สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
กินไปร้องไห้ไป

เปล่าหรอกไม่ได้ร่ำหาบรรพบุรุษหรอก เรื่องของเรื่องเริ่มจากพระนำผักที่ปลูกใกล้พาล์มสปริงมาขายที่ตึก พอดีจังหวะได้พบ เลยได้ผักบุ้งที่นึกอยากกินเมื่อวานนี้มาหนึ่งกำ ฟักทองสองลูก และอะไรอีกอย่างจำไม่ได้ ก็นึกอยู่ว่าจะทำอะไรกิน เพราะทำกับข้าวไม่เป็น เพื่อนบอกว่าผัดผักบุ้งกับน้ำมันซิ แต่พยายามไม่กินน้ำมัน เลยนึกหาวิธีกินผักบุ้งยอดอ่อนยาวกว่าฟุตอยู่ พอดีมองไปมองมาเห็นน้ำพริกป่ากระป๋องวางอยู่บนหิ้ง อย่ากระนั้นเลย ทำแกงป่ากินละกัน อ่านวิธีทำข้างกระป๋องเขาบอกว่าให้ใส่น้ำพริกหนึ่งกระป๋องกับน้ำ 2-3 ถ้วย เติมไก่ และผักต่างๆ เข้าท่าละซิ ไม่เคยทำคงจะอร่อยคราวนี้แหละ นี่ขนาดใส่น้ำพริกป่าแค่ครึ่งกระป๋องเล็ก ลงไปในน้ำครึ่งหม้อนะ ไม่ได้ใส่ตามอัตราทั้งหมดที่บอก เฉาะฟักทองด้วยมีดลงไปในน้ำเดือดทีละก้อน มีดเฉาะเอานิ้วก้อยด้วยความไม่สันทัดกรณี จากนั้นใส่ดอกกระหล่ำสีเขียวที่มีอยู่ในตู้เย็นลงไป เฉาะเป็นดอกสวยดี ตอนก้านก็เลาะเส้นใยข้างนอกทิ้ง ใส่แกนกลางที่หวานลงไป จากนั้นล้างผักบุ้งตัดก้านเหนียวทิ้ง ใส่เป็นท่อนยาวหนึ่งนิ้วครึ่ง ใส่ผักผสมที่มีแครอทหั่นเป็นลูกเต๋า ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว ถั่วลิมา ข้าวโพด เพื่อช่วยให้มีรสหวานของแครอท แกงป่าเขาแนะนำให้ใส่เฉพาะน้ำปลา ก็ใส่น้ำปลาตรากุ้งของพันท้ายลงไป หุงข้าวสวยเม็ดยาวจากเท็กซัส เลิกซื้อข้าวไทยตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยรับจำนำข้าวตันละหมื่นห้า เพราะเป็นตัวมอดแยะเลยเนื่องจากค้างสต็อกขายต่างประเทศสู้ราคาเขาไม่ได้

ทีนี้ถึงเวลาซดแกงตอนยังร้อนอยู่ โอย เผ็ดบาดคอถึงใจ ทานแกงคำข้าวคำ น้ำตาไหลได้เรื่องเลยเผ็ดอย่าบอกใคร นี่ขนาดใส่น้ำพริกครึ่งอัตราที่บอกไว้นะ แต่โหย อร่อยได้เรื่อง กินไปร้องไห้น้ำตาไหลไป จนแกงหมด ข้าวหมด นี่ขนาดมีปลาแท่งที่อบกรอบไว้เคียวข้างแก้เผ็ดแล้วนะ ยังยับยังน้ำตาบ่มิหยุดเลย ร้องไห้ไปอร่อยไป ซี๊ดซ๊าดไป ตักไปให้เพื่อนบ้านพูดต่างภาษาเตือนเขาว่า แกงนี่ร้องไห้นะ เขาบอกไม่เห็นร้องไห้เลย เรื่องเล็ก วันหน้ามีผักจากพาล์มสปริงมาขายหน้าตึกอีก บอกด้วยนะ เขาชอบฟักทองนึ่งที่แจกเขาไปมาก เพราะรสหวานดี เขาไม่รู้จักมาก่อน วันต่อมา เขาให้กล้วยนึ่งหรือต้มไม่รู้ เคยเห็นในตลาดซื้อไม่เป็น แต่พอทำให้สุกเสียก่อน เนื้อแน่นอร่อยมาก ถ้าทานดิบคงไม่ชอบต้องปรุงก่อน นี่คือการเรียนรู้วิธีบริโภคอาหารต่างภาษา ได้ความรู้เรื่องกินอย่างไรถึงอร่อยไปอีกอย่าง คือกล้วยลูกใหญ่ควรต้นหรือนึ่งเสียก่อน เนื้อจะแน่นขึ้น

เรื่องกินไปร้องไห้ไปนี่ไม่ใช่แก้ตาแห้งอย่างเดียว แก้คอแห้งด้วย เพราะเสลดพังพอนที่ติดอยู่ตามลำคอหลุดหมด หายไอดีนักแล แถมล้างลำไส้ท้องว่างอีกต่างหาก คือท้องเดินแทนเท้า เพราะใช้เท้าวิ่งไม่ทันถึงนั่งโถหรอก ดีไปหลายอย่างนะแกงป่านี่ ทำความสะอาดตั้งแต่ลำคอถึงลำไส้ มิน่าล่ะคอเหล้าคงจะชอบ เรามาอยู่ที่นี่คุ้นเคยกับรสอาหารแบบอเมริกัน และฮิสแปนิคคือไม่มีพรกจนเคยปากเคยท้อง พอเจอรสอาหารไทยก็ได้เห็นฤทธิ์หลายประการ อร่อยที่ซู้ด ทานแล้วต้องเตรียมยาตราตกเบ็ดไว้สามเม็ด เผื่อการยุติท้องเดินด้วยวิธีธรรมชาติไม่อยู่ ประเทศไทยเขารู้เรียนผูกและรู้เรียนแก้ ไม่หนักหนาสาหัสอะไรมาก อร่อยไว้ก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ซดแกงจืดธรรมดาแล้ว ติดแกงป่า ใส่ปลาทูน่ากระป๋องแทนไก่ เพื่อป้องกันเข่าอับเสบ

อยู่อเมริกานานๆ ได้อะไรดีๆ ไว้บ้างหรือไม่ เรื่องแรกเห็นจะเป็นเรื่องกินง่ายนอนง่าย ไม่อย่างนั้นชีวิตจะไม่ง่ายอย่างที่ฝัน ตื่นเช้าก็มีขนมปังครัวซองทาน้ำพริกเผาตำหรับชาววัง วางผักสลัดแล้ววาง beef frank คือเป็นไส้กรอกทำด้วยเนื้อแทนทำด้วยไก่สำหรับคนอายุมากกระดูกอ่อนแอแล้ว สาเหตุที่ไม่ใช้แฮมเพราะตั้งแต่มีอาการเวอร์ติโกหมอบอกอย่ากินอาหารที่เป็นคอเลสเตอรอล เมืองนี้มีอาหารให้เลือกแยะ ก็เลี่ยงไม่ให้ติดมัน กินแล้วนอนอ่านหนังสือพิมพ์หลับไปได้ถึงมื้อกลางวัน อย่าลืมตั้งหม้อหุงข้าวไว้ พอตื่นขึ้นมามื้อเที่ยงก็ซดแกงป่า มีปลาแท่งแกล้มแก้เผ็ดน้ำตาไหล แกงครั้งต่อไปก็ใส่น้ำพริกแกงแค่หนึ่งส่วนสี่กระป๋อง อร่อยกว่าซดแกงจืดเป็นไหนๆ วันไหนเขามีอาหารมาส่งมื้อเที่ยงก็มีถั่วพินโต้ของเม็กซิกันอร่อยมีคุณภาพ

คนไทยคิดถึงเมืองไทย อยากกลับไปใช้บั้นปลายชีวิตที่เมืองไทยมากกว่า ก็ลองชั่งน้ำหนักดูเปรียบเทียบง่ายๆ ไข่เมืองไทยฟองละ 5 บาท โหละ 60 บาท เมืองนี้ไข่โหละ 1 เหรียญ หรือ 30 บาท แน่นอนว่าเราไม่กินไข่ เพราะเป็นอาหารควรละเว้นอย่างน้อย 3 สัปดาห์จะได้หายปวดข้อ ผู้เขียนกินไข่ที่แก้บนไว้ยังไม่ทันหมด 5 โหล ก็เดินไม่ไหวแล้ว เพราบวมตรงข้อเข่า นี่ยกตัวอย่างง่ายๆ ปีที่แล้วไปเที่ยวตั้งแต่ภาคกลางสุดเหนือที่เชียงรายโดยรถยนต์ปรับอากาศตลอด สบายมีความสุข เขียวชอุ่มตลอดทาง ถ้าให้กลับไปอยู่เมืองไทยถาวรจะมีความสุขแค่ไหน กำลังคิด ที่นี่วันไหนอากาศร้อน 90 องศา ก็เริ่มเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ตอนเช้า ให้อากาศในห้องเย็นไว้ที่ 70 องศา ไม่ต้องเปิดทั้งวัน ก็ยังพอสู้ค่าไฟฟ้าไหว เมืองไทยอากาศตอนนี้กลางวัน 95 องศา กลางคืน 75 องศา ที่ภาคเหนือ กรุงเทพฯ ถ้าไม่เปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืนเริ่มเดินเครื่องบ่อยๆ กินไฟมากกว่า ยกเว้นอยู่บ้านทางภาคเหนือ ต้นไม้เขียวร่มเย็นทั้งวัน มีบ่อเลี้ยงปลาให้น้ำทำความชื้นกับบรรยายกาศ ก็คงพออยู่อย่างมีความสุขได้ ผู้เขียนกำลังคิดจะไปเที่ยวภาคอีสาน ดูซิว่า อยู่ไหวไหม เห็นเขาบอกดินแห้งแตกระแหง หรือว่าอยู่อย่างนี้แหละที่แคลิฟอร์เนีย ว่าที่จริงแล้วเมืองไทยอุดมสมบูรณ์ เดินไปตามทางริมถนน ติดใจก็ลงนั่งกินขนมจีนน้ำพริกหรือน้ำยาริมถนนนั่นแหละร้อนๆ อร่อยที่ซู้ด นิตยสารท่องเที่ยวต่างชาติยกให้ไทยเป็น The best street food in the world.

แล้วทำไมเราไม่เห็นค่าของชีวิตตรงนี้ นี่แหละสาเหตุที่คิดอยากไปอยู่เมืองไทย แต่ไม่รู้อยากตายที่เมืองไทยหรือเปล่านะ เพราะการถึงแพทย์คงไม่ง่าย ที่นี่มีปาฐกถาจากผู้ทรงคุณวุฒิพูดเรื่องสุขภาพสมองว่า ควรกินอะไรเว้นอะไร ก็เป็นวิถีที่เราๆ ท่านๆ ดำรงอยู่ตามวิสัยไทยอยู่แล้ว อย่างรสเผ็ดมาจากพริกมีแคบไซซินทำให้หัวใจเต้นแรง เดี๋ยวนี้ผู้เขียนปลูกผักสลัดริมหน้าต่าง 2-3 อย่าง เก็บวันละใบสองใบใส่อะโวคาโดและแอปเปิลกาล่า โรยด้วยแครอทหั่นฝอย ราดด้วยน้ำสลัดฮันนี่มัสตาร์ดของนิวแมนที่เขาบริจาคกำไรให้การกุศล แค่นี้ก็เรียบง่าย ไม่ต้องดิ้นรนหาซื้อทุกวัน ที่ตลาด 99 เซ็นต์ ขายผักสลัดทั้งต้นมีรากติดด้วย เราก็เอาดินใส่ตรงราก วางข้างหน้าต่างรับแดด เท่านี้ก็มีผักสลัดออกใบให้พอกินไปอีกนาน เพียงแต่ไม่รู้วิธีนี้ผักมีอายุได้นานแค่ไหน ก็เป็นความตื่นเต้นเฝ้าดูสิ่งมีชีวิตเลี้ยงชีวิตของเราให้มีความสุขไปกับความสนใจในธรรมชาติ มีความสุขที่เอาความทุกข์ในตัวออกไปนอกร่างกายเสียส่วนหนึ่ง บางทีแปลงผักของผู้เขียนก็มีผักสลัดงอกจากเมล็ดขึ้นตามดิน ผู้เขียนก็รอให้โตสักระยะหนึ่งก็ย้ายลงกระถางไปไว้ริมหน้าต่าง ได้ออกซิเจนในห้องแอร์ตอนกลางวัน จะได้มีอากาศดีหายใจ เป็นวิถีชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมที่มีครบบริบูรณ์ ทั้งราวให้จับเดินเหินกันล้ม และอากาศบริสุทธิ์ตอนกลางวัน ตอนกลางคืนก็หวังว่าปิดม่านกันคาร์บอนไดออกไซด์จากผักสลัดไว้ได้บ้าง