ข่าว
โวยศาลเมียนมามัดมือชก “ซูจี” ส่งคดีพรวดถึงศาลฎีกา ไม่มีทนาย

รอยเตอร์ : รายงานเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นายขิ่น หม่อง ซอ ทนายความของนางออง ซาน ซู จี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐ และรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลที่ถูกกองทัพรัฐประหารไปเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เปิดเผยด้วยความวิตกกังวลว่า คดีว่าด้วยการเปิดเผยความลับทางการ ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาที่หนักและสำคัญที่สุดซึ่งรัฐบาลทหารชุดใหม่ตั้งข้อกล่าวหานางซู จี พร้อมพวกรวม 4 คน ซึ่งรวมทั้ง นาย ฌอว์น เทอร์เนลล์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจชาวออสเตรเลีย ถูกศาลฎีกาประกาศให้มีการไต่สวนคดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ โดยที่ไม่ยอมให้จำเลยทั้ง 4 มีโอกาสได้ติดต่อหรือแต่งตั้งทนายความแต่อย่างใด

นายขิ่น หม่อง ซอ ระบุว่า ในประกาศวันไต่สวนคดีของศาลฎีกาดังกล่าว ระบุไว้เพียงว่า จำเลยทั้ง 4 จะทำหน้าที่ต่อสู้คดีด้วยตัวเองเท่านั้น

“พวกเรากังวลกันว่า จำเลยทั้งหมดไม่มีโอกาสที่จะมีตัวแทนต่อสู้คดีตามกฎหมายได้ และเชื่อว่าการพิจารณาคดีคงไม่ได้ดำเนินไปอย่างโปร่งใสแน่นอน” ทนายความของนางซูจีระบุ โดยกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในกรณีปกติทั่วไป จำเลยจะต้องได้รับการติดต่อเพื่อแจ้งให้ทราบเป็นการล่วงหน้า เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถติดต่อหาทนายความตัวแทนได้ก่อนที่จะมีการประกาศกำหนดการดำเนินคดี

นอกจากนั้น นายขิ่น หม่อง ซอ ยังระบุด้วยว่า ศาลยังไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ ด้วยว่า ทำไมคดีที่นางซู จี และพวกถูกกล่าวหาว่าเปิดเผยความลับของทางการครั้งนี้ ถึงถูกส่งขึ้นดำเนินคดีในศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุด โดยไม่ผ่านศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามปกติ ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลฎีกาถือเป็นสิ้นสุด จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาแต่อย่างใด

ในเวลาเดียวกัน การดำเนินการทางการทูตเพื่อหาทางออกกรณีเมียนมาก็เริ่มเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง หลังจากนาย เอรีวาน เปฮิน ยูโซฟ รัฐมนตรีต่างประเทศคนที่ 2 ของบรูไน และ นาย ลิม จ็อก โฮย เลขาธิการอาเซียน เดินทางถึงกรุงเนปยีดอ เมื่อตอนดึกของคืนวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดหารืออย่างเป็นทางการพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่เป็นผู้นำก่อรัฐประหารในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นเอเอฟพีรายงานว่า นายปีเตอร์ เมาเรอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) ได้พบหารือกับพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ซึ่ง นายเมาเรอร์ ชี้แจงให้ทราบว่า ชาวเมียนมาจำนวนมากต้องการความช่วยเหลือและการคุ้มครองอย่างเร่งด่วน และได้หยิบยกประเด็นการใช้อาวุธในปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมกับขอให้มีการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ดีขึ้นในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่กาชาดสากลสามารถเข้าเยี่ยมผู้ถูกคุมขังรวมถึงนางออง ซาน ซูจีด้วยได้อีกครั้ง

ไทยติดโผ ชาติเอเชียที่จะได้วัคซีนโควิด จาก รบ.สหรัฐฯ ผ่านโครงการ COVAX

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ประกาศรายละเอียดการจัดสรรวัคซีนของรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ 80 ล้านโดสแก่หลายประเทศทั่วโลก พบล็อตแรก ที่จะมอบให้หลายประเทศในเอเชีย มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย

เมื่อ 3 มิ.ย. 64 ตามเวลาในสหรัฐฯ ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนต้านโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เตรียมแบ่งปันวัคซีนจำนวน 80 ล้านโดส ให้แก่หลายประเทศทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้ 75% เป็นการจัดสรรวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่โครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลกนั้น จากแถลงการณ์ของทำเนียบขาวได้ประกาศแผนจัดสรรวัคซีนล็อตแรกจำนวน 25 ล้านโดส ซึ่งในจำนวนนี้เกือบ 19 ล้านโดส เป็นการจัดสรรวัคซีนผ่านโครงการ COVAX ให้แก่ภูมิภาคอเมริกาใต้ อเมริกากลาง เอเชีย และแอฟริกา

สำหรับประเทศในเอเชียที่จะได้รับวัคซีนต้านโควิดของรัฐบาลสหรัฐฯ ในล็อตแรก ซึ่งเป็นจำนวนประมาณ 7 ล้านโดสนั้น ตามแถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ได้แก่ ประเทศอินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน มัลดีฟส์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย สปป.ลาว ปาปัวนิวกินี ไต้หวัน และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก (ที่มา : ทำเนียบขาว),/

ไบเดนแจกแจงวัคซีนบริจาคจำนวน 80 ล้านโดส ให้ใครบ้าง

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยแผนในการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 80 ล้านโดส ที่สหรัฐฯ จะบริจาคให้ทั่วโลก โดย 75 เปอร์เซ็นต์ จะเทไปให้กับโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก

เอกสารข้อมูลจากทำเนียบขาวระบุรายละเอียด ของวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 80 ล้านโดสที่นายโจ ไบเดน ประกาศจะบริจาคให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกภายในสิ้นเดือนนี้ โดย 75 เปอร์เซ็นต์ของวัคซีนที่บริจาค จะกระจายให้ประเทศต่างๆ ผ่านทางโครงการโคแวกซ์ โดยเน้นให้ความสำคัญกับประเทศในแถบละตินอเมริกา และแคริบเบียน เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งแอฟริกา เพื่อหวังจะเร่งช่วยเหลือพื้นที่ที่กำลังพบการระบาดหนัก ช่วยชีวิตคน และทำให้ทั่วโลกยุติการระบาดของโรคให้ได้ก่อน พร้อมเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ได้หวังผลลทางการเมือง หรือต้องการให้ประเทศใดโอนอ่อนมาหาสหรัฐฯ จากความช่วยเหลือครั้งนี้

ซึ่งท่าทีของนายไบเดนดังกล่าวมีขึ้น หลังรัฐบาลหลายประเทศกดดันมายังสหรัฐฯ ที่เป็นฐานการผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลกให้ช่วยเหลือประเทศที่กำลังขาดแคลนวัคซีนเพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสมรณะนี้

โดยวัคซีนจำนวน 25 ล้านโดสแรกจาก 3 ค่าย คือ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โมเดอร์นา และไฟเซอร์ กำลังจะเริ่มส่งออกไปแล้ว แบ่งเป็น 7 ล้านโดสให้ทวีปเอเชีย ทั้งอินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน เวียดนาม ปาปัวนิวกีนี และไต้หวัน ส่วนอีก 6 ล้านโดส จะส่งให้ประเทศในอเมริกากลาง อเมริกาเหนือ และประเทศในแถบแคริบเบียน ทั้งบราซิล อาร์เจนตินา โคลอมเบีย คอสตาริกา เปรู กัวเตมาลา และเฮติ ส่วนอีก 5 ล้านโดสจะสงวนไว้ให้กับทวีปแอฟริกา ส่วนอีก 6 ล้านโดสจะส่งตรงไปให้มิตรประเทศและเพื่อนบ้านอย่างแคนาดา เม็กซิโก และเกาหลีใต้ คาดว่าจะทยอยส่งออกวัคซีนครบ 80 ล้านโดสได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ขณะที่วัคซีนจากแอสตราเซเนกายังไม่ได้รับการอนุมัติใช้ในสหรัฐฯ แต่อย่างใด

ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย


ศ.เตือนโควิดสายพันธุ์อินเดียสุดร้าย UK กลับมาพบติดเชื้อพุ่ง 5 พันต่อวัน

ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษเตือนความน่ากลัวของเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย ชี้ทำติดเชื้อง่ายขึ้นกว่าสายพันธุ์อังกฤษถึง 60% ตอนนี้กำลังเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดใน UK กลับมาพบติดเชื้อรายใหม่เกิน 5 พัน

เมื่อ 4 มิ.ย. 64 เว็บไซต์เดลี่เมลรายงาน ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กูสัน ชาวอังกฤษ เตือนถึงความร้ายกาจของเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย หรือสายพันธุ์ “เดลต้า” (Delta) ตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศปรับเปลี่ยนการเรียกชื่อโควิดสายพันธุ์ใหม่จากชื่อประเทศที่พบเชื้อโควิดกลายพันธุ์เป็นภาษากรีก ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียสามารถแพร่กระจายติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อังกฤษถึง 60% และยังทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลสูงกว่าการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย 2 เท่า

นอกจากนั้น ผลการศึกษาซึ่งถูกตีพิมพ์เมื่อคืนวันพุธที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ยังชี้ว่าวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอนเทค มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน แอนติบอดีได้น้อยลงต่อเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่นๆ

ขณะเดียวกัน สำนักงานบริการสาธารณสุขอังกฤษยังออกมายืนยันเป็นครั้งแรกเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่พบการแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร แทนที่เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษไปเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 64 พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่กลับมาสูงกว่า 5,000 รายต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อปลายเดือนมีนาคม และได้มีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ลงแล้วในขณะนี้

เว็บไซต์เวิลด์โดมิเตอร์แจ้งว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในสหราชอาณาจักร เมื่อ 3 มิ.ย. 64 ถึง 5,274 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 18 ศพ ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดในสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.49 ล้านราย และเสียชีวิต 127,812 ศพ


ช็อก นาทีเกิดหลุมยักษ์ในเม็กซิโก เจ้าของบ้านน้ำตาร่วง ประชิดบ้านแล้ว

หลุมยักษ์ปริศนา ขยายใหญ่ประชิดบ้านของครอบครัวเจ้าของไร่แล้ว เสียใจหนักต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน อพยพออกมา ก่อนบ้านพังลงไป ด้านนักธรณีวิทยายังไม่ฟันธงสาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมลึกมีน้ำ

เมื่อ 4 มิ.ย. 64 เว็บไซต์ เดอะ ซัน รายงานและเผยแพร่คลิปนาทีเกิดเหตุการณ์สุดระทึก หลุมลึกขนาดใหญ่ในไร่ของครอบครัวซานเชส ที่รัฐปวยบลา ประเทศเม็กซิโก โดยหลุมลึกนี้ ซึ่งมีน้ำอยู่ในหลุมด้วย ได้มีการ

ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา

ในที่สุด หลุมยักษ์ปริศนาได้ขยายขนาดวงกว้างจนมาถึงบริเวณที่ตั้งบ้านของครอบครัวซานเชสแล้ว จนทำให้ต้องมีการอพยพสมาชิกในครอบครัวออกมา เพื่อความปลอดภัย เพราะบ้านกำลังจะถล่มลงไปในหลุมยักษ์ จนสร้างความเสียใจให้แก่เจ้าของบ้านเป็นอย่างยิ่ง

หัวหน้าครอบครัวซานเชส กล่าวว่า พวกเขาต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน เพราะไม่มีทรัพย์สมบัติอื่นนอกจากบ้านหลังนี้ อีกทั้งยังไม่มีญาติพี่น้องที่พอจะไปอาศัยอยู่ชั่วคราวได้เลย

ไม่กี่วันก่อนหน้า ครอบครัวซานเชสได้ยินเสียงดังสนั่นซึ่งตอนแรกพวกเขาคิดว่าเกิดฟ้าผ่า เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้น พวกเขาจึงได้ออกมาดู และต้องตกใจอย่างหนักเมื่อเห็นว่าเกิดหลุมขนาดใหญ่ในไร่ของพวกเขา จากนั้น หลุมนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ออกไปหลายสิบฟุตในแต่ละวัน จนถึงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลุมมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 260 ฟุต (ราว 79 เมตร) และลึกราว 60 ฟุต (ราว 18 เมตร)

ด้านนักภูมิศาสตร์ธรณีวิทยาในเม็กซิโก สันนิษฐานสาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่นี้ว่า อาจเกิดจากรอยเลื่อนใต้ดิน หรือความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในใต้ดิน ส่วนนักเคลื่อนไหวทางสังคมในพื้นที่มองว่าสาเหตุ

ที่เกิดหลุมยักษ์เนื่องจากมีการใช้น้ำบาดาล จากชั้นหินอุ้มน้ำในเขตนี้

ทั้งนี้ บริเวณที่เกิดหลุมยักษ์อยู่บนแนวรอยเลื่อน อัลโต อัลตายัค ซึ่งพาดผ่าน 3 รัฐของเม็กซิโก รวมทั้งรัฐปวยบลา โดยชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ มีความเห็นว่าทางการน่าจะดัดแปลงหลุมนี้ให้เป็นสระน้ำไปเลย


ระทึก เรือสินค้าชนเครนท่าเรือที่ไต้หวัน เร่งช่วยเหลือคนงานออกมา

เกิดเหตุสุดระทึก เรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่กำลังจะจอดเทียบท่าเรือ แต่ดันไปชนเข้ากับเครนสูง ทำให้เครนล้มลงมาฟาดตู้คอนเทนเนอร์ล้มระเนระนาด มีผู้บาดเจ็บหลายราย

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เว็บไซต์ข่าวเดลี่ เมล รายงานว่า เกิดเหตุเรือบรรทุกสินค้าน้ำหนัก 80,000 ตัน ของบริษัท “โอเรียนท์ โอเวอร์ซี” กำลังเข้าจอดเทียบท่า ที่ท่าเรือเมืองเกาสง แต่เรือไปเกี่ยวเอาเครนสูงล้มลงฟาดกับตู้คอนเทนเนอร์ที่ตั้งอยู่ตรงท่าเรือล้มระเนระนาด มีคนงานติดอยู่กับซากเครนและตู้สินค้า

รายงานข่าวระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 3 มิ.ย. 64 โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยวิศวกรท่าเรือ 2 คนออกมาอย่างปลอดภัย ขณะที่มีคนงานอีก 1 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และต้องถูกตัดแขน

เจ้าหน้าที่ของบริษัทการท่าเรือ “ไต้หวัน อินเตอร์เนชั่นแนล พอร์ท” เปิดเผยว่า เรือลำนี้ได้แล่นเข้าชิดท่าเรือเพื่อที่จะจอดเรือ แต่เรือได้ชนเข้ากับเครนสูง จนถึงตอนนี้ยังมีการปิดพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเสียหายและสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

บิตคอยน์ ร่วง เพราะ อีลอน มัสก์” อีกแล้ว !

มูลค่าบิตคอยน์ร่วงลงประมาณ 4% หลัง “อีลอน มัสก์” โพสต์ข้อความและรูปบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ว่า “ไม่รัก” บิตคอยน์แล้ว

วันที่ 4 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มูลค่าบิตคอยน์ร่วงลงประมาณ 4% หลัง “อีลอน มัสก์” ซีอีโอบริษัทเทสลา อิงค์ และสเปซเอ็กซ์ โพสต์ข้อความและรูปบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ ซึ่งระบุว่า “ไม่รัก” สกุลเงินดิจิทัล หรือ “คริปโทเคอร์เรนซี” อย่างบิตคอยน์แล้ว

ขณะเดียวกัน มัสก์โดนตำหนิบ่อย เรื่องการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ ซึ่งได้ทำให้มูลค่าของคริปโทเคอร์เรซีเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และรวดเร็ว โดย “เจา ชังเผิง” ซีอีโอแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี “ไบแนนซ์” (Binance) เคยระบุว่า ข้อความบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ที่เข้าไปทำลายระบบการเงินของแต่ละคน ไม่ตลก และแสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบต่อสังคม

ทั้งนี้ มัสก์ถือเป็นหนึ่งในบุคคลหลัก ที่ได้ปลุกกระแสสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซีอย่างบิตคอยน์ โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มัสก์ระบุว่าบริษัท “เทสลา อิงก์” ลงทุนซื้อบิตคอยน์ มูลค่ามากถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเปิดรับการซื้อรถยนต์ของบริษัท ด้วยบิตคอยน์ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้

แต่หลังจากนั้น รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ผ่านมาของเทสลา ระบุว่า บริษัทได้ขายบิตคอยน์ที่ลงทุนไปแล้ว 10% และได้กำไรจากส่วนนี้มากถึง 101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ประกาศระงับการซื้อรถยนต์ของบริษัทเทสลา ด้วยบิตคอยน์ชั่วคราว เนื่องจากมองว่าเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม