ผุดไอเดียย้าย ‘ลิงดื้อ’ อยู่เกาะ เร่งสำรวจ 5 เกาะรอบ ‘ภูเก็ต’ บ้านหลังใหม่แก้ปัญหารบกวนชาวบ้าน
นายพงศ์ชาติ เชื้อหอม หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาพระแทว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) พร้อมด้วยนายเกรียงศักดิ์ ศรีบัวรอด หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าคลองแสง จ.สุราษฎร์ธานี และคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทพกระษัตรี อ.ถลาง ร่วมกันสำรวจเกาะงำ และเกาะปายู ซึ่งเป็นเกาะบริวารของเกาะภูเก็ต ในท้องที่ต.เทพกระษัตรี เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการเคลื่อนย้ายลิงแสมจากเกาะภูเก็ต มาไว้ยังสถานที่ที่ทำการสำรวจเพื่อบรรเทาปัญหาระหว่างคนกับลิงแสมในท้องที่ จ.ภูเก็ต
นายพงศ์ชาติ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ในเรื่องที่ลิงออกไปรบกวนชาวบ้าน จึงได้ร่วมกับ อบต.เทพกระษัตรีในการหาทางออกร่วมกัน เบื้องต้นพบว่าเกาะที่สำรวจมีความเหมาะสมทั้ง 2 พื้นที่ สำหรับเฉพาะลิงแสมที่เป็นลิงป่าชายเลน กิน กุ้ง หอย ปู ปลา และสัตว์น้ำขนาดเล็กตามชายฝั่งเป็นอาหาร โดยหากสามารถดำเนินการได้จะย้ายไปเฉพาะในส่วนที่เป็นลิงดื้อที่ออกมารบกวนชาวบ้าน และต้องสอบถามความต้องการของคนในพื้นที่ให้แน่ชัดด้วย ทั้งนี้เกาะทั้งสองอยู่ห่างจากฝั่ง 15 และ 20 นาที โดยจะเร่งสำรวจเกาะบริวารรอบเกาะภูเก็ตฝั่งตะวันออกรวม 5 เกาะว่ามีความเหมาะสมในการดำเนินการหรือไม่ พร้อมทั้งจะเร่งติดตามข้อมูลว่าเกาะดังกล่าวมีใครเป็นเจ้าของหรืออยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด มีคนอาศัยอยู่บนเกาะหรือไม่ สามารถนำมาจัดทำโครงการดังกล่าวได้หรือไม่ เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้านแล้วจึงจะเสนอไปยังกรมอุทยานฯ และ จ.ภูเก็ตให้พิจารณา
‘ผู้ว่าฯสตง.’นำคณะสอบซื้อเรือดำน้ำ 4 พ.ค. ‘บิ๊กณะ’ มอบ เสธ.ทร.แจง
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 4 พฤษภาคม นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการระดับผู้ใหญ่ใน สตง.อีกจำนวน 5 คน เดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพเรือ (วังเดิม) เข้าพบ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อขอรายละเอียดสัญญาการจัดซื้อโครงการเรือดำน้ำ ทั้งกระบวนการใช้งบประมาณ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำ TOR ขึ้นไป โดยการตรวจสอบเป็นไปตามหลักสากล ซึ่งเป็นไปลักษณะของการทดสอบการใช้งบประมาณ บัญชีการจัดซื้อ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่อจากนี้ในการดูแล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทาง พล.ร.อ.ณะ ได้มอบหมายให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ทั้งหมดนำเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวชี้แจงกับ สตง.
ฮิวแมนไรท์วอทช์จี้ รบ.ไทย เปิดเผยที่อยู่ของ “ประเวศ ประภานุกูล”
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดเผยข้อมูลที่อยู่ของนายประเวศ ประภานุกูล ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่หายตัวไปหลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้บุกเข้าไปตรวจค้นบ้านของนายประเวศ ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา แต่ทางการไทยยังไม่ออกมายอมรับว่ามีการจับกุมตัวและควบคุมตัวนายประเวศแต่อย่างใด ทำให้เกิดความกังวลว่านายประเวศอาจตกเป็นเหยื่อของการบังคับบุคคลให้สูญหาย
นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า “รัฐบาลไทยควรเปิดเผยที่อยู่ของนายประเวศโดยทันที และปล่อยตัวเขาหากไม่มีการตั้งข้อหาตามฐานความผิดที่น่าเชื่อถือ” และว่า การควบคุมตัวแบบลับต่อทนายความสิทธิเช่นนี้ทำให้เกิดบรรยากาศความหวาดกลัวขึ้นในประเทศไทย และทำให้เกิดปฏิกิริยาด้านลบจากนานาชาติ
ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากกองร้อยรักษาความสงบที่ 1 และตำรวจจากสถานีตำรวจบางเขนได้บุกตรวจค้นบ้านของนายประเวศในตอนเช้า ซึ่งจากบันทึกการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ระบุว่า มีการยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ แฟลชไดรฟ์ โทรศัพท์มือถือ ซีดีซึ่งมีรายการทางการเมือง และเสื้อยืดที่มีข้อความทางการเมืองหลายตัว อย่างไรก็ดี ไม่มีการประกาศแจ้งอย่างเป็นทางการว่ามีการจับกุมหรือควบคุมตัวนายประเวศแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ยังได้แสดงข้อกังวลอย่างจริงจังเสมอมา เกี่ยวกับการควบคุมตัวแบบลับโดยกองทัพในประเทศไทย เพราะทำให้เกิดความเสี่ยงที่บุคคลจะถูกบังคับให้สูญหาย ถูกทรมานและถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อบุคคลถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกในที่ทำการของทหาร
นายอดัมส์กล่าวว่า “คำสัญญาของรัฐบาลทหารไทยที่จะเคารพสิทธิที่ให้ไว้กับหน่วยงานสหประชาชาติและหน่วยงานอื่นๆในเวทีระหว่างประเทศ จึงฟังดูว่างเปล่ามากยิ่งขึ้น รัฐบาลประเทศที่เกี่ยวข้องควรกดดันพล.อ.ประยุทธ์ ให้ยุติการจับกุมโดยพลการ การควบคุมตัวแบบลับ และการบังคับบุคคลให้สูญหาย โดยให้ปล่อยตัวนายประเวศและบุคคลอื่นๆที่ถูกควบคุมตัวโดยมิชอบทั้งหมด”
‘ณัฐวุฒิ’เผย ผู้บริหารห้างถูกบีบ ใช้เวลาไม่นานยังโดนขวาง แต่สุเทพจัดคอนเสิร์ตฉลุย
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า หลังจากได้ข้อสรุปว่าจะใช้สถานที่ห้องประชุมชั้น 6 อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรงเป็นที่จัดงานระดมทุนโครงการด้วยรักและแบ่งปัน มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจนทั่วประเทศในวันที่ 28 พฤษภาคมนั้น ปรากฏว่ามีทั้งฝ่ายปกครองและตำรวจไปพบผู้บริหารของทางห้างสรรพสินค้า แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างแรงกดดันให้การจัดงานเกิดข้อติดขัด ทั้งๆ ที่ยืนยันชัดเจนมาตลอดว่า ทั้งเนื้อหา รูปแบบ และวัตถุประสงค์ไม่มีเรื่องการเมือง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายควรนึกถึงภาพกลุ่มนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่จัดงานสมุยเฟสติวัล เมื่อวันที่ 23-24 มกราคม 2559 เพื่อระดมทุนสร้างวิทยาลัยอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นการจัดงานที่แทบจะปิดเกาะสมุยแสดงคอนเสิร์ต ชกมวย ปั่นจักรยาน และอื่นๆ แต่ก็จัดได้ไม่มีใครไปขัดขวาง แถมมีบุคลากรภาครัฐทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานอื่นเข้าร่วม ขณะที่กิจกรรมที่ตนจะจัดเราทำแบบเจียมเนื้อเจียมตัว ใช้ห้องประชุมจัดงานไม่เกิน 3 ชั่วโมง ทุกอย่างเป็นไปโดยเปิดเผย เนื่องจากดำเนินโครงการมาครบ 1 ปีแล้วจำเป็นต้องมีทุนเพิ่มเติม ถ้ามีอะไรเป็นข้อสงสัยก็สอบถามกับตนได้โดยตรง ตนพร้อมตลอดเวลาที่จะชี้แจงรายละเอียดให้ทราบ
“ผมนั่งอ่านจดหมายที่เด็กเขียนมาทุกฉบับ รับรู้สภาพชีวิตและความยากลำบาก ซึ่งทุกคนอยากได้รับโอกาสเพื่อเดินไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะสกัดขัดขวาง ตั้งใจว่าจะจัดงานปีละครั้งและพัฒนาโครงการต่อเนื่องให้สามารถดูแลนักเรียนได้มากขึ้น ล่าสุด ขยายทุนเพิ่มเป็นรายเทอมให้นักเรียนที่ได้รับทุนไปแล้วแต่มีผลการเรียนเทอมล่าสุดไม่ต่ำกว่า 3.00 โดยระดับมัธยม 10,000 บาท และระดับอุดมศึกษา 15,000 บาท ซึ่งถ้าผลการเรียนทุกเทอมยังอยู่ในเกณฑ์ก็จะดูแลต่อเนื่องจนจบชั้นปริญญาตรี วันนี้เราได้ห้องที่กว้างพอสำหรับจัดงานแล้ว หวังว่าจะได้หัวใจของผู้ใหญ่ที่กว้างพอให้เด็กยากจนมีที่ยืนด้วย” นายณัฐวุฒิกล่าว
แฉ “เอ็นเอสเอ” ยังเดินหน้าเก็บข้อมูลโทรศัพท์ของชาวอเมริกันรวมกว่า 151 ล้านครั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ารายงานประจำปีจากสำนักงานของนายแดน โคตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ถือเป็นครั้งแรกของการวัดผลหลังมีการใช้กฎหมายว่าด้วยเสรีภาพของสหรัฐอเมริกาปี 2015 ที่จำกัดอำนาจของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ)ในการเก็บบันทึกข้อมูลและการติดต่อของผู้ใช้โทรศัพท์ของชาวอเมริกัน รวมไปถึงของหน่วยงานข่าวกรองที่เป็นพันธมิตรที่ต้องสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ซึ่งพบว่า ปี 2016 เอ็นเอสเอได้เก็บบันทึกการใช้งานโทรศัพท์ของชาวอเมริกัน 151 ล้านครั้ง แม้จะมีการขอการอนุญาตจากศาลสืบราชการลับต่างประเทศ ในการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเพียง 42 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุก่อวินาศกรรมต่อสหรัฐ ในวันที่ 11 กันยายน 2001 เอ็นเอสเอก็ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโทรศัพท์เอาไว้ในปริมาณมหาศาล ทั้งบันทึกของผู้ที่โทรออก และหมายเลขของผู้รับสาย และระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์ แต่ไม่มีการเก็บบันทึกข้อความเสียงระหว่างการสนทนา
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า ข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ 151 ล้านครั้งเมื่อปีที่ผ่านมานั้น ถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ และว่า จำนวน 151 ล้านครั้ง รวมไปถึงการโทรหลายครั้งของเบอร์โทรศัพท์เบอร์เดียวกัน ซึ่งหมายเลขที่มีการบันทึกนั้นน้อยกว่านี้มาก
สื่อเกาหลีเหนือยืนยันรายงานข่าวจับชาวอเมริกันคนที่ 3
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ของเกาหลีเหนือ ออกมายืนยันว่า เกาหลีเหนือได้จับกุมตัวชาวอเมริกันที่สอนหนังสืออยู่ที่กรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นชาวอเมริกันคนที่ 3 ที่ถูกเกาหลีเหนือจับกุมตัว นับตั้งแต่สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เคซีเอ็นเอรายงานว่า ผู้ที่ถูกจับกุมตัวคือนาย คิม ซัง ดุก หรือ โทนี คิม ที่ถูกจับกุมตัวที่สนามบินในกรุงเปียงยาง เมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยถูกจับข้อหาก่ออาชญากรรมอันเป็นปฏิปักษ์เพื่อโค่นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ)
มาเลย์จับผู้ต้องสงสัยเอี่ยวไอเอส 6 ราย คาดยังมีหลบหนีเข้าไทยอีก 1
เว็บไซต์สเตรทส์ไทม์ส รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ตำรวจมาเลเซียแถลงว่า มาเลเซียได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 6 คน ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก และซีเรีย หลังปฏิบัติการตามล่ายาวนานนับเดือน โดยผู้ที่ถูกจับเป็นชาย 4 คน และหญิง 2 คน ถูกจับได้ที่รัฐกลันตัน รัฐปะหัง รัฐมะละกา รัฐยะโฮร์ และรัฐปีนัง และในจำนวนนี้มีชาย 2 คนที่ต้องสงสัยว่ามีการลักลอบนำอาวุธมาจากตอนใต้ของประเทศไทย
ตำรวจมาเลเซียระบุว่า ขณะนี้กำลังตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยอีก 1 ราย คือนายมูฮัมหมัด มูซัฟฟา อารีฟ จูไนดี จากรัฐกลันตัน วัย 27 ปี ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำอาวุธเข้ามาเลเซีย และได้ลักลอบหนีเข้าทางตอนใต้ของประเทศไทย ผ่านทางแม่น้ำโกลก เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกับอาวุธปืน
วินาทีระทึก! เมื่อเครื่องบินเล็กเฉี่ยวชนเสาไฟระเบิด ร่อนลงกระแทกพื้นกลางถนน
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม สำนักข่าว บีบีซี เผยแพร่คลิปวิดิโอ ที่บันทึกโดยกล้องวิดีโอหน้ารถ ที่เต็มไปด้วยรถยนต์แน่นถนน มูคิลทีโอ ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ขณะที่รถยนต์แต่ละคันกำลังติดไฟแดงนั้น เครื่องบินเล็กลำหนึ่งก็ได้บินต่ำลงชนเข้ากับเสาไฟ ทำให้เกิดลูกไฟระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าขนาดใหญ่ 2 ลูก อย่างไรก็ตามตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยว่าโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งนักบินและผู้โดยสาร
ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวบีบีซีว่า เครื่องบินลำดังกล่าวออกจากสนามบินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงประมาณ บ่ายสามโมงครึ่ง หลังจากนั้นไม่นานน้ำมันก็หมด แต่ไม่สามารถเดินทางกลับไปสนามบินได้ ทำให้นักบินพยายามที่จะลงจอดลงบนถนนที่ไม่มีรถ แต่กลับชนเข้ากับเสาไฟและหักลง ทำให้มีรถยนต์ที่อยู่บริเวณโดยรอบเกิดเพลงไหม้ แต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นานในการแก้ไขสถานการณ์
