สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยฉาย
เรื่องของมัน

เรื่องของมัน ที่อาจจะทำร้านเราถึงกับอายุสั้นได้ ถ้าปล่อยปะละเลย ไม่ให้ความสนใจมัน มันมีหลายเรื่อง ทำร้ายเราเงียบๆ อยู่ภายในร่างกาย ทั้งๆ ที่เราก็ทำตัวตามหลักแห่งสุขภาพดี 4 ประการแล้วนะ ตั้งแต่ ทานอาหารครบหมู่ ออกกำลังกาย นอนหลับ และมีกำลังจิต

เรื่องของมัน จะเริ่มต้นที่น้ำมันที่เราใช้ปรุงอาหารก่อน เพราะเราเติบโตมากับมัน เริ่มแต่สมัยที่เราใช้น้ำมันหมู (จัดอยู่ในกลุ่ม Saturated Fat หรือไขมันอิ่มตัว) ตั้งแต่เด็กพอโตขึ้น เขาว่าน้ำมันสัตว์ทำให้ไขมันเกาะตามผนังเส้นเลือด ทำให้เลือดเดินไม่สะดวก สมองขาดเลือดก็ส่งผลไปถึงสมองไม่ทำงาน หรือสโตรค หัวใจขาดเลือด ก็เกิดหัวใจวาย ประสาทขาดเลือดก็ปวดหัว ไม่เกรน ชักกระตุก กล้ามเนื้อขาดเลือดก็ไม่มีแรง อัมพาต นิ้วเกร็ง ถ้าส่วนใดขาดเลือดเพราะเรื่องของมันไปอุดตัน ล้วนแต่สร้างปัญหา เริ่มตั้งแต่ ผนังลำใส้เล็กมีมันเคลือบ ทำให้การดูดซึมโปรตีนเข้าสู่ระบบการย่อยไม่ได้ตามที่ควรเป็น ทางเดินสารอาหารไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายขาดโปรตีน โปรตีนถูกขับถ่ายออกไปทางปัสสาวะ ภาษาไทยใช้คำว่าระบบไข่ขาวรั่ว คงไม่ใช่กินไข่ทั้งใบ ได้แต่ไข่แดงในระบบ ไข่ขาวถูกขับออกไปกับปัสสาวะ แต่เป็นเพียงโปรตีนไม่ได้ถูกดูดซึมผ่านผนังลำไส้เล็กเข้าสู่ระบบเลือด มีลักษณะขุ่นขาวคล้ายนม เรียกว่า Chyle เมื่อไม่ได้ถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์ ปัสสาวะเลยมีความขุ่นคล้ายไข่ขาว สมัยนี้ เราปัสสาวะในน้ำโถส้วม คงไม่รู้ตัวเห็นไข่ขาวปนออกทางปัสสาวะเป็นแน่ กว่าจะรู้ตัว ก็ต่อเมื่อสายเสียแล้ว คือ ขาดโปรตีน เขาถึงเรียกว่า ผู้สูงอายุมักขาดโปรตีน เดินเหินไม่คล่องแคล่ว ต้องจูงมือกับแฟนก็น่ารักดี หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเดินจูงไป

วิธีแก้การสูญเสียสารอาหารที่เป็นโปรตีนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทุกส่วน ก็มองที่มันซึ่งเคลือบผนังลำไส้เล็ก แต่ก่อนเราคิดว่ามาจาก Lard คือ ไขมันสัตว์ ก็เลยหันไปดูน้ำมันจากพืช ซึ่งโฆษณาว่า ไม่มีโคเลเตอรอล 100 เปอร์เซ็นต์บริสุทธิ์ ไขมันอิ่มตัวน้อย แต่ไม่ว่าน้ำมันพืชอะไรก็ประกอบด้วย ไขมันสามอย่าง คือ (1) ไขมันอิ่มตัว (Saturated) (2) ไขมันไม่อิ่มตัว เชิงซ้อน (Polyunsaturated) (3) ไขมันไม่อิ่มตัว เชิงเดี่ยว (Monounsaturated) เช่นน้ำมันข้าวโพดมี (1) 13% มี (2) 24% มี (3) 59% น้ำมันมะกอก มี (1) 14% มี (2) 72% มี (3) 9% น้ำมันถั่วลิสง มี (1) 19% มี (2) 46% มี (3) 30% น้ำมันมะพร้าว มี (1) 86% มี (2) 6% มี (3) 2%

น้ำมันพืชทุกชนิดไม่มีโคเลสเตอรอล น้ำมันสัตว์มีโคเลสเตอรอล ตัวที่จะลดโคเลสเตอรอลตัวร้ายก็คือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (3) ถ้าเคยใช้นำมันมะกอกผัดผัก แล้วเข้าตู้เย็นจะเห็นว่ารวมตัวเป็นก้อน แต่น้ำมันข้าวโพดไม่จับตัวเป็นก้อน เราก็หันมาประกอบอาหารด้วยน้ำมันข้าวโพด แต่หารู้ไม่ว่า นั่นก็ยังไม่ใช่การตัดสินใจเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด เพราะมีการยอมรับผิดของนายแพทย์เมื่อปี ค.ศ. 2012 ว่า ขออภัยที่ให้คำแนะนำพลาดมาหกสิบปีแล้ว

เราคงเคยอ่านหนังสือพิมพ์สยามมีเดียขึ้นหน้าหนึ่งว่า นายแพทย์ดไวท์ ลันด์เดล์ นายแพทย์ผ่าตัดหัวใจมาแล้วกว่า 25 ปี ผ่าตัดหัวใจมากกว่า 5,000 ราย ได้วิจัยว่า สาเหตุของปัญหาหัวใจอุดตันไม่ได้มาจากโคเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัว (1) แท้ที่จริงเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ส่งผลไปสู่โรคหัวใจและโรคอื่นอีกสารพัด

นายแพทย์ลันด์เดล์รายงานว่า ผลของยากลุ่ม stain ที่ใช้ลดโคเลสเตอรอลไม่ใช่ทางแก้ และการหันเหไม่บริโภคไขมันอิ่มตัว (1) ไปใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีไฮโดรเจน (Hydrogenated oil) เพื่อป้องกันการเหม็นหืนของน้ำมันพืชต่างหากที่เป็นตัวการที่เพิ่มการอักเสบของหลอดเลือด หากไม่มีการอักเสบในร่างกายจะไม่มีทางที่โคเลสเตอรอลจับเป็นตะกรัน อุดหลอดเลือดได้ เมื่อไม่มีการอักเสบ โคเลสเตอรอลก็ไหลไปตามหลอดเลือดได้อย่างเสรี

การอับเสบเกิดจากอาหารกลุ่มไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated oil)

1.น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี (Hydrogenated oil) ทำให้เกิบการอับเสบที่ผนังหลอดเลือด น้ำมันแซฟฟลาว์เวอร์ มี Polyunsaturated 75% น้ำมันข้าวโพดมี 59% น้ำมันถั่วเหลืองมี 58% น้ำมันมะพร้าวมี 2% แต่สูงที่ไขมันอิ่มตัวถึง 86%

2.น้ำตาลที่กินเข้าไปทำให้เกิดอักเสบยิ่งขึ้น เสมือนแปรงที่ขัดหลอดเลือดให้เสียหายมากขึ้น เมื่อผนังหลอดเลือดเสียหายและปลดปล่อย Cytokins ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง ทานน้ำตาลมากทำให้ Cytokins เพิ่มขึ้นมาก ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ อัมพฤกษ์ อัลไซเมอร์ นอกจากระวังน้ำตาลแล้ว ให้หันมาบริโภคคาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อน จากธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ เลี่ยวข้าวขัดขาว น้ำตาลทราย แต่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่าข้าวกล้องอาจก่อให้แปลงเป็นกรดยูริค ผู้เขียนบริโภคข้าวกล้องเป็นยี่สิบปี เกิดปวดเข่า เมื่อเปลี่ยนจากข้าวกล้องก็หายปวดเข่า แต่เมื่อใดรับประทานไก่ ก็ปวดเข่าอีก ต้องติดตามเรื่องกรดยูริคต่อไปในบทความนี้ และในคอลัมน์เปิดเบิ่ง ของคุณวิรัช โรจนปัญญา ฉบับที่แล้ว ซึ่งดีมาก

3.พิจารณาการบริโภค โอเมก้า 6 กับโอเมก้า 3 อัตราซึ่งควรเป็น อยู่ในสัดส่วนไม่เกิน 3 ต่อ 1 น้ำมันพืชทำให้อัตรา โอเมก้า 6 กับ 3 เป็นสัดส่วน 15 ต่อ 1 ถึง 30 ต่อ 1 จะเห็นได้จากน้ำมันข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะมีโอเมก้า 6 เท่ากับ 7,280 มก. น้ำมันถั่วเหลืองหนึ่งช้อนโต๊ะมีโอเมก้า 6 เท่ากับ 6,940 มก. น้ำมันเนื้อสัตว์มีโอเมก้า 6 ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

4.โปรแตสเซี่ยมในผลไม้สด ทำปฏิกิริยากับโคเลสเตอรอลก่อให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และหัวใจโต วิธีเลี่ยงก็คือทานผลไม้แห้ง ถั่วแห้ง ซุปถั่วหลายชนิด การบำรุงหัวใจ ภูมิปัญญาไทยใช้ว่านหอมแดง

ผลไม้ที่มีโปแตสเซี่ยมสูงตามลำดับ ได้แก่ แอปริคอท กล้วย แคนตาลูป ฟิกซ์ น้ำส้มเกรพฟรุต แตงแคนตาลูป ส้มและน้ำส้มคั้น ลูกพีช ลูกพรุนและน้ำคั้น ลูกเกต และแตงโม ผักที่มีโปรแตสเซี่ยมสูงตามลำดับได้แก่ อาร์ติโช๊ค อโวคาโด หน่อไม้ บรัสเซลสเปราท์ แครอท ถั่วลิมา เห็น พาร์สนิพ มันฝรั่ง ผักสปินาช มันเทศ มะเขือเทศ

โปรตีนที่มีโปรแตสเซี่ยมสูงตามลำดับคือ ถั่งแห้ง ปลา เนื้อ เนยถั่วลิสง สัตว์ปีก

5.เรื่องกรดยูริค ส่วนใหญ่มาจากสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ เนื้อแดง ผักบางชนิด เช่น บร็อคโคลี คะน้า กะหล่ำปลี

กรดยูริค จับตัวเป็นแผ่นที่หนังศีรษะ ก่อให้เกิดรังแค และผมร่วง พอกที่ตากก่อให้เกิดตาต้อ จับที่หูทำให้ปวดหู จับที่ฟันทำให้ปวดฟัน จับที่ช่วงต่อระหว่างกระเพาะอาหารกับลำไส้เล็ก ซึ่งดูซึมแคลเซี่ยมกับแมงกานีส ทำให้กระดูกบาง จับที่ผนังเส้นเลือด ไปสู่หัวใจ 1 เส้น ทำให้ปวดที่หัวใจ จับ 2 เส้น ทำให้หายใจติดขัด จับ 3 เส้น ทำให้หัวใจวาย จับที่หัวเข่า ทำให้ปวดเข่า จับที่กระดูกสันหลังข้อที่ 6 และข้อที่ 7 ทำให้ปวดหลัง จับที่ปลายประสาท ทำให้รู้สึกแปลบ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

เรื่องของมัน นอกจากน้ำมัน ไขมัน และอาหารที่เราบริโภคมัน ที่กล่าวมาดูเหมือนยังน้อย อันตรายอย่างอื่นที่ยังไม่มีใครบอก เนื่องจากยังเก็บสถิติไม่ได้ยังมีอยู่ ทางที่จะป้องกันไม่ให้มันทำอันตรายเราคือ การบริโภคสารป้องกันอนุมูลอิสระซึ่งเป็นภาวะเกิดขึ้นเองจากการสังเคราะห์ภายใน การบริโภคแบคทีเรียตัวดี ในรูปของโยเกิร์ต หรือยาคูลท์ การดำรงสุขภาพในภาวะปลอดภัย กินได้ นอนหลับ ขยับร่างกาย สบายใจบำเพ็ญสมาธิ ดื่มน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อเซลล์

นี่คือการปฏิบัติเพื่อเพลาปัญหาจากเรื่องของมัน ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีปัญหาจากเรื่องของมันวันหลัง