ้คนที่ออกมาพูดอยู่ทุกวันนี้ทำอะไรบ้างหรือยัง พูดว่าถ้าเข้ามาแล้วจะทำอะไรให้กับบ้านเมืองบ้าง ยังไม่เห็นมีใครพูดสักคน ไอ้พวกที่แรง ๆ อยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นกฎหมายก็คือกฎหมาย คนที่จะปล่อย จับกุมหรือลงโทษ ก็คือศาล เจ้าหน้าที่ก็ต้องลงโทษตามหน้าที่ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าเป็นการละเว้น ซึ่งระหว่างนี้ก็มีการดำเนินคดี และจับกุมในหลายคดี จะให้ปล่อยทั้งหมดเลยหรืออย่างไร โดยเฉพาะคดีการเมือง ถามว่าทำให้เกิดความวุ่นวายหรือเปล่า ถ้าปล่อยทั้งหมด เราก็คงใช้กฎหมายไม่ได้สักฉบับ อย่ามาทำให้กฎหมายเสีย และเราก็อย่าไปให้ท้าย ไม่เช่นนั้นก็จะพูดในเรื่องไม่จริงบ้าง พูดไปเรื่อย ป่วยบ้างจะเป็นจะตายบ้าง อย่าหาเรื่องกันนักเลย พอแล้ว


รวบ “ผู้พันตึ๋ง” ขังคุกอีก ข่มขู่เจ้าของเหมืองพลอย

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการพักการลงโทษ ได้ยกเลิกการพักโทษของ นายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ “ผู้พันตึ๋ง” ผู้ต้องหาเด็ดขาดในคดีฆาตกรรม นายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เมื่อปี 2544 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ทำการจับกุม นายเฉลิมชัย ที่กระทำความผิดซ้ำในช่วงระหว่างการพักการลงโทษ

นายกอบเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับ พ.ต.เฉลิมชัย ต้องไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ จนครบกำหนดเวลาคุมประพฤติในช่วงพักการลงโทษที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี ซึ่งขณะนี้ พ.ต.เฉลิมชัย ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพราะทำความผิดซ้ำในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี โดยเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติจังหวัดนนทุบรี โดยหลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของทางกรมราชทัณฑ์ว่าจะย้าย พ.ต.เฉลิมชัย ไปคุมขังเรือนจำอื่นหรือไม่

“หลังจากนี้ นายเฉลิมชัย ต้องกลับไปรับโทษตามระยะเวลาการพักโทษที่เหลืออยู่ประมาณ 2 ปี 9 เดือน ตามเดิม เนื่องจากทำผิดเงื่อนไขระหว่างการพักโทษ” รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีผู้เสียหาย นักธุรกิจเหมืองพลอย เข้าแจ้งความต่อสภ.เมืองจันทบุรี ว่าถูกหม่อมชื่อ ย่อ ช. และนายภรัญติ มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ได้พากลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 10 คน ไปข่มขู่เพื่อผลประโยชน์จากการำเหมืองพลอย หากไม่จะไม่รับรองความปลอดภัย ทั้งนี้ สภ.เมืองจันทรบุรี ได้รายงานมายังกรมราชทัณฑ์ จากนั้นจึงนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมการพักโทษ โดยมีมติยกเลิกการคุมประพฤติ ผู้พันตึ๋ง ทั้งนี้ มีการรายงานการกระทำดังกล่าวของ “ผู้พันตึ๋ง” ไปยัง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม รับทราบ ซึ่งพล.อ.ไพบูลย์ได้สั่งการให้ติดตามตัว จากนั้นจึงมีการประสานเจ้าหน้าที่กองปราบปราม ไปเฝ้าและจับกุมตัว ได้เมื่อช่วงเช้า(25 ส.ค.)ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ผู้ถูกคุมความประพฤติ ได้เข้ารายงานตัวต่ออธิบดีกรมคุมประพฤติ


‘บิ๊กตู่’ ปัดไล่บี้เร่งเช็กบิลใคร ถามหาสำนึกพวกถูกปล่อยตัว ด่าไม่เลิก

นายกฯ วอนหยุดต่อต้าน เลิกเอาชาติไปประจาน ปัดแทรกแซงเช็กบิลใคร โดยไม่สนกระบวนการยุติธรรม ยันโปร่งใส ชี้กฎหมายไม่มีละเว้นใคร เตือน สำนึก พวกถูกปล่อยตัวยังด่าไม่เลิก ระวังหมดความอดทน บอกพรรคการเมืองอย่ากลัว ส.ว.ค้านปมนายกฯ ถ้าเสนอคนดีจริง

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ตอนหนึ่งว่า วันนี้หลายประเทศมาขอพบตน ให้กำลังใจเดินหน้าต่อ หลังผ่านการทำประชามติตามกระบวนการสากล แม้มีความขัดแย้งจากการต่อต้านอยู่บ้าง ทั้งในหรือต่างประเทศ บางครั้งก็เป็นคนกลุ่มเดียวกันก็ตาม ขออย่าขัดแย้ง ต่อต้านอีกเลย ร่วมปฏิรูประเทศ โดยอะไรที่ไม่ถูกต้องตนพร้อมรับฟัง ปรับแก้ไข แต่ไม่ใช่เอาประเทศไปประจานโดยไร้ข้อเท็จจริง โดยพวกให้ร้ายประเทศไม่น่าเจริญ เรื่องสิทธิมนุษยชนของสากล ตนไม่ขัดแย้ง แต่อย่าลืมคำนึงถึงประเทศชาติด้วย ไว้ใจตนบ้างที่พยายามแก้ข้อบกพร่องนำสู่การปฏิรูปประเทศ ส่วนกระบวนการยุติธรรม หลายเรื่องนำเข้าสู่กระบวนการ ส่วนคดีจำนำข้าวนั้น ตนไม่ได้เร่งรัดอย่างที่กล่าวอ้างว่า ตนสั่งไม่ต้องสนใจกระบวนการยุติธรรม เพียงแต่บอกว่า หน้าที่คณะทำงานมีหน้าที่ตรวจสอบหาหลักฐาน ส่วนเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องของศาล ตนคงไม่ปัญญาน้อยแบบนั้น เราอย่าบิดเบือนเลย อยากให้ดูตั้งแต่ก่อน ปี 57 ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วตนเป็นคนทำหรือเปล่า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้มันก็เพียงแค่คำเดียวที่ทุกคนคิดว่า มันยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือคำว่า ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ซึ่งตนไม่เคยละเมิดใครเลย เป็นการบังคับใช้กฎหมายที่ประกาศไว้แล้วทั้งสิ้น กฎหมายเขาไม่ยกเว้น ไม่ว่าจะเด็ก ผู้หญิง คนแก่ คนชรา กฎหมายเขาเขียนสำหรับมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ว่ามากน้อยเกณฑ์การลงโทษมันก็ต่างกันออกไป อย่าฝืนกฎหมาย มันให้อภัยกันไม่ได้ บางคนปล่อยตัวไปแล้วยังไม่สำนึก ทำตัวเหมือนเดิมเหมือนกับประเทศนี้ไม่มีขื่อมีแป สังคมเขารังเกียจ เบื่อหน่าย คนเดิมๆ พูดอยู่ได้ ทำเสียหายไม่รู้กี่ปีมาแล้ว สังคมดูเอาแล้วกันจะฟังคนอย่างนี้ต่อไปหรือไม่ หรือจะฟังตน หรือจะไม่ฟังตนก็แล้วแต่ท่านเถอะ ตนก็ต้องทำอยู่ดี คนที่ไม่เข้าใจก็อย่าด่าตนมากนัก บางครั้งความอดทนก็จำกัดนะ กฎหมายมันก็มีอยู่ ถ้าเราร่วมมือไปกับรัฐบาลหารือกันด้วยความเข้าใจ สงสัยก็ถาม พูดภาษาเดียวกัน ไม่ใช่พออ้าปากพูดก็ค้านกันแล้ว อย่าคิดอยู่ที่เดิมถ้าเราทำแบบเดิมๆ ก็จะขายใครไม่ได้อีก อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา ฟังตนแล้วจะรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดในวันที่ตนอยู่ เกิดวันหน้า รัฐบาลเอาไปใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อย่ากลัวว่ารัฐบาล คสช. สนช. หรือที่เกี่ยวข้อง 5 สาย จะไปเช็กบิลอะไรกับใคร พรรคไหน นักการเมืองใคร ไม่ใช่ ตนไม่ต้องการไปสลายใคร สืบทอดอำนาจจากใครทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของการนำสิ่งที่เป็นปัญหาที่ยังคงค้างคาอยู่ และไม่ได้ทำเข้ามาสู่การพิจารณาในกระบวนการยุติธรรมเขา ทุกฝ่ายมีโอกาสชี้แจ้งอย่าบิดเบือนหลักฐาน หามาที่มันเป็นจริง อย่าเอาหลักฐานปลอมหรือที่คนพูดเข้าข้างตัวเองมา เพราะหลักฐานมันฟ้องอยู่แล้ว ไม่เคยไปเติมอะไรให้สักอย่าง ล้วนแต่เป็นของเดิมที่ทำไว้ทั้งนั้น ทุกเรื่องที่สงสัย มักจะเอามาวิพากษ์วิจารณ์กันโดยไม่มีข้อยุติ ก็ร้อนอยู่อย่างนี้แล้ว จะมาให้ตนปรองดอง จะให้ตนไปปรองดองกับใคร ในเมื่อยังไม่ปรองดองกันเองเลย กฎหมายก็ไม่ยอมรับแล้วมันจะไปยังไง ให้โอกาสเขาเสมอ ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาตามข้อเท็จจริง ตามกระบวนการ ไม่มีการแทรกแซง มีแต่สนับสนุนให้เกิดความอิสระและโปร่งใสทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะ อัยการ ศาล ตำรวจ มีวิจารณญาณที่เพียงพอกันอยู่แล้ว ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ไม่ 2 มาตรฐาน ไม่อะไรก็แล้วแต่ หลักฐานพยานอะไรก็ว่าไปตามนั้น


ป.บุกรวบ‘กิมเอ็ง’พี่สาว ‘หญิงไก่’ ปลอมเอกสาร-ตุ๋นเหยื่อกว่า 3 ล้าน

ตำรวจกองปราบ ตามรวบ ”กิมเอ็ง” พี่สาว ”หญิงไก่” ใช้เอกสารราชการปลอม อ้างใกล้ชิดสถาบันฯ แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ลวงเหยื่อสูญกว่า 3 ล้านบาท เตรียมนำตัวสอบปากคำพรุ่งนี้ 10 โมง...

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา วันนี้ 28 ส.ค. 59 มีรายงานว่าตำรวจกองปราบ รวบตัว ดร.กมนทรรศน์ หรือนางกมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร หรือแม่ตุ่ม หรือกิมเอ็ง พี่สาว ”หญิงไก่” ได้ที่จังหวัดนครสรรค์ หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบปรามว่า ถูก นางกมนทรรศ์ ฉ้อโกงเงินสดกว่า 3 ล้านบาท โดยอ้างจะนำไปถวายเบื้องสูง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้นำเงินไปถวายจริง หนำซ้ำยังทำเอกสารทางราชการปลอมมามอบให้เจ้าของเงิน ล่าสุด ตำรวจกองปราบปรามเตรียมนำตัวให้ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. สอบปากคำที่กองปราบปราม 10.00 น. วันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาฉ้อโกง ปลอมและใช้เอกราชทางราชการปลอม ส่วนจะเข้าข่ายถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วยหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนหลังสอบปากคำ นางกมนทรรศน์ ในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่นำโดย พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก. ปคม.ได้จับกุม นางกมนทรรศน์ ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1563/2559 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 180/8 หมู่ 17 ซ.แสงเทียน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ นำตัวไปลงบันทึกกับ ร.ต.อ.ศักดิ์ระพี เอมพรหม สารวัตรเวร สภ.ชุมแสง เบื้องต้น ผู้ต้องหาอ้างว่ามาปฏิบัติธรรมที่บ้านดังกล่าว และให้การปฏิเสธ.


โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ พลโทหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเษกษา ได้มีการเผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี 2 เรื่อง คือ เรื่อง พระราชทานยศทหารชั้นนายพล โดยมีเนื้อหาระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศพลโทหญิง ให้แก่ พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ซึ่งรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2559 ประกาศ ณ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ มีเนื้อหา ระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ พลตรีหญิงสุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา เสนาธิการหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย รักษาพระองค์ (อัตรา พลตรี) เป็น นายทหารปฏิบัติการพิเศษสํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พลโท) ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2559 ประกาศ ณ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ปล่อยตัว “ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์” หลังถูกจับ คดีจม.ประชามติ

เมื่อเวลา 19.05น. วันที่ 26 สิงหาคม ที่ทัณฑสถานหญิง จ.เชียงใหม่ ผู้คุมเรือนจำทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ได้ปล่อยตัว น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และพวกรวม 6 คน โดยวินาทีแรกที่ออกจากประตูเรือนจำ น.ส.ทัศนีย์ และน.ส.ธารทิพย์ ได้โผเข้ากอดนางผ่องศรี บูรณุปกรณ์ มารดา โดยมีญาติสนิท และเพื่อนรุมล้อมต้อนรับพร้อมกล่าวแสดงความยินดีที่ได้รับการปล่อยตัว โดยนางผ่องศรี มอบสร้อยลูกปัดศิริมงคลจากวัดบวกครกหลวง อ.เมืองเชียงใหม่ ให้เพื่อเรียกขวัญ พร้อมกล่าวกับลูกสาวว่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ได้เตรียมน้ำมนต์จากวัดเจดีย์หลวง วัดดับภัย ไว้ให้รดน้ำมนต์

น.ส.ทัศนีย์ กล่าวสั้นว่า กราบขอบพระคุณในความเมตตาของศาลที่อนุญาตให้ประกันตัวในครั้งนี้ ส่วนของการสู้คดียังไม่ขอให้รายละเอียด และขอกลับบ้านก่อน

นางผ่องศรีกล่าวว่า การได้รับการประกันตัวในวันนี้ใจจริงคิดว่าสมควรแก่เวลา เนื่องจากลูกสาวถูกคุมขังเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น ในวันที่ 27 สิงหาคม จะพาลูกๆไปไหว้พระให้สบายใจ เนื่องจากเป็นทุกข์มาก เพื่อให้จิตใจปลอดโปร่ง และฟื้นฟูร่างกาย เนื่องจากสุขภาพของลูกสาวทั้งสองคนไม่ค่อยดี โดยเฉพาะน.ส.ธารทิพย์ ลูกสาวคนเล็กไม่เคยลำบากมาก่อน อีกทั้งเริ่มมีปัญหาสุขภาพจิต ระหว่างถูกคุมของต้องให้เพื่อนที่เป็นจิตแพทย์มาพูดคุยด้วย

นายจำนงค์ ไชยมงคล ทนายความ กล่าวว่า เรือนจำกลางเชียงใหม่ อ.แม่แตง สถานที่คุมขังผู้ต้องหาชาย เจ้าหน้าที่เรือนไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพ รวมทั้งแจ้งว่าจะขับรถตู้นำผู้ต้องหาไปปล่อย แต่ไม่ทราบสถานที่ คาดว่าเป็นการร้องขอจากนายบุญเลิศที่ไม่ต้องการพบสื่อ

“ไม่หนักใจ จะสู้คดีแบบตรงไปตรงมา จากพยานหลักฐานที่มี เท่าที่ดู ยืนยันว่า ยังไม่เห็นจดหมายจะมีเนื้อหาบิดเบือนตรงไหน คดีไม่ซับซ้อน แค่กระดาษแผ่นเดียว ผู้ต้องหาบางคนแค่ปิดซองก็ถูกจับ บางคนแค่ยืมบาร์โค้ดบัตรสมาชิกห้างสรรพสินค้าไปซื้อซองจดหมายก็ตกเป็นผู้ต้องหา ถือเป็นระบบของกระบวนการที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ศาลนัดฝากขังผลัดที่ 4 อีกครั้งในวันที่ 8 กันยายน” นายจำนงค์ กล่าว