ทรัมป์ออกคำสั่ง – บีบีซี รายงานวันที่ 7 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อคว่ำบาตร ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
โดยกล่าวหาว่าศาลไอซีซี “กระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูลความจริงซึ่งพุ่งเป้าไปที่อเมริกาและอิสราเอล พันธมิตรใกล้ชิดของเรา” มาตรการดังกล่าวกำหนดข้อจำกัดทางการเงินและการตรวจลงตรา (วีซ่า) สำหรับบุคคลและครอบครัวที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนของศาลอาญาระหว่างประเทศต่อพลเมืองหรือพันธมิตรของสหรัฐ
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล อยู่ระหว่างภารกิจเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งหลังจากทั้งคู่หารือกันนายทรัมป์ประกาศแผนว่าจะยึดฉนวนกาซ่า ย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2.1 ล้านคนไปยังดินแดนอื่น และสร้างพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแดนสวรรค์แห่งตะวันออกกลาง
เอกสารข้อเท็จจริงของทำเนียบขาวที่เผยแพร่เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ. กล่าวหาว่าศาลอาญาระหว่างประเทศสร้างความเท่าเทียมกันทางศีลธรรมอันน่าละอายระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสด้วยการออกหมายจับในเวลาเดียวกัน
โดยเมื่อเดือนพ.ย.2567 ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับนายเนทันยาฮูในข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซ่าซึ่งทางการอิสราเอลปฏิเสธข้อครหา และช่วงเดียวกันศาลอาญาระหว่างประเทศยังออกหมายจับผู้บัญชาการกลุ่มฮามาสด้วย
คำสั่งฝ่ายบริหารของนายทรัมป์ระบุว่าการกระทำล่าสุดของศาลไอซีซี “สร้างบรรทัดฐานที่เป็นอันตราย” ต่อชาวอเมริกันเพราะทำให้ตกอยู่ภายใต้การคุกคาม การล่วงละเมิด และอาจถูกจับ “การกระทำอันชั่วร้ายนี้คุกคามอำนาจอธิปไตยของสหรัฐ บ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐ และอิสราเอล พันธมิตรของเรา”
พร้อมย้ำหนักแน่นว่าสหรัฐและอิสราเอลเป็นชาติที่มีประชาธิปไตยที่เจริญรุ่งเรือง มีกองทหารที่ยึดมั่นตามกฎหมายสงครามอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ สหรัฐไม่ใช่สมาชิกของศาลไอซีซีและปฏิเสธอำนาจศาลต่อเจ้าหน้าที่หรือพลเมืองสหรัฐ
ศาลอาญาระหว่างประเทศก่อตั้งขึ้นในปี 2545 เพื่อสอบสวนการก่ออาชญากรรมโหดร้ายต่อมนุษยชาติหรือประเทศใดๆ และมากกว่า 120 ประเทศได้ให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ อีก 34 ประเทศลงนามและอาจให้สัตยาบันในอนาคต แต่ทั้งสหรัฐและอิสราเอลไม่ได้เป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรม...
สหราชอาณาจักรขับทูตรัสเซียคนหนึ่งออกจากประเทศแล้ว ตอบโต้ที่มอสโกไล่ทูต UK เมื่อปลายปีก่อน ข้อหาแจ้งข้อมูลเท็จและสอดแนมข้อมูล
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเดวิด แลมมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักร (UK) เปิดเผยในวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ. 2568 ว่า พวกเขาดำเนินการขับไล่นักการทูตรัสเซียคนหนึ่งออกจากประเทศแล้ว หลังจากทางการรัสเซียทำแบบเดียวกันกับทูตของพวกเขาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน
ในตอนนั้น รัฐบาลรัสเซียกล่าวหาทูตคนดังกล่าวของสหราชอาณาจักรว่า แจ้งข้อมูลเท็จและสอดแนมข้อมูล และใช้ข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นเหตุผลในการถอนการรับรองสถานะความเป็นทูต และบอกให้นักการทูตรายนี้เดินทางออกจากรัสเซียภายใน 2 สัปดาห์ ขณะที่ทางการ UK ปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซีย และขู่ว่าจะมีการตอบโต้
ล่าสุดวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) นายอันเดรย์ เคลิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2562 ถูกเชิญตัวไปยังกระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักรและได้รับแจ้งว่า หนึ่งในนักการทูตของเขาจะถูกเพิกถอนการรับรองสถานะความเป็นทูต
รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่า UK จะไม่อดทนต่อการข่มขู่เจ้าหน้าที่ของเราด้วยวิธีนี้ และหากรัสเซียมีมาตรการใดๆ เพิ่มอีกพวกเขาจะถือว่าเป็นการทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น และจะมีการตอบสนองที่สอดคล้องกัน
อนึ่ง รัสเซียเคยเตือนเอาไว้ว่า พวกเขาจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีก หากสหราชอาณาจักรมีการตอบโต้การขับไล่ทูตของพวกเขา
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรกับรัสเซียย่ำแย่ลงอย่างมาก หลังมอสโกเปิดฉากโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 นับแต่นั้น การขับไล่ทูตระหว่างทั้ง 2 ประเทศก็เกิดบ่อยมากขึ้น
ชิงรางวัล $5,000 ในวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 12.00 น สถานที่จัดงาน Ballroom @Almansor Court 700 S Almansor St Alhambra CA 91801 หมดเขตรับสมัคร 5 เมษายน 2568……..* กรอกใบสมัครได้ที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEzFWP3IxEkI3zEcyh7CCPN0QFiAYSevbIKS3Od5iHACiUQ/viewform?usp=sf_link……..* สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : จอย-กิริยา หิรัญพลกุล 323-363-8898 ศรีวงศ์ อาญาสิทธิ 323-482-5494 จีน่า ปรีชา 818-448-0314 (ปีนี้จัดประกวดนางงามก่อนงานไทยนิวเยียร์ สงกรานต์ บน Hollywood หนึ่งสัปดาห์) (รายละเอียดการประกวด “ข่าวสังคม” หน้า 35)
“แพทองธาร” พบ “สี จิ้นผิง” กระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศที่ครบรอบ 50 ปีที่ถือเป็นปีทอง ด้านจีนประกาศหนุนไทยมีบทบาททั้งระดับภูมิภาคและเวทีโลก
เมื่อวันที่ 6 ก.พ.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในระหว่างที่เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันพฤหัสบดีนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน โดยนางสาวแพทองธาร กล่าวสวัสดีปีใหม่จีน และว่ามีความยินดี ตลอดจนเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนจีนในปี 2025 (พ.ศ. 2568) นี้ ที่เป็นปีพิเศษในฐานะที่ครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่มีการสถาปนาทางการทูตของทั้งสองประเทศจวบจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งที่ผ่านมาได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยจีนถือเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย และเป็นประเทศคู่ค้าอันดังหนึ่งของไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 และยังเป็นนักลงทุนอันดับต้นๆ ของไทยที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และความร่วมมือเพื่อสานต่อความสัมพันธ์อันพิเศษนี้ไปยังคนรุ่นหลังต่อไปในอนาคต
ทางด้าน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวว่า จีนมองไทยเป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และจีนสนับสนุนประเทศไทยทั้งในด้านการพัฒนา และการสนับสนุนรัฐบาลใหม่ของไทยในการบริหารประเทศ ตลอดจนได้แสดงบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นทั้งในระดับเวทีระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค
พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีจีน ยังระบุด้วยว่า ปีนี้ยังถือเป็นปีทองของมิตรภาพระหว่างประเทศ ที่ครบรอบ 50 ปี ของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างไทย-จีน โดยหัวข้อสำคัญของมิตรภาพระหว่างไทย-จีน ในครั้งนี้ก็คือความร่วมมือพัฒนาเพื่อให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในอนาคตระหว่างทั้งสองประเทศและภูมิภาค
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012