ระยะนี้เราได้ยินคำว่านวดน้ำมันพร้อมๆ กับนวดไทยแผนโบราณ ความเข้าใจของหนุ่มๆ ตีความหมายของคำว่านวดน้ำมันในทางนวดเพื่อนาบเสียมากกว่า ความจริงแล้วนวดน้ำมันมีประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคจีนสมัยก่อนคริสต์ศักราชถึง 4,500 ปี คนจีนค้นพบคุณสมบัติในทางยาของพืชตั้งแต่ยุคนั้น คนอิยิปต์ก็ใช้คุณสมบัติของพืชในทางเป็นน้ำมันหอม และน้ำมันนวดมาตั้งแต่โบราณกาล คนกรีกและโรมันซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเจริญก่อนใครๆ ก็ใช้น้ำมันพืชสำหรับพิธีต่างๆ การอาบน้ำ และการนวด แพร่หลายไปสู่ยุโรป ปัจจุบัน หลักสูตรการนวดด้วยน้ำมันมีสอนในวิทยาลัย ใช้เวลาการเรียนอย่างต่ำ 600 ชั่วโมง – 1,000 ชั่วโมง ต้องเรียนรู้สรีระร่างกายก่อนการนวด และมีความรู้เกี่ยวกับน้ำมันที่จะใช้ในการนวดอย่างแตกฉาน การนวดด้วยน้ำมันเป็นหลักสูตรอย่างจริงจังในอังกฤษ อเมริกาเองก็มีความรู้เกี่ยวกับการนวดน้ำมันมาก สามารถค้นอ่านได้จากอินเตอร์เน็ต
นวดน้ำมันมีสอนกันในวิทยาลัย มีจุดมุ่งหมาย 2 อย่าง เพื่อการบำบัด และเพื่อความสบายของร่างกายและจิตใจ เรียกว่า Aromatherapy เป็นศาสตร์ที่รักษาความขัดข้องของระบบร่างกายโดยให้ร่างกายทำงานเอง (holistic) ด้วยการใช้น้ำมันจากพืชที่มีคุณสมบัติตามประสงค์ น้ำมันสกัดจากพืชคือชีวิตของพืช ภาษาอังกฤษเรียกว่า prana ภาษาไทยเรียกว่าลมปราณของพืช เป็นเสมือนฮอร์โมนของพืช จะเห็นได้จากโกรทฮอร์โมนที่ขายในตลาดบางชนิดมิได้ผลิตจากโกรทฮอร์โมนของมนุษย์ แต่ผลิตมาจากโกรทฮอร์โมนของพืช ทำหน้าที่หมุนเวียน สั่งการในกิจกรรมต่างๆ ของพืช และป้องกันพืชจากเชื้อรา เชื้อโรค และศัตรู เช่นพืชบางชนิดมีสารพิษในตัวป้องกันตัวเอง น้ำมันพืชจึงมีสมรรถนะในการสร้างความสมดุลของร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ และถูกนำมาใช้ทางคุณสมบัติของโครงสร้าง และคุณสมบัติทางจิตใจ
คนเราทุกคนมีภาวะในการให้บริการ ผลที่ได้รับอาจสร้างความเครียดทางจิตใจพอสมควร เรื่องนี้เป็นกันทุกคน เราจึงแสวงหาทางบำบัดความเครียดทุกวิถีทาง เพราะความเครียดก่อให้เกิดผลลบทางร่างกายและจิตใจ เช่นทำให้ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดหัว เพลีย เป็นแผลในกระเพาะอาหาร หัวใจวาย และอื่นๆ ปัญหาทางจิตใจก็เช่น ขาดสมาธิ กระวนกระวาย ทำร้ายตนเอง ก้าวร้าง ปัญหาทางอารมณ์เช่น ขาดความเชื่อมั่น กลัว หงุดหงิด ขาดความกระตือรือร้น ความเครียดเหล่านี้ส่งผลให้ร่างกายขาดภูมิต้านทาน เชื่องช้า และส่งผลกระทบภายหลังต่อร่างกายและสุขภาพโดยทั่วไป
การนวดเป็นวิธีหนึ่งที่จะส่งผลในการบำบัดปัญหาทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ โดยเฉพาะการนวดด้วยน้ำมันหอมจากพืชซึ่งมีคุณสมบัติต่างๆ การได้กลิ่นน้ำมันหอม สามารถส่งผลไปถึงระบบประสาทสมองที่ไฮโบทาลามัสเป็นศูนย์กลางควบคุมอยู่ กระตุ้นร่างกายให้ผลิตฮอร์โมนจากต่อมอะดรีนาลีน สร้างภาวการณ์ตัดสินใจสู้หรือถอยกับปัญหาที่เผชิญอยู่ ทำให้เกิดพลังในการตัดสินใจ และมีความสมดุลของอารมณ์ดีขึ้น
กลิ่นน้ำมันหอมบางชนิด เช่นกุหลาบ มะลิ สามารถลดความเครียด และกระตุ้นอารมณ์พิศวาสได้ เขาจึงนิยมนวดน้ำมันกุหลาบตรงจุดใกล้หัวใจ เสมือนที่กุหลาบเริ่มขยายกลีบเบ่งบานเปิดอารมณ์รัก น้ำมันมะลิเป็นสัญลักษณ์ของความสงบทางใจ ความรัก เซ็กซ์ นอนหลับ และความฝัน สามารถทำให้จิตใจร่าเริง คลายความเศร้าและอารมณ์เครียด ถ้าเอาน้ำมันมะลินวดตรงหว่างตาจะนอนหลับสบาย กลิ่นโรสเมรี่คล้ายกันตรงที่กระตุ้นอารมณ์รัก เลยทำให้สบู่ทำจากโรสแมรี่ขายดีวันใกล้วาเลนไทน์ กลิ่นน้ำมันจากส้ม สามารถกระตุ้นความคึกคัก กระฉับกระเฉง จึงมันเป็นส่วนผสมของน้ำหอมสำหรับหนุ่มๆ ทำให้ร่างกายและจิตใจปราศจากความซึมเศร้า น้ำมันหอมจากมะนาวดีสำหรับสุขภาพ การบำบัด พลังงาน และการกำจัดสารพิษ ก่อให้เกิดความแจ่มใสของความคิด พละกำลังและสร้างเซลล์ เสมือนหนึ่งการหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ สร้างความร่าเริง ความใสบริสุทธิ์ของจิตใจ
การนวดน้ำมันที่คนไทยเริ่มเสนอต่อลูกค้า น่าจะก้าวขึ้นไปสู่บริการระดับสากล ที่เริ่มต้นมาแล้วนั้นดีมาก คือพื้นฐานการศึกษาที่ถูกหลักจากเมืองไทย และที่อเมริกา ผสมผสานเข้ากับความรู้เรื่องน้ำมันหอมอีกนิดหน่อย บวกกับบริการระดับสากล ก็สามารถที่จะโฆษณาเข้าสู่กลุ่มลูกค้าอเมริกัน ซึ่งเป็นที่ต้องการกันมากเรียกว่า Sports massage คุณนันทวัน จีรานุวัฒน์ หรือคุณนันท์ เป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาการนวดน้ำมันตามหลักสูตรอเมริกันและไทย รวมทั้งญี่ปุ่น สวีดิช เกาหลี และจีน อย่างแตกฉาน มีมือที่อุ่น หนักแน่น และนวดน้ำมันอย่างถูกต้องตามวิธีการขั้นตอน มีใบอนุญาตของรัฐ ขณะนี้รับนวดทั่วไป และบริการอยู่ที่หัตถเวช สามารถติดต่อได้ที่ (323)459-3667