สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
สักวันหนึ่งเธอคงคิดถึงฉัน ฮอร์โมนหลังวัยกลางคน

เมื่อได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่เคยพบกันมายี่สิบปี เต็มไปด้วยรอยย่นบนผิวหน้า รอบปาก รอบตา ก็กลับไปดูตัวเองในกระจก เรารุ่นเดียวกัน เมื่อเขาย่นขนาดนั้น แล้วเราล่ะ เมื่อวันก่อนไปวัดคนอื่นๆ เรียกพระคุณเจ้าที่เคยเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยรุ่นเดียวกันกับเราว่าหลวงตา นี่เราก็หลวงยายโดยอัตโนมัติแล้วสิ ใจหนึ่งยังคิดว่า ทำอย่างไรหนอจะพูดให้เพื่อนเราคิดถึงสิ่งหนึ่งที่ทุกคนขาดไปหลังวัยกลางคน

หลังวัยกลางคน ลองเช็ค 20 รายการต่อไปนี้ดู ว่ามีกี่รายการเกิดขึ้นกับตัวเราบ้าง 1) ผิวย่นริ้วรอยบางๆ 2) ความจำเสื่อม 3) ผมบาง ผมร่วงมาก 4) ขาดความกระตือรือร้น 5) กล้ามเนื้อหย่อนยาน 6) เล็บงอกช้า 7) สายตาเชื่อม 8) สมรรถภาพทางเพศเสื่อม 9) ผมหงอก 10) ไม่มีแรง 11) มีปัญหาผิวหนัง 12) มีปัญหาน้ำหนักตัว 13) แผลหายช้า 14) มีเซลลูไลท์ใต้ผิว 15) นอนหลับยาก 16) มีปัญหาความดันโลหิต 17) อารมณ์หงุดหงิด 18) ขาดความกระชับของกล้ามเนื้อ 19) โคเลสเตอรอลสูง 20) ปวดตามข้อ

อย่างน้อยที่สุด คนที่เรียกตัวเองว่ามีสุขภาพดี จะมีอาการข้างต้นเกิน 10 ข้อ เป็นธรรมดาที่เกิดกับคนวัยกลางคน เพราะฮอร์โมนลดลงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่อายุ 20 ปี การผลิตโกรทฮอร์โมนลดต่ำลงเรื่อยๆ ถึงอายุ 70 ก็ผลิตไม่ถึง หนึ่งในสี่ของที่เคยผลิต เมื่อถึงวันนั้น (อีกไม่นาน) ก็จะนึกถึงเพลง สักวันหนึ่งเธอคงคิดถึงฉัน ไม่ใช่นางในดวงใจ หรือเทพบุตรในดวงใจหรอก เพราะเกิดความเพลีย เกิดความเบื่อ หมดความกระสันเสียแล้ว แต่จะกลายเป็นว่า รู้อย่างนี้...ก็ใช้โกรทฮอร์โมนเสียตั้งนานแล้ว

ศตวรรษนี้ คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์จะอยู่ในวัยชรา พูดอย่างเจ็บแสบก็คือ แก่กันหมด พอปี ค.ศ.2023 ก็ใช้เงินเลี้ยงชีพหลังเกษียณของสหรัฐเกลี้ยงบัญชี ตามกฎหมายเดิมจะเริ่มได้รับเมื่ออายุ 65 ปี เขาก็พยายามทุกวิถีทางที่จะยึดให้คนทำงานต่อไปถึงอายุ 74 ปี เพื่อมิให้เกิดปัญหาเงินหมดคลังก่อนถึงเวลา นักการเมืองก็พยายามเอาใจคนแก่ว่าจะไม่ตัดเงินเลี้ยงชีพเพื่อหาเสียง แต่หารู้ไม่ว่าการแก้ปัญหานี้อยู่ตรงที่ว่าเพิ่มสมรรถภาพของคนรุ่นนี้ให้สามารถทำงานต่อไปได้อีก เงินเข้าคลังก็จะมีพอเลี้ยงคนรุ่นก่อนที่ยังชีพด้วยเงินน้อยนิดนี้

คิดถึงโกรทฮอร์โมนกันเสียแต่เดี๋ยวนี้ได้แล้ว กว่าจะถึงวันปลดเกษียณ มันสมองของเราก็ยังแจ๋วพอจะทำงานได้อยู่ ประสบการณ์ก็มีพอจะสอนคนรุ่นต่อไปให้มีประสิทธิภาพ และอย่างน้อยที่สุด จะสามารถกลับ 20 รายการข้างต้นให้เริ่มตรงกันข้ามเสียแต่บัดนี้ การประกันสุขภาพที่จ่ายให้กับระบบ H.M.O. (Health Maintenance Organization) เป็นการจ่ายเพื่อรอวันเจ็บป่วย ควรกลับมาประกันสุขภาพของตัวเอง แทนที่จะเข้ากระเป๋าของคนอื่นให้รวยแล้วก็ไม่รักษา พอป่วยเข้าจริงๆ ก็ปัดให้พ้นความรับผิดชอบ คนถึงกับเผาตัวเองและเพื่อนที่แสนดี คือ หมาตายด้วยกันเพื่อให้เราได้คิด

นายแพทย์และนักค้นคว้าที่ประสบความสำเร็จอยู่ขณะนี้คือรุ่นเบบี้บูมเมอร์ทั้งนั้น ได้คำนึงถึงความไม่แก่ เริ่มตั้งแต่รายงานผลการวิจัยว่า มีสารอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ที่ทำลายเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายเสียดุลย์แห่งการซ่อมแซมเซลล์ และก่อให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ใน 20 ประการข้างต้น ก็เริ่มใช้สารต่างๆ ที่จะทำลายศัตรูอิสระ เช่น Glutamine, Ginko, Biloba, Grape Seeds (สารผลิตจากเม็ดองุ่น) ไวตามินอี เรียกว่าเป็นกลุ่ม Anti-Oxidant สามารถกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยโกรทฮอร์โมนเข้าระบบได้ แต่ปัญหาก็คือสารต่างๆ พวกนี้ ต้องผ่านกระเพาะอาหารและถูกทำลายเสียในระบบการย่อยอาหาร หรือไม่ก็ถูกตับกักกัน กลั่นกรองในฐานสารแปลกปลอม ร่างกายเลยไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Anti-Oxidant พวกนี้ยังปรากฏว่าร่างกายเดินหน้าไปสู่ความแก่ตามทางที่เคยเป็นมาและจะเป็นไปเช่นนั้นเรื่อยๆ

ต่อมานักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เก่งฉกาจ มีความสำเร็จในผลงานตั้งแต่อายุ 14 ปี ได้รับโครงการมาดำเนินงานต่อจากนักวิทยาศาสตร์โนเบลไพรส รุ่นอาวุโส ให้คิดค้นการแก้ปัญหาข้างต้น สามารถนำระบบอิเลคทรอนิกส์มาใช้งานในร่างกายให้เป็นประโยชน์ทางการแพทย์สำเร็จ ทำลายสารอนุมูลอิสระโดยตรงด้วยระบบอิเล็กตรอน ทำปฏิกิริยากับไอออนหรือโปรตรอนของสารศัตรูอิสระได้สำเร็จ นั่นคือการผลิต Microhydrin ใช้อิเล็กตรอนของไฮโดรเจนมาปฏิบัติงานในร่างกายเพื่อทำลายอนุมูลอิสระ ลดการปฏิบัติการทางอ้อมที่ได้ผลน้อยหรือไม่ได้ผลเลยของ Anti-Oxidant ในรูปอาหารเสริม มาเป็นเม็ดแคปซูลของ Microhydrin หรือหน่วยเล็กๆ ของไฮโดรเจน ทำหน้าที่เป็น Super Anti-Oxidant

แต่การทำลายอนุมูลอิสระเป็นการทำงานปลายมือประกอบกับการทำงานหลักของระบบใหญ่ นั่นคือร่างกายจะต้องมีภูมิต้านทานที่เคยมี เซลล์จะต้องมีความจำว่าร่างกายเคยทำอะไรสมัยยังเยาว์ ร่างกายจะต้องผลิตปัจจัยแห่งการเติบโตที่เคยผลิต ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องมาจากระบบสั่งงานกลางของสมอง เริ่มตั้งแต่ทาลามัสที่สมอง ไฮโปทาลามัสที่กระตุ้นต่อมพิทุอิทาริได้สมองและต่อมพิทุอิทาริที่เริ่มต้นผลิตฮอร์โมนนายใหญ่ ไปสั่งงานให้เซลล์ยังคงจำได้ว่าต้องทำอะไรบ้างเหมือนเช่นสมัยก่อนอายุ 20 ปี

การกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนนายใหญ่ที่เป็นตัวศูนย์กลางสร้างเซลล์ในระบบต่างๆ ให้ทำงานเหมือนสมัยก่อนนั่น เป็นเรื่องแปลก อยู่ๆ เราจะเอาสารภายนอกเข้าไปในร่างกาย ระบบของเราก็มีการป้องกันสารแปลกปลอมอยู่แล้ว เช่นเวลาร่างกายดื่มแอลกอฮอล์ กินสารกันบูดในอาหารกระป๋อง หรือกินผงชูรส ระบบเลือดที่นำสารนี้จากระบบการย่อยอาหารจะนำไปกำจัดทิ้งเสียที่ตับ ตับเมื่อทำงานด้านนี้มากเข้าก็อาจพิการเพราะถูกสารพิษเล่นงานหนัก อาจกำลังร้องไห้หรือไม่ก็ร้องเพลง สงสารฉันเถิด อย่ากินของพวกนี้เลย ฉันทนไม่ไหวแล้ว คนที่กินอาหารร่วมกับคนอื่นแล้วได้รับเชื้อเฮพาไทดิสย่อมรู้ดีว่า ตับจะป่วย ร่างกายจะหยุดพักป่วยเป็นเวลากว่า 6 เดือนถึงจะพักฟื้นได้ ระหว่างนั้นก็เหลืองไปทั้งตัว เพราะสารพิษไปขัดขวางการทำงานของเซลล์ที่จะทำงานกับระบบเอนไซม์สร้างสีผิวปกติ เรียกว่าสับสนอลหม่านไปทั้งตัวเลยทีเดียว

กว่าจะสร้างสารที่จะไปกระตุ้นต่อมพิทุอิทาริใต้สมองให้ผลิตฮอร์โมนนายใหญ่ไปเตือนความจำของเซลล์ต่างๆ ให้ทำงานเหมือนสมัยยังเด็ก ก็เรียกว่าใช้เวลานานโข เริ่มพูดกันถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 1920 เรียกว่าก่อนคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เกิดเสียอีก ยิ่งพอมีคนเกิดทีเดียวกันจำนวนมากมายอย่างรุ่นนี้เกิดขึ้น ข้อควรแก้ไขก็ต้องเร่งให้เร็วขึ้น ก่อนที่จะเกิดปัญหาแบบระดับชาติแก้ไม่หวาดไหว ไหนคนจะแก่ก็มาก คนป่วยก็มาก เงินเกษียณก็หมด คนทำงานก็ไม่มีพอจะส่งเงินเข้าคลัง

เดี๋ยวนี้อะไรก็ใช้สร้างจากระบบวิศวกรรม (Genetically Bio-Engineered) ไม่ว่าอาหาร สัตว์ หุ่นยนต์ เหลืออย่างเดียวก็คือสร้างคน ที่ประธานาธิบดียังกระตุกรั้งไว้ก่อน เพื่อดูให้ชัดถึงผลดีผลเสีย แค่มีฝาแฝดก็สร้างปัญหาให้คนฝาแฝดพออยู่แล้ว ทั้งที่เห็นตามข่าว และไม่เป็นข่าว แต่เกิดกับคนรู้จักใกล้ชิด

ในเมื่อจุดมุ่งหมายต้องการกระตุ้นการผลิตโกรทฮอร์โมนที่ต่อมพิทุอิทาริใต้สมอง คำตอบก็คือ ก็สร้างสารนี้ขึ้นมาด้วยระบบวิศวกรรมซิ เนื่องจากเป็นสารทางชีวเคมี ก็เอาไปบวกกับวิชาการชีวเคมีทางวิศวกรรมเข้าซิ นั่นคือความสำเร็จในการสร้างโกรทฮอร์โมนขึ้นมา เรียกว่า โคลนนิ่งตัวโปรตีนของโกรทฮอร์โมนด้วยกรรมวิธีสมัยใหม่ข้างต้นเอามาอยู่ในขวดได้สำเร็จ มีอยู่สองแบบคือ แบบไปเพาะสร้างเซลล์ มีความบริสุทธิ์ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และแบบกระตุ้นจุดรับของต่อมใต้สมองโดยตรง มีความบริสุทธิ์ 95 เปอร์เซ็นต์

สักวันหนึ่ง คือความฝันของนักค้นคว้าก็ได้เป็นจริงขึ้นมา แล้วสักวันหนึ่งคุณจะคิดถึงโกรทฮอร์โมน สเปรย์ใต้ลิ้นแล้วซึมซาบไปสู่จุดรับที่ต่อมพิจุอิทาริใต้สมอง กระตุ้นการผลิตโกรทฮอร์โมนขึ้นมาอีก แล้วส่งไปเตือนความจำของต่อมอื่นๆ ให้ผลิตฮอร์โมนปัจจัยแห่งการเติบโตอื่นๆ และเตือนความจำของเซลล์ให้ทำงานเพื่อความเติบโตใหม่อีก

สักวันหนึ่งของคุณคงไม่สายเกินไป ที่จะคิดถึงโกรทฮอร์โมน แทนที่จะครุ่นคิดว่าทำอย่างไรจึงจะไม่แก่