ข่าว
ตายพุ่งครึ่งร้อย!!! เหยื่อพายุไต้ฝุ่น'พันฝน'ฟิลิปปินส์ เดือดร้อนกว่า 2 ล้านคน

31 ธันวาคม 2562 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น “พันฝน” ที่มีความรุนแรงที่พัดกระหน่ำภาคกลางของฟิลิปปินส์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพิ่มเป็น 50 คน ผู้สูญหาย 5 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 143 ราย ทำให้เป็นพายุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดของปีนี้

ทั้งนี้ ไต้ฝุ่น พันฝน หรือ ในฟิลิปปินส์เรียกว่า เออร์ซูลา เป็นพายุลูกที่ 21 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในปีนี้ ทำให้เกิดลมแรงและฝนตกหนัก ทำให้บ้านเรือนพังเสียหายและทำลายอาคารพาณิชย์หลายแห่ง ส่วนใหญ่บนเกาะวิซายาส ส่งผลกระทบกับประชาชนกว่า 2 ล้านคน ขณะนี้ยังมีประชาชนอย่างน้อย 80,000 คน ที่ยังพักอาศัยในสถานที่พักพิงฉุกเฉินและอาจจะต้องอาศัยอยู่ต่อไปจนถึงปีใหม่ เนื่องจากบ้านเรือนเสียหายอย่างหนัก

'วัฒนา อัศวเหม'ดิ้นยื่นศาลรธน.คดีคลองด่าน แต่โดนตีตก'ไม่รับคำร้อง'

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องที่นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จำเลยหลบหนีในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการพิจารณาพิพากษาคดีอาญาขององค์คณะผู้พิพากษาและคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีหมายเลขดำที่ อม.2/2550 และหมายเลขแดงที่ อม.2/2551 ที่ระบุว่านายวัฒนาซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่ง รมช. มท. ใช้อำนาจในตำแหน่งกระทำการข่มขืนใจ หรือจูงใจให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง เจ้าพนักงานที่ดิน จ.สมุทรปราการ สาขาบางพลี ออกโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่ตนเอง ในนามของบริษัท ปาล์มบีช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยมิชอบ และพิพากษาให้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ลงโทษจำคุก 10 ปี ริบพระเครื่องผงสุพรรณเลี่ยมทอง 1 องค์ เป็นการพิจารณาพิพากษาคดีที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 185 มาตรา 197 และขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 188 วรรค 2

โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องเป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยการพิจารณาคดีและคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วจึงเป็นกรณีที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาถึงที่สุดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรค 3 บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย นายวัฒนาจึงไม่อาจยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ได้


นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชี้รัฐบาลลดใช้ถุงพลาสติก ขัดแย้งอนุมัตินำเข้าขยะพลาสติก ตปท.

วันที่ 2 มกราคม 2563 นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นโยบายที่ขัดแย้งในเรื่องพลาสติก

1.ภาคเอกชนภาคีเครือข่าย 43 แห่งให้ความร่วมมือกับภาครัฐด้วยความสมัครใจงดให้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป คาดว่าจะลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (single-use plastic) ลงได้7.8แสนต่อปีจากปริมาณถุงพลาสติกที่เกิดขึ้นประมาณ 2 ตันต่อปี

2.แต่หากจะให้การลดถุงพลาสติกเกิดผลที่กว้างมากขึ้นแบบในประเทศพัฒนาแล้วก็ต้องออกกฏหมายเก็บค่าธรรมเนียมถุงพลาสติกหรือเก็บเงินค่าถุงพลาสติกในทุกร้านค้าทั่วประเทศโดยอาจเป็นถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติหรือเป็นถุงพลาสติกมีความหนาใช้ได้หลายครั้ง การคิดเงินค่าถุงพลาสติกเพียงเล็กน้อยจะเปลี่ยนพฤติกรรมและลดปริมาณการใช้ถุงได้จำนวนมาก เพราะผู้ซื้อสินค้าที่เคยได้รับถุงฟรีๆหากไม่ต้องการจ่ายเงินค่าถุงก็ต้องนำถุงเก่ามาใช้ซ้ำหรือเตรียมถุงผ้าสำหรับใส่สินค้ามาด้วย

3. ปี2561-2562 ประเทศไทยนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศมากถึง481,381ตันสูงเป็นอันดับ3ในอาเซียน(กรีนพีช)และกำหนดให้มีปริมาณนำเข้าในปีต่อไปปีละ70,000ตัน เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าพลาสติกราคาถูก ถ้าใครซื้อของใช้พลาสติกตามร้าน20บาท ทั้งหมดจะมาจากพลาสติกรีไซเคิล แต่ที่ยิ่งกว่านั้นปัจจุบันสินค้าพลาสติกคุณภาพต่ำราคาถูกถูกนำเข้าจากประเทศจีนเป็นจำนวนมากนำมาขายและกลายมาเป็นขยะท่วมประเทศไทยอยู่ทุกวันนี้ คำถามว่าทำไมไม่ใช้ขยะพลาสติกในประเทศไทยมารีไซเคิลแทนการนำเข้า ข้อเท็จจริงก็คือขยะพลาสติกในประเทศไทยมีจำนวนมากจริงแต่เป็นขยะที่ไม่ได้ถูกคัดแยกอย่างมีประสิทธิภาพทั้งจากประชาชนและรัฐบาล จึงมีการปนเปื้อนสูงดังนั้นโรงงานอุตสาหกรรมจึงซื้อขยะพลาสติกจากต่างประเทศ (โดยเป็นไปตามเงื่อนไขการนำเข้าของรัฐบาลคือเศษพลาสติกต้องสะอาดไม่ปนเปื้อน มีขนาดไม่เกิน2เซนติเมตร)นำมารีไซเคิลและผลิตสินค้าพลาสติกราคาถูกขาย ซึ่งจะมีต้นทุนถูกกว่าการนำขยะพลาสติกในประเทศไทยมาคัดแยกและนำมารีไซเคิลผลิตเป็นสินค้าใหม่ ทำให้ขยะพลาส ติกในประเทศตกค้างจำนวนมากและถูกกองทิ้งไว้ในหลุมขยะเทศบาลและไหลลงทะเลในที่สุด

4.โรงงานคัดแยกและรีไซเคิล(โรงงานประเภท105และ106)ในประเทศไทยตั้งขึ้นได้ง่ายเนื่องจากมีประกาศ คสช.ที่4/2559 กำหนดให้ตั้งที่ใดก็ได้ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายผังเมืองทำให้จังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานรีไซเคิลถึง6,000แห่งและมากกว่า 3000แห่งในจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา เป็นต้น

5.รัฐบาลกำลังรณรงค์ให้คนไทยเสียสละลดการใช้ถุงพลาสติกกันอย่างกว้างขวาง แต่อีกด้านเรากลับยินยอมให้นำเข้าขยะเศษพลาสติกจากต่างประเทศจำนวนมากมารีไซเคิลเป็นสินค้าพลาสติกราคาถูก คุณภาพต่ำมาขายในประเทศซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นขยะพลาสติกมหาศาลอยู่ในประเทศรวมทั้งยินยอมให้ต่างประเทศมาตั้งโรงงานรีไซเคิลพลาสติกในประเทศได้อย่างง่ายดาย

นโยบายแบบนี้มันขัดแย้งกันอยู่ในตัวเองนะครับ


ของแพงมาก! โพลรัฐบาลชี้ชัดชาวบ้านเดือดร้อน จี้เร่งแก้ไขเป็นของขวัญปีใหม่

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.รับทราบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (อีดีเอส) เสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาลพ.ศ. 2563 ซึ่งสัมภาษณ์ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 5,000 คน ระหว่างวันที่ 22 ต.ค. - 3 พ.ย.62 ดังนี้ ความเดือดร้อนที่ชุมชน หมู่บ้านได้รับในรอบปี 2562 มากที่สุด คือ สินค้าอุปโภค-บริโภคราคาแพง ร้อยละ 23.3 รองลงมา คือ ปัญหาจากการทำเกษตรกรรม เช่น ต้นทุนสูง ผลผลิตราคาตกต่ำและผลผลิตเสียหายจากแมลง โรคระบาด ร้อยละ 20.6

ส่วนของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2563 ที่ต้องการจากรัฐบาลมากที่สุด คือ การแก้ปัญหาสินค้าอุปโภค-บริโภคราคาแพง ร้อยละ 50.9 รองลงมา คือ การแก้ปัญหาด้านการเกษตร เช่น ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า และหาตลาดรองรับ ร้อยละ 30.6

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ ประชาชนมีความเชื่อมั่นในระดับเชื่อมั่นมาก – มากที่สุดร้อยละ 39.7 เชื่อมั่นปานกลางร้อยละ 44.4 ขณะที่ไม่เชื่อมั่นร้อยละ 2.2 ขณะที่ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อมาตรการ “ชิมช้อปใช้” พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ขณะที่พึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุดและไม่พึงพอใจร้อยละ 27.5 โดยให้เหตุผล เช่น ระบบการลงทะเบียนและการใช้สิทธิยุ่งยาก ซับซ้อน ร้อยละ 11.3 สิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่เกิดประโยชน์

สำหรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะให้ควรมีมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนในด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เช่น ควบคุมราคาสินค้า แก้ปัญหาด้านการเกษตรแก้ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้งแก้ปัญหายาเสพติดและปัญหาสภาพแวดล้อมเป็นพิษ ควรมีการส่งเสริมโครงการและสวัสดิการของรัฐให้ทั่วถึงและเพียงพอ เช่น ดูแลผู้สูงอายุ การรักษาพยาบาลฟรี สนับสนุนทุนการศึกษา และจัดหาที่อยู่อาศัย


สะดุ้งแน่! 'มนัญญา'จ่อตรวจสอบสหกรณ์ออมทรัพย์ หลังได้รับร้องเรียนบริหารไม่ชอบมาพากล

“มนัญญา ไทยเศรษฐ” รัฐมนตรีมือปราบ เปิดศักราชใหม่ เตรียมเข้าตรวจสอบสหกรณ์ออมทรัพย์ ขนาดใหญ่ หลังมีหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงาน เกรงซ้ำรอย “สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด” หวั่นประชาชนผู้ฝากเงินรับผลกระทบที่จะมีมูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากรระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับเรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับสหกรณ์ออมทรัพย์ มีการดำเนินการที่อาจจะเป็นการทุจริต ดังนั้นในฐานะที่กำกับดูแลกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงจะเริ่มเข้าไปตรวจสอบสหกรณ์ออมทรัพย์ ขนาดใหญ่ ในเขตกรุงเทพมหานคร ในสัปดาห์หน้า

“ในอาทิตย์หน้า ดิฉันจะเริ่มเข้าไปทำการตรวจสอบบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์ ขนาดใหญ่ โดยจะเริ่มจากสหกรณ์ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ก่อน โดยได้เรียกอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้ามาร่วมในการดำเนินการครั้งนี้ เนื่องจากมีข้อสงสัยการบริหารงานในสหกรณ์ออมทรัพย์ มูลค่าความเสียหายอาจจะมีสูงถึงระดับพันล้านบาท”

รมช.เกษตร ฯ กล่าวด้วยว่า เรื่องการแบน 3 สารพิษ ยังเดินหน้าทำไปอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับกรณีเรื่องการตรวจบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามาที่สำนักงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และเห็นว่าเรื่องนี้อาจจะกระทบกับประชาชน ที่ฝากเงินไว้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ เหมือนดังเช่นกรณี สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ซึ่งการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ เพราะต้องการป้องกันปัญหาที่จะกระทบกับสมาชิกที่ฝากเงินไว้

นักดับเพลิงตายเพิ่ม ไฟป่าออสเตรเลียลามต่อ-แต่เดินหน้าพลุปีใหม่

ซิดนีย์ (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) -อาสาสมัครดับเพลิงชาวออสเตรเลีย 1 คนเสียชีวิต และอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ หลังจากรถดับเพลิงพลิกคว่ำเนื่องจากถูกกระแสลมแรงพัดในขณะที่ไฟไหม้ป่ากำลังโหมกระหน่ำเผาผลาญพื้นที่หลายจุดทั่วออสเตรเลีย ด้านนครซิดนีย์เดินหน้าจัดงานดอกไม้ไฟต้อนรับปีใหม่ต่อไป แม้มีประชาชนกว่า 2 แสนคนลงชื่อเรียกร้องให้ยกเลิกงานดังกล่าว

อาสาสมัครดับเพลิงชาวออสเตรเลีย 1 คน เสียชีวิต ในขณะที่อีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ หลังจากรถดับเพลิงพลิกคว่ำเนื่องจากถูกกระแสลมแรงพัดในขณะที่ไฟไหม้ป่ากำลังโหมกระหน่ำเผาผลาญพื้นที่หลายจุดทั่วออสเตรเลีย โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงออสเตรเลียทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ว่า กลุ่มอาสาสมัครดับเพลิงดังกล่าวกำลังปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าบริเวณห่างจากเมืองออลเบอรี่ ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ไปทางตะวันออกราว 70 กิโลเมตร ในขณะนี้ ในรัฐวิกตอเรีย มีการเตือนภัยฉุกเฉินจากไฟป่า 11 แห่ง และคาดว่า สถานการณ์ที่รัฐนี้จะถึงขั้นรุนแรงในช่วงค่ำคืนนี้ ในขณะที่ไฟป่ากำลังลุกลามและขยายวงกว้างในรัฐเซาท์ออสเตรเลียและแทสเมเนีย ขณะนี้ไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 9.9 ล้านเอเคอร์ หรือ ประมาณ 24.75 ล้านไร่ ทั่วทั้ง 5 รัฐ คร่าชีวิตผู้คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ไปแล้ว 9 ศพเผาทำลายบ้านเรือนประชาชนไปแล้วกว่า 1,000 หลัง ในระยะเวลา 5 เดือน และยังไม่มีแนวโน้มความรุนแรงจะลดลง

ขณะที่บรรดาผู้ลงชื่อในคำร้องบนเว็บไซต์ “เชนจ์ ดอท โออาร์จี” (Change.org) กว่า 270,000 รายชื่อ สนับสนุนข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการจัดงานจุดพลุดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในคืนวันที่ 31 ธันวาคมนี้ หลังพบว่าทางการนครซิดนีย์จะใช้เงิน 6.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 137 ล้านบาท) ไปกับงานแสดงดอกไม้ไฟของปีนี้ ซึ่งประชาชนจำนวนมากเห็นว่า ควรจะนำไปใช้เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครนักดับเพลิงและเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งรุนแรงมากกว่า นอกจากนี้ หลายคนยังบอกว่า งานแสดงพลุดอกไม้ไฟที่อ่าวซิดนีย์อาจทำร้ายจิตใจประชาชนบางส่วน เนื่องจากมีควันในอากาศมากเพียงพอแล้ว รวมถึงความร้อนและสะเก็ดไฟจากพลุดอกไม้ไฟในอากาศอาจทำให้สภาพอากาศร้อนขึ้น

อย่างไรก็ดี ทั้งนายกเทศมนตรีนครซิดนีย์ รวมถึงหน่วยงานดับเพลิงของรัฐนิวเซาท์เวลส์เองยืนยันว่า ควรจะเดินหน้าการจัดงานแสดงพลุดอกไม้ไฟประจำปีต่อไป เนื่องจากได้มีการวางแผนมานานกว่า 15 เดือนและจัดสรรงบประมาณสำหรับงานนี้ไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งการยกเลิกงานนี้จะส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจในซิดนีย์ และจะทำลายแผนการของผู้คนนับล้านคนทั่วประเทศและต่างประเทศที่จองเที่ยวบิน โรงแรม และร้านอาหารเพื่อมาร่วมงานฉลองปีใหม่ด้วย