ข่าว
จวกสางฝรั่งแสบจูบพระพุทธรูปเมืองลาวเย้ยไทย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกของสื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมิเดีย ได้มีการแชร์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นภาพหญิงชาวต่างประเทศแถบยุโรปที่จูบพระพุทธรูปปางไสยาสน์ หรือพระนอน โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย ซึ่งในภาพก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นสถานที่ใด แต่มีผู้ให้ความเห็นว่า พระพุทธรูปดังกล่าว อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งของเมืองวังเวียง ประเทศสปป.ลาว การที่ชาวต่างชาติถ่ายภาพลักษณะนี้ เพราะส่วนใหญ่จะไม่สามารถถ่ายภาพลักษณะดังกล่าวในเมืองไทยได้ จึงไปกระทำที่อื่น

แต่เมื่อมีการโพส์ตภาพดังกล่าวแพร่หลายออกไป จึงเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ประพฤติตัวแบบนี้ พร้อมเรียกร้องให้มีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยวและชี้แจงให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เข้าใจว่าสิ่งไหนเหมาะสมสิ่งไหนไม่เหมาะสม ไม่ให้สิ่งเสื่อมเสียเหล่านี้เกิดขึ้นในเมืองไทยเป็นอันขาด

ฮือฮา! ‘อดีตพระยันตระ’ กลับไทย โผล่บ้านเกิดปากพนัง-ปชช.แห่กราบไหว้ หลังคดีหมดอายุความ

วันที่ 23 เม.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีต “พระยันตระ อมโรภิกขุ” ที่หลบหนีไปอยู่สหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม บ้านบางบ่อ ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากที่คดีต่างๆ โดยเฉพาะคดีที่ก้าวล่วงองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้หมดอายุความลง ทั้งนี้ นายวินัย ละอองสุวรรณ เดินทางกลับมายังประเทศไทยแบบเงียบๆ มาอาศัยอยู่ในอำเภอปากพนัง และยังคงแต่งกายด้วยผ้าคล้ายจีวรออกสีเขียว ทับเสื้อแขนยาว ผมยาวสีขาวผูกรวบไว้ หนวดเคราขาวยาว รูปร่างอ้วนสมบูรณ์

โดยผู้ใกล้ชิดนายวินัย ละอองสุวรรณ ระบุว่า นายวินัยได้เดินทางมายังนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์โดยเดินทางมากับผู้ติดตามจำนวน 2 คนโดยพระยันตระได้เดินทางเข้ามาทางประเทศมาเลเซียและเข้าประเทศไทยทางชายแดนมาเลเซีย เพื่อมากราบพระครูสุธรรมสมาจาร หรือ “พ่อท่านเชื่อง” เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม หรือวัดบางบ่อ อำเภอปากพนัง ที่เป็นพระอุปัชฌาจารย์ ของนายวินัย เมื่อครั้งอุปสมบท และได้มาพักอยู่ที่อาศรมที่ปลูกสร้างขึ้นหลังบ้านเดิมของนายวินัย

ซึ่งขณะที่มาพักอยู่ที่ อ.ปากพนัง นั้น มีผู้ที่ยังเคารพนับถือเดินทางมาเยี่ยมเยียน และเชิญไปยังสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัดในภาคใต้ และทราบว่านายวินัย จะเดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 13 พ.ค. นี้ ซึ่งทราบว่าจะปักหลักอาศัยอยู่ที่อเมริกาตลอดไป


“ชูวิทย์”เบื่อการเมืองดอดชมทะเล ไล่ “สุเทพ”กลับสุราษฎร์ไปคิดมุกใหม่

23 เม.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์รูปภาพลงบนเฟซบุ๊ค ที่ใช้ชื่อว่า ชูวิทย์ I’m No.5 แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณืการเมืองในขณะนี้ว่า ประเทศไทยประสบปัญหาการเมืองมา 5 เดือน ซึ่งทุกคนต่างเฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขธิการกปปส. พูดอยู่ทุกวัน จนรู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าม็อบไม่สามารถเปลี่ยนอไรได้

ตนจึงอยากหนีม็อบสุเทพไปเที่ยวพักผ่อนสมองสักสองสามวัน สูดอากาศริมทะเล โดยอาจจะไปหาหอยนางรมกินที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตนอยากให้นายสุเทพปล่อยวางแล้วกลับบ้านอย่ามัวแต่หมกมุ่นกับการเมืองมากเกินไป ออกห่างมาจากม็อบ แล้วจะทำให้สมองปลอดโปร่ง ไม่จมปลักอยู่กับสิ่งเดิมๆอย่างน้อยยังได้มีเวลาคิดมุกใหม่ เพราะมุกเก่าคนเขาเบื่อจะแย่แล้ว

บุกยิง"ไม้หนึ่ง ก.กุนที"กวีเสิ้อแดงหลังร่วมวง"อจ.สุดา รังกุพันธ์" ตร.ตั้ง2ปมสังหาร

เมื่อวันที่ 23 เมษายน เวลา 14.10 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ ′ไม้หนึ่ง ก. กุนที′ หรือ นายกมล ดวงผาสุก กวีเสื้อแดง บริเวณลานจอดรถ หน้าร้านอาหารครกไม้ไทยลาว ซอยลาดปลาเค้า 24 เขตลาดพร้าว ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ภายหลังที่นายกมล รับประทานอาหารเสร็จและอยู่ระหว่างการเดินไปเอารถที่ลานจอดรถ มีเสียงดังขึ้นประมาณ 5-6 นัด เมื่อตามออกไปดูพบว่านายกมล นอนแน่นิ่งฟุบอยู่กับพื้น ร่างจมกองเลือด ล่าสุดมีรายงานว่า นายกมล ดวงผาสุก ได้เสียชีวิตแล้ว

ด้านพลตำรวจตรีฐิติราชหนองหารพิทักษ์รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเปิดเผยการตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายยิงนายกมล ดวงผาสุก กวีเสื้อแดง มีนามปากกา ไม้หนึ่ง ก. กุนที เสียชีวิตที่บริเวณลานจอดรถ หน้าร้านอาหารครกไม้ไทยลาว ซอยลาดปลาเค้า 24 แยก 2 กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่าเบื้องต้น ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน จำนวน 5 ปลอก ขนาด .45 ขณะที่ทางร้านให้ข้อมูลว่า นายกมลเข้ามารับประทานอาหาร กับเพื่อน และนั่งรับประทานอาหารนานเกือบ 1 ชั่วโมง โดยไม่ได้มีเหตุ ขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทกับคนอื่นๆ ภายในร้าน