สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
สร้างกล้าม

สมัยเด็ก ผู้เขียนวนเวียนอยู่กับพี่ชาย 3 คนเรียงกันขึ้นไป เพราะเขากำลังอยู่ในวัยเริ่มเป็นหนุ่ม สร้างกล้ามกันเป็นแถว เพราะไม่มีวิธีใดที่จะหล่อได้ดีกว่านั้น ตื่นเช้าขึ้นมาก็แวะไปดูที่กรงไก่กว่ามีไข่หรือเปล่า เขากินไข่ไก่นัยว่าเพื่อสร้างกล้าม ผู้เขียนไม่รู้ประสาอะไร 20 ปีต่อมา ก็ใช้วิธีกินไข่ลวกตอนเช้าเวลารีบไปทำงาน หลังจากนั้น 20 ปีต่อมา ยังต่อสู้กับโคเลสเตอรอลไม่หายสักที จนกระทั่งรู้ทีหลังว่า ถ้าจะให้ปลอดโคเลสเตอรอล ต้องกินไข่แดงที่ปรุงสุกแล้ว และไข่ขาวเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมากเพราะมีอาหารคือโปรตีนที่สังเคราะห์เป็นเนื้อเยื่อ ซึ่งมีอยู่ 5 ประเภทในร่างกายของเรา ได้แก่ กล้ามเนื้อ โลหิต ประสาท เนื้อเยื่อห่อหุ้ม และเนื้อเยื่อโครงสร้าง

พอถึงสมัยที่เริ่มกล้ามเหี่ยว ก็เริ่มคำนึงถึงว่าจะกินอะไรถึงจะสร้างกล้ามได้ ก็ย้อนนึกไปถึงโปรตีน คำว่าโปรตีนหมายถึงสิ่งจำเป็นต่อชีวิตไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือพืช โปรตีนหรือ อะมิโนแอซิต มีส่วนประกอบของคาร์บอน 50 เปอร์เซ็นต์ ออกซิเจน 20 เปอร์เซ็นต์ ไนโตรเจน 15 เปอร์เซ็นต์ ไฮโดรเจน 7 เปอร์เซ็นต์ และกำมะถัน อีกนิดหน่อย เราสร้างโปรตีนจากการกินเนื้อสัตว์ และพืช ในจำนวนโปรตีน 22 ชนิด ในร่างกายเรามีอยู่ 8-9 ชนิดที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ ต้องได้จากการบริโภค ในขณะเดียวกันการบริโภคเนื้อสัตว์ก็มีไขมัน คนเรากลัวไขมัน ก็เลี่ยงไปหาโปรตีนจากถั่ว และพืชผัก นอกจากได้โปรตีนจาก 2 แหล่งนี้แล้ว ก็มีปัญหาว่า ถ้าคนไม่กินเนื้อสัตว์ ที่เรียกว่ามังสวิรัติ จะกินอะไรจึงจะคงกล้ามเนื้อให้แข็งอยู่ได้ ไม่หย่อนยานไปตามกาลเวลาของอายุ ก็มีวิธีบริโภคอยู่ 6 อย่าง ในสาระบบของมังสวิรัติ คือ 1. ทานแต่ผัก ไข่ และนม 2. ทานแต่ผักและไข่ 3. ทานแต่ผักและนม 4. ทานผัก ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม เช่นเนย โยเกิร์ต 5. ทานปลาได้ 6. ทานไก่ได้

ถ้าเราต้องการรักษากล้ามเนื้อให้คงสภาพนานที่สุด ไม่ร่วงโรยไปตามวัย ก็เลือกที่จะรับประทานหนักไปในทางเนื้อสัตว์ เพราะเป็นแหล่งโปรตีนที่จะสังเคราะห์เป็นเนื้อเยื่อต่างๆ ดังกล่าวได้สูง คนอเมริกันที่รับประทานสเต็กกันเป็นประจำ มันจะไม่เหี่ยวย่น เพียงแต่เดินไม่ค่อยไหวเพราะไขมันมากเกินไป หรือคนเกาหลีที่กินสาหร่ายทะเลเป็นประจำผิวยังคงสภาพดีในวัยสูงอายุ หรืออย่างนักมวยผิวดำที่ต่อยกับนักมวยชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งถึงจะมีเทรนเนอร์ ควบคุมบริการด้านอาหารอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม ก็ยังล้มคู่ต่อสู้ที่เป็นผิวดำไม่ได้ แต่ปัญญาที่เก่งในการต่อยด้วยมือขวาถี่ยิบ แล้วป้อนด้วยต่อยซ้ายเข้าที่คาง นักมวยผิวดำที่เชื่อกันว่ากล้ามเนื้อแข็งแรง มีความทนทายาท ไม่ถูกน็อคเอาง่ายๆ เอาแต่ถอยท่าเดียว อย่างที่คนดูบอกว่าผิดหวัง เพราะคนผิวดำกล้ามเนื้อแข็งแรง ถ้ายังจำกันได้เมื่อเร็วๆ นี้ มีนักมวยปล้ำคนหนึ่งกระโดดเตะสองเท้าพร้อมกันเข้าที่ยอดอกของคู่ต่อสู้ถึงกับลงไปกองที่เชือกและเสียชีวิตต่อมาที่โรงพยาบาล เข้าใจว่าแรงส่งจากการถูกเตะอย่างแรง ทำให้ร่างกายที่ถึงแม้จะใหญ่แค่ไหน ก็สั่นไหวอย่างมาก ส่งผลให้ศีรษะได้รับการกระเทือนอย่างแรงไปด้วย ถึงขั้นกระดูกคอทนความสะเทือนไม่ได้ ส่งผลให้ประสาทสมองที่ควบคุมการเต้นของหัวใจหยุดทำงาน นักมวยปล้ำทั้งคู่นี้ไม่ใช่คนผิวดำ มีแต่น้ำหนักตัวมากอย่างเดียว

นายแพทย์ นิโคลาส เพอริโคน กล่าวตามหลักการโภชนาโดยทั่วไปว่า สิ่งที่จะสร้างสุขภาพของเซลล์และกล้ามเนื้อได้แก่ (1) กลูตามีน เป็นตัวปล่อยพลังงานเพื่อสร้างเซลล์ (2) อะเซทีล-คาร์นิทีน เป็นตัวควบคุมการทำงานของประสาทกล้ามเนื้อ (3) คาร์ทินิน เป็นตัวป้องกันการสูญเสียพลังงาน อันเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน (4) โคเอนไซม์ Q10 ช่วยย่อย และนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ พร้อมทั้งรักษาสภาวะพลาสม่าหรือน้ำในเซลล์ช่วยต่อต้านการสลายตัวของคอลลาเจนโดยคอลลาจิเนส คอลาเจนคือสารรักษาให้ผิวตึง (5) CLA (Conjugated Linoleic Acid) เป็นตัวใช้ไขมันให้เป็นพลังงาน มิให้สูญเสียพลังงาน มิให้กล้ามเนื้อหย่อน (6) โครเมียม เป็นตัวสังเคราะห์น้ำตาล ทำงานกับอินซูลินในการแปรแป้งและไขมันให้เป็นพลังงาน ได้จากข้าวไม่ขัดสี ซีเรียลจากรำข้าว เนย ยีสต์ จมูกข้าวสาลี และตับ นอกจากนี้ ยังควบคุมการเจริญอาหาร (7) กรดอัลฟ่าลิโปอิคแอซิต เป็นตัวป้องกันอนุมูลอิสระ ต่อต้านการทำลายของน้ำตาลในเซลล์ เพราะน้ำตาลเป็นปัญหาก่อให้เกิดการอักเสบในการสังเคราะห์และการดูดซึม (8) กรดแกมม่าลิโนเลอิคแอซิต เพิ่มประสิทธิภาพโดยเฉพาะกล้ามเนื้อมดลูก และการทำงานของต่อมลูกหมากให้ผลิตสารพรอสต้าแกลนดินให้สมบูรณ์ (9) เห็ดมิตาเกะ ช่วยให้การเจริญอาหารพอควร

คำแนะนำตามหลักวิชาการนี้ อยู่บนพื้นฐานของการบริโภคที่ถูกลักษณะ ออกกำลังกายเพื่อสร้างพลังงานวันละ 20-30 นาที และมีชีวิตประจำวันที่ปราศจากโรค เช่น นอนหลับเพียงพอ เพราะการนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ต่อมผลิตคาร์ติโซลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่ม ผิวและกล้ามเนื้อบางลง และควรดื่มน้ำให้พอในแต่ละวัน เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้น ผิวจะได้ไม่ย่น กล้ามเนื้อจะได้ไม่หย่อน

นายแพทย์เบรนด้า วัตสัน แนะนำการบริโภคตามสูตร H.O.P.E. 4 ประการ มีไฟเบอร์คือพืชที่สายใยสูง (High Fiber) มีสารโอเมก้า (Omega) เช่นจากถั่ววอลนัท หรือปลา เช่นแซลมอน มีสารช่วยย่อย (Probiotic) ที่เรารู้จักในนามของสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ตัวแบคทีเรียชนิดดี 3 ตัว คือ บาซิลลัส บิฟิดัม และ บุลการิคัม หาได้จากกลุ่มไวตามินเอ ซี และ อี และจากกลุ่มแร่ธาตุเช่น Co-Q10 เซเลเนี่ยม D.M.A.E. สารเอสโตรเจน และสารจากพืช ผักผลไม้ที่มีสารป้องกันสัตรูอิสระ ได้แก่ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น เช่นน้ำมันเมล็ดองุ่น ถั่วเหลือง ขมิ้น แตงโม อะโวคาโด บรอคโคลี่ พืช แอปเปิ้ล พลัม เกรพฟรุ๊ต ประการสุดท้ายคือ ร่างกายควรมีน้ำย่อย (Emzyme) ในปากได้แก่ น้ำลาย โดยเฉพาะ 20 นาที ก่อนหรือหลังอาหารไม่ควรดื่มน้ำ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในปากที่จะช่วยย่อยแป้งเจือจาง ในกระเพาะมีสารเปปซิน ช่วยย่อยโปรตีน และมีตัวแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ช่วยย่อยอาหารและดูดซึม

เครื่องดื่มหลังอาหารควรเป็นน้ำชาผลิตจากข้าวดำ มีขายเป็นซองใช้ชงกับน้ำร้อน ในกรณีที่ต้องการเลี่ยง การไม่บริโภคข้าวก่อนนอน แทนที่จะกินข้าวก็เป็นเครื่องดื่มจากข้าวหรือเป็นมันฝรั่งเผาหรือซุปมันฝรั่ง เพราะการบริโภคข้าวขาวทำให้ย่อยเป็นน้ำตาลได้เร็ว เครื่องดื่มระหว่างวัน อาจเป็นน้ำใบบัวบกแช่เย็น เพื่อบำรุงสมอง ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าดื่มมากก็อาจจะเป็นผลร้ายต่อสมองได้ โดยเฉพาะน้ำชากาแฟ ที่อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำบริสุทธิ์ที่ใช้ในการหมุนเวียนโลหิต น้ำดื่มก่อนนอนควรเป็นน้ำกลั่น ในภาวะเป็นกลาง ที่เซลล์สามารถใช้งานได้โดยตรง ไม่สูญเสียน้ำในเซลล์ไปละลายกาแฟเสียก่อน ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยอีกต่างหาก

อาหารทั่วไปในการสร้างกล้ามเนื้อ ตัวเด่นคือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ พืช และถั่ว ไวตามินคือ เอ ซี และอี แร่ธาตุจากแคลเซี่ยม โครเมียม ทองแดง โปตัสเซี่ยม ฟอสเฟอรัส แมกนิเซียม อาการขาดแมกนิเซียมที่เห็นได้คือมีแก๊สในระบบการย่อย ไตไม่ทำงาน เพลีย สับสน สั่นกระตุก บุคลิกภาพแปรปรวน ธาตุเหล็กได้จากฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และเนื้อสัตว์ พืช ผลไม้ เหมือนกับ ธาตุสังกะสี แร่ธาตุอื่นๆ ที่ไม่ควรขาด คือ โซเดียมจากเกลือทะเล ตับ ไต และซีเรียล

การดำรงชีวิตประจำวันโดยทั่วไป ต้องมีการออกกำลังกาย ต้องใช้พลังแรงงาน ได้ออกซิเจน นอนหลับเพียงพอ และ จิตใจเป็นสุข