ข่าว
"ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" เยี่ยมชมสน.พญาไท

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการการตำรวจ (ชุดที่1) พร้อมคณะกรรมการฯ ได้เดินทางมาที่สน.พญาไท เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เพื่อตรวจสภาพความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวรอบพื้นที่สถานีฯ ก่อนเข้ารับฟังปัญหาและเก็บข้อมูลเพื่อนำไปหาแนวทางแก้ไข โดยมี พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ให้การต้อนรับ พร้อมพาเข้าตรวจเยี่ยมแฟลต สน.พญาไท โรงเก็บรถ แล้วขึ้นไปที่บริเวณห้องร้อยเวร

นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาที่สน.พญาไท เพื่อมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขาดแคลนสิ่งใดบ้าง และเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพบว่า พนักงานสอบสวนรับคดี เดือนละ 30-40 คดี มันมากเกินไป อุปกรณ์อะไรก็ไม่ครบ ทำให้ต้องหาเศษหาเลย ในวันนี้มาเยี่ยมตำรวจเป็นการเยี่ยมที่ดี และต่อไปจะไปที่สน.ทองหล่อ รับรองว่ามีปัญหาแน่

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังปฏิเสธไม่เป็นความจริงกรณีที่มีตำรวจพูดว่า เคลียร์กับชูวิทย์แล้ว โดยระบุ ตนไม่มีการเคลียร์ ตรงไปตรงมา อย่างที่สน.พญาไท มีหลายอย่างครบ มีร้านตัดผม มีที่ออกกำลังกาย แต่บางอย่างก็หายไป ซึ่งตนจะพยายามจะเติมให้เต็ม ส่วนที่สน.ทองหล่อที่จะไปนั้น มันมีปัญหามาก มีคนร้องเรียน มาหาตนเอง และมาพบตนเอง ซึ่งเป็นถึงรองศาสตร์จารย์ ให้ข้อมูลว่า มีสถานบริการ เปิดถึง ตี4 ตี5 ทำให้ไม่ได้หลับได้นอน รถวิ่งกันทั้งคืน อย่างนี้ต้องแก้ไขให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ ได้ทำเหมือนทดลองใช้บริการร้านตัดผม ด้วยการหยิบหวีสำหรับไดร์ผมมาทำท่าถ่ายรูป นอกจากนี้ ยังทำท่าโชว์ต่อยกระสอบทราย ให้สื่อมวลชนเก็บภาพอีกด้วย


สังคมมะกันเสื่อมหนัก จับแม่"สมสู่"กับลูกชาย

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ตำรวจสหรัฐได้ทำการจับกุมนางมิสตี้ แอ๊ตกินสัน ในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับลูกชายตัวเอง วัย 16 ปี โดยตำรวจยังได้กู้ไฟล์คลิปวีดีโอขณะเธอมีเพศสัมพันธ์กับลูกชายไว้ด้วย ซึ่งเป็นภาพเธอกำลังทำออรัลเซ็กส์ให้ลูกชายตัวเอง ในโทรศัพท์มือถือของฝ่ายลูกชาย

รายงานระบุว่า นางมิสตี้ ถูกจับกุมในข้อหาสมสู่กับเครือญาติ ทำออรัลเซ็กส์ให้ผู้เยาว์ ติดต่อกับผู้เยาว์เพื่อจุดประสงค์ด้านเพศ และสร้างอันตรายแก่ผู้เยาว์ โดยคลิปวีดีโอฉาวแสดงภาพเธอกำลังทำออรัลเซ็กส์และมีเพศสัมพันธ์กับลูกชาย นอกจากนี้ เธอยังได้ส่งภาพนู๊ดตัวเองให้แก่ลูกชายผ่านโทรศัพท์มือถือของฝ่ายหลังด้วย อย่างไรก็ตาม ตำรวจยอมให้แม่ฉาวรายนี้ประกันตัวด้วยวงเงิน 2 แสนดอลลาร์

คดีนี้นับว่าซ้ำรอยคดีเมื่อ 3 ปีก่อน กรณีนางไอเม่ หลุยส์ สว๊อด แห่งรัฐมิชิแกน ใช้อินเตอร์เนทตามหาลูกชายที่เธอเคยทิ้งสิทธิเลี้ยงดู และทั้งสองได้มีเพศสัมพันธ์ร่วมกัน เป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่ผู้ดูแลเด็กจะพบเรื่องอื้อฉาว และนางไอเม่ถูกตัดสินโทษจำคุกขั้นต่ำเป็นเวลา 9 ปี แต่ระหว่างให้การ นางไอเม่ขออภัยต่อศาลและลูกชาย บอกว่า เธอไม่เข้าใจตัวเองว่ากระทำเรื่องเลวร้ายนี้ได้อย่างไร และเธอต้องการได้รับการปรึกษาทางจิต


การบินไทยเที่ยวบินใหม่ แอล.เอ.-เกาหลี-กรุงเทพฯ

เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 การบินไทยเชิญแขกผู้มีเกียรติร่วมงานฉลองครบรอบ 52 ปี การบินไทยที่ไทยแลนด์ พลาซ่า พร้อมกับแถลงข่าวสายการบินโดยเส้นทางที่เคยบินมาก่อนเมื่อ 1991-1999 เป็นเวลารวม 8 ปี ก่อนที่จะทำการบินตรงจาก LA - กรุงเทพฯ และจะเริ่มมีการเปลี่ยนไปบินในเส้นทางเดียวกันกับเมื่อ 8 ปีที่แล้ว

ในงานนี้ นายสุดเศวต เศวตะโศภน ผู้จัดการการบินไทย ภูมิภาคอเมริกา ร่วมกับพนักงานได้มีการแถลงข่าวการเปิดสายการบิน ที่เริ่มจากสนามบิน LAX แวะพักที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบินตรงเข้ากรุงเทพฯ ดังที่เคยบินเส้นทางนี้มาเมื่อ 8 ปีก่อน โดยนายสุดเศวต เปิดงานด้วยการกล่าวต้อนรับบรรดาผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ซึ่งมีทั้งวงการสื่อมวลชน ผู้ที่คุ้นเคยและผู้มีเกียรติในวงการธุรกิจเป็นจำนวนมาก

หลังจากการกล่าวต้อนรับและขอบคุณแขกที่รับเชิญแล้ว นายสุดเศวตได้ให้รายการและแจ้งรายละเอียดของเส้นทางการบินใหม่ ซึ่งจะเริ่มบินตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2555 นี้เป็นต้นไป โดยมีกำหนดการบินดังนี้คือ จะมีเที่ยวบินไป-กลับ สัปดาห์ละ 4 วัน คือ วันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์และอาทิตย์ โดยเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER บรรจุผู้โดยสารได้ 292 ที่นั่ง เป็นชั้นประหยัด 262 ที่นั่ง และรอยัลซิลด์ 30 ที่นั่ง

สำหรับเครื่องที่จะออกจาก LAX เป็นเที่ยวบิน TG693 ออกเวลา 13.45 น. ถึงกรุงโซลเวลา 18.25 น. (ตามเวลาท้องถิ่นของวันใหม่) ออกจากกรุงโซลเวลา 19.40 น. ตรงเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ 23.30 น.

เที่ยวกลับเป็นเครื่องบิน TG692 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ เวลา 7.30 น. บินตรงแวะพักที่กรุงโซล 14.55 น. และออกจากกรุงโซล เวลา 16.10 น. บินตรงถึง LAX (สนามบิน LA) เวลา 11.00 น. ในวันเดียวกัน

นายสุดเศวตเองเคยเป็นผู้จัดการสายการบินไทยที่กรุงโซลมาก่อนถึง 5 ปี แจ้งให้ผู้รับเชิญได้ทราบว่า การบินไทยมีการเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารสายการบินนี้เลือกแวะตามเส้นทางบางจุดได้ โดยเสียค่าบริการเพิ่มในจุด Stop บางจุดมีที่ไทเป ฮ่องกง และภูเก็ต ในระหว่างการเดินทางด้วยตั๋วเครื่องบินที่ซื้อจาก LA-กรุงเทพฯ ซึ่งจะต้องจ่ายค่าแวะ (Stop) เป็นค่าบริการ Stop ละ 100 ดอลลาร์ เช่น ซื้อตั๋วบินไปกรุงเทพฯ ถ้าต้องการแวะ (Stop) ที่ฮ่องกงก่อนก็เพิ่มเงิน 100 ดอลลาร์ เมื่อเสร็จธุรกิจก็ต่อเครื่องเที่ยวที่จะเข้ากรุงเทพฯ ได้เลย ทั้งนี้ถ้าต้องการทราบรายละเอียดและจองตั๋วกับสายการบินไทยก็สามารถติดต่อกับเอเย่นต์ได้ทุกบริษัท หรือเข้าไปดูได้ที่ www.thaiairwaysusa.com

หลังจากการแถลงรายละเอียดต่างๆ ผู้จัดการการบินไทยได้เชิญผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญขึ้นแสดงความเห็น โดยมีนายกันตธีร์ ศุภมงคล อดีต ร.ม.ว. ต่างประเทศ ท่านกงสุลใหญ่เจษฎา กตเวทิน นางมิเชล ปาร์ค สตีล รองประธานกรรมการภาษีรัฐแคลิฟอร์เนีย นางอรสา อาวุธคม ผู้ช่วย ผอ.ท.ท.ท. แอล.เอ. เป็นต้น

“หมวดเจี๊ยบ” เรียกร้อง ให้“บุญยอด” รับผิดชอบทำท่า “ไฮล์ฮิตเลอร์” ในสภา

วันที่ 5 พ.ค. ร.ท หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมสภาที่ผ่านมา จากการที่นาย บุญยอด สุขถิ่นไทย แสดงสัญญลักษณ์ของนาซี คือ การแสดงท่าเคารพของทหารนาซีต่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และได้เปล่งวาจา ไฮล์ ฮิตเลอร์ ต่อหน้าบัลลังก์ของประธานรัฐสภา ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการทำร้ายจิตใจและกระทบความรู้สึกของมิตรประเทศชาวต่างชาติ ที่มีประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะชาวยุโรป ชาวอเมริกัน และ มีชาวยิวไม่ต่ำกว่า 6 ล้านคน เสียชีวิตจากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือ The Holocaust ดังนั้น พฤติกรรมของ นายบุญยอด จึงอาจเป็นการตอกย้ำและรื้อฟื้นความทรงจำที่เจ็บปวดของญาติพี่น้องของเหยื่ิอผู้เคราะห์ร้ายจากระบอบนาซีฮิตเลอร์อย่างไม่น่าให้อภัย

“นายบุญยอดคงไม่ทราบว่าการทำท่าแสดงความเคารพฮิตเล่อร์ ซึ่งฝรั่งเรียกว่า"ซาลุท ฮิตเลอร์ และการเปล่งถ้อยคำ ไฮล์ ฮิตเลอร์ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศต้นกำเนิดของระบอบนาซี คือ ประเทศเยอรมนี โดยเมื่อสองปีก่อน หนังสือพิมพ์ เดอะโลคอล (the local) ระบุว่าศาลสูงสุดของเยอรมนี ได้พิพากษาจำคุกชายชาวเยอรมันผู้หนึ่งเป็นเวลา 2 เดือน เนื่องจากแสดงท่าเคารพฮิตเล่อร์ ทักทายคนที่เดินผ่านไปมาตามท้องถนน” ร.ท.หญิงสุณินากล่าว และว่าโดยศาลเห็นว่า แม้ชายผู้นั้นจะไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่การทำท่าซาลุท ฮิตเลอร์ เป็นสัญลักษณ์ของความเลวร้าย ที่ต้องขจัดให้หมดไปจากประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้มีองค์การทางสังคมและการเมือง 2 แห่ง พยายามเรียกร้องให้การแสดงท่าเคารพฮิตเลอร์และสัญญลักษณ์อื่นของนาซี เป็นสิ่งผิดกฏหมายในสวิสเซอร์แลนด์

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า ที่น่าสนใจ คือ องค์ประกอบของสัญญลักษณ์นาซีที่ ผิดกฎหมาย มี 3 อย่าง 1. การแสดงท่าทางทำความเคารพฮิตเล่อร์ แบบที่ นายบุญยอด ทำในสภา 2. การใช้เครื่องหมาย สวัสติกะ เป็นสัญญลักษณ์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และ 3.การเปล่งวาจา ไฮล์ ฮิตเล่อร์ แบบที่ นายบุญยอด กระทำต่อประธานรัฐสภา ซึ่งเคยเกิดปัญหาในไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง เมื่อปี 2550 และ 2554 นอกจากนี้ นายบุญยอด คงไม่ทราบอีกด้วยว่า หลังจากที่เจ้าชาย แฮรี่ แห่งอังกฤษ ทรงสวมเสื้อผ้าที่ติดเครื่องหมายนาซี ไปร่วมงานเลี้ยงส่วนพระองค์กับพระสหายในมหาวิทยาลัย หลังจากนั้น เจ้าชายแฮรี่ ยังต้องทรงออกแถลงการณ์ขอโทษประชาชนชาวอังกฤษทั่วประเทศผ่านทางสถานีโทรทัศน์บีบีซี เพราะเป็นสิ่งที่กระทบจิตใจญาติผู้เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สอง

“พฤติกรรมของนายบุญยอดสะท้อนให้เห็นว่าการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โลกของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จนกระทั่งแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภาไทยในสายตาชาวโลก และเหตุการณ์อันน่าอัปยศดังกล่าว ก็เกิดขึ้นในระหว่างที่รัฐสภาไทยกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐสภาโลก หรือ AIPA Caucus ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่งผลกระทบต่อความพยายามของรัฐสภาไทยที่ต้องการยกระดับการเมืองไทยให้ได้มาตรฐานทัดเทียมกับอารยประเทศซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถยอมรับได้และขอเรียกร้องให้นาย บุญยอด สุขถิ่นไทย แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก”ร.ท.หญิงสุณินา กล่าว

ตัดสิทธิ์5ปี'สมศักดิ์'ยื่นบัญชีเท็จ

ศาลฎีกานักการเมืองฯ สั่ง "สมศักดิ์" เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ชี้เหตุจงใจปกปิดทรัพย์สินและหนี้สินฯ นับแต่ 2 ธ.ค.2551 พร้อมจำคุก 6 ปี ปรับ 1 หมื่น ด้าน“ปปช.” หอบสำนวนฟ้อง “ศุภชัย โพธิ์สุ” ผิด 157 นัดฟังคำสั่ง 1 มิ.ย.นี้

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวงศาลฎีกา เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พ.ค. นายมานัส เหลืองประเสริฐ ประธานแผนกคดีพาณิชย์ในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดี หมายเลขดำที่ อม.4/2554 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบังลังก์อ่านคำพิพากษาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องกล่าวหา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ ผู้คัดค้าน จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ กรณีที่ผู้คัดค้านที่ดำรงตำแหนง ส.ส.,รมช.ศึกษาธิการ, รมว.ศึกษาธิการ,รมว.เกษตรและสหกรณ์ รวม 8 ครั้ง ซึ่งมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.2540 ก่อนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 11 ต.ค.2540 จนถึงปัจจุบันรวม 21 บัญชี

โดยผู้ร้องตรวจสอบพบว่ามีเงินของผู้คัดค้านจำนวน 28 ล้านบาทกระจายตามบัญชีต่างๆดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านไม่ได้ยื่นต่อ ปปช. ผู้ร้อง รวมทั้งยังมี ที่มีชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์ แต่จากหลักฐานทางการไต่สวนพบว่าบ้านและที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้าน การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ม.263 และขอให้ศาลฎีกาฯลงโทษตาม พรบ.ว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ม.119 และมีคำสั่งห้ามผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาฯมีคำสั่ง

โดยนายสมศักดิ์เดินทางมาพร้อมทีมทนายความเพื่อฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ยังไม่ขาดอายุความผู้ร้องมีอำนาจฟ้อง ขณะที่ข้อเท็จจริงปรากฏตามทางไต่สวนและการตรวจเส้นทางทางการเงินพบว่า บัญชีเงินฝากธนาคารที่ผู้คัดค้านระบุว่า เป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจประกอบขายข้าวของโรงสีข้าวหจก.วิเศษชัยชาญเจริญกิจ ของครอบครัวนางระวิวรรณ ภรรยาผู้คัดค้าน โดยภรรยาไม่มีอำนาจเบิกถอนเงิน เพียงแต่พี่ชาย 2 คน ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงสีมอบหมายให้ภรรยาเป็นผู้เปิดบัญชีเท่านั้น แต่จากเส้นทางการเมืองพบว่านางระวิวรรณ ภรรยาผู้คัดค้าน ได้เบิกเงินไปซื้อหุ้นของธนาคารกสิกรไทยกว่า 14 ล้านบาท

ส่วนที่อ้างว่าเงินบางบัญชีได้จากการชำระหนี้นอกระบบก็ใม่ปรากฏหลักฐานและไม่มีพยานบุคคลมาเบิกความยืนยัน จึงไม่อาจรับฟังได้ ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่าเมื่อปี 2539 ได้รับเงิน 20 ล้านบาท มาจากการสนับสนุนของพรรคชาติไทย เพื่อนำไปใช้จ่ายในการเลือกตั้ง โดยได้นำเข้าบัญชีเงินฝากของโรงสีเพื่อช่วยในการประกอบธุรกิจนั้น กลับปรากฏว่าการเปิดบัญชีเป็นประเภทฝากประจำ 3 เดือน ซึ่งผิดวิสัยของการเปิดบัญชีในการทำธุรกิจที่ใช้ประเภทสะสมทรัพย์หรือเผื่อเรียก เพื่อเบิกถอนนำไปใช้ได้ทันที แต่ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาฝาก 3 เดือนก็ได้มีการถอนเงินรวมทั้งดอกเบี้ยไปใช้ และก่อนที่จะมีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพียง 9 วัน ได้มีการถอนชื่อนางระวิวรรณที่มีชื่อรวมในบัญชีเดียวกับพี่ชาย

ส่วนบ้านพักเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พร้อมที่ดินมูลค่า 15 ล้าน ที่พี่ชายของนางระวิวรรณ เบิกความอ้างว่าใช้เงินของโรงสีใช้ซื้อและสร้างบ้าน เมื่อตรวจสอบการเบิกถอนเงินในบัญชีไม่พบว่าเงินที่ใช้จ่ายในการสร้างบ้านไม่ใช่เงินจากการขายข้าวของโรงสี แต่เป็นเงินของผู้คัดค้านและนางระวิวรรณนำไปใส่ในบัญชีที่หมุนเวียนในโรงสีตามที่ได้วินิจฉัยมา อีกทั้งในการยื่นคำร้องปลูกสร้างบ้านครั้งแรก ผู้คัดค้านใช้ให้พี่ชายของภรรยาไปยื่นขอจากเทศบาลเพื่อก่อสร้างโดยใช้ชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ขอ ต่อมาเมื่อสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นพี่ชายของภรรยาเป็นผู้ขอ และเมื่อมีการก่อสร้างเสร็จปรากฎว่าผู้คัดค้านและภรรยาได้ใช้ประโยชน์ของตันเอง ขณะที่พี่น้องคนอื่นของภรรยาได้แยกย้ายไปอยู่ที่อื่น

องค์คณะจึงมีมติเอกฉันท์ เห็นว่า ผู้คัดค้านจงใจปกปิดข้อเท็จจริงต่อการยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) พิพากษาห้ามนายสมศักดิ์ ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2551 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคชาติไทย มีผลให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคและส.ส.พ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาทตามพรบ.ว่าด้วยปปช. พ.ศ. 2542 มาตรา 119 แต่ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี นับตั้งแต่วันฟังคำพิพากษา

ภายหลัง นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า น้อมรับคำพิพากษาเป็นนักการเมืองก็ต้องยอมรับกติกา ส่วนที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี จะพ้นกำหนดในวันที่ 2 ธ.ค.2556 นั้นตนจะกลับมาทำงานทางการเมืองต่อ โดยจากนี้จะกลับไปทำการชี้แจงกับประชาชน เนื่องจากในชั้นปปช.ได้ชี้แจงน้อยไป เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการทุจริตคอรัปชั่น แต่เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนในการยื่นรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินฯ ซึ่งนายบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยก็เข้าใจเรื่องนี้

นายสมศักดิ์ ยังยืนยันว่า เงิน 20 ล้านที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทย เพื่อใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ในอดีตมีการใช้เงิน 30-40 ล้านบาท เพื่อทุ่มซื้อตัวผู้สมัครให้ได้เก้าอี้ส.ส. 1 ที่นั่ง โดยเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญปี 40 ที่กฎหมายกกต.จะบังคับใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายในวันเดียวกันนี้ ปปช. ได้นำสำนวนสอบสวนและความเห็นชี้มูลความผิดนายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์

กระทำผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานกระทำการฝ่าฝืน พรบ.การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัคร และมาตรา 137 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้ตัวเอง หรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการการจัดทำ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด มายื่นฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีกระทำการโน้มน้าวให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมพิธีเปิด การฝึกอบรมของกรมพัฒนาที่ดิน ที่โรงแรมริมปาว จ.กาฬสินธุ์ ลงคะแนนเลือกผู้สมัครสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งศาลรับคำร้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อม.1 / 2555 และนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่วันที่ 1 มิ.ย.55 โดยหลังจากนี้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะคัดเลือกผู้พิพากษาตั้งแต่ระดับผู้พิพากษาศาลฎีกาขึ้นไปจำนวน 9 คนมาเป็นองค์คณะต่อไป

ขณะเดียวกันนายสมาน ภุมมะกาญจนะ อดีตรมช.อุตสาหกรรม ส.ส.ปราจีนบุรี หลายสมัย ได้เสียชีวิตลงแล้ววัย 76 ปี ด้วยโรคหัวใจ

ปัด'หญิงอ้อ'สั่งตั้งวอร์รูม ช่วย'ปู'สู้ฝ่ายค้านซักฟอก

'เพื่อไทย'ปัด 'พจมาน' สั่งตั้งวอร์รูมช่วย 'ยิ่งลักษณ์'ในศึกซักฟอก วอน'ปชป.'ทบทวนตั้งเวทีการเมืองนอกสภาค้านแก้'รธน.'พร้อมแจงปรับ'ครม.'แค่ข่าวลือ รับของแพงจริงแต่ยังไม่ถึงขั้น รบ.ทำงานล้มเหลว

4 พ.ค.55 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งให้มีการตั้งวอร์รูมเพื่อเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่จะพุ่งเป้ามาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่พรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อมอยู่แล้วหากพรรคฝ่ายค้านใช้ช่องทางสภาฯ ในการยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าพรรคพร้อมที่จะชี้แจงความจริงกับประชาชน ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมากล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลัวมากที่สุดก็คือการอภิปรายนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง นักการเมืองทุกคนที่อาสามารับใช้ประชาชนนั้น พร้อมที่จะรับการตรวจสอบจากประชาชนโดยผ่านตัวแทนของประชาชนคือฝ่ายค้าน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยและน.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบ แต่ไม่อยากให้มีการขยายผลจนนำไปสู่เกมการเมือง อย่างไรก็ตาม คุณหญิงพจมานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นคนที่พรรคเพื่อไทยให้ความเคารพ


พท. วอนปชป.ทบทวนตั้งเวทีการเมืองนอกสภาค้านแก้รธน.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอด 11 วัน 11 คืนที่ผ่านมาว่า พรรคประชาธิปัตย์พยายามเตะถ่วงและยื้อเวลาในการแปรญัตติวาระที่ 2 โดยอภิปรายพาดพิงทำให้ฝ่ายรัฐบาลต้องประท้วง อย่างไรก็ตาม เสียงของสมาชิกรัฐสภาก็โหวตมาจนถึงมาตรา 291/10 แล้ว สำหรับกรณีที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าจะมีการจัดตั้งเวทีภูมิภาคเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนและชี้แจงถึงอันตรายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลนั้น ตนมองว่าเมื่อสู้ในสภาฯ ไม่ได้จึงออกมาขับเคลื่อนตั้งเวทีนอกสภาฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมองว่าสามารถทำได้แต่ไม่อยากให้เป็นไปในลักษณะของการปลุกระดมประชาชนเพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะการตั้งเวทีครั้งนี้อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมืองและเกิดการเผชิญหน้ารอบใหม่ได้

"การตั้งเวทีการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นแค่เกมการเมืองในการที่จะทำลายรัฐบาลและความน่าเชื่อถือของรัฐสภา ตนเห็นว่าน่าจะมีการทบทวนหรือไม่ควรที่จะให้เกิดขึ้น เพราะจะกลายเป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคารพเสียงข้างมาก ไม่เคารพเสียงประชาชน ทำให้คนภาคใต้รู้สึกขัดแย้งต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนอยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายบัญญัติพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ เพราะหากเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกพรรคประชาธิปัตย์จะต้องรับผิดชอบ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว


แจงปรับ'ครม.'แค่ข่าวลือ รับของแพงจริงแต่ยังไม่ถึงขั้น รบ.ทำงานล้มเหลว

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการปรับครม.ยิ่งลักษณ์3ว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เป็นแค่ข่าวปล่อย ทั้งนี้ ภายในพรรคยังไม่มีการพูดคุยเรื่องปรับครม. ส่วนกรณีที่มีการโยงสมาชิกบ้านเลขที่ 111 มาเข้าร่วมในครม.ด้วยนั้น เป็นแค่การแสดงความคิดเห็นจากส่วนต่างๆ ที่มีการคาดการณ์กันไปเท่านั้น ทั้งนี้ การปรับครม.เป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณา ซึ่งหากมีขึ้นก็จะเป็นไปเพื่อตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนในการแก้ปัญหาและขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น ไม่ใช่การปรับเพื่อทดแทนหรือตอบแทนบุญคุณของใครคนใดคนหนึ่งหรือปรับเพื่อสมาชิกพรรครวมทั้งประโยชน์ของพรรค อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าการปรับครม.ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ควรรอการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน สินค้าราคาแพง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลให้เสร็จสิ้นก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนไม่ได้จึงอาจจะต้องมีการปรับครม.โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและครม.กำลังดำเนินการแก้ไขอยู่แล้วในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสินค้าอาจจะราคาแพงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นความล้มเหลวของรัฐบาล และภายในพรรคก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องปรับครม.แล้วคนนอกพรรคจะรู้ได้อย่างไร ยิ่งคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมือง มีความชัดเจนไม่ว่าจะทำอะไร การปรับครม.ขณะนี้ยังเป็นแค่การปล่อยข่าวเพื่อหวังประโยชน์ในการปรับครม.หรือไม่ก็ต้องการให้รัฐบาลเกิดความปั่นป่วน แต่หากปรับครม.ก็เป็นไปเพื่อความเหมาะสมและตอบโจทย์ประชาชนให้ได้ ไม่ใช่สมบัติผลัดกันชม แต่เป็นการปรับคนให้ถูกกับงานตามหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็อาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่

ส่วนพรรคให้เวลารัฐมนตรีทำงานเท่าไหร่ในการผลักดันนโยบายของรัฐบาลที่เหมือนว่ายังไม่ค่อยคืบหน้านั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ตามหน้าสื่อมีแต่ข่าวแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาอยู่ที่การประชาสัมพันธ์ของรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ออกมาค่อนข้างน้อยหรืออ่อนประชาสัมพันธ์ แต่นโยบายได้มีการผลักดันไปค่อนข้างมากแล้ว