อากาศเริ่มหนาวอย่างนี้ เตรียมร่างกายให้พร้อมกับภาวะสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นเดือนต่อไป เตรียมธาตุเหล็กไว้บ้างก็ดี เรียกว่าเจอริทอล เรามักจะอยากทานอาหารอะไรที่ร้อนๆ เป็นการอุ่นร่างกาย เช่นก๋วยเตี๋ยวน้ำ ซุปร้อนๆ ยิ่งคนอยู่ที่นี่จนติดอาหารฝรั่งที่เสิร์ฟซุปร้อนก่อนอื่น ก็มักจะต้องทานซุปตามด้วยสลัดผักก่อนอาหารหลัก เช่น สเต็กปลา หรือ สเต็กเนื้อ ความจริงก็มีหลักการดีอยู่ตรงที่ว่า ซุปร้อนจะไปเตรียมอุณหภูมิของกระเพาะอาหารประมาณ 37 องศา ให้เหมาะในการย่อยได้รับคุณค่าจากอาหารดีขึ้น

การทำเบียร์ เริ่มต้นจากการทำมอลท์จากข้าวบาร์เล่ย์ โดยการเพาะให้งอก แล้วต้มข้าวมอลท์เพื่อให้ได้น้ำตาลสูงสุด ระหว่างนั้นก็เติมฮอพลงไปที่ละน้อย เพื่อเพิ่มรสเบียร์ แล้วทิ้งไว้ให้เย็น ก่อนจะใส่ยีสต์ลงไปให้กินน้ำตาล เกิดเป็นแอลกอฮอล์กับกาสคาร์บอนไดออกไซด์ นั่นแหละคือสิ่งที่เราเสียเงินซื้อเรียกว่าเบียร์

ผู้เขียนนำหลักการนี้มาใช้กับการเพาะถั่วงอกทานเอง หน้าหนาวถั่วงอกแพง ถ้าใครเพาะถั่วงอกขายที่ออสเตรเลียได้ก็ดี เพราะหายาก ถ้าเราหยุดการเติบโตของถั่วงอก เมื่อความหวานในถั่วงอกสูงสุด บริโภคตอนนั้น ตอนที่ความหวานสูงสุด น่าจะสนุกและดีกว่าไปซื้อถั่วงอกที่ตลาด ซึ่งต้นยาวแต่เสียรสชาติเพราะผ่านภาวะสูงสุดของน้ำตาล การทำถั่วงอกลงทุนไม่มาก ซื้อถั่วเขียวถุงละ 55 เซ็นต์ อาจแบ่งทำถั่วงอกได้ 4 ถึง 8 ครั้ง หรือซื้อถั่ว 17 ชนิดและข้าวบาร์เล่ย์ที่อยู่ในถุงขายถุงละ 79 เซ็นต์ ที่ร้านเทรดเดอร์โจส์ อาจเพาะถั่วงอกได้จากถั่วคุณภาพดีหลายชนิด และมีข้าวบาร์เล่ย์ซึ่งหวานด้วย ถั่วนี้แช่น้ำค้างคืนใช้ใส่แกงเลียงหรือทำซุปถั่วผสมอร่อยมาก เพราะได้รสชาติจากถั่วต่างๆ

การทำถั่วงอก คงรู้จักกันดี ตวงถั่วเขียวประมาณครึ่งถ้วยแช่น้ำไว้ค้างคืนหรือ 24 ชั่วโมง พอแดดออกอากาศอุ่นก็เทน้ำออกหมด ปิดด้วยกระดาษชุบน้ำเป็นชั้นๆ ด้านบน วางในที่อุ่นมีแสงแบบไม่ตากแดด (indirect light) คอยพรมน้ำให้เปียกชุ่มสักสามหรือสี่วัน หรือดูว่าถั่วงอกเริ่มทิ้งเปลือก คืองอกพ้นเปลือกมีหางยาวประมาณครึ่งนิ้วไม่เกินหนึ่งนิ้ว ตอนนี้จะหวานมาก ถ้าคุณนำถั่วงอกล้างน้ำ จะแกะเปลือกจนหมดหรือไม่ก็ได้ เพราะสีเขียวของธัญญพืชให้ประโยชน์มีสารต้นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลีสีม่วง พริกเหลือง ส้มหรือพริกแดง แครอท และผักมีสีต่างๆ ก็ดีทั้งนั้น อย่าจู้จี้มากนัก เอาถั่วงอกวางก้นจานลึก นำเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เตรียมลวกไว้แล้ววางลงไป เติมน้ำซุปที่ปรุงด้วยซอสตราภูเขา ซอสซีอิ้วขาวเห็ดหอม เติมกระเทียมเจียว งาคั่ว พริกไทย และรับประทานทันที คุณจะพบความหวานสูงสุดของถั่วงอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเติมถั่วงอกในก๋วยเตี๋ยวแคะ ที่ใส่เต้าหู้ จะรู้สึกถึงความหวานของถั่วงอกมากขึ้น เพราะรสชาติของก๋วยเตี๋ยวแคะไม่ฆ่ารสหวาน และได้โปรตีนจากเต้าหู้เพิ่มขึ้น

หน้านี้เป็นหน้าอะโวคาโดงอม อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไวตามิน 11 ชนิด แร่ธาตุ 15 ชนิด อะไรที่เป็นของดีรวมอยู่ในอะโวคาโดหมด ใช้พอกผิวหน้าก็ดี กินแล้วไม่อ้วน ไม่มีโคเลสเตอรอล รักษาร่างกายให้มีสุขภาพดีด้วยอะโวคาโดได้ แบบเดียวกับที่ฝรั่งเขาว่ากินแอบเปิลวันละลูกไม่ต้องหาแพทย์ ยิ่งกินอะโวคาโด ยิ่งมีประโยชน์สมบูรณ์แบบ

ต้นอะโวคาโดใช้เวลาปลูก 7-10 ปีกว่าจะให้ผล คงจะใช้เวลานานกว่าจะเตรียมสารต่างๆ ครบถ้วน ผู้เขียนได้รับอะโวคาโด 3 ผลจากเพื่อนชาวเชคโกสโลวาเกียเมื่อ 10 ปีก่อน เดี๋ยวนี้เพื่อนคนนี้ไม่มีต้นอะโวคาโดแล้ว เพราะขายที่ดินไปเนื่องจากเป็นโรความจำเสื่อม เป็นพันธุ์พิเศษลูกกลมใหญ่ประมาณ 5-6 นิ้ว เนื้อหนา รสดีมาก เมื่อลองเพาะเกิดงอก 2 ต้น เขาว่าต้องปลูกต้นอะโวคาโดคู่กันจึงจะให้ผลดี แบบมะละกอ หลังจาก 10 ปีผ่านไป ปีแรกให้ผล 1 ลูก ปี่ที่สองลูกดกมากกว่า 50 ลูก คนที่ได้ชิมแล้วติดใจทุกคน ผู้เขียนเริ่มเพาะเม็ด งอกยาก ผู้ใดต้องการต้นไปปลูกต้องใส่ชื่อจองไว้

เมืองไทยก็มีอะโวคาโดมากพันธุ์ แต่ไม่รู้จะทานอย่างไร เพียงแต่จิ้มน้ำพริก ก็เลยไม่ชอบทานเสียเลย พระมหาภาณุพงษ์จากเชียงใหม่ติดใจอะโวคาโดพันธุ์นี้มาก ปรากฎว่าฉันแบบโรยน้ำตาลเป็นของหวาน ฝรั่งถือว่าอะโวคาโดเป็นผัก จะทานแบบสลัดผักสดหรือจิ้ม ผู้เขียนทานอะโวคาโดที่อร่อยแบบไทย เรียกว่า ซุปอะโวคาโด

ซื้อน้ำพริกปลาย่างที่พี่ศรีทำขายวันเสาร์วันอาทิตย์ที่หน้าตลาดสีลม ตรงหน้าร้านหนังสือดอกหญ้า ใต้ถุนไทยแลนด์พลาซ่ามาเตรียมไว้ทำซุป เตรียมเส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นหมี่ลวกสะเด็ดน้ำ ที่เหลือเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทานได้ 3-4 วัน เตรียมน้ำซุป ตั้งน้ำให้เดือด ใส่น้ำพริกปลาย่างในน้ำเดือดตามชอบ เติมซอสตราภูเขา ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม ซอสแมกกี้ ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวก้นชาม วางอะโวคาโดซึ่งตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดเท่าลูกชิ้น คว้านเอาเปลือกออกด้วยช้อนจะได้ไม่เสียส่วนเนื้อที่เป็นสีเขียว พอน้ำซุปเดือดตักใส่ชามก้นลึกใบใหญ่ประมาณ 8 นิ้ว ให้เหมือนร้านขายก๋วยเตี๋ยวทั่วไป มักใส่ชามใหญ่ดูน่ากิน เติมกระเทียมเจียว พริกไทย งาคั่ว ทานร้อนๆ แบบอาหารมีคุณค่าที่อร่อย