เมื่อก่อน ผู้เขียนเคยได้รับโทรศัพท์ที่มีค่ามากที่สุดข้ามโลก จากเพื่อนสาวชาวพม่าที่เคยแวะมาพักบ้านผู้เขียนซอยไปดีมาดีที่เมืองไทย ตอนพม่าเมืองแตกก่อนยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อนคนนี้เป็นสาวสวยในตระกูลผู้มีอันจะกิน เป็นแฟนของนายทหารมือขวาของประธานาธิบดีพม่าสมัยนั้น เธอจึงต้องหลบหนีออกนอกประเทศ เขาจับแฟนเธอเข้าคุก เธอไปอยู่ออสเตรเลีย สมัยนั้นเธอต้องเสียภาษีให้พม่าด้วย เธอกลับจากการเยี่ยมญาติที่พม่าแวะพักที่บ้านผู้เขียนเล่าให้ฟังว่า พวกโรฮิงยาต้องอพยพเพราะถูกขับล่า เธอรู้สึกโกรธไปด้วย เพราะไม่ใช่ความผิดของพม่า นึกถึงประเทศไทย ที่ตระกูลหนึ่งพยายามเปลี่ยนการปกครองขึ้นเป็นประธานาธิบดีเสียเอง จนถึงปัจจุบัน ก็ยังระส่ำระสาย เขายังพยายามอยู่ไม่หาย
เพื่อนคนนี้เป็นมะเร็งมา 25 ปีแล้ว มันลุกลามไปที่โน่นที่นี่ของร่างกาย บางทีโทรศัพท์คุยกัน บอกว่าเป็นมะเร็งที่มดลูก บางทีบอกว่าเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง บางทีก็บอกว่าไม่ใช่มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพราะตรวจไม่พบ ตลอดระยะเวลานั้น เธอทำงานกับโรงพยาบาล เป็นผู้ให้คำแนะนำ และปาฐกถา เวลาเธอไม่อยู่ คนไข้บอกว่าจะรอพูดกับเธอเท่านั้น ไม่อยากพูดกับคนอื่น อย่างหนึ่งที่พิสูจน์ว่าคนชอบฟังเธอ เพราะเธอบอกว่าอยาไปฟังหมอที่บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสามเดือน มันอยู่ที่ใจของเราต่างหาก ให้รู้สึกดีไว้ก่อน Keep only the good things. เมื่อกำลังใจดีเสียอย่าง ร่างกายก็จะดีตามไปด้วย คนไทยนับถือศาสนาพุทธรู้ดี เธอก็อ้างศาสนาพุทธเช่นกัน เพราะหลักการดี ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่อยู่รอดมาถึง 25 ปี แถมแพทย์บอกว่าไม่ใช่มะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่การบำบัดทำให้ร่างกายของเธออ่อนเปลี้ยไปโขอยู่ เธอจึงถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านในขณะที่สามารถทำได้ ณ วันนี้ เธอขาดการติดต่อกับผู้เขียนไปนานแล้ว นับจากส่งข่าววันนั้น
นับว่าโทรศัพท์ของเธอครั้งนั้น ได้ให้ข้อคิดสำคัญ ขนาดถึงกับว่า ถึงแม้จะไม่ได้รับโทรศัพท์จากเธออีกต่อไป คำอมตะของเธอก็จะยังคงอยู่ทดแทนได้ ให้เก็บไว้แต่สิ่งที่ดี จะเป็นคำเตือนใจให้ระลึกถึงเธอ เหมือนได้รับโทรศัพท์จากปากของเธอเองอยู่เสมอ ผู้เขียนเป็นคนที่ Selective คือไม่ชอบอะไรง่ายๆ เสมอไปนัก แต่การเก็บนี่สิสำคัญ เพราะอาจจะทำให้ใจมัวหมองโดยไม่เข้าท่า ถึงขั้นทำร้ายจิตใจและร่างกายโดยไม่รู้ตัว
บุคคลและคำพูดอมตะที่ผู้เขียนยกย่องอีกผู้หนึ่งก็คือ หลวงพ่อคูณ สมัยที่ผู้เขียนไปทำงานที่โรงงานปูนซีเมนต์นครหลวง ที่โคราช ได้พบพระสงฆ์องค์หนึ่ง ท่านพูดว่า เป็นพระไม่ใช่มีหน้าที่จับของผู้ชายใส่ผู้หญิง ผู้เขียนรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ฟังพระพูดอย่างนั้น เพิ่งรู้ภายหลังว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน ที่มีโอกาสได้พบตัวจริง และวาทะจริงของพระอมตะรูปหนึ่ง โดยไม่รู้จักมาก่อน คือหลวงพ่อคูณ วาจาของท่านเป็นวาทะอมตะที่ตรงไปตรงมาที่สุด ตรงที่ว่า ไม่ใช่หน้าที่ของสงฆ์ในการทำเสน่ห์ พอได้ทราบว่า ท่านได้ละสังขารไปเสียแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2521 ก็รู้สึกเศร้าใจว่าได้ขาดค่าต่อชาวพุทธไปเสียแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีได้พบตัวจริงของท่าน ได้ฟังวาทะอมตะของท่าน
การเก็บอะไรไว้ในความรู้สึกเป็นเรื่องสำคัญ อะไรที่ไม่ดีก็ทิ้งไปเสีย พี่สะใภ้คนหนึ่งของผู้เขียนถึงแก่กรรมเร็วเกินไป ก็เพราะเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีเกี่ยวกับพี่ชายไปมีกิ๊กสาว เลยเศร้าใจตายเร็ว พอคิดขึ้นมาได้ถึงคำพูดของเพื่อนพม่า ก็สายเสียแล้วที่จะไปบอกพี่สะใภ้ว่าอย่าคิดอะไรที่ไม่ดี เพราะจะทำร้ายตัวเอง ทำลายสุขภาพตัวเอง เพื่อพม่าของผู้เขียนอายุยืนยาว ต่อสู้กับมะเร็งกว่า 25 ปี เพราะเธอเก็บเรื่องดีๆ ไว้สอนคนอื่น สามีของเธอไม่ทำร้ายจิตใจของเธอ ทำงานหนักเพื่อเป็นค่ารักษาเธออย่างเดียว เธอเก็บไว้แต่เฉพาะความรู้สึกที่ดี ความคิดที่ดี และทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น โรคยังแพ้เธอ เพราะแพ้ในความรู้สึกที่ดีของเธอต่างหาก เราท่านก็ใช่ว่าจะประสบความสุขทั่วหน้าทุกอย่างเสมอไป ได้ยินได้เห็นตัวอย่างของชีวิตหลายๆ คน ที่รอดจากภาวะโรคคร่าชีวิตไปได้ ด้วยการเก็บไว้แต่สิ่งที่ดี ทำไมเราจะไม่เก็บไว้แต่สิ่งที่ดี เช่นนั้นบ้าง
ต่อไปนี้เลือกเก็บแต่สิ่งที่ดี เริ่มต้นที่ตัวเองก่อน ภายในตัวของเรานี้ มีสิ่งไม่ดีอยู่หลายอย่า มีทั้งแก๊ส ปฏิกูล และความคิด
เริ่มจากแก๊ส ทำอย่างไรเราจะกำจัดแก๊สเสีย และนำแก๊สดีเข้าสู่ร่างกาย แพทย์บอกว่า คนเราผายลมวันละ 18 ครั้ง เป็นเรื่องปกติ ก็ปล่อยแก๊สไม่ดีไปเสียบ้าง อย่าให้มีกลิ่นและเสียงเป็นที่รบกวนชาวบ้านเป็นใช้ได้ รู้จักมารยาทเสียหน่อย
การนำอากาศที่ดีเข้าสู่ร่างกาย ก็ใช้วิธีการหายใจเพื่อเอาอากาศเสียออกจากปอด และการหายใจตอนกลางวันในที่มีต้นไม้ที่ถ่ายทอดออกซิเจนให้เราหายใจเข้าสู่ปอดได้ และเมื่อมีเวลาก็ฝึกการหายใจ ได้แก่วิธีบู๊ตึ้ง เส้าหลิน ไทซี ออกกำลังจักระ ยกน้ำหนัก และการเดินสมาธิ เป็นต้น
เริ่มต้นด้วยบทความที่เคยเขียนว้าเมื่อนานมาแล้ว แต่จบลงด้วยความปัจจุบันว่า เดี๋ยวนี้เพื่อนพม่าคนที่กล่าวถึงนั้นไม่โทรมาหาอีกแล้ว คงเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ก็มานึกถึงคำตรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “ชั่งหัวมัน” หมายความว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ช่างหัวมัน อย่าไปวิตกจะได้ไม่ทุกข์ ก็ดีไปอย่าง ที่คำตรัสนี้เตือนสติอยู่เสมอ ไม่ว่าใครจะทำร้ายข่มเหง ทำลายบ้านแมวไร้ที่อยู่ที่ผู้เขียนสร้างไว้ให้หลบฝน วานนี้ฝนตกก็วิตกว่าแมวจะหลบฝนอย่างไร ก็คิดว่า ช่างหัวมัน ใครทำอย่างไรก็ได้กับตัวผู้นั้น ใครคิดร้ายต่อแมว ก็คงได้รับผลกรรมแห่งการกระทำนั้นเอง เมื่อวานไปเดือนงานปีใหม่ไทย เห็นผู้คนขวักไขว่ โดยมากนั่งกินอาหาร ริมทางเดิน นั่นเป็นบรรยากาศของการสมใจกับอาหารไทย ผู้เขียนเข้าภัตตาคารอาหารไทย สั่งเย็นโตโฟ ผักที่เขาใส่คือทั้งก้านไม่มีการตัดโคนดำๆออกเสียก่อน ขนาดใช้ฟันกัดยังไม่ขาดเพราะความเหนียว เสียชื่ออาหารไทย ซึ่งไม่ใช่สัญลักษณ์ของคนไทย ชั่งหัวมัน อย่ากินอาหารไทยอีก วันรุ่งขึ้นไปกินอาหารญวน สั่งเฝอ คือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ เขามีเฉพาะเส้นเล็ก เพื่อความสะดวกในการปรุงและการเตรียมวัตถุดิบ เป็นสัญลักษณ์ของอาหารญวน เขาให้ผักบุ้ง ผักเขียว มะนาว ใส่จานเต็มมาให้ต่างหาก สนนราคา 6 เหรียญ 50 เซ็นต์ มีสิทธิ์เอาของเหลือกลับบ้านได้ อาหารไทยอย่างต่ำราคาเมนูละ 8 เหรียญ ร้านอาหารญวนจึงไม่มีที่นั่ง เต็มหมด เราก็ไม่ต้องคิดถึงอนาคตของอาหารไทย ชั่งหัวมัน
อยู่เฉยๆฟังเสียงเครื่องดับเพลิงที่ส่งสัญญาณทุกระยะ 30 วินาทีใน้องมาเป็นเวลา 15 วันแล้ว ตั้งแต่ไฟฟ้าดับทั้งตึก แจ้งผู้จัดการ ก็ไม่ใช่หน้าที่ฉัน ต้องเป็นหน้าที่พนักงานซ่อมแซม ทั้งสองคนเข้ามาเพื่อนำหมาฝึกพิเศษสำหรับดมกลิ่นหาแมลงในที่นอนเรียกว่า bed bug มาตรวจ หลังจากนั้นก็ยังไม่มีใครมาซ่อมสัญญาณไฟ ชั่งหัวมัน สงสารก็แต่แมวที่ต้องเดือดร้อนเพราะสัตว์มีสัญชาตญาณรับเสียงเร็วกว่ามนุษย์ เขาวิ่งพล่าน แต่เห็นเจ้าของอยู่ได้ เขาก็อยู่ได้ แถมช่วยหาเครื่องอุดหูที่ผู้เขียนทำหล่นหายมาให้เสียอีก ดีไปอย่างว่าแมวก็รู้จักคิด ชั่งหัวมัน โทรไปหาแผนกดับเพลิงเขาก็ให้ทิ้งข้อความไว้ เมื่อไหร่จะมาก็ชั่งหัวมัน
มาคิดเรื่องกาย กับใจ กับจิต ว่าอะไรสัมพันธ์กันอย่างไร คำว่า สันดาน อยู่ที่จิต เพราะเป็นมานาน ถ่ายทอดมานาน อยู่ในการส่งสัญญาณของสมองมานาน พอได้ยินเสียงระเบิดหรือเสียงปืน คนก็วิ่งหนีไปอีกทางหนึ่ง เพราะจิตสั่งงาน แต่คนที่ใจคิดจ้องทำร้ายผู้อื่น ทำลายพืชของผู้อื่น ขโมยตรารถเบนส์ของผู้เขียนไป ขายเอาเงินเข้ากระเป๋านั้น เป็นการสั่งงานของใจ ที่คิดเอง ไม่มีภาวะจิตสูงพอที่จะยับยั้งการกระทำชั่วได้ เราก็ต้อง ชั่งหัวมัน