สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ชีวิตนี้ไม่ง่ายนัก

จากการที่หัวใจเจ็บ ชักไม่แน่ใจว่า ชีวิตนี้จะยืนยง ปรึกษาท่านพระอาจารย์สุภณเรื่องจิต ท่านก็ให้คำอธิบาย และคุยกับกลุ่มที่ฟังคำเทศน์สั่งสอนของท่านที่ตึกกรรมฐานวัดไทย หลายเรื่องเกี่ยวกับจิตและวิญญาณ พอถึงบ้านก็ลืม เพราะวุ่นวายกับหลายกิจกรรม กว่าจะถึงเวลาเขียนบทความนี้ ต้องอ้างอิงถึงข้อเขียนของท่านผู้รู้นามว่า ดอกเตอร์ เลียวโอนาร์ด รัตตะนะสิงเห Leonard Ratanasinghe, Ph.D.M.D. เขียนหนังสือน่าสนใจว่า What you don’t know about your immune system may be killing you. ตอนหนึ่งว่า มีโรคภัยหลายอย่างที่เกิดมาจากระบบป้องกันตัวเอง ทำงานบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ เช่น เบาหวาน โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคอ่อนเพลีย โรคภูมิแพ้ และโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับระบบป้องกันตัวเองบกพร่อง วิธีที่จะดูและระบบนี้ของตัวเองก็ขึ้นอยู่กับการบริโภคที่สมบูรณ์เป็นประจำวัน เพื่อบริการร่างกายด้วยอาหารที่เป็นประโยชน์และป้อนอวัยวะต่างๆให้แข็งแรงสมกับการทำงานของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะร่างกายมีตัวคอยทำลายสุขภาพเรียกว่า Free radicals ท่านอธิบายง่ายๆว่า ร่างกายสร้างสารเคมีและสื่อสารกันด้วยประจุไฟฟ้าลบ โดยปกติจะประกอบด้วยประจุไฟฟ้าลบเป็นคู่ ท่านเปรียบง่ายๆเหมือนลูกชายของท่านที่จะต้องมีเพื่อนชายเป็นสหายคู่ใจเสมอเพื่อการสมาคม เสมือนกับ free radicals ที่จำเป็นต้องหาคู่อิเล็กตรอนอยู่เสมอเพื่อความสมดุล โดยวิธีโจมตีสารเคมีอื่นๆในร่างกาย ก่อให้เกิดความไม่สมดุลของสารเคมีอื่นๆ เพราะขาดคู่ เสมือนกับนักเลงที่เที่ยวโจมตีสมาคมอื่นๆ จนกว่าร่างกายจะสามารถต่อสู้กับมันได้สำเร็จ เหมือนกับมีหน่วย SWAT หรือตำรวจคอยปกป้องร่างกาย

ยกตัวอย่างของ Free radicals เช่น ตอนที่เราหายใจเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ถ้ามีศัตรูคอยทำลาย ออกซิเจนทำงานไม่สำเร็จ และไม่สามารถขจัดคาร์บอนไดออกไซด์หลังจากการสันดาปออกซิเจน ก่อให้เกิดศัตรูอิสระขึ้นสองทาง เช่นว่า ไม่สามารถดึงประจุไฟฟ้าลบจากโมเลกุลอื่นได้ก็จะสร้างอิเล็กตรอนไม่สมประกอบขึ้น ทำให้ไม่สมประกอบและรูปร่างไม่สมบูรณ์ ส่งผลเสียต่อร่างกายต่อไป อาจมี 3 ประการ คือ

1.ออกซิเจนหน่วยโทน Singlet oxygen เป็นอันตรายและไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ แม้ว่ามันจะไม่ถูกจัดว่าเป็น Free radicals เพราะมันยังได้รับแสงอุลตร้าไวโอเลต แต่ก็ทำงานจำกัดในวงจรปกติ และเป็นผลร้ายต่อหัวใจของเซลล์ เพราะไม่สามารถทำงานสร้างไวตามินที่สมบูรณ์ได้

2.Superoxide ถูกจัดอยู่ในหน่วยอิสระอันตราย dangerous free radicals เพราะไม่มีคู่ เนื่องจากไปแย่งหน่วยอิเล็กตรอนของออกซิเจนมาอีกหนึ่ง ยังโคจรอยู่ในเซลล์ ถึงแม้มันจะไม่ใช่ Free radicals เพียงแต่ทำให้สมรรถนะของเซลล์ไม่สมบูรณ์ เพราะมันชอบไปแย่งอิเล็กตรอนของออกซิเจนจากเซลล์อื่น

ก.เรียกว่าอยู่ในสถานะ อุบัติเหตุทางเคมี accidents of chemistry

ข.อาจสร้าง หน่วย Superoxide เพื่อกำจัดหน่วยผู้ก่อการร้ายเช่น แบคทีเรียหรือไวรัส ซึ่งส่งผลทางอ้อมโดยการทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียงด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่ผิวอักเสบเป็นสีแดงบวม และเจ็บปวดในบริวเณนั้น โชคดีที่ร่างกายอาจแก้ไขได้ ถ้าบริโภคอาหารที่มีคุณค่าพอ

ค.Hydroxyl Radical บางทีอันตรายอาจก่อให้เกิดตัวนี้ขึ้นได้เพิ่มอีกหลายทาง

ง.ผลจากปฏิกิริยาของ Superoxide กับ Hydrogen Peroxide จากออกซิเจนแปรรูปเป็น Superoxide ได้หลายวิธีดังกล่าวข้างต้น จึงอาจสร้างอันตรายได้ในรูปของ Hydroxyl radicals คือ ผสมกันเองหลายรูปแบบที่ไม่ส่งเสริมผลดีต่อสุขภาพ

จ.ผลร้ายอีกทางหนึ่งเกิดเมื่อร่างกายไม่ได้กำจัด Superoxide ทำให้มีโอกาสเกิดปฏิกิริยากับธาตุเหล็กในร่างกาย และเป็นผลร้ายต่อสุขภาพ เรียกว่า Hydroxyl radical

ฉ.บางทีประจุไฟฟ้าในร่างกายทำงานกับประจุของน้ำก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพได้

ช.อันตรายอาจเกิดจากการรวมตัวได้หลายรูปสารเคมี เช่น Peroxyl radicals, hypochlorite radicals, alkoxy radicals และไขมันแปรรูปเป็น lipid peroxidation ซึ่งนักเคมีจึงจำเป็นต้องรู้จักเพื่อทำลายมันก่อนที่มันจะทำลายสุขภาพ เราท่านเพียงแต่รู้ว่าอันตรายมีต่อสุขภาพได้หลายทางเท่านั้นเอง เพื่อจะได้ป้องกันด้วยการบริโภคอาหารครบรูปแบบ

สารอันตรายเหล่านี้อยู่ทั่วไปในเซลล์ เราท่านมิใช่นักเคมีที่กำลังศึกษาลึกซึ้ง เพียงแต่รู้ว่าสารอันตรายสร้างขึ้นในร่างกายและอยู่ในเซลล์ที่ใดบ้าง เช่น อาจอยู่ในหัวใจของเซลล์ที่เรียกว่า ดี.เอ็น.เอ. หรืออยู่ที่หน่วยสร้างไขมันในเซลล์ หรืออยู่ที่หน่วยประจุไฟฟ้า เรียกว่าเซลล์เล็กๆมีสมรรถนะที่ล้ำเลิศ เพียงแต่ขอให้เราป้อนอาหารที่มีคุณค่าต่อการใช้งานในเซลล์ และมีหน่วยสื่อสารหรือจิตที่เอื้อคุณประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และที่สำคัญก็คือ บริโภคน้ำบริสุทธิ์ป้อนเซลล์ เช่น น้ำกลั่น เพราะแร่ตะกั่วที่เขาใส่ในน้ำประปาเพื่อป้องกันท่อแตก ไม่เอื้ออำนวยต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ รู้อย่างนี้ก็อย่าบริโภคน้ำประปา หรือใช้น้ำประปาล้างผักที่จะบริโภค

ที่จะเว้นไม่พูดถึงมิได้ก็คือ ร่างกายของเราสร้างพลังงานจากแสงอาทิตย์ และลมหายใจ เรียกตามศาสตร์การบำบัดด้วยจักระว่า

Ray หรือ Rei เป็นพลังจักรวาลที่ป้อนร่างกาย ประกอบด้วย แสงอาทิตย์ น้ำฝน ลมหายใจ การอธิษฐาน และสิ่งที่เราเคารพนับถือ

Ki มาจาก Breadth ลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกาย

Life force หรือพลังจิต

Energy source หรือพลังแรงกาย คือมีการออกกำลังกาย เช่น ผู้เขียนเดินไม่ค่อยแข็งแรงเพราะหัวเข่าอ่อนแอ ก็ต้องสนใจวิธีการบริหารเข่า เลี่ยงการกินอาหารที่จะทำลายกรดยูริคที่จะหล่อลื่นไขข้อ เช่น ผักคะน้า ผักกระถิน

พลังในร่างกายมาจากอารมณ์ การทำงานของจิต และการป้อนอาหารที่ครบ 5 หมู่ให้อวัยวะทุกส่วน รวมทั้งการนอนหลับพักผ่อนที่สมบูรณ์ต่อจิตและร่างกาย รู้จักการสำรวมจิตหรือไม่คิดฟุ้งซ่าน กำจัดความโกรธ และสร้างพลังงานให้ร่างกายและจิตสม่ำเสมอ เช่น การขอคำสั่งสอนตามที่ศาสนามีให้ หมายความว่า ออกกำลังกาย บริโภคอาหารดี จิตสงบ และสมาคมดี เป็นข้อแนะนำวิธีการดำรงชีวิต